รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 941 หลี่จิ่วเต้า ‘ผู้มาเยียนนล้วนเป็นแขก มานั่งเล่นในลานเล็กเถิด!’

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 941 หลี่จิ่วเต้า ‘ผู้มาเยียนนล้วนเป็นแขก มานั่งเล่นในลานเล็กเถิด!’

บทที่ 941 หลี่จิ่วเต้า ‘ผู้มาเยียนนล้วนเป็นแขก มานั่งเล่นในลานเล็กเถิด!’

“ท่านผู้นั้นเป็นใคร”

นักพรตอ้วนถาม

“ท่านผู้นั้นคือผู้เบิกทางสู่ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ่ายทอดพลังวิถีให้พวกเราสืบต่อ ริเริ่มอารยธรรมฝึกฝน!”

ตาอวี๋ตอบ เล่าเรื่องของท่านผู้นั้น ทว่าความจริงมากกว่านี้เขาเองก็ไม่ทราบ

“ก็ได้”

ในที่สุดนักพรตอ้วนก็เลือกอยู่ต่อ รอผู้ถูกกำหนดเดินทางเข้ามา

ท่ามกลางเอกภพ ใครบางคนกำลังเดินทอดน่องไปข้างหน้า

เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ดวงหน้าแข็งขันเด็ดเดี่ยว เป็นบุรุษวัยกลางคนในอาภรณ์สีขาว บุคลิกสูงส่ง

“โลกหลังฉากมิใช่ดินแดนสูงสุดอีกแล้ว…”

ทันทีที่เขาเข้ามาถึงอาณาจักรนี้ก็อุทานอย่างสะท้อนใจ

ในอาณาจักรนี้มีสสารระดับสูงพวยพุ่งไม่หยุด กฎแห่งสวรรค์และโลกสูงส่งเหลือแสน เทียบกับหลังฉากแล้วรังแต่จะทรงพลังกว่า

ได้ฝึกฝนที่นี่ย่อมได้ผลดีกว่าในโลกหลังฉาก

“ผู้ใดเล่าจะคิด โลกหน้าฉากอัศจรรย์ถึงได้เพียงนี้”

เขามีสีหน้าย้อนรำลึก นึกถึงในอดีตที่ทุกคนพยายามเข้าไปยังโลกหลังฉากสุดชีวิต บัดนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรอย่างสิ้นเชิง

โลกหน้าฉากอยู่เหนือโลกหลังฉาก!

“ท่านคือ…องค์จ้าวอู๋เฉินอาภรณ์ขาว!”

สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งผ่านมาพบชายวัยกลางคนผู้นี้ก็ตกตะลึง ถามอย่างอกสั่นขวัญแขวน

องค์จ้าวอู๋เฉินอาภรณ์ขาวคือยอดฝีมือระดับไร้เทียมทานแห่งโลกหลังฉาก มิเคยพ่ายแพ้ต่อผู้ใด น้อยนักจะมีคู่มือ

“สวัสดี”

ชายวัยกลางคน หรือก็คือองค์จ้าวอู๋เฉินทักทายสิ่งมีชีวิตตนนั้นอย่างถ่อมตน มิได้วางมาดยะโส

สิ่งมีชีวิตตนนี้เต็มตื้นเหลือแสน องค์จ้าวอู๋เฉินคือผู้ที่เขาเคารพนับถือที่สุด เขาไม่คิดเลยว่าจะได้พบองค์จ้าวอู๋เฉินที่นี่!

“ข้าเลื่อมใสในตัวท่านอย่างยิ่ง ท่านกล้าแกร่งถึงเพียงนั้น!”

เขาเอ่ยด้วยท่าทางตื่นเต้น สาธยายฝีมือการรบอันเป็นที่ประจักษ์น่าทึ่งขององค์จ้าวอู๋เฉิน ผู้เคยปะทะกับยอดฝีมือสูงสุดระดับอาวุโสแห่งโลกหลังฉากถึงสามคนทว่าไร้รอยขีดข่วน!

เขามาจากโลกหลังฉากเช่นกัน กระนั้นมิได้แข็งแกร่งเท่าใด ยังไม่บรรลุขอบเขตอิสระ มิกล้าเข้าไปยังอาณาจักรของหลี่จิ่วเต้า อยู่ฝึกฝนในอาณาจักรนี้

ในอาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าพำนักอุดมไปด้วยสสารระดับสูงยิ่งกว่านี้ ทั้งยังวิเศษกว่า ถือเป็นอาณาจักรที่ทุกผู้ทุกนามหมายตา สิ่งมีชีวิตไร้ฝีมือไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไป กลัวจะเป็นอันตราย

“อย่าได้เอ่ยเช่นนั้น ข้าหาได้เก่งกาจเช่นนั้นไม่ ข้าเป็นเพียง…คนปอดแหกคนหนึ่ง”

องค์จ้าวอู๋เฉินอาภรณ์ขาวถอนหายใจเฮือกใหญ่

เขาทรงพลังอย่างแท้จริง ไร้เทียมทานในโลกหลังฉาก ทั้งยังทลายเพดานระดับสูงสุดในโลกหลังฉาก ก้าวจากขั้นห้าสู่ขั้นหก

แต่กระนั้นแล้วมีประโยชน์อันใด

ท้ายที่สุดเขาก็เป็นเพียงคนปอดแหกผู้หนึ่งเท่านั้น มิกล้าร่วมต่อสู้บนสมรภูมิมืดมิด เข้าห้ำหั่นกับฝ่ายความมืดมิด

ครานั้นยามพลังมืดมิดปรากฏเป็นครั้งแรก บรรดายอดฝีมือหลังฉากพากันออกโรงหยุดยั้ง เขาเองก็ไปด้วยเช่นกัน

เขาในเวลานั้นกำลังฮึกเหิมคึกคะนอง อยู่ในขบวนแข็งแกร่งสูงสุด ยากจะหาคู่มือ เมื่อคราวพลังมืดมิดเพิ่งโผล่มา เขาไม่รู้สึกกลัวเกรงสักนิด

ซ้ำเขายังบุกอยู่แนวหน้าสุด คิดจะโค่นพลังมืดมิดทั้งหมดด้วยตัวเขาเพียงลำพัง

ทว่าหลังเขาได้ประมือกับฝ่ายความมืดมิดจริง ๆ เขาถึงรู้ว่าความคิดที่คิดจะโค่นพลังมืดมิดด้วยตัวคนเดียวนั้นน่าขันเพียงใด!

พลังมืดมิดน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่งยวด ยอดฝีมือสูงสุดแห่งโลกหลังฉากล้มลงทีละคน ถูกพลังมืดมิดปลิดชีพ เขาเองก็เผชิญกับศัตรูทรงพลังจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด

ครานั้นเขายังมิได้ก้าวสู่ขั้นหก ยังอยู่ที่ขั้นห้า จึงรู้สึกกลัว ไม่กล้าสู้ศึกอีก และทอดทิ้งสหายร่วมรบจากโลกหลังฉาก ล่าถอยออกจากสมรภูมิมืดมิด กลับไปยังโลกหลังฉาก

เขามีพรสวรรค์น่าทึ่งอย่างแท้จริง ศึกนั้นสร้างแรงบันดาลใจให้เขา หลังกลับมาได้ไม่นาน เขาก็บรรลุขั้นหก

ทว่าเขายังไม่มีความกล้าพอจะไปยังสนามรบ ซ่อนตัวอยู่ในโลกหลังฉากจวบจนบัดนี้

“ไปละ”

เขามีสีหน้าหลากหลายอารมณ์ หลังบอกลาสิ่งมีชีวิตหลังฉากตนนี้ก็รุดหน้าไปยังอาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าพำนัก

ออกมาคราวนี้ เขามาเพื่อหลี่จิ่วเต้าเช่นกัน เขาขาดแคลนความกล้า จึงอยากได้ความกล้าจากหลี่จิ่วเต้า หวังว่าหลี่จิ่วเต้าจะมอบรากฐานพิเศษในโลกหลังฉากให้เขาจำนวนหนึ่ง ให้เขากล้าพอจะไปยังสมรภูมิมืดมิด ต่อสู้เพื่อโลกหลังฉาก รวมถึงสิ่งมีชีวิตทั้งปวง

“ลำพังหนี คิดหรือจะหนีพ้น หนีไม่พ้นหรอก! ศึกนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยง! การมีชีวิตหาได้น่ายินดี การตายหาได้น่าพรั่นพรึง ข้าต้องไปยังสนามรบ เปล่งแสงเจิดจ้าเป็นครั้งสุดท้าย!”

ดวงตาของเขาลุกวาว มาดมั่นเด็ดเดี่ยว

ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มิใช่ความบังเอิญ นับแต่เขาหนีออกจากสมรภูมิมืดมิดก็ทุกข์ทนเรื่อยมา ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความโทษตัวเอง

จนเขาจะกำเนิดมารในใจอยู่แล้ว

ลงท้ายเขาตัดสินใจรุดหน้าไปยังสมรภูมิมืดมิด

ระหว่างสมรภูมิมืดมิดและโลกหลังฉากมีโลกหน้าฉากกั้นกลาง เขาไม่รู้ว่าการต่อสู้ที่นั่นปิดฉากลงแล้ว

บรรดายอดฝีมือหลังฉากซึ่งเฝ้าระวังอยู่ที่นั่นมิได้ส่งข่าวนี้กลับไป ด้วยกลัวสิ่งมีชีวิตหลังฉากมองโลกในแง่ดีเกินไป เพราะพวกเขารู้ดีว่าศึกนี้ยังไม่จบ ความมืดมิดยังไม่ถูกล้มล้างอย่างแท้จริง

แดนบูชายัญอันธการแห่งนั้นเสมือนดาบที่ห้อยอยู่บนหัวพวกเขา อาจฟาดฟันลงมาได้ทุกเมื่อ

ความจริงได้พิสูจน์แล้ว ว่าการตัดสินใจของยอดฝีมือหลังฉากถูกต้องแล้ว ช่วงนี้มีความไม่ชอบมาพากลอุบัติในสมรภูมิมืดมิดอีกครั้ง

องค์จ้าวอู๋เฉินอยู่ในขั้นหก เพียงครู่เดียวก็มาถึงอาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าพำนัก

หลังมาอยู่ในอาณาจักรนี้ เขายิ่งสะท้อนใจเข้าไปใหญ่

อาณาจักรนี้มหัศจรรย์กว่าที่ไหน ๆ กระทั่งผู้ที่แข็งแกร่งอย่างเขายังได้รับผลประโยชน์โดยมิต้องทำอันใด แม้ว่าผลประโยชน์นี้เบาบางเหลือแสนจนแทบไม่มีผล กระนั้นยังเป็นเรื่องน่าทึ่งยิ่ง!

ถึงอย่างไรเขาก็ทรงพลังเป็นหนักหนา ส่งผลประโยชน์ต่อเขาได้เพียงเบาบางก็สุดยอดมากแล้ว เขาไม่ทำอันใดในโลกหลังฉากก็มิอาจได้รับผลประโยชน์อย่างตอนนี้

เท่านี้ก็พอให้คาดการณ์ได้ว่าสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้ได้รับผลประโยชน์มากมายปานใด

ไม่นานนักเขาก็มาถึงเมืองชิงซาน ทว่ามิได้ตรงเข้าไปทันที หากแต่โรยตัวลงจากฟ้า แล้วเดินเท้าเข้าไปในเมืองชิงซาน

เขาไม่เหมือนยอดฝีมือหลังฉากตนอื่น ทะนงตนว่าสูงส่งไม่เห็นหลี่จิ่วเต้าในสายตา เห็นหลี่จิ่วเต้าเป็นเป้าหมายโจมตี เขาให้ความสำคัญต่ออีกฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง ที่มาครานี้ก็ตั้งใจไปเยี่ยมเยียนหลี่จิ่วเต้า หวังว่าอีกฝ่ายจะยอมให้การสนับสนุนเขาด้วยรากฐานพิเศษในโลกหน้าฉาก

หากปราศจากการสนับสนุนด้วยรากฐานพิเศษในโลกหน้าฉาก ต่อให้เขาบรรลุขั้นหกแล้วก็ยังขาดแคลนความกล้าและความมั่นใจ

“สวัสดีคุณชายหลี่ แม่นางลั่วสุ่ย!”

ขณะที่เขาก้าวเดินบนถนนใหญ่เชื่อมตรงเข้าเมืองชิงซานพลันได้ยินเสียงนี้ดึงดูดความสนใจของเขาไป

คุณชายหลี่?

ก็คือหลี่จิ่วเต้ามิใช่หรือ

หากลำพังคำว่าคุณชายหลี่เขายังไม่อาจแน่ใจ ทว่ามีแม่นางลั่วสุ่ยตามหลัง เขาแน่ใจได้ทันทีว่านี่คือหลี่จิ่วเต้า

เพราะลั่วสุ่ยคือผู้ที่ติดตามอยู่ข้างกายหลี่จิ่วเต้า

เขาหันกลับไป เห็นว่ามีผู้คนบนถนนไม่น้อยกำลังทักทายชายหญิงทั้งคู่ด้วยด้วยความสนิทสนม เขาแน่ใจในบัดดลว่าบุรุษผู้นั้นก็คือหลี่จิ่วเต้า

เมื่อมีขอบเขตระดับเขา ยังมีผู้ที่มองไม่ออกอีกที่ไหน

ทว่าเขามองบุรุษตรงหน้าไม่ออกเลยสักนิด หากมิใช่หลี่จิ่วเต้าแล้วจะเป็นใครได้อีก!

“คุณชายหลี่หรือ”

เขาก้าวเข้าไป

“เจ้าคือ?” หลี่จิ่วเต้าหันมององค์จ้าวอู๋เฉิน

องค์จ้าวอู๋เฉินคลี่ยิ้ม “ได้ยินชื่อเสียงคุณชายหลี่มานาน วันนี้ตั้งใจมาเยี่ยมท่าน”

“เกรงใจเกินไปแล้ว ไม่ถึงขั้นต้องเยี่ยมต้องเยียน มาสนทนากันเรื่อยเปื่อยพอได้อยู่”

หลี่จิ่วเต้าหัวเราะเบา ๆ “ผู้มาเยียนล้วนเป็นแขก ไปเถิด ไปนั่งเล่นในลานเล็กของข้ากัน”

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท