สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 187 เข้าเฝ้า

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 187 เข้าเฝ้า

งานเลี้ยงที่เหอหยวนเพิ่งเริ่มต้น

นางรำในวังเกล้ามวยผมสูงสะบัดแขนเสื้อตัวยาวออกมาร่ายรำบนพื้นพรมหนา เสียงใบไผ่เสนาะหูกระทบโสตประสาท

สาวงาม ดนตรีเสนาะ อากาศอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิในพระที่นั่งท่ามกลางวันหิมะโปรยปราย ทุกคนยังไม่ทันแตะต้องสุราก็เมามายเสียแล้ว

ซิ่วอ๋องยกจอกสุราขึ้นหันไปรอบทิศ “ขอบคุณทุกท่านที่บริจาคเงิน ข้าเป็นตัวแทนเสด็จพ่อ ตัวแทนผู้ประสบภัยชาวติ้งเป่ย คารวะทุกท่านหนึ่งจอก”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ทุกคนคำนับตอบ

“ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี ทำตัวให้เหมือนอยู่บ้านตนเองก็พอ”

ซิ่วอ๋องรูปร่างสง่าผึ่งผาย บุคลิกสุขุม ไม่ได้วางท่าสูงส่งในแบบองค์ชาย เดิมคนที่กำลังใจเต้นไม่เป็นจังหวะก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง บรรยากาศเริ่มครึกครื้นขึ้นมา

ซิ่วอ๋องยกจอกสุราเดินไปตรงหน้าซินโย่ว “ข้าเลื่อมใสคุณหนูโค่วมานาน ในที่สุดวันนี้ก็มีโอกาสได้คารวะคุณหนูโค่วหนึ่งจอก ขอคุณหนูโค่วโปรดให้เกียรติ”

ทุกคนคารวะสุรากันและกัน แต่สายตาหลายคู่พยายามเหลือบมองมาทางนี้

หลายวันก่อนในงานวันคล้ายวันพระราชสมภพองค์หญิงใหญ่เจาหยาง พวกเขายังไม่ลืมเรื่องชิ่งอ๋องประลองสุรากับคุณหนูโค่ว วันนี้ซิ่วอ๋องก็มาท้าประลองสุราคุณหนูโค่วอีกหรือ

ถุย ถุย ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเรื่องนี้ดีหรือร้าย ในรัชศกปัจจุบันมีองค์ชายที่ได้รับการแต่งตั้งและมีจวนเป็นของตนเองแค่สองพระองค์ ทั้งสองล้วนคารวะสุราต่อคุณหนูโค่ว นับได้ว่าคุณหนูโค่วเป็นหญิงสาวพิเศษเพียงหนึ่งเดียวในเมืองหลวงแล้ว

ทุกคนยกจอกสุราทำท่าทางราวกับไม่มีเรื่องอันใด แต่ความจริงแทบจะทนรอดูว่าคุณหนูโค่วจะมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไรไม่ไหว

เฮ่อชิงเซียวมองภาพนี้พลางคิดถึงวันนั้น

วันนั้นเป็นต้นมาก็ว่ากันว่าคุณหนูโค่วพันจอกไม่มีล้ม แต่เขากลับรู้ว่านางเมา

วาจายามเมาสุราของนางดังขึ้นมาในโสตประสาทเฮ่อชิงเซียว วันนี้เหตุใดเจ้ารูปงามกว่าปกติ

เฮ่อชิงเซียวคิดถึงตรงนี้มุมปากก็กระดกอย่างไม่รู้ตัว

และเพราะคำพูดของคุณหนูโค่ว วันนั้นเขากลับถึงจวนฉางเล่อโหว เป็นครั้งแรกที่ส่องกระจกอย่างละเอียด

ความทรงจำตอนส่องกระจกแล้วถูกน้ากุ้ยพบเข้าไม่ค่อยดีนัก เฮ่อชิงเซียวถอนความคิดกลับคืนมาพลางออกแรงกุมจอกสุราเล็กน้อย

แต่ไรมาซิ่วอ๋องมักสงวนท่าที เหตุใดวันนี้กระตือรือร้นต่อคุณหนูโค่วเช่นนี้

แม้คุณหนูโค่วบริจาคเงินมากที่สุดในบรรดาคนในงานวันนี้ก็จริง แต่นางเป็นเพียงคุณหนูเยาว์วัย ด้วยสถานะของซิ่วอ๋อง ทำเช่นนี้คล้ายว่าจะเกินไปสักหน่อย

แต่มองดูสีหน้าซิ่วอ๋องที่ยังคงดำรงสีหน้าเปิดเผย

เฮ่อชิงเซียวเม้มริมฝีปากบางนิ่งรอชมการเหตุการณ์ต่อ

ซินโย่วกวาดตามองไปยังถาดในมือนางกำนัล หยิบจอกสุราตรงหน้าขึ้นมา

ที่นั่งในงานกำหนดไว้แล้ว โต๊ะนางล้วนตั้งสุราผลไม้มาตั้งแต่ต้น

“ซิ่วอ๋องให้เกียรติไปแล้วเพคะ” ซินโย่วยกจอกสุราขึ้น หลุบตาลงดื่มสุราผลไม้

ซิ่วอ๋องดื่มสุราในจอกรวดเร็วทันที เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คุณหนูโค่วลองชิมอาหารดู จานนี้คือเนื้อกวางอบน้ำผึ้ง เป็นอาหารจานถนัดของห้องเครื่องในวัง คุณหนูโค่วลองชิมดู”

“ขอบพระทัยเพคะซิ่วอ๋อง” ซินโย่วกล่าวขอบคุณด้วยท่าทีเปิดเผย

นางไม่เคยเสวนาใกล้ชิดกับซิ่วอ๋องสักเท่าไร ไม่แน่ใจว่าเพราะนางบริจาคมากที่สุด จึงทำให้ซิ่วอ๋องให้ความสนใจนาง หรือว่าเดิมซิ่วอ๋องก็เป็นคนมีมารยาทอ่อนโยนเช่นนี้

ไม่ว่าแบบใด สำหรับนางแล้วล้วนไม่เป็นปัญหา

ซิ่วอ๋องพยักหน้าให้ซินโย่ว ก่อนเดินไปยังโต๊ะถัดไป

ทุกคนเห็นว่าไม่มีอันใดน่าสนุกให้ชมแล้ว ก็หันไปสนใจเรื่องอื่นเงียบๆ

“คุณหนูโค่ว ข้าคารวะท่านหนึ่งจอก” สาวน้อยที่ร่วมโต๊ะคนหนึ่งยกจอกชูให้ซินโย่ว

สาวน้อยวงคิ้วงาม เป็นความงามแบบสง่าผ่าเผย ตั้งแต่แนะนำตัวมาก็มิได้มีท่าทีขลาดกลัวแต่อย่างใด “ข้าชื่อไป๋อิง มาร่วมงานแทนมารดาข้า มารดาข้าเคยเป็นขุนพลในสังกัดของขุนพลใหญ่สวี…”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยกทัพครอบครองแผ่นดินในตอนนั้น จูงมือฮองเฮาซินก้าวไปพร้อมกับเขามาตลอด เป็นแบบอย่างที่ดีให้หญิงสาวไม่น้อย มีขุนพลหญิงหลายคนสร้างชื่อเสียงขึ้นมาในยามกลียุค น่าเสียดายขุนพลหญิงเหล่านี้หากไม่ตายในสงคราม ก็บาดเจ็บจนต้องเก็บตัวเงียบหรือไม่ก็แต่งงานมีบุตร ในราชสำนักไม่มีร่องรอยของพวกนางอีก ในจำนวนขุนพลหญิงเหล่านี้ ขุนพลไป๋มีชื่อเสียงและมีผลงานการรบมากที่สุด

ตอนนี้แม้ในหมู่ประชาไม่ค่อยได้เอ่ยถึงขุนพลไป๋ แต่ซินโย่วกลับเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

หลังราชวงศ์ต้าซย่าก่อตั้งขึ้น ขุนพลไป๋ก็เก็บตัวอยู่แต่ในจวนเพราะอาการบาดเจ็บเก่าสะสม ต่อมาอยู่ๆ ก็ให้กำเนิดบุตรสาว ตอนนั้นขุนพลไป๋ยังไม่ออกเรือน ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงขึ้นมากมายในตอนนั้น ขุนนางไม่น้อยเดือดดาลพากันยื่นฎีกาให้ปลดตำแหน่งขุนพลไป๋ แต่ถูกฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงตีตกไป

ว่ากันว่าตอนนั้นฮองเฮาซินตบมีดสั้นลงตรงหน้าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ เอ่ยว่าผู้ใดกล้าลบล้างผลงานความชอบขุนพลไป๋ก็จะเหยียบจวนเขาให้ราบเป็นหน้ากลอง

ว่ากันอีกว่า ตอนฮองเฮาซินยังไม่จากไป ขุนนางและชนชั้นสูงต่างรับอนุกันน้อยมาก หนึ่ง ไม่อยากทำให้ฮองเฮาไม่พอพระทัย สอง ภรรยาที่บ้านกล้าชักดาบจริง…

ไป๋อิงดูแล้วอายุยี่สิบต้นๆ แต่ยังคงแต่งกายแบบหญิงสาวยังไม่ออกเรือน

ซินโย่วยกจอกสุรา “ข้าชื่อโค่วชิงชิง คารวะคุณหนูไป๋”

นึกถึงมารดาคุณหนูไป๋เคยดื่มสุรากับท่านแม่ ซินโย่วก็อดรู้สึกดีต่อสาวน้อยตรงหน้าไม่ได้

รู้สึกได้ถึงความประสงค์ดีของซินโย่ว ไป๋อิงก็ยกจอกสุราดื่มหมดจอก

ความจริงนางไม่ได้ดูแล้วผ่อนคลายเหมือนที่แสดงออก ตอนยกจอกสุรายังกังวลว่าหากถูกปฏิเสธจะดูไม่ดี

นางเป็นเด็กไร้บิดา แต่เล็กจนโต คนเหล่านั้นแสดงท่าทีเกรงใจต่อหน้า แต่ในใจกลับดูแคลน ถึงกับมีคนไม่น้อยกล้าเอ่ยคำพูดไม่ดีต่อหน้านาง

นางเพียงแค่รู้สึกว่าคุณหนูโค่วบริจาคห้าหมื่นตำลึงยอดเยี่ยมมาก ได้นั่งร่วมโต๊ะกัน หากไม่ได้พูดจากันสักคำ ก็ย่อมเป็นเรื่องน่าเสียดาย

“ปกติคุณหนูไป๋ทำอันใดหรือ หากมีเวลาว่าง มาเที่ยวเล่นร้านหนังสือชิงซงบ่อยๆ ได้…”

ไป๋อิงอดพยักหน้าไม่ได้

นางไม่ใช่คนชอบอ่านนิยาย แต่นางตัดสินใจแล้วว่าขากลับจะซื้อนิยายใหม่ร้านหนังสือชิงซงมาอ่านสักหน่อย

เฮ่อชิงเซียวมองมาก็อดแย้มยกมุมปากไม่ได้

คล้ายว่าคุณหนูโค่วได้พบสหายใหม่แล้ว

หลังคารวะสุรากันไปสามรอบ บรรยากาศกาศก็เริ่มครึ้มกำลังดี พลันมีเสียงประกาศก้องดังขึ้น “ฮ่องเต้เสด็จ…”

ทุกคนในห้องโถงต่างชะงัก คนไม่น้อยทำตะเกียบร่วงหลุดจากมือ รีบพากันลงคุกเข่าถวายบังคม “ถวายบังคมฝ่าบาท”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เข้ามาในห้องโถงท่ามกลางกลุ่มคนห้อมล้อม ไอร้อนที่กระทบใส่ทำให้ต้องหรี่พระเนตร มหาขันทีซุนเหยียนปลดเสื้อคลุมดิ้นไหมปักที่มีหิมะตกใส่อยู่ไม่น้อยออก ส่งให้ขันทีข้างๆ

ซิ่วอ๋องเดินเข้าไป “เสด็จพ่อ”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พยักพระพักตร์เล็กน้อย กวาดสายพระเนตรมองทุกคนในห้องโถง ได้เห็นผู้คนเต็มไปหมด

“แผ่นดินไหวที่ติ้งเป่ย เราคิดถึงราษฎรที่ทุกข์ยาก ค่ำคืนไม่อาจหลับตาลงได้ โชคดีที่มีผู้มีใจกุศลทุกท่าน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยติ้งเป่ยให้พ้นเคราะห์นี้มาได้ ทุกคนลุกขึ้นได้ เรามาก็เพื่ออยากพบเจอผู้มีใจกุศลในเมืองหลวงสักหน่อย”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ตอนคนไม่น้อยลุกขึ้นแอบปาดน้ำตา มีอีกหลายคนถึงกับตัวสั่นเทา

สวรรค์ บริจาคเงินนิดหน่อยถึงกับได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ ครั้งหน้ามีโอกาสจะต้องบริจาคอีก!

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มองไปยังสีหน้าคนเหล่านี้ ก็เดาความคิดส่วนใหญ่ของพวกเขาได้ แววพระเนตรฉาบไปด้วยรอยยิ้มบาง

การที่เขามาครั้งนี้เพราะอยากพบคุณหนูโค่ว หากทำให้บรรดาคหบดีซาบซึ้งยินดีทุ่มเทบริจาคเงินอีก ก็ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึง

“เราได้ยินว่า คนที่บริจาคเงินมากที่สุดก็คือคุณหนูโค่วเจ้าของร้านร้านหนังสือชิงซง”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสออกมาเช่นนี้ บรรดาคหบดีที่มีเงินทองมากมายเป็นพิเศษก็พากันรู้สึกเสียใจภายหลัง

หากรู้มาก่อนว่าบริจาคห้าหมื่นตำลึง ฮ่องเต้จะเอ่ยนาม เขาก็ต้องบริจาคเป็นแน่

เหตุใดไม่บอกก่อน!

แต่รองเจ้ากรมต้วนกลับคิดอีกอย่าง เหตุใดฮ่องเต้ไม่ตรัสว่าหลานสาวของเขาต้วนเหวินซง แต่เป็นเจ้าของร้านร้านหนังสือชิงซง?

ไม่เอ่ยถึงความคิดของผู้อื่นว่าอย่างไร แต่การที่ฮ่องเต้ตรัสเรียกชื่อย่อมต้องตอบรับ ซินโย่วก้าวออกมาถวายบังคม “หม่อมฉันโค่วชิงชิงถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท