หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ – ตอนที่ 9 ขอบคุณมากนะคะv

หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ

Chapter 9 : ขอบคุณมากนะคะ

“ละ ลุน จัง?”

“เมี๊ยวววว”

เมื่อชิโนโนเมะเรียกชื่อ เธอก็ร้องตอบก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนตักของชิโนโนเมะ

“คย๊าา ….อาา.”

จากนั้นเธอก็ลูบหัวกับหลังมือของชิโนโนเมะที่ตั้งอยู่บนตัก จากนั้นชิโนโนเมะก็ทำหน้าประหลาดใจ เธอหรี่ตาลงอย่างมีความสุข

แต่ถึงแบบนั้น……สาวสวยและแมวสวยก็ยังเป็นที่ดึงดูดสายตา

ผมมองไปที่สองคนนั้น…ไม่สิ หนึ่งคนกับหนึ่งตัว คุณพนักงานเสิร์ฟก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“ผมดีใจที่เห็นว่าคุณสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะครับ นี่คือขนมสำหรับลุนและทิชชู่เปียกสำหรับฆ่าเชื้อ”

พอเขาพูดจบ ขนมรูปคุกกี้และถุงทิชชู่เปียกก็วางอยู้บนโต๊ะ

“ลุนฉลาดพอที่จะไม่ให้แขกสัมผัสตัวในขณะที่เธอสกปรก แต่กรุณาเช็ดมือทั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังสัมผัสเธอด้วยนะครับ และผมก็อยากจะถามพวกคุณเผื่อไว้ มีใครในนี้แพ้ขนแมวบ้างไหมครับ?”

“ขอบคุณที่ช่วยแนะนำครับ ผมไม่มีปัญหาหรอก”

เมื่อมองไปที่ชิโนโนเมะ เธอก็พยักหน้าแล้วบอกว่าไม่เป็นไร จากนั้น พนักงานคนนั้นก็พยักหน้าด้วยความพอใจ

“ถ้าลุนรบกวนการติวหนังสือของพวกคุณก็สามารถเรียกผมได้นะครับ”

พนักงานเสิร์ฟโค้งคำนับให้และจากไป ……ขนาดบริกรก็พูดจานุ่มนวลเหมือนกันแฮะ

“เอาล่ะ ชิโนโนเมะ–“

ผมเรียกชิโนโนเมะเพื่อจะเอาขนมของลุนให้ แต่ผมก็ต้องชะงักไป

เธอลูบหลังของลุนเบาๆและลูบหัวด้วยมือของเธอด้วยความรู้สึกที่นุ่มนวล ปากของเธอเปิดออกพร้อมกับแก้มที่คลายออกเช่นกัน

ในตอนนั้น [องค์หญิงน้ำแข็ง] that ที่ผมเคยเห็นนั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว

เธอไม่เคยแสดงสีหน้าแบบนั้นมาก่อนหน้านี้ตอนมีพนักงานเสิร์ฟอยู่ใกล้ๆ ผมหายใจออกมาเบาๆ

……ไม่ต้องห่วง ปกติเพื่อนก็จะเผยธาตุแท้ของกันและกันอยู่แล้ว

พอผมใจเย็นลง ลุนก็มองมาทางผมก่อนจะร้องเมี๊ยวออกมา

จากนั้น เธอก็กระโดดมาที่ตักผมเบาๆ เธอลอดผ่านมือของชิโนโนเมะด้วยความชำนาญ

“อาา…….”

ชิโนโนเมะส่งเสียงเศร้าออกมาเล็กน้อยแล้วดูซึมหน่อยๆ

ยังไงก็ตาม พอเธอสังเกตเห็นว่าผมจ้องเธอยู่เธอก็กลับมานั่งหลังตรงทันที

แมวที่สามารถละลายองค์หญิงน้ำแข็งได้ น่าทึ่งซะจริง เอาเถอะ ปล่อยไว้แบบนี้ก่อนแล้วกัน

“ถ้ายังซึมอยู่แบบนั้นฉันก็ให้นี่เธอไม่ได้หรอกนะ ชิโนโนเมะ นี่เป็นขนมของลุนน่ะ ช่วยเอาให้ลุนหน่อยได้ไหม?”

“เมี๊ยววว~”

“……! ค่ะ!”

นี่หล่อนมีปฎิกริยากับคำว่า “ขนม” ด้วยหรอ? ลุนร้อง เมี๊ยววว ก่อนจะมองไปรอบๆ

เธอมองไปรอบๆก่อนจะเห็นขนมทีรูปรางคล้ายคุกกี้ใในมือชิโนโนเมะแล้วเบิกตากว้างขึ้น

‘อืมม……เชิญเลย ลุนจัง”

“เมี๊ยวววว”

พอชิโนโนเมะเอามือเข้าไปใกล้ๆ ลุนก็เริ่มเลียคุกกี้ก่อนจะกัดลงไปหนึ่งคำ

ง่ำ ง่ำ ง่ำ …เธอกลืนคุกกี้ในมือชิโนโนเมะจนหมดไม่เหลือแม้แต่น้อย

“สะ สุดยอดเลย ลุนจังฉลาดสุดๆ”

“เมี๊ยวววว”

ชิโนโนเมะลูบหัวลุน เธอก็ร้องเมี๊ยววอย่างมีความสุข เจ้าตัวที่เห็นแบบนั้นเลยเผยยิ้มออกมา

“ยังมีอีกเยอะเลย ค่อยๆกินนะ?”

“เมี๊ยวววว”

หลังจากลุนกินขนมหมด เราก็เริ่มติวกันต่อ

 

◆◆◆

 

“เป็นช่วงเวลาที่ดีอะไรแบบนี้นะ ฉันขอพักก่อนแล้วกัน”

“ค่ะ ขอบคุณที่สอนภาษาอังกฤษฉันนะคะ”

“ไม่หรอก แบบว่า ฉันช่วยเธอได้จริงๆใช่ไหม?”

เธอสอนผม ในทางกลับกัน ชิโนโนเมะก็ขอให้ผมสอนอังกฤษให้เธอ

“ค่ะ มิโนริก็สอนดีเอาเรื่องเลยนะคะรู้ตัวไหม?”

“……ได้ยินแบบนั้นฉันก็โล่งใจ”

บางทีเธออาจจะแค่แกล้งชม แต่ถึงแบบนั้นถ้าผมช่วยเธอได้สักนิดก็คงดี

“สัปดาห์หน้าฉันมีสอบน่ะ”

“ฉันด้วยค่ะ…. การสอบของทางนั้นเป็นยังไงบ้างคะ? เหมือนปกติรึเปล่าl?”

ผมพยักหน้าตอบชิโนโนเมะก่อนจะเริ่มพูดต่อ

“ก็นะ ปกติแล้วข้อสอบจะถูกส่งกลับมาให้หลังจากสอบไปแล้วอาทิตย์นึง ส่วนกระดาษคำตอบจะถูกแจกตามเลขที่ในวันสุขน่ะ”

“อือ งั้นของฉันน่าจะช้ากว่านั้น ปกติแล้วฉันจะแจกข้อสอบคืนตามเลขที่หลังสอบสองสัปดาห์น่ะค่ะ แล้วถ้าไม่เข้าใจอะไรฉันก็สามารถไปถามคุณครูที่ห้องข้างๆได้ด้วย ……แล้วก็ 20อันดับแรกจะมีชื่อติดบอร์ดหน้าชั้นด้วยล่ะค่ะ”

งี้นี่เอง …..ผมมั่นใจว่าชิโนโนเมะต้องติดTop20แน่ๆ

“แล้ว ครั้งล่าสุดเป็นไงบ้างล่ะ?”

“ฉันได้ที่3ด้วยคะแนนเฉลี่ย 92 คะแนนค่ะ พอดีว่าโดนเจ้าภาษาอังกฤษขัดไว้ก่อน”

“ถ้างั้น วิชาอื่่นของเธอคงได้คะแนนสูงลิ่วเลยงั้นสิ”

“ปกติฉันก็ได้มากกว่า 95 คะแนนนะคะ แล้วของมิโนริคุงล่ะ?”

“ฉันหรอ? ฉัน…..น่าจะได้ที่20หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่80น่ะ”

พอผมพูดแบบนั้น ชิโนโนเมะก็เบิกตาขึ้น

“ฉันคิดมาตลอดว่าไม่ว่าวิชาไหนคุณก็ไม่แย่เลย ถึงอย่างนั้น….ไม่สิ ก็ยังเแปลกอยยู่ดี ปกติแล้วเข้าใจบทเรียนได้ดีแค่ไหนหรอคะ?”

“อา ปกติส่วนไหนไม่เข้าใจฉันก็โยนทิ้งไปเลยน่ะ”

นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก ผมมักจะโยนหัวข้อหรือสูตรคำนวนที่ไม่เข้าใจทิ้งไว้แล้วสนใจแต่ส่วนที่เข้าใจก่อนจะทำให้มันสมบูรณ์แบบ

ใช่ๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงได้้มีวิธีเรียนแบบนี้

“แต่ก็นะ ฉันเข้าใจภาษาอังกฤษได้ เพราะงั้นอย่าห่วงเลย …..ถึงฉันจะไม่มีความสามารถด้านวิชาการแบบโรงเรียนของเธอก็เถอะ”

“ไม่ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ จากที่ฉันเห็น ระดับของภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ต่างกันเลย”

และระหว่างที่เราคุยกันเรื่องสอบ รถไฟก็มาพอดี

“Ah, that’s rare. It’s empty, let’s sit down, Minori kun.”

น่าแปลกที่ช่วงนี้ของวันกลับมาที่นั่งว่างค่อนข้างเยอะ แน่นอนว่าชิโนโนเมะก็นั่งลงไปโดยเว้นที่ว่างไว้ให้ผม

“….? เป็นอะไรไปคะ? ถ้าไม่รีบนั่งเดี๋ยวรถไฟก็ออกหรอกค่ะ”

“……นั่นสินะ”

ผมนั่งลงข้างๆเธอก่อนจะเริ่มคิดว่าควรชินกับระยะห่างพวกนี้ได้แล้ว

“ถึงงั้นก็เถอะ พอเรียนมาทั้งวันแล้วก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาเลย”

“นั่นสินะคะ วันนี้พักผ่อนเถอะค่ะ”

ผมพยักหน้าให้กับคำพูดของชิโนโนเมะ ยังเหลือพรุ่งนี้อีกนี่นะ

“พรุ่งนี้ก็เหมือนเดิมสินะ?”

“ค่ะ เหมือนเดิม…….”

การตอบสนองของเธอช้าลง ผมมองไปที่เธอก่อนจะเห็นว่าเจ้าตัวเริ่มตาลอยแล้ว

“……ถ้าจะหลับล่ะก็ ฉันปลุกเธอได้นะ? แล้วก็ มันอันตรายนะ เพราะงั้นเอนหลังให้ถูกทางด้วย”

ผมควรจะบอกเธอว่าให้พิงหลังกับพนักพิงให้ดีๆ

ชิโนโนเมะหลับตาลงแล้วพยักหน้า

“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้นขอยืมไหล่หน่อยนะคะ”

“เอ๊ะ?”

ชิโนโนเมะโน้มตัวที่ไหล่ผม

ผมคิดว่ามันเป็นแค่มุกซะอีก

“อึก….”

ข้างๆผม มีใบหน้าของสาวน้อยแสนสวยกำลังนอนหลับอย่างสงบเสงี่ยมโดยไร้ซึ่งการป้องกันอยู่

แก้มนุ่มๆของเธอลงน้ำหนักมาที่ไหล่ผม ขนตาเป็นแพสวย …ลมหายใจหอมที่ออกมาจากปากเธอ

และ…..มันกระทบกับแขนผมอย่างรุนแรงแม้ว่ามันจะเบาบางแค่ไหนก็ตาม

ขณะที่นึกถึงกลิ่นหอมนั่นพร้อมกับความรู้สึกที่ว่าสมองกำลังจะไหม้ ผมก็เอนตัวไปข้างหลับเพื่อไม่ให้ชิโนโนเมะล้ม

“ฟู่วว……”

ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

การเป็นเพื่อนนี่ลำบากจริงแฮะ

ในตอนแรก ผมคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จำได้เป็นเพื่อนกับคนที่คุณเอาแต่มองจากเงามืด

…..และ นั่นก็แปลกเหมือนกันที่เซ้นส์ด้านระยะห่างของเธอกับคนอื่นค่อนข้างใกล้ขนาดนี้

อีกอย่าง ผมเป็นแค่คนช่วยฝึก ไม่สิ พูดแบบนั้นไม่ได้ เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น

ถ้าชิโนโนเมะแก้โรคกลัวผู้ชายนี้ได้ ถ้าเธอมีเพื่อนผู้ชายขึ้นมา อยากรู้จังว่าเธอจะทำแบบนี้กับคนอื่นรึเปล่า

ผมไม่อยากจะคิดสภาพเลย

ไม่สิ เดี๋ยวนะ ทำไมผมต้องรู้สึกสิ้นหวังกับจินตนาการของตัวเองด้วยล่ะ? แรกเริ่มเดิมที ไอความสัมพันธ์นี้ก็จะจบลงหลังจากเธอหายกลัวผู้ชาย–

ไม่ล่ะ ผมไม่คิดว่าความสัมพันธ์แบบนี้จะจบลงหรอก …แย่ล่ะสิ กลายเป็นว่านี่มันผสมกับความต้องการของผมแล้วล่ะสิเนี่ย

เวรแล้ว สมองผมรับไม่ไหวแล้ว ทุกอย่างในหัวมันยุ่งเหยิงไปหมดแล้ววว

“ถึงอย่างงั้น เธอก็ยังนอนได้อย่างสบายใจอีกนะ”

ผมพูดออกไปแบบนั้นแล้วเริ่มคิดว่าตัวเองควรนอนบ้างดีไหม

จากนั้นผมก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

เอาจริงๆ เธอยังไม่ตื่นเลย

ที่จะสื่อคือ ผมไม่ได้อยากจะทำอะไรแปลกๆหรอกนะ ถึงแบบนั้นก็เถอะ รู้สึกเหมือนกำลังเดินไต่เชือกอยู่เลย

[นี่เป็นการเดิมพันด้วยชีวิต]

ชิโนโนเมะ เธอกำลังเดิมพันกับตัวผม …หรือถ้าจะพูดให้ดีขึ้นหน่อย เธอเชื่อใจผม

แล้วผมก็จะไม่มีวันทรยศความเชื่อใจนั่น ไม่มีวันซะหรอก

ก่อนจะเป็นแบบนั้น……

“ความสัมพันธ์แบบนี้ มันค่อนข้างสบายใจแล้วล่ะ”

ไม่ช่ว่าผมอยากให้ใใครที่ผ่านมาได้ยินหรอกนะ ผมพึมพำเบาๆเพื่อจัดระเบียบความคิดของตัวเอง

มันจะรบกวนการเรียนเอาซะเปล่าๆ เอาเถอะ ก็ช่วยไม่ได้หรอก

กลับไปจุดที่เราเริ่มต้นกันดีกว่า

ผมมองไปที่ชิโนโนเมะซึ่งกำลังหลับอยู่

ผมที่เรียบเนียนของเธอพลิ้วไสว และผิวขาวบริสุทธิ์ของเธอนั้นไม่ดีต่อดวงตาของผมเลย

ถึงแบบนั้นผมก็สามารถมองมันได้ไม่เบื่อเลย พอมาคิดๆดู มันคล้ายกับความประทับใจตอนที่ผมเห็นเธอครั้งแรก

ความตกใจเมื่อผมเห็นเธอครั้งแรกนั้นรุนแรงมาก …..แล้วเธอก็เอาแต่ปฎิเสธทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงที่พยายามจะเข้าหาตลอดๆ

ผมอยากรู้จริงๆว่าเธอพูดอะไรออกไปจนขนาดเด็กผู้หญิงยังต้องถอย

ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมยังไม่รู้เกี่ยวกับชิโนโนเมะ

ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้คุยกับเด็กผู้หญิงที่ผมเห็นทุกเช้า แล้วก็ไม่อยากจะเชื่อด้วยว่าเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกัน

ในมุมหนึ่ง ผมดีใจที่ตัวเองรวบรวมความกล้าออกไปช่วยเธอในวันนั้น แต่อีกมุมหนึ่ง ผมกำลังคิดว่า ผมสามารถเข้าไปช่วยเธอให้เร็วกว่านี้ได้รึเปล่า

ถ้าทำแบบนั้นได้ บางที แผลในใจของเธออาจจะหายไปก็ได้ อย่างน้อยๆ มันก็คงดีกว่าตอนนี้

“…..ฟู่”

ชิโนโนเมะส่งเสียงออกมาระหว่างกำลังนอนอยู่ แก้มของผมก็ค่อยๆคลายออก สงสัยจังว่าเธอจะฝันถึงอะไรอยู่ หวังว่าเธอจะฝันดีนะ

เพราะแบบนั้น หลังจากพึมพำบางอย่างที่ไม่สามารถเข้าใจได้ออกมา

“……มิโนริ คุง”

ชื่อของผมถูกเรียกอย่างเป็นธรรมชาติ

“ขอบคุณ มากเลยนะคะ”

ตอนนั้น ผมคิดว่าเธอต้องตื่นอยู่แน่ๆ แต่ด้วยคำพูดที่ออกมาหหลังจากนั้นทำให้ผมรู้ว่าเธอกำลังละเมอออกมา

“…..ด้วยความยินดี”

ว่าคิดว่าเธอคงไม่ได้ยินหรอก แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมดันอยากพูดมันออกมา

ปากของชิโนโนเมะเหมือนจะยิ้มออกมา ไม่สิ เธอคงจะยิ้มมาได้สักพักแล้ว

เอาเถอะ นั่นก็ไม่แย่หรอก

พอได้สติผมก็ใจเย็นลง หัวใจของผมจากที่มืดมนก็กลับรู้สึกสดชื่นขึ้น

 

◆◆◆

 

— กลับมาแล้ววว~ คิดถึงกันมั้ยยยย

— ขอโทษที่อยู่ๆก็หายไปนะครับ พอมหาลัยเปิดเทอมผมก็ยุ่งอยู่ตลอดเลย พึ่งจะมีเวลามาแปลหลังจากปั่นงานเสร็จ TvT

— หลังจากนี้ผมคงไม่ได้ลงทุกวันแล้วนะครับเพราะต้องโฟกัสเรื่องการเรียน แต่จะพยายามแบ่งเวลามาแปลให้น้าาา~

— สุดท้าย ผมอยากจะขอแปะQRโดเนทไว้หน่อย ไม่จำเป็นต้องโดเนทก็ได้นะครับ แต่ถ้าใครอยากสนับสนุนจริงๆก็จะขอบคุณมากครับ :3

 

หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ

หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ

Status: Ongoing
‘มิโนริ โซตะ’ คือเด็กมัธยมปลายธรรมดาทั่วไปและวันนี้เขาก็ใช้ชีวิตตามปกติ ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เขากลับมีความสุขทุกครั้งที่ไปโรงเรียน นั่นเพราะรถไฟที่เขานั่งนั้นมีสาวงามคนหนึ่งโดยสารมาด้วยเช่นกัน เธอมีผมสีขาวบริสุทธิ์และดวงตาสีฟ้า ใบหน้าละม้ายคล้ายชาวตะวันตกแต่กลับดูบอบบางและน่ารัก เธอมีสไตล์ที่โดดเด่นและงดงามมากจนเรียกได้ว่าสามารถเป็นไอดอลหรือนักแสดงได้เลยทีเดียว [องค์หญิงน้ำแข็ง] นั่นคือฉายาที่เธอได้รับจากโรงเรียนม.ปลายข้างๆ ทุกครั้งที่ขึ้นรถไฟ โซตะก็มองไปที่เธออยู่ตลอด สาวเจ้ามักจะปฎิเสธนักเรียนม.ปลายทุกคนที่พยายามเข้ามาคุยกับเธออยู่เสมอ จนในตอนนี้บนรถไฟขบวนนี้ก็เหลือนักเรียนม.ปลายอยู่เพียงสองคนคือเขากับเธอ เขาไม่มีความปรารถนาที่จะใกล้ชิดเธอเลยแม้แต่น้อย แต่คิดก็ไม่เคย เจ้าตัวเพียงคิดแค่ว่าจะใช้ชีวิตประวันตามปกติต่อไปเท่านั้น แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้น โซตะเห็นว่าเธอกำลังถูกลวนลามอยู่… ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเธอ เพราะงั้นเขาจึงรวบรวมความกล้าและเข้าไปช่วยเธอ วันถัดมาโซตะคิดว่าเขาจะได้กลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ แต่เด็กสาวคนนั้นกลับมาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าเขา “เอ่อ……คุณช่วยฉันไว้เมื่อวันก่อน ฉันเลยอยากขอบคุณน่ะค่ะ” ‘ชิโนโนมิ นากิ’ [องค์หญิงน้ำแข็ง] หรือก็คือเด็กสาวที่ถูกช่วยเอาไว้เมื่อวาน… โซตะค่อนข้างุนงงเพราะตรงหน้าเขาคือเด็กสาวที่ปกติจะเพียงเหลือบมองจากระยะไกลเท่านั้น ยังไงก็ตาม เขาตอบรับคำขอบคุณของเธอแต่ไม่นานเขาก็เว้นระยะห่างออกมาอีกครั้ง แน่นอน เพราะว่าเขาไม่ได้เกลียดการทำกิจวัตรประจำวันตามปกติไงล่ะ ตอนนั้นเองที่… “คือว่า มีเรื่องอยากจะขอร้องหน่อยน่ะค่ะ…” โซตะทนฟังน้ำเสียงเศร้าๆของเธอต่อไม่ไหวจึงตัดสินใจฟังคำขอของเธอ “ในตอนที่ฉันอยู่บนรถไฟ ฉันอยากให้คุณช่วย……อยู่ข้างๆฉันได้ไหมคะ?” ด้วยคำพูดของเธอ โซตะไม่สามารถปฎิเสธคำขอได้และตอบตกลง ในตอนนั้นโซตะไม่รู้เลยว่า เขาจะถูกเธอแกล้งครั้งแล้วครั้งเล่า…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท