คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 659 เจ้าปีศาจน้อยเจตนาไม่บริสุทธิ์

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 659 เจ้าปีศาจน้อยเจตนาไม่บริสุทธิ์

สำหรับนางฉินผู้เฒ่าผู้นี้ ไม่อาจกล่าวได้ว่าฉินหลิวซีมีความรู้สึกอะไรดีๆ ให้ แต่ก็ไม่ได้มีความเกลียดชังสักเท่าใด เพราะนางไม่ใส่ใจ

นิสัยการกระทำนางฉินผู้เฒ่าเป็นอย่างไร ฉินหลิวซีเข้าใจได้ในเหตุผล เพราะลำดับชั้นของสถานะของนาง ฉินหลิวซีรู้ดีว่าโลกนี้มีหลายชนชั้น ดำรงตนอยู่ในชนชั้นไหนเป็นตัวตัดสินว่าจะได้พบเห็นรู้จักอะไรมาบ้าง ทำให้เกิดเป็นนิสัยใจคอเช่นนั้น นางฉินผู้เฒ่านี้ตกลงมาจากที่สูงแต่กลับไม่ยอมจมลง ไม่ใช่เพียงนางคนเดียว และนางก็ไม่ใช่คนสุดท้ายต้องที่ประสบพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้

ฉินหลิวซีไม่อาจหวังให้ผู้เฒ่าที่มีชีวิตอยู่สุขสบายมาหลายสิบปีเช่นนางเข้าใจสภาพความเป็นจริงได้ในทันที และไม่หวังว่านางจะเปลี่ยนนิสัยให้อ่อนโยนลง เป็นคนฟังเข้าใจง่าย เพราะนิสัยเป็นสิ่งที่ก่อตัวมาเป็นเวลานาน ไม่ใช่เรื่องจะเปลี่ยนได้ชั่วข้ามคืน

แต่ต้องรู้อย่างหนึ่งว่านางจะยอมทำให้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เผชิญหน้ากับนางฉินผู้เฒ่าที่อ้างเรื่องความดีมาบีบบังคับ ฉินหลิวซีไม่นึกโกรธเคืองนาง เอ่ยด้วยใบหน้าเรียบสนิท “ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ต้องร้องขอ ข้าเองไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น คนป่วยยังไม่ได้พบ บอกไม่ได้ว่าสามารถรักษาได้หรือไม่”

นางฉินผู้เฒ่าหอบหายใจเสียงหนัก สองคิ้วขมวดแน่น

ฉินหลิวซีส่งสายตามองนาง “แทนที่จะกังวลใจเรื่องคุณชายตระกูลเฉวียนจะได้รับการรักษาหรือไม่ ไม่สู้เป็นห่วงสุขภาพตัวเองก่อน ร่างกายจะทนอยู่ถึงวันที่พวกท่านปู่และคนทั้งหลายได้กลับมาหรือไม่”

“ซีเอ๋อร์” มือของสะใภ้หวังที่ลูบหลังให้ฮูหยินผู้เฒ่าชะงักไปเล็กน้อย มองฉินหลิวซีอย่างจนปัญญา

ฉินหลิวซีเอ่ย “ฮูหยินผู้เฒ่าเอง ในใจรู้ถึงสุขภาพร่างกายตัวเองดีอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะเอ่ยออกมาได้อย่างไรว่าจะอยู่ได้อีกไม่กี่ปี”

นางฉินผู้เฒ่าสั่นไปทั้งตัว สิ่งที่นางเอ่ยออกไปเหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก แต่ฟังที่ฉินหลิวซีพูดเถิด ความหมายเหมือนจะตีนางให้ตาย

กล่าวว่าตนเองอยู่ได้อีกไม่นานหรือ นางฉินผู้เฒ่ามองไปยังผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดสีดำคล้ำที่วางอยู่บนโต๊ะ อาเจียนออกมาเป็นเลือดไม่ใช่เรื่องดี และร่างกายของนางก็ค่อยๆ ย่ำแย่ลงทุกวัน หรือว่าตัวข้าเองไม่อาจยืนหยัดอยู่ต่อไปจนถึงวันที่พวกสามีและลูกหลานนางกลับมา?

นางฉินผู้เฒ่าใบหน้าซีดขาว ปรากฏแววหวาดหวั่นและสิ้นหวังในดวงตา ต้องมีชีวิตอยู่ ใครอยากตายกัน

ฉินหลิวซีเอ่ยอีกครั้ง “เป็นนักโทษถูกเนรเทศไปซีเป่ยถึงจะลำบาก แต่ยังสามารถเดินทางไปถึงอย่างปลอดภัย สามารถทำมาหาเลี้ยงชีพและมีเวลาหยุดพักผ่อน สำหรับตระกูลเฉวียน การทำความดีใหญ่ที่จะทำได้ก็มีเพียงเท่านี้ ใช่ว่าเขาจะสามารถพาพวกท่านปู่กลับเมืองหลีได้? ฮูหยินผู้เฒ่า ตระกูลเฉวียนยิ่งใหญ่แต่ไม่ใหญ่ไปกว่าฟ้า อีกทั้งในตอนนี้ฐานะมั่นคงแล้ว ถึงตระกูลเฉวียนสอดมือเข้ามายุ่งก็เหมือนเติมดอกไม้ลงบนผ้าลายดอก ทำสิ่งที่ไม่จำเป็น ไม่มีความสำคัญอะไร พวกเขาจะทำหรือไม่ทำก็ย่อมได้ ดังนั้นท่านอย่ายึดเอาตระกูลเฉวียนเป็นฟางเส้นสุดท้ายของท่านเลย”

