บทที่ 943 น่ากลัวว่าคุณชายหลี่สามารถเทียบเคียงผู้เบิกทางท่านนั้นได้!
บทที่ 943 น่ากลัวว่าคุณชายหลี่สามารถเทียบเคียงผู้เบิกทางท่านนั้นได้!
องค์จ้าวอู๋เฉินยังไม่รู้ตัว เห็นเป็นน้ำชาทั่วไป ความสนใจจึงไม่ได้อยู่กับน้ำชาถ้วยนี้สักนิด
นี่เพราะเขามีเรื่องให้ใคร่ครวญในใจมากเกินไป และแล้วสิ่งที่อยู่ในใจของเขาก็พลันอันตรธานหายไปหมด ความสนใจจดจ่ออยู่กับถ้วยชาในมือทั้งสิ้น
นี่…นี่มันชาประเภทใดกัน?!
เขาตกตะลึง สายตาเปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อ!
น้ำชาลงท้องไปเพียงอึกเดียว ซ้ำยังเป็นอึกเล็ก ๆ เท่านั้น แต่กลับแฝงไว้ด้วยพลังอันล้นหลาม มากกว่าพลังที่เขาได้มาจากการฝึกฝนนับล้านปีเสียด้วยซ้ำ!
แล้วยังมิใช่แค่นั้น เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงไปถึงแก่น พลังด้านต่าง ๆ ล้วนยกระดับและวิวัฒนา!
เขาตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น!
คิดดูเถิดว่าตัวเขาทรงพลังเพียงใด อย่าให้เอ่ยเลยว่ามีร่างกายสมบูรณ์แบบแค่ไหน ไฉนเลยจะยกระดับวิวัฒนาได้ง่าย ๆ บัดนี้เขากลับรับรู้ถึงการยกระดับและวิวัฒนาอย่างแท้จริง มิให้เขาตกใจได้อย่างไร!
เพียงครู่เดียวเท่านั้น พลังของเขาก็ยกขึ้นมหาศาล!
เขาเพิ่งอยู่ในขอบเขตอิสระขั้นหกตอนต้น โดยปกติต้องใช้เวลาอีกกว่าล้านปีจึงจะก้าวสู่ตอนปลาย
ทว่าบัดนี้ น้ำชาเพียงหนึ่งถ้วยก็ช่วยให้เขาบรรลุมาถึงตอนปลาย หากมิใช่ว่าเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อ!
“รสชาติไม่ดีหรือ”
หลี่จิ่วเต้าเห็นองค์จ้าวอู๋เฉินหน้าตาประหลาดไป จึงเอ่ยถาม
“ดี ดียิ่ง! นี่คือชาที่รสดีที่สุดที่ข้าเคยดื่ม!”
องค์จ้าวอู๋เฉินรีบตอบ ทุกถ้อยคำล้วนมาจากใจ
นี่คือชารสดีที่สุดที่เขาเคยดื่มอย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่วิเศษวิโส รสชาติยังล้ำเลิศเหลือคณา เรียกได้ว่าที่หนึ่งในใต้หล้า!
“รสชาติดีก็ดีแล้ว”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มโล่งอก
“มาเถิด ลิ้มรสชาต่อ”
เขาจิบน้ำชาอีกอึก ส่วนองค์จ้าวอู๋เฉินดื่มน้ำชาที่เหลือในถ้วยจนหมด
ตามคาด เป็นเช่นที่องค์จ้าวอู๋เฉินคิด หลังชาถ้วยนั้นลงท้อง เขาก็มาถึงขั้นหกตอนปลายจริง ๆ!
สุดยอด!
ยามนี้เขาไม่รู้ว่าเลื่อมใสนับถือในตัวหลี่จิ่วเต้าปานใด ความแข็งแกร่งของหลี่จิ่วเต้าเหนือกว่าที่เขาคิดไว้อย่างสิ้นเชิง!
‘เดี๋ยวก่อน หรือว่าคุณชายหลี่รู้จุดประสงค์การมาของข้าตั้งแต่แรก?!’
เวลานั้น เขาอดคิดในใจมิได้
เขารู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้ารู้จุดประสงค์ของเขาแต่แรก ถึงได้จงใจประทานชาวิเศษระดับนี้แก่เขา ช่วยเพิ่มพูนพลังให้เขาอย่างมหาศาล
อย่างที่คิด วาจาต่อมาของหลี่จิ่วเต้าช่วยให้เขาแน่ใจทันทีว่าหลี่จิ่วเต้ารู้เป้าหมายของเขาจริง ๆ!
“สหายเดินทางมาตั้งไกล เที่ยงนี้ไม่ต้องกลับหรอก อยู่กินข้าวด้วยกันเถิด”
ผู้มาเยือนล้วนถือเป็นแขก ใกล้ถึงเวลามื้อเที่ยงแล้ว หลี่จิ่วเต้าถือโอกาสขอให้องค์จ้าวอู๋เฉินอยู่กินข้าวที่นี่
องค์จ้าวอู๋เฉินปีติยินดีตั้งไม่รู้เท่าใด!
ชาถ้วยเดียวยกระดับพลังให้เขาปานนี้ หากได้กินข้าวอีกสักมื้อเขาต้องแข็งแกร่งขึ้นสักเพียงใดเชียว!
ชามิใช่ชาธรรมดา ข้าวย่อมมิใช่ข้าวธรรมดา!
เขาแน่ใจทันทีว่าหลี่จิ่วเต้ารู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาในการมาคราวนี้ ถึงได้ช่วยเพิ่มพลังให้เขาเรื่อย ๆ ให้เขาสามารถร่วมต่อสู้ในสมรภูมิมืดมิดได้
ระหว่างนั้น หลี่จิ่วเต้าเอ่ยถามองค์จ้าวอู๋เฉินว่ามีความสนใจด้านศิลปศาสตร์บ้างหรือไม่
องค์จ้าวอู๋เฉินกำลังจะตอบว่าไม่สนใจเท่าไหร่
ชีวิตนี้ของเขา ไม่อยู่ในการต่อสู้ก็อยู่ระหว่างบำเพ็ญ มิเคยข้องแวะด้านศิลปศาสตร์สักครั้ง
ทว่าขณะที่เขากำลังจะปริปากก็ลังเลขึ้นมา หวนนึกถึงน้ำชาถ้วยเมื่อครู่ จึงมิได้บอกออกไปว่าไม่สนใจ
การแลกเปลี่ยนความรู้ด้านศิลปศาสตร์เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนด้านศิลปศาสตร์จริงหรือ
เป็นไปได้อย่างไร!
เขารู้สึกว่านี่อาจเป็นวิธีชี้แนะเขาอย่างหนึ่ง!
‘ดื่มชา ขอให้อยู่กินข้าว การแลกเปลี่ยนด้านศิลปศาสตร์ย่อมเป็นการชี้แนะต่อข้าด้วยแน่นอน!’
เขาคิดในใจ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าการแลกเปลี่ยนด้านศิลปศาสตร์ก็เป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งหนึ่งเช่นกัน!
คิดมาถึงนี่ เขาไม่ลังเลอีกต่อไป “สนใจมาก!”
“ประเสริฐ!”
หลังได้ยินคำตอบขององค์จ้าวอู๋เฉิน รอยยิ้มเจิดจรัสก็ระบายบนใบหน้าหลี่จิ่วเต้า
เขามิได้สนิทกับองค์จ้าวอู๋เฉิน นี่เป็นการพบกันครั้งแรก จึงไม่รู้เลยว่าต้องสนทนาเรื่องใด หากองค์จ้าวอู๋เฉินสนใจด้านศิลปศาสตร์ เขาย่อมมีเรื่องให้สนทนากับเขาอีกมาก ไม่ต้องเก้ ๆ กัง ๆ อีก
เห็นรอยยิ้มเจิดจ้าบนใบหน้าหลี่จิ่วเต้า องค์จ้าวอู๋เฉินโล่งอก
เขาคิดถูกจริง ๆ นี่คือวาสนาการเปลี่ยนแปลง หลี่จิ่วเต้าคิดจะชี้แนะเขาผ่านศิลปศาสตร์!
“พวกเราไปดูภาพอักษรและภาพวาดของข้าที่ห้องอักษรกัน”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม เข้าไปในห้องอักษรพร้อมองค์จ้าวอู๋เฉิน
ทันทีที่เข้ามาในห้องอักษร องค์จ้าวอู๋เฉินก็อึ้งงันไป
นี่เขาได้เห็นอะไรกัน?
เขาเห็นภาพวาดขุนเขาสายน้ำและภาพดารามากมายแขวนอยู่บนผนัง อีกทั้งสัมผัสถึงจังหวะแห่งเต๋าวิเศษอัศจรรย์ที่ไหลเวียนอยู่ในภาพวาดเหล่านี้!
‘เชื่อมต่อกับดินแดนภายนอกหรือ!’
เขาสะท้านใจอย่างยิ่งยวด รับรู้ได้ว่าภาพวาดเหล่านี้มีความเชื่อต่อกับโลกภายนอก ราวกับมีพลังมหัศจรรย์บางอย่างไหลเวียนจากภาพวาดไปสู่โลกภายนอก!
‘สสารระดับสูงที่พวยพุ่งไม่หยุดอยู่ด้านนอกมาจากภาพวาดเหล่านี้หรือนี่!’
หลังเขาจับสัมผัสอย่างละเอียดแล้วก็เกือบตกตะลึงจนเสียสติ
ในพลังที่หลั่งไหลสู่โลกภายนอกแฝงไว้ซึ่งสสารฝึกฝนระดับสูงอันล้นหลาม นั่นคือสสารฝึกฝนระดับสูงที่พวยพุ่งเรื่อย ๆ อยู่ข้างนอก!
‘แหล่งกำเนิดอยู่ที่นี่เองหรือ!!!’
เขาไม่อาจเชื่อได้ลง!
สสารระดับสูงพวยพุ่งไม่หยุด สิ่งแวดล้อมในฟ้าดินเปลี่ยนแปลงมหันต์ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร เหตุใดจู่ ๆ ถึงมีสสารฝึกฝนระดับสูงเช่นนี้ปรากฏ
บัดนี้หลังได้เห็นภาพวาดเหล่านี้ เขาก็ถึงคราวกระจ่างอย่างสิ้นเชิง!
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมาจากภาพวาดเหล่านี้!
‘มิน่าถึงมีเพียงจักรวาลโกลาหลผืนนี้เท่านั้นที่เกิดการเปลี่ยนแปลง สสารฝึกฝนระดับสูงหลั่งไหลออกมาไม่หยุด ส่วนจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ หาได้มีความเปลี่ยนแปลงสักนิด ที่นี่ไม่มีภาพวาดจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ…’
เขาคิดในใจ แก้ปริศนาใหญ่ไปได้หนึ่งข้อ
“ภาพวาดเหล่านี้เป็นฝีมือคุณชายหมดเลยหรือ”
เขาถามหลี่จิ่วเต้าอย่างอดมิได้
“อืม”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า “ข้าเคยท่องเที่ยวไปทั่วทุกสารทิศ ได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามเหล่านี้จึงบันทึกเป็นภาพวาด”
หลังได้ยินคำตอบของหลี่จิ่วเต้า องค์จ้าวอู๋เฉินพูดไม่ออกอย่างแท้จริง
สวรรค์! หลี่จิ่วเต้าอยู่ในขอบเขตระดับใดกัน!?
ภาพวาดฝีมือเขาส่งผลให้ฟ้าดินเปลี่ยนแปลงไปมหันต์ พวยพุ่งสสารฝึกฝนระดับสูงปานนี้ออกมาได้ เขารู้สึกว่าการคาดการณ์ต่อหลี่จิ่วเต้าของเขาเมื่อก่อนหน้ายังต่ำเกินไป
ก่อนหน้านี้เขามองว่าหลี่จิ่วเต้าอยู่เหนือขอบเขตอิสระ บัดนี้เขากลับมองว่าอีกฝ่ายอาจเทียบเคียงผู้เบิกทางท่านนั้นก็ได้!
เหนือขอบเขตอิสระแล้วทำได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เขาคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้!
รู้สึกว่ามีแต่ต้องทรงพลังเฉกเช่นผู้เบิกทางท่านนั้นถึงทำได้เพียงนี้!
เวลานั้นหลี่จิ่วเต้านั่งลงหน้าโต๊ะฉิน
“ข้าขอบรรเลงลำนำ ‘ภูผาสูงสายน้ำไหล’ ให้สหายฟังแล้วกัน”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม สองมือวางบนสายฉิน
จากนั้นก็เริ่มบรรเลงบทเพลง