ตอนที่ 368 เมืองราชา=แร่พลังงาน (2)
ฟางผิงสะบัดหัวเล็กน้อย ช่วงเวลาสั้นๆ ในหัวก็ปรากฏความคิดผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
จากคำพูดของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามคนนี้ ภายในเมืองราชาต้นหลิวศักดิ์สิทธิ์ยังสามารถยืมพลังฟ้าดินให้กับราชาได้ ราชาหลิวอยู่ภายในเมือง ฝีมือจะแข็งแกร่งจนถึงขีดจำกัด ราชาไป๋เอ้อร์เคยขี่สัตว์ผู้พิทักษ์ของไป๋เอ้อร์มาทำสงครามใหญ่กับราชาหลิว ผลปรากฏว่ายังต้องพ่ายแพ้ไป
ข่าวลือซุบซิบพวกนี้ ฟางผิงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคุยโวหรือเป็นเรื่องจริง
เมืองของเผ่าเยาจื๋อมักจะแลกเปลี่ยนสิ่งของที่อีกฝ่ายต่างไม่มี
รวมถึงการค้าขายด้วยเช่นกัน รวมกลุ่มคนไปสำรวจบุกเบิกเขตแดนใหม่ รวมถึงต่อสู้เพื่อพันธมิตร ต่อต้านเผ่าเยามิ่งร่วมกัน
สถานการณ์หลักๆ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามคนนี้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่
แม้เผ่าเยาจื๋อจะร่วมมือกัน แต่ก็มีการกระทบกระทั่งอยู่เหมือนกัน
บางครั้งก็จะเปิดสงครามระหว่างกัน อย่างเช่นหาแร่พลังงานเจอ ทั้งสองฝ่ายย่อมลงมือช่วงชิง คนผู้นี้เคยต่อสู้แบบนี้มาก่อนเหมือนกัน
สรุปแล้วการแบ่งฝ่าย เพื่อป้องกันให้ทั้งสองฝ่ายไม่ถึงกับเป็นศัตรูกัน เมืองถ้ำใต้ดินส่วนใหญ่จะรักษาความเป็นอิสระ
“แล้วสถานการณ์ของเทือกเขาส่วนกลางเป็นยังไง?”
ตอนที่ฟางผิงถามประโยคนี้ออกมา อีกฝ่ายก็งุนงงอยู่บ้าง ไม่เข้าใจเรื่องนี้เท่าไหร่
เขาไม่รู้กระทั่งตกลงเมืองถ้ำใต้ดินทางหนานเจียงมีกี่แห่งกันแน่
รู้แค่ว่าใกล้ๆ เมืองจู้หลิวมีเมืองจู้ซงและเมืองไป๋เอ้อร์อยู่
คนธรรมดาและผู้ฝึกยุทธ์สามระดับล่างของถ้ำใต้ดินบางทีอาจต้องใช้ชีวิตอยู่รอบๆ เมืองราชาไปจนชั่วชีวิตไม่ออกไปไหนกัน ทั้งข้างนอกก็อันตรายมากเช่นกัน
“แล้วต่างแดนคืออะไร?”
“ต่างแดน…”
คำถามนี้ อีกฝ่ายเข้าใจ ไม่นานก็ให้คำตอบ
นี่นับเป็นความรู้ทั่วไปทั้งถือเป็นเรื่องเล่าตำนานด้วยเช่นกัน
ตามตำนานแผ่นดินที่พวกเขาอยู่อาศัยผืนนี้ไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว ยังมีเขตแดนอันไกลโพ้น มีทะเลกว้างใหญ่อยู่ฝั่งตรงข้าม เป็นโลกอีกโลกหนึ่ง
แต่โลกพวกนี้ไม่เชื่อมต่อซึ่งกันและกัน มีสิ่งขวางกั้นระหว่างฟ้าและดินอยู่
แน่นอนว่าเป็นแค่ตำนานเท่านั้น ก่อนหน้านี้คนของเมืองจู้หลิวก็ฟังเป็นแค่เรื่องเล่า
แต่สงครามใหญ่เมื่อตอนกลางวันนี้ทำให้หลายคนนึกเชื่อมโยงไปถึงตำนานนี้ นี่ถึงมีเรื่องราวของยอดฝีมือต่างแดนเผยแพร่ออกมา
เรื่องจริงพิสูจน์แล้วว่าตำนานน่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ
เมืองราชาไม่ได้มีคนปฏิเสธเรื่องนี้
ทั้งแผ่นดินที่พวกเขาอยู่ เนิ่นนานก่อนหน้านี้ถูกคนเรียกว่าอาณาจักรหนานจิ่ว นี่ก็เป็นหลักฐานที่พิสูจน์ว่าแผ่นดินไม่ได้มีแค่ที่นี่ผืนเดียว
บางทีพวกยอดฝีมืออาจจะรู้ความจริงเรื่องนี้ มีแค่ผู้อ่อนแอเท่านั้นที่มองเป็นตำนานเรื่องเล่า
“อาณาจักรหนานจิ่ว…”
ในใจของฟางผิงนึกถึงเรื่องมากมาย ถ้ำใต้ดินเชื่อมต่อถึงกันจริงๆ ด้วย
ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาคนนั้นก็เคยบอกว่านอกสุดของถ้ำใต้ดินบางทีอาจจะเป็นทะเลกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา รอบนอกของแผ่นดินเป็นภูมิภาคเล็กๆ ที่มีรูปแบบเป็นชิ้นส่วน ก็คือถ้ำใต้ดินที่มนุษย์เห็นนั่นเอง
ใจกลางสุดยังมีแผ่นดินที่เจริญรุ่งเรืองอยู่ผืนหนึ่ง
ในความคิดของฟางผิงการคาดเดาพวกนี้มีโอกาสเป็นได้สูงแล้ว
“ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้และถ้ำใต้ดินหนานเจียงห่างกันไกลหรือเปล่า?”
“อะไรคือสิ่งขวางกั้นระหว่างฟ้าและดิน? ช่องว่างมิติ? แต่ในเมื่อเป็นโลกเดียวกัน ทำไมถึงถูกแบ่งแยกแบบนี้?”
“หากมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ ทำไมยอดฝีมือพื้นที่ส่วนกลางถึงไม่เปิดทางเดินในพื้นที่ส่วนกลางหรือจะพูดว่าช่องว่างที่เชื่อมต่อกันมีข้อกำหนดตายตัว พวกเขาทำได้แค่ชักนำให้เกิดทางเดินใหม่?”
“ตกลงพวกผู้บัญชาการหลี่เคยไปพื้นที่ส่วนกลางมาหรือเปล่า?”
ฟางผิงเกิดความคิดเชื่อมโยงอีกครั้ง!
ตกลงยอดฝีมือระดับสูงพวกนี้เคยไปมาก่อนหรือไม่?
คนอย่างพวกเขาต่างแข็งแกร่งจนถึงขีดสุด อย่างน้อยจากปากของหลายคน ฟางผิงก็รู้ว่าผู้บัญชาการหลี่ของหน่วยทหารแข็งแกร่งไร้เทียบเทียม หนึ่งต่อสามยังสามารถสังหารขั้นเก้าได้
หากฟางผิงมีความสามารถแบบนี้คงอดไปค้นหาข้อมูลที่พื้นที่ส่วนกลางไม่ได้อยู่แล้ว?
อย่างน้อยฟางผิงก็คิดว่าตัวเองทนไม่ได้แน่!
อย่าพูดถึงเป็นยอดฝีมือในหมู่ขั้นเก้าเลย แม้จะอยู่ขั้นเจ็ด เขาก็กล้าจะฝ่าไปยังพื้นที่ส่วนกลางสักครั้งเช่นกัน
ถ้าไปแล้ว เบื้องบนก็จะรู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังของถ้ำใต้ดินไม่ใช่หรือไง?
“ตำแหน่ง! ความสามารถ!”
ฟางผิงพึมพำในใจอีกครั้ง เขาต้องอาศัยการคาดเดาทุกครั้ง เกรงว่ายอดฝีมือพวกนั้นจะทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว!
ครั้งนี้กลับไปบนโลก ไม่ว่าจะยังไงต้องเข้าใจข้อมูลให้มากกว่านี้ให้ได้แล้ว
ครั้งก่อนเขาและฉินเฟิ่งชิงเอาตำรากลับมา มีการแปลความออกมาหรือยัง ต้องไปถามสักหน่อย ยังไงก็ต้องรู้ข้อมูลให้ได้บ้าง
หลังจากนั้นฟางผิงก็ถามเรื่องเกี่ยวกับการเข้าไปในเมืองราชา
อันที่จริงการเข้าเมืองไม่ใช่เรื่องซับซ้อน เมืองถ้ำใต้ดินไม่ได้ห้ามการไปมาหาสู่ของมนุษย์ถ้ำ แม้จะตัดขาดกับเผ่าเยามิ่งก็พุ่งเป้าไปแค่พวกระดับสูงเท่านั้น พวกระดับล่างเจอกันในป่าข้างนอกก็ไม่ถึงกับต่อสู้เอาเป็นเอาตายเสมอไป
แต่เมืองราชาก็แบ่งเป็นส่วนเมืองชั้นนอกและเมืองชั้นในเช่นกัน เมืองชั้นนอกสามารถเข้าไปได้ แต่เมืองชั้นในมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา
ส่วนจะเข้าไปเมืองชั้นในยังไง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามคนนี้ไม่เคยเข้าไปมาก่อน ในหมู่บ้านเล็กๆ มีแค่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางคนนั้นที่เคยเข้าไป
ตอนนี้ฟางผิงยังคงทราบถึงข้อมูลที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง!
เมืองราชาล้วนสร้างอยู่บนแร่พลังงานขนาดใหญ่มหึมา!
สัตว์ผู้พิทักษ์ของเมืองบางทีอาจจะเป็นเจ้าของแร่พลังงานในอดีต!
แร่พลังงานขนาดใหญ่อาจจะเป็นแหล่งแร่หมุนเวียน เมืองราชาไม่อาจฆ่าไก่เอาไข่ขุดแร่ออกไปทั้งหมด ส่วนที่สำคัญที่สุดไม่อาจขุดออกไป ทำได้แค่ใช้หินพลังงานรอบนอกของแหล่งแร่บางส่วนเท่านั้น
ไม่ใช่แค่เมืองราชา เมืองเล็กๆ บางส่วนอันที่จริงก็สร้างอยู่บนแหล่งแร่เช่นกัน!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง อันที่จริงหนึ่งเมืองก็นับเป็นแหล่งแร่หนึ่งแห่ง!
ฟางผิงแทบจะตาลุกโชน
ข้อมูลนี้สำคัญมากจริงๆ นี่ไม่ได้หมายความว่ากวาดรังเมืองถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่งก็สามารถคว้าแร่พลังงานขนาดใหญ่มาได้แล้ว?
“นึกไม่ถึงว่าพวกผู้บัญชาการหลี่จะไม่ทำลายเมือง เสียดายจริงๆ!”
ฟางผิงลอบด่า แม้จะรู้ว่าคนพวกนี้ต้องยกเรื่องผลประโยชน์ส่วนรวมมาพูด แต่แร่พลังงานสำคัญมากจริงๆ
ผู้ฝึกยุทธ์ใช้แร่พลังงานฝึกวิชาให้ประสิทธิภาพดีกว่ายาบำรุงอยู่หลายขุม
“น่าเสียดายที่ฝีมืออ่อนไปอยู่บ้าง ต้นหลิวศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน แทนที่จะพูดว่าสัตว์ผู้พิทักษ์เมืองยังไม่สู้บอกว่าเป็นผู้พิทักษ์แร่พลังงาน ทางถ้ำใต้ดินคงจะมีคนห้ามความโลภไม่อยู่ไปขโมยหินพลังงานเหมือนกัน น่าจะถูกฆ่าเกลี้ยงเป็นปุ๋ยบำรุงไปหมดแล้ว”
ฟางผิงถอนหายใจ ทั้งอยากลองดูอยู่บ้าง ม่านพลังงานนี้ของเขาจะสามารถปิดบังฟ้าอำพรางทะเลได้หรือเปล่า?
อันตรายไม่น้อย!
ไม่สิ ครั้งนี้เข้าเมืองไม่ใช่เพื่อหินพลังงาน แต่เพื่อสืบข้อมูลต่างหาก
ข้อมูลของหน่วยทหารเมืองราชา ข้อมูลระดับสูงถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญ
ส่วนเรื่องอื่นๆ ล้วนเป็นเรื่องรอง
ฟางผิงเตือนตัวเองอีกครั้ง อย่าได้บุ่มบ่ามเด็ดขาด จะตายเอาง่ายๆ
ถามเรื่องที่ควรก็ถามแล้ว เห็นผู้ฝึกยุทธ์ที่คุกเข่าบนพื้นตัวสั่นงั่นงก ฟางผิงเผยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ ถึงจะจอมปลอมก็ต้องเสแสร้งออกไป
ถามเสร็จแล้ว นายให้ความร่วมมือดีขนาดนี้ งั้นฉันคงไม่อาจโหดเหี้ยมจนเกินไป
ชั่วพริบตานั้นก็ระเบิดพลังจิตใจทำลายระบบสมองของอีกฝ่ายทันที
ฟางผิงไม่ชักช้าเช่นกัน คว้าศพขึ้นมา ไม่นานก็ออกจากย่านตลาด วิ่งอย่างบ้าคลั่งไปสุดทาง หาป่าเล็กๆ เจอแล้วก็ล่อสัตว์ประหลาดระดับล่างพวกนั้นมารุมกินซากศพ
ส่วนหินพลังงานไม่กี่ชิ้นบนร่างของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามคนนั้น ฟางผิงรับไว้เช่นกัน ส่วนของในบ้านพวกนั้นเขากลับไม่ได้แตะต้อง
ความจริงยังอยากจับคนในหมู่บ้านอีกสักคนมาไถ่ถาม แต่ฟางผิงครุ่นคิดแล้วก็ไม่กลับไปในหมู่บ้านอีก เดินไปยังทิศทางเมืองราชาแทน
ทางนั้นเป็นที่ตั้งของเมืองจู้หลิว ทั้งสองฝั่งไปมาหาสู่กันได้
ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์เมืองจู้ซงที่ผ่านมาคนหนึ่ง แปลงกายเป็นคนของเมืองจู้ซงน่าจะเหมาะสมกว่า ยังไงก็เป็นคนต่างถิ่น
ถึงเวลานั้นเค้นถามจากคนเมืองจู้ซงอีกคนก็สมบูรณ์แบบพอดี
วางแผนแล้ว ฟางผิงก็ไม่ชักช้าอีก เวลาเป็นสิ่งมีค่าที่สุด
ตอนนี้เขาเปิดม่านพลังจิตใจ หนึ่งนาทีต่อค่าทรัพย์สินหนึ่งหมื่น หนึ่งชั่วโมงเป็นค่าทรัพย์สินหกแสน!
ใกล้ๆ ละแวกเมือง ฟางผิงไม่กล้าคลายการป้องกันเช่นกัน เปิดไว้ตลอดเวลา ทั้งวันทั้งคืนนั่นเป็นค่าใช้จ่ายเกือบสิบล้านแล้ว!
“ครั้งนี้กอบโกยเงินก้อนใหญ่ไม่ได้ ฉันต้องขาดทุนหนักแล้ว!”
“ทั้งจะอยู่นานเกินไปไม่ได้ ไม่งั้นถูกระดับสูงเจอเข้าก็เป็นปัญหาแล้ว” ฟางผิงวางแผนในใจ ตอนนี้เขาปิดบังคนทั่วไปไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่เจอกับยอดฝีมือระดับสูง…พูดได้ยากว่าจะปิดบังได้จริงๆ
“บางทีอาจต้องแกล้งเป็นคนธรรมดา แต่คนธรรมดาฐานะต่ำเกินไป เคลื่อนไหวในเมืองราชาจะถูกจำกัดอยู่บ้าง”
ความคิดต่างๆ นานาผุดขึ้นมา ฟางผิงอดนึกถึงคนอื่นๆ ไม่ได้ ตอนนี้คนพวกนั้นทำอะไรอยู่?
มีชีวิตรอดหรือตายไปแล้ว?
———————–