สะใภ้หวังกะพริบตาปริบๆ นางจับมือนางฉินผู้เฒ่าไว้แน่น

นางฉินผู้เฒ่าปิดปากไม่เอ่ยอะไรสักคำ

ฉินหลิวซีเดินมาด้านหน้า ประคองนางเอาไว้ “ข้าจะเปลี่ยนใบสั่งยาให้ท่านใหม่”

ใบสั่งยาเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก นางก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายดี นับวันก็ยิ่งแย่ลง ก็เป็นเพราะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดที่ทำให้เป็นทุกข์อัดแน่นอยู่ภายในใจ นี่เป็นสิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่าเหยียบย่ำซ้ำเติมตัวเอง รนหาที่ตาย ถ้อยคำที่ดีงามแค่ไหนก็ไม่อาจเหนี่ยวรั้งคนที่ต้องตายได้

อีกฝ่ายอยากซ้ำเติมตัวเอง ฉินหลิวซีก็คงไม่โน้มน้าวให้ปากเปียกปากแฉะ นางทำสิ่งที่สมควรทำแล้วจึงลุกออกไป สำหรับการแสดงความกตัญญูอย่างที่สุดไม่ใช่หน้าที่ของนาง นางเองก็เชื่อว่าอีกฝ่ายก็ไม่ต้องการ เพราะหากให้นางทำ บางทีนางผู้เฒ่าอาจตายเร็วกว่าเดิม

โมโหจนตาย

เมื่อฉินหลิวซีลุกออกไป นางฉินผู้เฒ่าก็รู้สึกไม่อาจทนเก็บไว้ได้อีกต่อไป โกรธจนหอบหายใจแทบไม่ทัน

สะใภ้หวังรู้สึกอ่อนล้าภายในใจ แต่ก็ปลอบนางผู้เฒ่าอย่างอ่อนโยน “เยี่ยนเอ๋อร์เขียนจดหมายถึงข้า ในจดหมายบอกว่าตอนนี้เขาปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ซีเป่ยได้แล้ว ทุกคนอยู่ได้ไม่เลว นอกจากนี้งานที่ทำไม่ถือว่าหนัก เหล่าซานยังทำงานเป็นผู้ช่วยอยู่ข้างกายขุนนางคนหนึ่ง…”

นางฉินผู้เฒ่ามองมาด้วยสายตาเป็นประกาย มุมปากที่เบี้ยวไปเพราะความดันสั่นระริก ยิ่งดูบิดเบี้ยวกว่าเดิม “เป็นเรื่องจริงหรือ”

สะใภ้หวังพยักหน้า หยิบกระดาษจดหมายออกจากแขนเสื้อ เปลี่ยนความสนใจของฮูหยินผู้เฒ่าได้อย่างราบรื่น

ยังไม่ทันรอให้นางได้หายใจ สายตาฮูหยินผู้เฒ่ากวาดมองจดหมาย อ่านไล่ตามบรรทัด ในปากรู้สึกขม “หลานชายที่น่าสงสารของข้า”

สะใภ้หวังรู้สึกจุกอยู่ในลำคอ นางเอ่ยอะไรไม่ได้สักคำ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ซีเอ๋อร์พูดไม่ผิด ฮูหยินผู้เฒ่าจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร เกรงว่าจะทนอยู่ต่อไปจนพวกเขากลับมาไม่ไหว

ฉินหลิวซีกลับถึงเรือนพักของตน แกะห่อผ้าที่อนุวั่นให้ออกมา เป็นเสื้อตัวในเข้ารูปชุดหนึ่ง ใช้เนื้อผ้าที่เบาสบายและระบายอากาศ และเพราะเอาไว้สำหรับใส่แนบตัวจึงไม่มีลวดลายสลับซับซ้อนเพื่อไม่ให้ระคายผิว มีเพียงแขนเสื้อเท่านั้นที่ปักลายดอกไม้เรียบๆ ไว้สองดอก

ช่วงท้องที่แนบกับตัวมากที่สุดจำเป็นต้องเป็นผ้าที่ราบเรียบ ใช้ลายเมฆมงคลวางเรียง ฝีเข็มละเอียด ไม่พบเศษด้ายหลุดลุ่ยสักจุดเดียว ตั้งใจทำเป็นอย่างดี

ฉินหลิวซีส่งเสื้อให้ฉีหวงนำไปเก็บไว้กับเสื้อผ้าข้าวของที่ใช้ประจำวัน แล้วเรียกศิษย์ทั้งสองให้มาหา จากนั้นพากันไปร้านยาด้วยกันทั้งหมด

นางยังจัดยาให้ตู้เหมี่ยนเพื่อช่วยฟื้นฟูบาดแผลที่รักษาหายแล้วของเขาให้หายเร็วยิ่งขึ้น

รอจนพระจันทร์ลอยขึ้นเหนือกิ่งไม้ตั้งนานแล้ว ฉินหลิวซีจึงพาวั่งชวนที่หลับไปแล้วออกมาจากร้านยา พร้อมกับเถิงเจาที่หาวไม่หยุด

“รีบไปนอนเถิด พรุ่งนี้พวกเราต้องไปรักษาบาดแผลของตู้เหมี่ยน” ฉินหลิวซีกำชับเถิงเจา

เถิงเจาพยักหน้า ขณะที่เดินผ่านห้องอาจารย์ เขาชะงักเท้าก่อนจะอุ้มเจ้าปีศาจโสมน้อยไปด้วย

ปีศาจโสมน้อย “?” ปล่อยข้า เจ้าจะพาข้าไปที่ไหน

เถิงเจาพามันกลับไปห้องนอนของตัวเองแล้ววางมันไว้ที่ข้างหน้าต่าง เขายื่นนิ้วออกไปแตะใบเล็กๆ “ดวงจันทร์ส่องสว่างตรงหน้าต่างห้องข้าพอดี ก็เลยพาเจ้ามารับพลังจากแสงจันทร์”

ปีศาจโสมน้อยเงยหน้าขึ้นมอง คืนนี้ดวงจันทร์ส่องแสงตรงหน้าต่างห้องเถิงเจาจริงๆ ลำแสงของดวงจันทร์เหมือนลำแสงสีเงินสาดส่องลงมา

หอม หอมยิ่งนัก

บริเวณลานเล็กๆ ของบ้านหลังหนึ่งในเมืองหลี สถานที่นี้ไม่เป็นที่น่าสนใจนัก ซาหยวนจื่อวิ่งอยู่บนหลังคาบ้าน จมูกสูดดมกลิ่น ใจอยากจะตามกลิ่นหอมของโสมไป แต่ยังไม่ทันรู้ทิศทางที่แน่นอน กลิ่นหอมของโสมก็หายวับไปในอากาศแล้ว

ซาหยวนจื่อเลิกคิ้ว กลิ่นโสมที่เข้มข้นเพียงนี้ต้องมีอายุเป็นพันปีแน่แล้ว บังเอิญปรากฏขึ้นและหายไปอย่างฉับพลัน หรือจะเป็นโสมที่บำเพ็ญตบะสำเร็จแล้ว

ซาหยวนจื่อสายตาเป็นประกาย โสมที่บำเพ็ญตบะสำเร็จแล้ว หากจับมาได้มันจะเป็นของบำรุงที่ยอดเยี่ยม เขาแลบลิ้นเลียปาก สายตาปิดบังความโลภไว้ไม่มิด จะต้องเป็นที่ที่ศิษย์น้องเก็บซ่อนของมีค่าเอาไว้เป็นแน่ ดีเลยได้ของที่ไม่คาดคิดเช่นนี้

ซาหยวนจื่อเห็นว่ามีปีศาจโสมปรากฏตัวขึ้น แต่เพราะกลิ่นโสมแผ่กำจายไปทั่ว หากมีใครตุ๋นน้ำแกงอยู่ กลิ่นโสมจะต้องยังอยู่ ไม่หายไปแบบนี้

เขามองหลังคาที่เรียงรายหลังแล้วหลังเล่า ก่อนจะมองออกไปยังป่าเขาที่มีต้นไม้ขึ้นอย่างหนาแน่นที่นอกเมือง เขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อย แล้วหายตัวไปไร้สุ้มเสียง

เพียงแต่สมบัติสวรรค์ส่วนใหญ่อยู่ในป่าเขา เกรงว่าโสมที่บำเพ็ญตบะไม่ระวัง หล่นไปอยู่ตามสถานที่พักระหว่างเดินทางเลยมีลมปราณรั่วไหลออกไป

อารามชิงผิงก็อยู่นอกเมือง ในเมื่อเป็นพวกเสวียนเหมินลัทธิเต๋า มีกระถางธูปที่ใช้สำหรับบูชา ย่อมมีพลังบุญกุศล หากเขาต้องการสมบัติสวรรค์เหล่านี้ ก็ต้องไปที่นั่นแล้วขโมยกระเถียงธูปมาจุดช่วยบำเพ็ญตบะ

โชคดีปีศาจโสมน้อยที่เคยหลบหนีการตรวจสอบยังไม่รู้ว่าตัวว่าหลีกหนีการถูกขโมยตัวได้อีกครั้ง ครั้งนี้ได้เถิงเจากดตัวเอาไว้ มันร้องอุทานด้วยความเจ็บ ที่นี่มีพลังแสงจันทร์อะไร รับพลังบำรุงร่างกายได้สะดวกอะไร นี่มันหลอกมาตัดใบของมันชัดๆ!

เจ้าปีศาจน้อยนี่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์!

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท