ตอนที่ 368 คุณหนูลั่วเชื้อเชิญผู้อื่น
ไปบ่อนทองพันชั่งหรือ
เว่ยหานอึ้งไปเล็กน้อย
วันนี้คุณหนูลั่วไปหอคณิกาชายมา จะไปบ่อนทองพันชั่งอีกก็ไม่แปลก แต่ความหมายที่คุณหนูลั่วพูดกับเขาคือ…
เว่ยหานไม่เข้าใจความคิดของลั่วเซิงไปชั่วขณะจึงถามว่า “ต้องการให้ข้าไปเป็นเพื่อนหรือไม่”
ลั่วเซิงมองเว่ยหานอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง พลางเอ่ยยิ้มๆ “นี่ไม่จำเป็น แค่บอกท่านอ๋อง จะได้ไม่ทำให้คนของท่านเห็นข้าแล้วนึกว่ามีเรื่องอะไร”
คุณหนูลั่วไปเที่ยวเล่นบ่อนทองพันชั่งนั้นไม่มีใครแปลกใจ แต่หากไคหยางอ๋องปรากฏตัวขึ้นที่บ่อนทองพันชั่ง…นึกถึงภาพเหตุการณ์นั้นแล้ว ลั่วเซิงก็แอบส่ายหน้า
ถูกปฏิเสธอีกแล้ว
เว่ยหานมีความคิดนี้แวบผ่านในใจ แต่กลับสงบนิ่งไร้คลื่นความรู้สึกใดๆ
อย่างไรเสียก็คุ้นชินแล้ว
เสื้อคลุมในวันนี้ของเขาก็เป็นสีเขียวเช่นเดียวกัน ซึ่งคล้ายกับสีเสื้อคลุมที่ลั่วเซิงสวมใส่
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในม่านหิมะไร้ขอบเขตอย่างเชื่องช้า ปล่อยให้เกล็ดหิมะร่วงใส่ตามใจชอบ เสื้อคลุมตัวยาววาดผ่านหิมะ ทิ้งรอยเท้าใหญ่บ้าง เล็กบ้างเอาไว้
สือเยี่ยนซึ่งเดินอยู่ข้างหลังลูบคาง พลางทอดถอนใจ “เหมาะสมกันจริงๆ”
“สือซานหั่ว เจ้ากำลังพูดอะไรน่ะ” หงโต้วถามเสียงใส
ท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย สาวใช้ในอาภรณ์สีแดงแก้มแดงระเรื่อ นัยน์ตาเปล่งประกาย นางแบกเด็กหนุ่มเอาไว้ โดยที่ดวงหน้าไม่แดง หายใจไม่หอบ
สือเยี่ยนหัวเราะเหอะๆ “ไม่ได้พูดอะไร”
หงโต้วถลึงตา “พูดอยู่ชัดๆ!”
สือเยี่ยนหนังศีรษะชาวาบ เอ่ยอย่างขอไปทีว่า “ข้าบอกว่า นายท่านของพวกเราสวมอาภรณ์สีเขียวไม่น่ามองเท่าสีแดงสด”
หงโต้วจ้องเงาร่างสองคนที่อยู่ด้านหน้าแวบหนึ่งแล้วเบ้ปาก “พูดเหลวไหล”
“เอ่อ สวมสีเขียวก็น่ามองมากนะ” หางตาสือเยี่ยนกวาดมองเด็กหนุ่มที่ถูกแบกเหมือนสุกรที่ตายแล้วพลางรีบเปลี่ยนคำพูด
หงโต้วมองสือเยี่ยนตาขวาง “เห็นอยู่ชัดๆ ว่า คุณหนูของพวกเรางามที่สุด”
สือเยี่ยน “…” เรื่องนี้ก็ต้องนำมาเปรียบเทียบกันด้วยหรือ จิตใจที่อยากเอาชนะของสาวใช้นั้นรุนแรงจริงๆ
“แค่กๆ พี่หงโต้วเหนื่อยแล้วสินะ ข้าแบกแทนท่านสักครู่หนึ่งแล้วกัน”
คราวนี้หงโต้วโมโหแล้ว “คุยก็คุยสิ ทำไมถึงได้มาแย่งงานด้วยล่ะ”
สือเยี่ยนตัดสินใจปิดปากเสียเลย
ถึงมีหอสุราแล้ว
ธงสุราสีเขียวถูกแช่แข็งจนกลายเป็นสีขาวซีด ประตูไม้ของหอสุราที่ปิดครึ่งหนึ่ง ถึงเวลาเปิดทำการแล้ว
ลั่วเซิงหยุดเดิน รอให้หงโต้วก้าวเข้ามาก็เอ่ยสั่งว่า “เข้าทางประตูหลังเถอะ”
เว่ยหานตามไปเงียบๆ
ลั่วเซิงมองเขาแวบหนึ่งอย่างหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก “ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องเดินเข้าทางประตูหลังหรอกเจ้าค่ะ หอสุราเปิดทำการแล้ว ตรงไปร่ำสุราที่ห้องโถงใหญ่เถอะ”
เว่ยหานเอ่ยเรียบๆ ว่า “ไม่เจอต้าไป๋นานแล้ว อยากจะไปเยี่ยมมันสักหน่อย”
ลั่วเซิงลังเลเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “เช่นนั้นท่านอ๋องก็มาด้วยกันเถอะ”
สวี่ซีเกิดความสงสัยในใจ
ต้าไป๋เป็นใครกันแน่ ไคหยางอ๋องถึงกับรู้จักด้วย?
จากประตูหลังเข้ามาในลานบ้าน ต้นพลับที่มุมกำแพงต้นนั้นกลายเป็นทัศนียภาพอันโดดเด่นเสียแล้วและกำลังอาศัยรูปลักษณ์อันงดงามต้อนรับผู้คนอย่างเงียบงัน
น่าเสียดายที่ไม่มีใครชื่นชม หลายคนที่เข้ามาเดินผ่านประตูโค้งไปยังลานเล็กๆ แห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ในลานเล็กๆ ฟู่เสวี่ยกำลังปั้นตุ๊กตาหิมะ
ความสูงของตุ๊กตาหิมะที่ปั้นไม่สูงนัก แต่กลับมีชีวิตชีวา หูหลัวปัวที่ใช้แทนจมูกสะดุดตาเป็นพิเศษ
“ปั้นเสร็จแล้ว! ต้าไป๋ เจ้าว่าเหมือนหรือไม่” ฟู่เสวี่ยมองผลงานของตนเองด้วยความพอใจ พลางปรบมือ
สวี่ซีกลอกนัยน์ตามึนงง
ทำไมเขาถึงไม่เห็นคนอื่นกัน
ห่านต้าไป๋ข้างกายเด็กหนุ่มตัวนั้นยืดคอ จิกจมูกของตุ๊กตาหิมะลงมา
“ต้าไป๋ นั่นคือจมูกของตุ๊กตาหิมะ เจ้ากินมันไม่ได้นะ”
สวี่ซีสีหน้าแข็งค้าง จ้องห่านต้าไป๋ตัวนั้นเขม็ง
นั่นก็คือต้าไป๋หรือ
หงโต้วเหวี่ยงสวี่ซีลงไปบนพื้นแล้วปรบมือ “ถึงเสียที”
ฟู่เสวี่ยได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็เข้ามาต้อนรับ แววตาที่มองลั่วเซิงแฝงไปด้วยความสุข “คุณหนู…”
ความสุขของเด็กหนุ่มถูกแววตาหนึ่งทำให้แข็งค้างไปอย่างรวดเร็ว เขามองไปทางชายหนุ่มที่ทอดสายตามองมาอย่างทำอะไรไม่ถูก “ท่าน ท่านอ๋อง”
เว่ยหานพยักหน้าอย่างหยิ่งผยอง ไม่พูดอะไร
ลั่วเซิงเอ่ยเรียบๆ “ฟู่เสวี่ย หลังจากนี้เขาจะดูแลต้าไป๋กับเจ้า”
ฟู่เสวี่ยมองเด็กหนุ่มที่ถูกโยนลงบนพื้นแล้วถามอย่างยินดีว่า “นี่คือนายบำเรอคนใหม่ของคุณหนูหรือขอรับ”
หิมะพลันตกหนักขึ้นมา สายลมเองก็แรงขึ้นเช่นกัน
สวี่ซีกระเด้งตัวขึ้นมา ชี้ไปทางฟู่เสวี่ย พลางถาม “เขาคือนายบำเรอหรือ”
“ใช่แล้ว” ฟู่เสวี่ยยิ้มตาหยีขณะตอบคำถาม
สวี่ซีโมโหจนใบหน้าเขียวคล้ำ ตะคอกใส่ลั่วเซิง “ที่แท้เลี้ยงต้าไป๋ก็คือวิธีการพูดอย่างอ้อมค้อม ความจริงแล้วคือเป็นนายบำเรอให้เจ้าหรือ”
ไม่รอให้ลั่วเซิงตอบคำถาม หงโต้วก็ถ่มน้ำลาย “ฝันหวานอะไรอยู่น่ะ ท่านน่ะหรือจะเป็นนายบำเรอของคุณหนูลั่วของพวกเรา ไม่เบิกตาดูเสียบ้างเลยว่าน่ามองได้สักสามส่วนของฟู่เสวี่ยหรือไม่”
สือเยี่ยนมองฟู่เสวี่ยแล้วมองสวี่ซีเงียบๆ
ภายใต้การขับเน้นจากแสงหิมะ คนหนึ่งเปล่งประกายแวววาวดั่งไข่มุกและหยกพิสุทธิ์ คนหนึ่งดวงหน้าเปื้อนโทสะเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต
องครักษ์น้อยคิดเงียบๆ ‘นับว่ามีสามส่วน พี่หงโต้วพูดเกินจริงไปหน่อยแล้ว’
“เจ้าไม่อยากเลี้ยงต้าไป๋หรือ” เสียงของเด็กสาวดังขึ้น เย็นเยียบยิ่งกว่าหิมะที่กำลังโปรยปราย
“นอกจากข้าตายเท่านั้น!” สวี่ซีเอ่ยเสียงดังก้อง
ลั่วเซิงโค้งมุมปาก น้ำเสียงไร้คลื่นอารมณ์ “เช่นนั้นก็ดี หลังจากนี้เจ้ารับผิดชอบผ่าฟืนแล้วกัน”
ว่าแล้วเชียวว่าไม่อาจให้เจ้าเด็กนี่ว่างเกินไปได้
พลังอำนาจที่แสดงออกมาของสวี่ซีพลันชะงักไป
คุณหนูลั่วประนีประนอมง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ
เขามองฟู่เสวี่ยแวบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
เด็กหนุ่มซึ่งงดงามประหนึ่งไข่มุกหยกพิสุทธิ์กำลังมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
สวี่ซีพลันนึกถึงคำพูดของหงโต้ว
“ทำไม ผ่าฟืนก็ไม่ยินยอมหรือ” น้ำเสียงของลั่วเซิงเย็นชายิ่งขึ้น
สวี่ซีกัดฟัน พยักหน้า “ข้ายินดีที่จะผ่าฟืน!”
“เช่นนั้นก็มาเถอะ” ลั่วเซิงหมุนตัว เดินไปทางประตูโค้ง
สวี่ซีลังเลครู่หนึ่งแล้วก้าวเท้าตามไป ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บที่ขา
เขาก้มหน้าลงช้าๆ ก็เห็นห่านต้าไป๋ตัวนั้นกำลังบิดกางเกงเขาอย่างแรง
เด็กหนุ่มพลันระเบิดโทสะ ยกเท้าถีบออกไป
ที่จริงก็โชคร้ายมากพอแล้ว ห่านตัวหนึ่งยังจะรังแกเขาอีกหรือ
หนึ่งคน หนึ่งห่านตบตีกัน สุดท้ายก็เป็นเด็กหนุ่มที่พ่ายแพ้ ถูกห่านต้าไป๋ไล่จนต้องวิ่งหนีไปทั่วลาน
ลั่วเซิงยืนมองนิ่งๆ ยังคงเป็นฟู่เสวี่ยที่ในใจอดสงสารไม่ได้จึงเรียกต้าไป๋กลับไป
สวี่ซียืนหอบหายใจอยู่กลางลาน ในใจเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ถึงกับสู้ไม่ได้แม้กระทั่งห่านตัวหนึ่งเชียวหรือ
ชายร่างกำยำเดินเข้ามา “เถ้าแก่ ท่านมีอันใดจะสั่งหรือขอรับ”
ลั่วเซิงชี้ไปทางสวี่ซี “หลังจากนี้ฟืนที่หอสุราใช้ก็มอบให้เขาผ่า ตั้งใจให้คำแนะนำเขา อย่าให้เขาแอบอู้ได้”
ชายกำยำตบหน้าอก “เถ้าแก่วางใจได้เลยขอรับ รับรองว่าจะไม่ให้เขาแอบอู้แน่นอน”
สำหรับเขาแล้ว ไม่มีคุณหนูคุณชายที่ฐานะสูงศักดิ์จนได้รับการพะเน้าพะนอมากเกินไป มากน้อยอย่างไร เด็กๆ อายุเจ็ดแปดขวบก็ต้องทำงานที่ใช้แรงงานกันแล้ว
ในสายตาเขา เจ้าเด็กนี่กวนบาทา ถึงกับกล้าโมโหเถ้าแก่
“เช่นนั้นก็มอบให้เจ้าแล้ว”
ลั่วเซิงกลับไปที่ห้องโถงใหญ่
“คุณหนูลั่วจะดื่มด้วยกันสักจอกหรือไม่” เว่ยหานลองเชื้อเชิญ
“ไม่ล่ะเจ้าค่ะ ข้ารอให้ปิดร้านก่อนค่อยกิน”
ลมหิมะยังคงพัด ภายในห้องโถงใหญ่ค่อยๆ เต็มไปด้วยลูกค้า
หลินซูได้ข่าวก็เร่งรีบตามมาแล้วห้อตะบึงไปที่ตู้คิดเงิน
เว่ยหานยกจอกสุราแตะที่ริมฝีปาก แต่สายตากลับมองไปทางนั้น
“คุณหนูลั่ว ได้ยินว่าสวี่ซีอยู่ที่นี่หรือ” เสียงของหลินซูยากจะปิดบังความร้อนใจ
เขาได้รับข่าวว่าญาติผู้น้องถูกขายเข้าหอคณิกาชายไปแล้วจึงกังวลแทบตาย พอไปถึงที่นั่น เมื่อสอบถามดูก็รู้ว่าญาติผู้น้องถูกคุณหนูลั่วซื้อตัวไปแล้วจึงเร่งรีบมาที่มีหอสุราอย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้ว อยู่ที่นี่”
หลินซูรู้สึกได้ถึงสายตามองมาไม่น้อยจึงเอ่ยเสียงเบาลง “คุณหนูลั่วมีสถานที่ที่สะดวกจะพูดคุยหรือไม่”
ลั่วเซิงครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ไปดูต้นพลับกันเถอะ”
เว่ยหาน “?”