บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1327 ความลับในการบรรลุเต๋า และกลายเป็นเทพ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1327 ความลับในการบรรลุเต๋า และกลายเป็นเทพ

บทที่ 1327 ความลับในการบรรลุเต๋า และกลายเป็นเทพ

ปิ่นปักผมวิญญาณวิหคอมตะชิ้นนี้ เป็นสมบัติที่หายากอย่างยิ่ง และเปี่ยมไปด้วยปราณมงคล

เฉินซีสามารถสัมผัสได้ถึงปราณมงคลที่บริสุทธิ์และหนาแน่นที่ปะทะเข้ากับใบหน้าของเขาจากระยะไกล มันทำให้จิตใจและหัวใจของเขาผ่อนคลาย หากสวมมัน ย่อมสามารถรวบรวมโชคลาภและปัดเป่าอันตรายได้อย่างแน่นอน

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีรู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย เพราะเมื่อใครคนหนึ่งได้บรรลุขอบเขตราชันเซียน อายุขัยของคนคนหนึ่งจะยืนยาวจนแทบเป็นนิรันดร์ แล้วเหตุใดพวกถึงต้องจดจำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นวันเกิดด้วย?

ยิ่งไปกว่านั้น จากท่าทางของเตียนเตี้ยน สืออวี๋และเซียงหลิวหลี ดูเหมือนว่าพวกเขาจะให้ความสำคัญกับมันมาก

“ขอบคุณพี่รัตติกาล” เซียงหลิวหลีรับปิ่นปักผมหยกสีทองสดใส และยิ้มด้วยความยินดี

“เดิมทีข้าตั้งใจจะให้ของขวัญเจ้าในภายหลัง แต่ดูเหมือนว่าข้าจะทำได้เพียงตอนนี้เท่านั้น” ทันทีที่สิ้นคำ สืออวี๋พลันพลิกมือขึ้น เรียกไข่มุกที่โปร่งแสงและคล้ายหยกปรากฏบนฝ่ามือของเขา มันมีขนาดเท่ากำปั้นของทารก รัศมีศักดิ์สิทธิ์วงแล้ววงเล่าลอยล่องอยู่ภายในนั้น และรัศมีเหล่านี้ก็ผสมผสานเข้าด้วยกัน กลายเป็นสัญลักษณ์โบราณทั้งสาม ได้แก่ พรมงคล โชคลาภ และอายุยืนยาว

ทันทีที่ไข่มุกนี้ปรากฏขึ้น มันก็เปล่งรัศมีที่น่าตกใจทั้งสามออกมา หนึ่งคือรัศมีแห่งพรมงคล สองคือรัศมีแห่งความโชคลาภ และสุดท้ายคือรัศมีแห่งอายุยืนยาว รัศมีทั้งหมดส่องแสงเจิดจ้าและมาบรรจบกันกลางอากาศ มันปลดปล่อยมวลดอกไม้ที่มีสีใส สีทอง และสีดำปกคลุมฟ้าดิน กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์โชยออกมากระทบจมูก อีกทั้งยังมีเสียงของธรรมชาติเล็ดลอดออกมาเบา ๆ ขณะที่พวกมันค่อย ๆ แพร่กระจายไปยังบริเวณโดยรอบ

เฉินซีตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสมบัติอันล้ำค่าที่บรรจุพลังแห่งโชคลาภ ความเพลิดเพลิน และอายุยืนยาวได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสมบัติที่ไม่มีใครเทียบได้

วันเกิดปีนี้ไม่ฉลองใหญ่โตเกินไปหน่อยหรือ?

หากเป็นเช่นนี้ทุกปี ราชันเซียนเซียงหลิวหลี่คงไม่สามารถรับของขวัญจากนางได้หมด…

“ฮ่า ฮ่า ข้ารู้ว่าพี่สืออวี๋ คงเตรียมอะไรบางอย่างไว้นานแล้ว ไข่มุกมงคลสามประการนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่อยู่ในมือของจ้าวแห่งพิภพแสงสมบัติจากนอกพิภพ หรือว่าเจ้าสังหารช้างโง่ตัวนั้นแล้ว?” เตียนเตี้ยนดูเหมือนจะจมอยู่กับความคิด ขณะมองไปที่สืออวี๋

ในทางกลับกัน เมื่อเฉินซีได้ยินสิ่งนี้ ชายหนุ่มจำได้ว่าเมื่อตอนเข้าร่วมในการทดสอบในสมรภูมินอกภพในวันนั้น เขาสังเกตเห็นราชันเซียนต่อสู้กับช้างหยกดำขนาดมหึมาในส่วนลึกของแม่น้ำที่แยกภพเซียนและนอกพิภพออกจากกัน โดยแค่โบกมือ ดวงดาวก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จวนดับสูญ และเหตุการณ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเฉินซีจวบจนบัดนี้

เมื่อเขาหวนคิดถึงเรื่องนี้ เฉินซีก็ตระหนักได้ในบัดดล

ราชันเซียนในวันนั้นอาจเป็นสืออวี๋ ศิษย์อันดับหนึ่งของตำหนักเต๋าหนี่หวากระมัง?

“เจ้าฆ่าช้างดำตัวนั้นจริง ๆ หรือ?” เซียงหลิวหลีถือไข่มุกด้วยมือทั้งสองข้าง พลางจ้องมองสืออวี๋อย่างมีความสุข

สืออวี๋เหลือบมองเฉินซี ก่อนจะกล่าวอย่างจนปัญญา “ประมาณนั้น”

วันนั้นในสมรภูมินอกพิภพ หลี่ฝูเหยา ศิษย์พี่สามแห่งเขาเทพพยากรณ์ ได้หยุดเขาจากการแย่งชิงสมบัติของเฉินซี และเพื่อเป็นการชดใช้ให้กับโชคลาภที่เสียไป หลี่ฝูเหยาได้สังหารจ้าวแห่งพิภพแสงสมบัติ ซึ่งคือ จักรพรรดิดำคชสารอเวจี ก่อนจะมอบไข่มุกนี้ให้กับตน

เป็นเพราะเหตุนี้เอง ทำให้สืออวี๋อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่เล็กน้อย แม้ว่าเขาจะมอบสมบัติให้กับนาง แต่สมบัติชิ้นนี้ไม่ได้มันมาด้วยตนเอง ดังนั้นจึงรู้สึกเสียใจเป็นธรรมดา

“หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร” เซียงหลิวหลียิ้มเบา ๆ และมีความสุขอย่างมาก ดวงตาที่สุกใสเต็มไปด้วยคลื่นอารมณ์เสน่หา

ในที่สุดเฉินซีก็เข้าใจทุกสิ่ง ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างสืออวี๋และเซียงหลิวหลี ทั้งคู่อาจกลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียรเมื่อนานมาแล้ว

แต่หลังจากนั้น เฉินซีก็ไม่กล้าปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านต่อไป เพราะใคร ๆ ก็มอบของขวัญวันเกิดให้แก่นาง ดังนั้นเขาควรมอบของขวัญบางอย่างเช่นกัน แต่… ข้าเป็นเพียงเซียนทองคำ แล้วราชันเซียนจะพึงพอใจกับของขวัญของข้าหรือ?

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะลังเลเล็กน้อย

“ไม่ใช่ว่าเราได้รวบรวมวัตถุดิบเซียนมากมายตลอดทางหรอกหรือ? ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นปรมาจารย์พ่อครัววิญญาณขั้นสุดยอด ไยไม่ทำอาหารเสียตอนนี้ แล้วถือว่ามันเป็นของขวัญวันเกิดให้แก่แม่นางหลีล่ะ” เตียนเตี้ยนยิ้มพลางแนะนำ คล้ายอ่านความคิดของชายหนุ่มออก

ทันทีที่สิ้นคำ สืออวี๋และเซียงหลิวหลีก็ตกตะลึงทั้งคู่ จากนั้นพวกเขาก็เข้าใจสถานการณ์ที่เฉินซีเผชิญอยู่ในขณะนี้ ทำให้ทั้งคู่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ใช่แล้ว เช่นนั้นข้าคงต้องขอลองชิมฝีมือทำอาหารของน้องชายเฉินซีสักครั้งแล้ว” เซียงหลิวหลีใจดีมากและไม่ได้ทำให้ผู้ใดต้องอับอาย

นี่นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกัน แม้ว่านางจะเป็นถึงราชันเซียน แต่ก็ยังต้องไว้หน้าให้กับราชันเซียนรัตติกาล จึงไม่อาจทำให้เฉินซีอับอายได้

“เอาละ เราจะลิ้มรสการทำอาหารของพี่เฉินซีกัน” สืออวี๋หัวเราะอย่างเบิกบานใจ การที่ศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ทำอาหารให้กับพวกตนนั้น ถือว่าเป็นความสุขที่หาได้ยากยิ่ง หากจะกล่าวว่ามันเป็นดั่งวาสนาก็ไม่เกินไปนัก

เพราะอย่างที่รู้กันว่าเหล่าศิษย์จากเขาเทพพยากรณ์นั่นภูมิใจในตัวเองอย่างยิ่ง จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้พวกเขาต้องลดตัวลงมาทำอาหารให้ผู้อื่น

แต่แน่นอนว่า สืออวี๋ไม่ได้มีเจตนาร้ายใด ๆ มีเพียงความปรารถนาที่คล้ายกับ การแสวงหาสิ่งแปลกใหม่เท่านั้น

เฉินซีย่อมไม่อาจเดาความคิดของเซียงหลิวหลีและสืออวี๋ได้เป็นธรรมดา และคำแนะนำของเตียนเตี้ยนก็นับว่าเข้าท่าทีเดียว ดังนั้นเมื่อเห็นว่าราชันเซียนทั้งสามดูตั้งตารอกับทักษะการทำอาหารของเขามาก จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย

คงไม่มีปรมาจารย์พ่อครัววิญญาณขั้นสุดยอดคนใดในโลกนี้ ที่สามารถปรุงอาหารให้กับราชันเซียนทั้งสามคนเป็นการส่วนตัวได้…

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสืออวี๋ เรียกตนว่าพี่ชายเฉินซี สิ่งนี้ทำให้เฉินซีรู้สึกค่อนข้างสบายใจ

ชายหนุ่มตระหนักดีอย่างชัดเจน ถึงความแตกต่างอย่างมากในด้านอัตลักษณ์และสถานะระหว่างเซียนทองคำและราชันเซียน

เส้นเอ็นวัวกุยที่หนาดุจปากชาม เนื้อไก่ฟ้าครามที่ปกคลุมด้วยอักขระเต๋าอย่างหนาแน่นและประณีต ปลามีปีก และไขกระดูกถาวอู้ที่มีกลิ่นหอมเย้ายวนและเปล่งประกายคล้ายหยก…

ภายใต้การจ้องมองที่ประหลาดใจของเตียนเตี้ยน สืออวี๋ และเซียงหลิวหลี วัตถุดิบเซียนที่หายากต่าง ๆ ได้กลายเป็นส่วนผสมมากมายในมือของเฉินซี และพวกมันถูกนำไปทอด ผัด ต้ม และตุ๋น…

กรรมวิธีต่าง ๆ มากมายดำเนินไปอย่างราบรื่นในรวดเดียว และเต็มไปด้วยความรู้สึกงดงามที่ไม่อาจบรรยายได้ ซึ่งทำให้จิตใจเบิกบานและสบายหูสบายตายิ่ง

“วิเศษ! การบรรลุสภาวะดังกล่าวในเต๋าแห่งการทำอาหารนั้นหาได้ยากจริง ๆ”

สืออวี๋ค่อนข้างแปลกใจที่เฉินซีเป็นถึงปรมาจารย์พ่อครัววิญญาณขั้นสุดยอด เพราะทักษะการทำอาหารของชายหนุ่มได้บรรลุถึงสถานะของการหลอมรวมกลิ่นอายของเต๋าในการทำอาหารแล้ว และมันไม่ใช่เรื่องที่พ่อครัววิญญาณทั่วไปสามารถทำได้

“ไม่เลว ๆ ข้าจำได้ว่าบุคคลที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าเทาเทียเมื่อล้านปีก่อน ได้ใช้กระทะเซียนเบญจธาตุเพื่อปรุงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในพิภพพิราบดำ และอาหารจานนั้นถูกเรียกว่า หมื่นงานเลี้ยงเยียวยาวิญญาณ ทำให้เขามีชื่อเสียงไปทั่วโลกหล้า ตอนนี้น้องชายเฉินซีถูกจำกัดด้วยการบ่มเพาะของเขา มิฉะนั้นคงไม่ด้อยไปกว่าบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าเทาเทียเมื่อล้านปีก่อนอย่างแน่นอน” เซียงหลิวหลียิ้มและชมเชยเช่นกัน

เตียนเตี้ยนยิ้มเบา ๆ แต่นางกลับไม่กล่าวสิ่งใด อย่างไรก็ตาม ในใจของนางกลับยินดีแทนเฉินซี เพราะนี่คือคำสรรเสริญของราชันเซียนทั้งสอง เป็นสิ่งที่เซียนทองคำทั่วไปไม่อาจได้รับ!

อาหารจานแล้วจานเล่าถูกวางเรียงราย ก่อนที่ทุกคนจะนั่งล้อมวง สืออวี๋หยิบขวดสุราศักดิ์สิทธิ์ออกมาและรินใส่จอกให้ทุกคน ว่ากันว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าที่ได้รับการขัดเกลาโดยใช้เตารังสรรค์ของตำหนักเต๋าหนี่หวา ซึ่งมีสรรพคุณชั้นเลิศและประเมินค่าไม่ได้

เซียงหลิวหลีหยิบผลไม้อมตะหายากหลากสีออกมา แล้วนางก็ให้เฉินซีและเตียนเตี้ยนชิมผลไม้เหล่านั้นทีละชิ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากในภพทั้งสาม

ของเหล่านี้มาจากคลังสมบัติมิติส่วนตัวของราชันเซียน แล้วมันจะเป็นสิ่งธรรมดาได้อย่างไร? ไม่ต้องกล่าวถึงเฉินซี แม้แต่ผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ในภพเซียนก็คงไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

ไม่นานนัก ทุกคนก็สนทนากันระหว่างกินอาหาร และมันก็เป็นภาพที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ดูเหมือนพวกเขาจะเอาซากโบราณสถานแรกกำเนิดที่เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย มาเป็นจุดตั้งค่าย…

หลังจากได้พูดคุยกัน เฉินซีเริ่มคุ้นเคยกับสืออวี๋และเซียงหลิวหลีแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถือว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิด แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าอีกต่อไป

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีรู้สึกพึงพอใจมาก

คนเหล่านี้คือราชันเซียน การได้สานสัมพันธ์กับอีกฝ่าย ถือเป็นวาสนาที่ไม่ธรรมดา เพราะไม่ว่าสถานะของคนคนหนึ่งจะสูงส่งเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับโอกาสดังกล่าว

เฉินซีตระหนักดีถึงเส้นทางที่ตนต้องมุ่งไปในอนาคตอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการแก้แค้นตระกูลจั่วชิวหรือทำลายล้างนิกายอำนาจเทวะ ก็ไม่อาจทำสำเร็จเพียงลำพัง

ดังนั้นเฉินซีจึงไปที่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และจากการแสดงฝีมือที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มได้รับคำชม ความประทับใจที่ดี และการสนับสนุนจากผู้อาวุโสและศิษย์พี่ศิษย์น้องจำนวนมากในสำนัก รวมถึงได้ก่อตั้งสมาคมของตัวเอง นั่นคือพันธมิตรดารา

อาจกล่าวได้ว่าชื่อเสียงของเฉินซีในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าตอนนี้ ดูเหมือนจะทัดเทียมกับเยี่ยถังและหลิงชิงอู๋แล้ว ซึ่งอาจสูงกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ

บางทีพลังของกองกำลังเหล่านี้ อาจไม่สามารถระบุได้ในตอนนี้ แต่เมื่อเขาตัดสินใจที่จะลงมือและหาทางแก้แค้น มันก็จะนำมาซึ่งพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้

นี่คือจุดแข็งของเครือข่าย ความสัมพันธ์ และภูมิหลัง!

แน่นอนว่า ทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถของชายหนุ่มเอง มันเป็นสิ่งที่เขาพยายามเพื่อให้ได้มาทีละขั้น ผ่านการทุ่มเท และไม่เกี่ยวข้องกับโชคแม้แต่น้อย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสัมพันธ์ที่เพียรสร้างขึ้นในขณะนี้กับราชันเซียนรัตติกาลเตียนเตี้ยน ผู้สืบทอดของตำหนักเต๋าหนี่หวาสืออวี๋ และเซียงหลิวหลี มันทำให้สามารถสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์กับตัวตนระดับสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นเมื่อเขาต้องออกท่องไปในสามภพในภายภาคหน้า บางทีมันอาจเผยคุณค่าที่แท้จริง

ขณะที่พวกเขาสนทนาต่อ เฉินซีก็ไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ และถามเกี่ยวกับแดนบรรลุเทพ

เตียนเตี้ยนแย้มยิ้มแล้วมองไปที่สืออวี๋และเซียงหลิวหลี ก่อนจะเล่าความลับให้เขาฟัง

ปรากฏว่า ไม่ใช่แค่พลังงานของโลกจากสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่ได้รับการบำรุงรักษาภายในซากโบราณสถานแรกกำเนิดเท่านั้น แต่ยังมีโชคลาภทุกประเภทกระจัดกระจายไปทั่ว โชคลาภเหล่านี้ประกอบด้วยสมบัติที่นิกายในยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้ทิ้งไว้เบื้องหลัง ซึ่งถูกลืมเลือนไปในบันทึกประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังมีสมบัติของทวยเทพและเหล่าปราชญ์ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์…

ในบรรดาโชคลาภเหล่านี้ สิ่งเดียวที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตราชันเซียนได้ คือขอบเขตเทวา

ตามข่าวลือ แดนบรรลุเทพมีความลับสูงสุดในการกลายเป็นเทพ นับตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคนที่บรรลุขอบเขตราชันเซียนได้ก้าวเท้าเข้าสู่แดนบรรลุเทพเพื่อค้นหาวิธีการบรรลุเต๋าและกลายเป็นเทพ ผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาราชันเซียนเหล่านี้ คือบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งเขาเทพพยากรณ์ บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งตำหนักเต๋าหนี่หวา และบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งนิกายอำนาจเทวะ!

แน่นอนว่า ย่อมไม่ขาดบรรพบุรุษของตระกูลโบราณบางตระกูล เช่น ตระกูลซุ่ยเหริน ตระกูลโย่วเฉา และตระกูลเซียงหลิว อีกทั้งยังมีปีศาจและวิญญาณบางตัวที่เกิดจากภายในความโกลาหลเมื่อโลกก่อตัวขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เข้าสู่แดนบรรลุเทพแล้ว เราอาจไม่จำเป็นต้องได้รับเคล็ดลับในการบรรลุเต๋าและกลายเป็นเทพ ทว่าตราบใดที่ใครได้รับเคล็ดลับนี้ ก็จะบรรลุสู่ขอบเขตที่เหนือกว่าขอบเขตราชันเซียน หลุดพ้นจากทั้งสามภพ และกลายเป็นผู้ดำรงอยู่สูงสุดอย่างแท้จริง!

นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมแดนบรรลุเทพจึงสามารถกระตุ้นความสนใจของผู้ที่อยู่ในขอบเขตราชันเซียนได้

กลายเป็นเทพ!

มันเป็นอาณาจักรของมหาเต๋า ที่ราชันเซียนทุกคนไล่ตาม!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท