Ch.35 – [มังกรสองเศียร]คำราม รูปลักษณ์ที่ไม่ว่าใครต่างก็จำติดตา
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
──มุมมองผู้ชี้นำแห่ง[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]──
“บ้าน่า! บ้าน่า! บ้าน่า–!!?”
ผู้ชี้นำแห่ง[ลัทธิปลุกแผ่นดิน] เกลียร์ พิลล่าร์กรีดร้องออกมา
สิ่งที่ไล่ตามเขาที่หนีไปบนฟ้าคือ อสูรสีดำสนิท–ที่มีร่างกายยาวใหญ่
ไม่สิ เรียกว่าสัตว์อสูรจะเหมาะกว่า
[กุอ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!]
งูที่มีลำตัวขนาดยักษ์พอๆกับต้นไม้ใหญ่ หมุนเป็นเกลียวบนท้องฟ้า แล้วตรงเข้าใส่ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์
ภายในปากที่อ้ากว้างออกมามีเขี้ยวจำนวนนับไม่ถ้วน ภายในลำตัวที่ดำเมี่ยมมีเพียงดวงตาเท่านั้นที่มีสีแดงราวกับเลือด เขาทั้งสองเหมือนกับดาบใหญ่ เชือดเฉือนเหล่า[แมลง]ที่ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์ปล่อยออกมาไปเรื่อยๆ
ถ้าหัวที่มีพลังทำลายขนาดนั้นมีถึง2หัว ผู้ชี้นำแห่ง[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]จะรู้สึกตื่นตระหนกก็คงไม่แปลก
“อะไลกัน–ผู้ชายคนนั้น–มันคือไคกัน!?”
ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์ปล่อยอสูรออกมาจากผ้าคลุมเรื่อยๆ
ตั๊กแตนปาทังกา ด้วงคีม ผึ้ง แล้วก็แมงมุม
พริบตาที่ทั้งหมดนั่นสัมผัสกับ[มังกรสองเศียร] ก็ถูกฉีกกระชาก บดขยี้ แล้วก็สลายหายไป
พวกแมลงที่แค่1ตัวก็สามารถรับมือกับทหารได้หลายคน ไม่สามารถหยุดมันได้แม้แต่น้อย
“คนที่สามารถใช้งานอสูรรับใช้ที่มีพลังทำลายคะนาดนี้…ไม่มีทาง…มีอยู่หรอก”
ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์กำหมัดที่ผอมโซ
[แมลง]เหลือเป็นจำนวนที่สามารถนับนิ้วได้ เหลือไม่เกิน10ตัวเท่านั้น
[กว๊าาาาาาาา–!!]
[มังกรสองเศียร]ที่ไล่ตามไปพร้อมกับคำรามจนแมกไม้สั่นไหว
ร่างกายเหมือนกับเงา พอดูดีๆแล้วก็มีทั้งเกล็ดและครีบ กรงเล็บแต่ละอันก็เปล่งประกายราวกับหินออบซีเดียน
“…อสูรรับใช้พรรค์นี้ สามาดซ้างขึ้นมาในที่แบบนี้ได้ด้วยเหลอ!? อะไลกัน! คนคนนั้น–!?”
ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์ ไม่ได้สร้าง[แมลง]ขึ้นมาที่นี่
วิชาอัญเชิญของเขาคือเวทแบบกลุ่ม
พวกผู้ชี้นำ จะสอนเวทมนตร์ดำให้กับผู้ที่มีความเหมาะสมใน[ลัทธิปลุกแผ่นดิน] แล้วใช้พลังเวทสร้าง[แมลง]ขึ้นมา ที่เหมือนกับแมลงจริงๆก็เป็นเพราะมีตัวอย่างก็เลยใช้จินตนาการง่าย มันต้องใช้พลังเวทและพลังจินตนาการประมาณหนึ่ง ถ้าเกิดไม่มีก็จะไม่สามารถสร้างอสูรรับใช้ขึ้นมาได้
แล้วพวกผู้ชี้นำก็จะใช้พลังเวทของลูกศิษย์ สร้าง[มิติกักเก็บ]ขึ้นมาในผ้าคลุม แล้วเก็บพวก[แมลง]ไว้ในนั้น แล้วออกมาสู่โลกความจริงตามคำสั่งของผู้ใช้นำ เกลียร์ พิลล่าร์
ด้วยการทำแบบนั้น จึงสามารถใช้[แมลง]–ควบคุมผู้คนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“จะบอกว่าวิชาที่พวกเลาต้องใช้เป็นกลุ่ม เจ้านั้นสามารถใช้ได้ด้วยตัวคนเดียวงั้นเหรอ!? ต้องฝึกมาขนาดไหน ต้องมีพลังเวทขนาดไหนถึงสามารถแบบนั้นได้กัน!?ถึงจะมีพลังทัดเทียมกับ[จักรพรรดิเพลิงทมิฬ]นายของพวกเลา…”
แบล๊ะ
ร่างกายของด้วงคีมที่ปล่อยออกมาเป็นไพ่ตาย ถูกหนึ่งในหัวของมังกรสองเศียรกัดจนแหลก
ส่วนหัวอีกหนึ่งที่ไล่ตามมาถึงตรงหน้าก็กัดขาของแมงมุมที่รวมเข้ากับผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์ ขย้ำ แล้วก็คายออกมาเหมือนไม่อร่อย แมลงอีกหลายตัวก็ถูกกรงเล็บขนาดใหญ่จัดการ
ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์ตัดสินใจ
การเคลื่อนที่บนอากาศนั้น[มังกรสองเศียร]เร็วกว่าเล็กน้อย ถ้าเป็นแบบนี้หนีไม่ได้แน่
ถ้าอย่างนั้น…ก็ต้องใส่พลังเวทลงพวก[แมลง]ที่เหลือแล้วรวมมันเป็นหนึ่งเดียวชั่วคราว แล้วใช้น้ำหนักกับพลังทำลายจากการร่วงลงในการจัดการมังกรสองเศียร ถ้าทำไม่ได้ก็เป็นการถ่วงเวลา มีแต่ต้องทำแบบนั้นเท่านั้น
“[–ด้วยนามแห่งเพลิงสีดำทมิฬ]!!”
ผ้าคลุมของผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์แผ่กว้างราวกับปีก
กางแขนทั้งสองออกกว้าง แสงของพลังเวทก็ส่องออกมา
ผู้ชี้นำล้วงมือเข้าไปข้างในผ้าคลุม พวกแมลงชุดสุดท้ายที่เหลือในผ้าคลุมก็ดูดพลังเวทที่เหลือเกินครึ่งเข้าไป
พร้อมกันนั้นก็มอบพลังเวทให้กับพวกแมลงที่รวมร่างกับตัวเองด้วย โดยเฉพาะ[ผึ้ง]ที่อยู่ที่หลังซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเคลื่อนที่ ถ้าไม่ให้พลังที่เพียงพอล่ะก็
“–ไปเลย!!”
จากนั้นผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์ ก็ปล่อย[แมลง]ตัวสุดท้าย
[แมงมุม]กับ[ตั๊กแตนปาทังกา]ที่มีขนาดใหญ่พอๆกับวัว–อย่างละ1ตัว
เข้าปะทะกับส่วนหัวของ[มังกรสองเศียร]ที่เข้ามาใกล้!
[วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊!!]
[กว๊าาาาาาาาาาา—-!!]
[แมลง]กับ[มังกรสองเศียร]ปะทะกันกลางอากาศ
ฝ่ายที่แตกก่อนคือร่างกายของตั๊กแตนปาทังกา ส่วนหัวที่ปะทะเข้ากับมังกรแตกออก ตามมาด้วยปีก
ต่อจากนั้นแมงมุมก็เผชิญกับชะตากรรมแบบเดียวกัน ขาทั้งแปดหลุดร่วง ส่วนตัวกลายเป็นรูกว้าง
เพราะพวกแมลงที่แหลกเป็นชิ้นๆทำให้ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์ไม่เห็นหัวของมังกร
–ส่วน[มังกรสองเศียร]นั้น–
[อ๊าาาาาาาาาาา!! กว๊าาาาาาาาาา!!]
เสียงนั่น ทำให้ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์เบิกตากว้าง
ราวกับว่า–มังกรสองเศียรกำลังทรมานจนกรีดร้องออกมา
การโจมตีของแมลงครั้งสุดท้ายได้ผลจริงๆด้วยสินะ
เกิดวังวนขึ้นบนร่างกายยาวๆของ[มังกรสองเศียร] แล้วมันก็กรีดร้องราวกับจนเสียงและสัมผัสรอบๆทุกอย่างหายไป
“ทัมได้แล้ว! ทำได้แล้วว้อย! ฮะฮะ เห็นหรือยังเจ้า[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]!”
มังกรสองเศียรผ่าสมบูรณ์ยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจกลางอากาศ
[มังกรสองเศียร]ที่ทำให้ตัวเองหวาดกลัวขนาดนั้นหายไปแล้ว
แตกกระจายราวกับดอกไม้ไฟ งดงามอย่างแทบไม่น่าเชื่อ
ร่างของมังกรสองเศียรหมุนไปมาพลางสลายหายไปราวกับถูกผนึก จนเขาไม่อาจจะละสายตาได้เลย งดงามจนเผลอมองไม่หยุด
“ฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะ! [มังกรสองเศียรผ่าสมบูรณ์]อะไลกัน! ไม่เห็นเข้าใจเลย! อมนุษย์มันก็ทำได้แค่นี้ล่ะ! อย่างไอ้[มังกรสองเศียรผ่าสมบูรณ์]เนี่ย!! ฮะฮะ!!”
“–ความหมายมันก็ไม่ได้เข้าใจยากขนาดนั้นหรอกนะ”
มีเสียงดังขึ้นมา
จากด้านหลังของผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์ที่จ้องไปที่ร่างของ[มังกรสองเศียร]ปรากฎขึ้นจาก
“ผู้ที่โดนวิชานี้เข้าไป จะรู้สึกว่า[มังกรสองเศียร双頭竜]ถูก[ผนึก封]จน[สลาย滅]หายไปแบบ[สมบูรณ์絶対]จนไม่อาจจะละสายตาได้ จากนั้นก็อาศัยช่องว่างนั้นเข้าไป[ผ่า斬] นั่นล่ะคือ[Absolute Scythe(มังกรสองเศียรผ่าสมบูรณ์ 双頭竜絶対封滅斬)]ล่ะ”
“–อ๊ะ!?”
ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์หันกลับไป แล้วตรงนั้นก็คือ–
ร่างของราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ที่มีปีกงอกออกมาที่หลังแล้วเหวี่ยงดาบสีทองลงมา
“[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]–[ดาบศักดิ์สิทธิ์]”
จากนั้นคมดาบสีทองก็ผ่าร่างของผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์ออกเป็นสองท่อน
──มุมมองโชมะ──
“…เจ้านี่ ไม่ใช่มนุษย์จริงๆด้วยแฮะ”
“อะ อา อา…”
ที่ผมฟันไปก็แค่ส่วนอสูรที่ผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
เผื่อไว้สำหรับถ้าหมอนี่มันยังเป็นมนุษย์อยู่ แต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็น
พอตกถึงพื้น ร่างกายของผู้ชี้นำ เกลียร์ พิลล่าร์ก็กลายเป็นหมอกสีดำค่อยๆสลายไป แบบเดียวกับอัศวินดำเมเซรัท
“จงจำเลื่องหนึ่งไว้ซะ…ถ้าเกิดว่าเราไม่สนใจมังกรสองเศียรแล้วล่ะก็…”
“แบบนั้นก็จะโดน[มังกรสองเศียร]จัดการในการโจมตีเดียวไม่ใช่เหรอไง?”
“ขี้…ขี้โกง……”
จากนั้นผู้ชี้นำเกลียร์ พิลล่าร์ก็หายไปจนหมด
ที่เหลือก็แค่[ผนึกมาร]ขนาดใหญ่ยิ่งกว่าของตอนอัศวินดำเมเซรัท
“[ปลุกเผ่ามาร] ปลดออก”
พลังเวทยังเหลืออยู่พอควร
การที่มังกรสองเศียรสลายไปด้วย[มังกรสองเศียรผ่าสมบูรณ์] ทำให้เวลาใช้งานมันลดลง พลังเวทที่เสียไปก็ลดลงด้วย ก็มีโอกาสที่กำลังเสริมของศัตรูจะมานี่นะ ก็ต้องสู้แบบให้มีประสิทธิภาพที่สุด
…แต่ว่า ก็ไม่สึกเลยว่ามีกำลังเสริมมา แถมให้แต่งชุดแบบนั้น มันก็ถึงขีดจำกัดของจิตใจแล้ว
ผมคลายการแปลงร่างแล้วกลับเป็น[คิริว โชมะ]ตามปกติ
“สุดยอดเลยค่ะ! ท่านพี่โชมะ!!”
พอรู้สึกตัว ก็เห็นริเซ็ตมองมาทางนี้ตาเป็นประกาย
“ริเซ็ตผู้นี้เห็นเต็มตาเลยค่ะ! [Absolute Scythe(มังกรสองเศียรผ่าสมบูรณ์]!!”
“เข้าใจแล้ว งั้นรีบลบให้หายไปเลย”
“ช่วยรอจนกว่าจะได้วิชาเดียวกันมาด้วยเถอะค่ะ เป็นสายเลือดมังกรเหมือนกัน คิดว่าทำได้เหมือนกันแน่ค่ะ!”
“คิดว่าคงเปล่าประโยชน์อยู่หรอก”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วท่านพี่ทำยังไงถึงได้วิชานั้นมาเหรอคะ?”
“เรื่องนั้น…”
เดิมทีมันเป็นท่าที่คิดมาเพื่อหนีจากกิจกรรมที่จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมก็ได้แท้ๆแต่กึ่งบังคับว่าต้องเข้าร่วม (อย่างซ้อมเชียร์กีฬาสี หรือกิจกรรมชมรมที่นักเรียนปี1ทุกคนเข้าร่วม[โดยสมัครใจ])สมัยยังอยู่โรงเรียน ก็เป็นท่าที่ใช้นาฬิกาจับเวลาที่ซื้อมาจากร้าน100เยนมาติดตั้งไว้รอบๆแล้วใช้จังหวะที่มันร้อง[ปิ๊ปปิ๊ปปิ๊ป]ดึงความสนใจของอีกฝ่ายแล้วใช้ช่วงนั้นหนีออกมา
ตอนนั้นก็ตั้งชื่อไปว่า[มังกรสองเศียรผ่าสมบูรณ์] ก็มันเท่ดีนี่นา
…แต่ถึงจะคิดไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้จริงๆ ที่ใช้สำหรับหนีก็เป็นท่าอื่น
ผมในตอนนั้นทุ่มสุดตัวตามหา[ศัตรูของโลก]ดังนั้นไม่มีเวลาว่างไปเข้าร่วม[กิจกรรมที่จะเข้าร่วมหรือไม่ก็ตามสบายแต่ต้องเข้านะ]หรอก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องคิดวิชาเล็กๆน้อยๆไว้หนี
…แต่ว่า งั้นเองเหรอ ผมในตอนนั้น คิดภาพท่านั้นไว้แบบนี้เหรอ
………พยายามไม่ใช้อีกจะดีกว่า
“แต่ว่า ดีจริงๆที่ไม่มีผู้ที่ต้องเสียสละล่ะนะ”
“ค่ะ นี่ก็เป็นเพราะท่านพี่โชมะค่ะ”
ผมสีเงินโบกสะบัด ริเซ็ตมองมาที่ผมแล้วก็ยิ้มออกมา
“เผ่ายักษ์ทุกคน และพวกคุณชาวบ้านกำลังดีใจอยู่ใช่ไหมล่ะคะ? เอาล่ะ”
“ถ้าจะแสดงความยินดีแบบไม่มี[เสียงเรียกราชาผู้พิชิต]ก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ”
“““ราช…”””
…เมื่อกี้ทุกคนคิดจะพูดออกมาสินะ?
พวกชาวบ้านยืนเรียงกัน และค้างอยู่ในท่ากำลังชูมือขึ้นมา
…เอาเถอะ ถ้ายอมหยุดให้ ก็ดีแล้ว
ต่อจากนี้ก็รีดข้อมูลจากพวก[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]แล้วเอาพวกมันไปปล่อยที่เมืองของ[เจ้าเมืองคิโทล] แต่ว่าน้า ส่วนนั้นให้เผ่ายักษ์ทุกคนทำไปละกัน ยังไงซะทุกคนก็ต้องซื้อขายกับชาวบ้านอยู่แล้ว ดังนั้นก็ให้เอาพวกลัทธิไปส่งที่ที่ของเจ้าเมืองพร้อมกับพวกชาวบ้านแล้วขึ้นเงินค่าหัวเอาก็ได้ ความสัมพันธ์กับ[หมู่บ้านฮาซามะ]ก็จะได้แน่นแฟ้นขึ้นด้วย
ทั้งอมนุษย์และมนุษย์ก็คงจะอยู่กันได้ง่ายขึ้นด้วย
“งั้นก็กลับกันเถอะ ริเซ็ต”
“ค่ะ ท่านพี่โชมะ”
“แต่ว่า…ดีจริงๆที่จัดการได้เร็ว”
“นั่นสินะคะ ถ้าต่อสู้ยืดเยื้อแล้วกำลังเสริมของลัทธิมาคงจะแย่ค่ะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ก็นี่สามารถจบเรื่องได้แบบฮารุกะกับยูกิโนะไม่ต้องมาข้องเกี่ยวด้วยได้นี่นา?”
ถ้าฮารุกะอยู่ที่นี่คงจะตรงเข้าไปซัดกับฝูงแมลงแบบไม่พูดไม่ถามอะไรแหงๆ ถึงจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่คิดอะไรมาก ฮารุกะน่ะ
ยูกิโนะก็ยังอยู่ระหว่างพักฟื้น ถึงเวทมนตร์ของเธอจะเป็นพลังให้ได้ แต่ก็ยังไม่อยากให้สู้ตอนนี้
…แถมถ้าถูกยูกิโนะเห็นร่างตอนใช้[ปลุกเผ่ามาร] คงจะไม่ดีเท่าไหร่ ชุดนั่นมันเป็นของผมตอนจูนิเบียวนี่นา
“นั่นสินะคะ ฮารุกะมีหน้าที่ต้องปกป้องคุณยูกิโนะนี่นะคะ ทั้งสองคนนั้นก็ควรจะอยู่เฉยๆไว้ดีกว่าสินะคะ?”
“อา ใช่แล้วล่ะ”
“เข้าจแล้วค่ะ เพราะริเซ็ตก็เป็นน้องสาวของท่านพี่ ก็เลยสั่งห้ฮารุกะอยู่นิ่งๆตรงนั้นแล้วล่ะค่ะ! ดังนั้นตั้งแต่ที่ท่านพี่โชมะกลายเป็น[ร่างสุดเท่]นั่น ก็อดทนยืนดูอยู่กับเผ่ายักษ์ทุกคนแบบไม่ขยับเลยค่ะ”
“………ครับ?”
ผมหันกลับไป
เผ่ายักษ์ทุกคนนั้นอยู่ด้านหลังของพวกคุณชาวบ้าน
พอมองดีๆก็เห็นเด็กสาวผมแดงมองมาทางนี้ แล้วทำหน้ามุ่ยแก้มป่อง
แถมข้างหลังนั่นไปอีกยังมีฮาร์ปี้ที่กระพือปีกไม่หยุด4คน
“ตอนที่[มังกรสองเศียร]สุดเท่นั่นออกมาทั้ง6คนก็มาถึงหมู่บ้านนี้ค่ะ แต่ว่า จะไปรบกวนสมาธิของท่านพี่ก็ไม่ได้สินะคะ? ก็เลยขอให้ทำตัวไม่เด่นเท่าที่ทำได้น่ะค่ะ ช่วงนี้ริเซ็ตก็เริ่มเข้าใจความต้องการของท่านพี่โชมะขึ้นมาบ้างแล้วล่ะค่ะ บางที คงจะเป็นการเติบโตในฐานะน้องสาวสินะคะ?”
“นั่นสิน้า”
ผมฟังคำพูดของริเซ็ตแบบเหม่อลอย
ถึงฮารุกะจะไร้เดียงสาและทำอะไรไม่คิด แต่ก็เป็นคนรักษาสัญญา
ดังนั้น ก็เลยอยู่นิ่งๆแบบนั้น แล้วผมก็ได้สั่งเธอไปว่า“ให้ดูแลแขก”อยู่เธอไม่มีทางมาอยู่ที่นี่แน่ๆ
ดังนั้นแล้ว…
“…คุณโชมะ……”
ระหว่างฮารุกะ และฮาร์ปี้รุรุยกับโรโรย มีเด็กสาวตัวเล็กยืนอยู่
ถึงสีหน้าจะยังไม่ค่อยดี แต่ก็ยืนตรงจ้องมองมาทางนี้
“…พลังนั่น… คุณโชมะ…อย่าบอกนะว่าคุณคือ……?”
ถึงคนรอบๆจะยังส่งเสียงวุ่นวายกันอยู่นิดหน่อยก็เถอะ–
แต่เสียงของเด็กสาวที่ถูกอัญเชิญ ยูกิโนะ คลาวดี้ ดราก้อนไชนด์ก็ส่งมาถึงผมได้อย่างชัดเจน