Ch.37 – การจัดการหลังการต่อสู้ กับการเตรียมตัวบุกป้อมปราการ
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
หลังการต่อสู้ ก็ได้ทำข้อตกลง[หมู่บ้านฮาซามะ]กับหมู่บ้านข้างเคียง
1.หมู่บ้านของมนุษย์จะบอกข้อมูลในเขตกับอาณาเขตของ[เจ้าเมืองคิโทล]ให้กับ[หมู่บ้านฮาซามะ]
2.กรณีที่หมู่บ้านข้างเคียงมีอสูรกับศัตรูที่แข็งแกร่งปรากฎออกมา [หมู่บ้านฮาซามะ]จะทำการช่วยเหลือเท่าที่ทำได้
3.เพื่อการแลกเปลี่ยน ทั้งสองฝ่ายจะมีการส่งทูตไปทำการติดต่อกันเดือนละครั้ง
4ห้ามทำ[เสียงเรียกราชาผู้พิชิต]
หลักก็4ข้อ
แน่นอนว่าการแลกเปลี่ยนไม้ก็จบอย่างราบลื่น
ได้มันกับข้าวโพดแล้วก็ไก่ที่สามารถเพาะพันธุ์ได้อีกหลายคู่ที่ไม่มีที่[หมู่บ้านฮาซามะ]
สำหรับฝ่ายนั้นแล้ว มันเป็นของที่จะเกือบจะถูกลัทธิขโมยไปแล้ว…ดังนั้นก็เลยเซอร์วิสมาให้เป็นพิเศษ
สำหรับการแลกเปลี่ยนก็เพียงพอแล้ว
“คือว่า ราช…”
“หืม?”
“มีเรื่องปรึกษา ราชาผ…”
“หือ หืม?”
“มีเรื่องจะปรึกษาคุณโชมะน่ะครับ”
“ว่ามาสิ”
ผมพูดออกไป
ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านข้างๆทำหน้าเครียด แต่ว่าก็ก็ทำท่าตัดสินใจได้
“ในตอนที่ท่านได้เป็นราชาแห่งชายแดนแล่ว พวกเราอยากจะขออยู่ภายใต้ร่มเงาของท่านได้ไหมครับ?”
“…ก็ไม่ได้มีแผนอะไรแบบนั้นในตอนนี้หรอก”
เป้าหมายของผมคือ[การช้ชีวิตชิวๆที่ชายแดนจนกว่ายุคมืดจะจบลง]
เพื่อการนั้นถ้าชายแดนไม่สงบสุขก็จะแย่เอา ที่จัดการ[ลัทธิ] กับใช้[ชีพจรมังกร]ขยาย[เขตแดน]ก็เพื่อการนั้น ถ้าเกิดจะต้องเป็นราชาก็จะเป็น มันเป็นเพียงวิธีการไม่ใช่เป้าหมาย
แต่ว่า…ถ้าการที่ผมเป็นราชาในนามทำให้มนุษย์กับอมนุษย์มีความสัมพันธ์อันดีขึ้นมาได้ล่ะก็ ก็คงจะปฏิเสธมันไปไม่ได้
“แต่ว่า ถ้าแผนของผมไปได้สวย ก็จะทำให้หมู่บ้านนี้ไม่มีอสูรหรือผู้ใช้เวทมนตร์ดำรุกรานได้อีก เรื่องนี้ขอสัญญาไว้เลย”
“โอ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้!!”
พวกชาวบ้านส่งเสียงเชียร์
“แมลงของ[ลัทธิ]จะไม่สามารถเข้ามาได้สินะครับ! สุดยอด!!”
“สมกับเป็นราชาผู้พิชิต!”
“[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]จะนำความสงบสุขสมัยจักรพรรดิมังกรกลับมา!!”
““”โอ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้!!”””
…เอาเถอะ ยังไงก็ยังอยู่ช่วงก่อนที่ฮารุกะจะเซ็นต์ข้อตกลง จะทำ[เสียงเรียกราชาผู้พิชิต]ก็ทำไป
เอาล่ะ
“ผู้บริหารแห่ง[ลัทธิ]เอ๋ย มีเรื่องอยากจะถามสักอย่างหนึ่ง”
“…ฮี้”
พวก[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]ทั้งหมดถูกมัดอยู่บนรถม้า
ต่อจากนี้ตัวแทนของเผ่ายักษ์กับพวกชาวบ้านจะนำพวกลัทธิไปส่งใหที่อาณาเขตของ[เจ้าเมืองคิโทล] เพราะว่าที่นั่นกำลังวางแผนรับมือลัทธิอยู่ ถ้าเกิดว่าจับตัวผู้บริหารของ[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]ได้ก็คงจะถูกบอกให้พาไปแหงๆ ในส่วนนั้นก็ฝากพวกชาวบ้านจัดการไป
“…แก เป็นใครกัน! แกเป็นตัวอะไรกันแน่!?”
ผู้บริหารของลัทธิ กรีดร้องออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“ไม่เคยได้ยินเรื่องคนอย่างแกเลย! มันอะไรกัน ไอ้พลังนั่น…ฮี้”
“ถ้าตกใจกับแค่ระดับผมล่ะก็ ตอนที่เจอวีรบุรุษตัวจริงจะเข่าอ่อนเอาได้นะ”
สุดท้ายผมก็เป็นแค่[ผู้ที่ถูกอัญเชิญมาผิดพลาด]
ผู้ถูกอัญเชิญตัวจริง–วีรบุรุษ คงจะไม่ใช่วิธีอ้อมค้อมน่ารำคาญแบบผมหรอก ถ้ายูกิโนะอยู่ในสภาพพร้อม ก็คงจะแช่แข็งพวกแมลงทั้งหมดได้แบบง่ายๆ
ที่[ลัทธิ]ยังอาละวาดอยู่ได้แบบนี้ ก็เพราะผู้ถูกอัญเชิญยังไม่โผล่มาบนโลกนี้
ถ้าผู้ถูกอัญเชิญอย่างยูกิโนะจับมือกับจัดการ อย่าง[ลัทธิ]ที่ใช้แมลงเนี่ยคงจะจบสิ้นในชั่วพริบตา
“…ดังนั้นจนกว่าจะถึงตอนนั้น ทางนี้ก็ต้องทำเรื่องที่พอจะทำได้ไปก่อนละนะ”
“ฮี้ ขะ เข้าใจแล้ว จะพูด จะพูดทุกอย่างเลยดังนั้นอย่างใช้พลังนั่นกับพวกเรานะ”
ผู้บริหารลัทธิกรีดร้องออกมา
“ท่านผู้ชี้นำของพวกเราคืออสูร บางที ท่านปรมาจารย์ก็คงจะเป็นเหมือนกัน…จะให้กลับไปที่ป้อมปราการอักก็รู้สึกกลัวแล้ว…”
“อา พวกนายก็ใช้ประโยชน์จากซากปรกหักพังสมัยจักรพรรดิมังกรสินะ”
จะว่าไปแล้วเดิมทีผมก็คิดจะบุกป้อมปราการของลัทธิเพื่อหาวงเวทของ[ชีพจรมังกร]สินะ
เพราะยูกิโนะมากับลัทธิที่อยู่ๆก็บุกมา ก็เลยลืมสนิทเลย
“ใช่แล้วล่ะ ที่ป้อมปราการทั้ง4แต่ละป้อมต่างก็มีท่านผู้ชี้นำอยู่ บางทีในใจของท่านปรมาจารย์คงจะต้องการสร้างราชวงศ์ใหม่ขึ้นมาแน่ๆ…แต่ว่า…ท่านผู้ชี้นำก็เป็นอสูร แถมยังมีศัตรูที่น่ากลัวขนาดนี้อยู่อีก…ไม่รู้จะเชื่ออะไรดีแล้ว จะพูดทุกอย่างเลย ทั้งที่ตั้งของป้อมปราการและกำลังทหาร นั่นสินะ–”
แล้วผู้ชายของลัทธิก็เริ่มเล่าออกมาอย่างหวาดกลัว
ตัวสั่น แล้วก็ไม่รู้ทำไมถึงหลบตาผม
“…ก็ไม่ได้ถามถึงขนาดนั้นสักหน่อย”
“ท่านพี่ คนคนนี้ กำลังหวาดกลัวอยู่”
ฮารุกะพูดมาจากด้านหลังของผม
“ยิ่งกว่า[เจ้าเมืองคิโทล]ยิ่งกว่าผู้ชี้นำแห่งลัทธิ แต่กลัวท่านพี่ที่สุดค่ะ ดังนั้นก็เลยกลัว แล้วก็อยู่เฉยไม่ได้”
“ไม่ได้ทำให้กลัวขนาดนั้นสักหน่อย…”
…ทำไปแล้วสินะ
พ่นไฟจากบนฟ้า ใช้[ปลุกเผ่ามาร]แล้วเรียกมังกรสองเศียร จากนั้นก็ฟันผู้ชี้นำด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ ถ้าให้พูดแล้ว
สำหรับคนบนโลกนี้ มันน่ากลัวสินะ
ชื่อของ[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์] มีประโยชน์ผิดคาดแฮะ
“…ฮี้! ดังนั้น…ป้อมปราการ…ท่านผู้ชี้นำ…”
พูดไม่หยุด
จากที่หมอนี่พูด ที่ป้อมปราการมีแค่ผู้บริหารระดับสูงไม่กี่สิบคน ป้อมปราการอยู่เหลือขึ้นไปบนภูเขา ทหารชาวนาทั้งหมดอาศัยอยู่บนเต้นท์บนพื้น แล้วก็มี[แมลง]คอยเฝ้าไม่ให้ทหารของลัทธิหนี ดังนั้น ผู้ชี้นำก็เลยต้องเวียนไปป้อมปราการต่างๆเป็นช่วงๆ
“คิดว่าไง ฮารุกะ”
“ถ้ามีท่านพี่กับพวกเรา ก็คิดว่าจัดการสอยป้อมปราการได้อยู่แล้วล่ะ”
“ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ แค่อยากจะสำรวจเอง”
“เหลือเฟือค่ะ”
เป้าหมายของพวกเราคือการตรวจสอบว่าป้อมปราการมีวงเวทหรือเปล่า
แค่ไป แล้วก็กลับเฉยๆ
ถ้ารู้ข้อมูลขนาดนี้…ก็พอทำอะไรได้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะสำรวจให้เสร็จก่อนที่[เจ้าเมืองคิโทล]หรือเจ้าเมืองอื่นจะไปถึง
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะ ฮารุกะ ธุระก็จบแล้วด้วย”
ผมใช้[ปลุกเผ่าปักษา]แล้วยื่นมือไปทางฮารุกะ
“ว้าย ได้เดินเล่นบนฟ้ากับท่านพี่ด้วย!”
ฮารุกะกระโดดมากอดผม
เด็กหรือไงฟะ
จากนั้นก็เข้ามาซุกที่หน้าอกของผม…ให้ตายสิ
“ทั้งพี่ริส ทั้งยูกิโนะจังก็คงจะกำลังรออยู่แน่เลย”
“…นั่นสินะ”
ถ้ากลับไปแล้วลองคุยกับยูกิโนะ…แล้วตรวจสอบดูว่ารู้ตัวจริงของผมไหมดีกว่า
เอาเถอะ…คิดว่าคงจะไม่รู้หรอก
เพราะผมที่เจอกับยูกิโนะที่โลกเดิม กับผมในตอนนี้มันต่างกันยังไงล่ะ
“ถ้าเจอ[นายที่แท้จริง]ของยูกิโนะจังก็ดีน้า”
“นั่นสินะ”
“แต่ว่านะ ถึงคุณ[นายที่แท้จริง]จะโผล่มา แต่ก็ยูกิโนะจังอาจจะเลือกท่านพี่ก็ได้ ก็ ไม่ว่าคนแบบไหน ก็สู้ท่านพี่ไม่ได้นี่นา ดังนั้น คิดว่ายูกิโนะจังก็ต้องอยากอยู่กับท่านพี่ไป ตลอดตลอด แน่นอนล่ะ”
ฮารุกะพูดแบบนั้นแล้วยิ้มออกมา
“นี่คือสัญชาตญาณของเราที่บอกว่าจะอยู่กับท่านพี่ไปตลอดตลอดล่ะ!”
ระหว่างที่คุยกันแบบนั้นพวกเราก็ตรงไปยัง[หมู่บ้านฮาซามะ]
พอกลับไปถึงแล้วก็ไปเยี่ยมอยู่กิโนะ จากนั้นก็คุยกันเรื่อง[การบุกป้อมปราการ]ดีกว่า
ถ้าชายแดนสงบสุขแล้ว การต่อสู้ของพวกเราก็คงจะจบลง