บทที่ 490 ข้าคือน้องหญิงของอานั่วซือ
บทที่ 490 ข้าคือน้องหญิงของอานั่วซือ
“ท่านเทพธิดา ที่นี่คือฉางเซิงเทียนจริงหรือ ทุกคนต่างแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง!”
ชาวเทียนกู่น่าทุกคนต่างตื่นเต้นไม่มากก็น้อย แม้ว่าพวกเขาจะอยู่บนหลังสัตว์ร้ายยักษ์ยังสามารถสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งของนักรบในเผ่า ล้วนแข็งแกร่งกว่าพวกเขามากนัก
เสี่ยวเป่าห่อเสื้อคลุมบนร่างให้แน่นขึ้น พร้อมถือเตาอุ่นมือเอาไว้ “ควรเป็นเช่นนั้น”
ไหมเหมันต์กับโสมเหมันต์ ไม่รู้ว่าถูกเก็บเอาไว้ที่ใด
อานั่วซือยังคงไม่กลับมา แต่มีคนจากเผ่ามาหาพวกเขาถึงถ้ำแล้ว
เป็นหัวหน้าเผ่า
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่มองทางเสี่ยวเป่าด้วยสายตาเย็นชา
เห็นเช่นนี้แล้ว ชาวเทียนกู่น่าและเสือทั้งสองต่างก็มียืนด้านหน้าเสี่ยวเป่าตั้งท่าป้องกัน
“เจ้าเป็นน้องหญิงของอานั่วซือจริงหรือ”
เสี่ยวเป่าเม้มริมฝีปากไม่เอ่ยสิ่งใด นางเองก็สัมผัสได้ถึงความเป็นศัตรูของคนผู้นี้อย่างชัดเจน
หัวหน้าเผ่ามองเสือทั้งสองที่อยู่ข้างกายนางแล้วเหยียดยิ้ม “เจ้าไม่มีทางเป็นน้องหญิงของเขา ตั้งแต่มาถึงเผ่าอานั่วซือก็ไม่เคยเอ่ยถึงเจ้าเลย เจ้าเป็นคนนอกเผ่า”
เสี่ยวเป่าเอ่ย “ข้าเป็นน้องหญิงของอานั่วซือ”
ไม่ว่าใคร ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้ตายนางก็ไม่มีทางยอมรับ!
หัวหน้าเผ่าจับจ้องนางด้วยสายตาเย็นเยียบ พยายามให้แรงกดดันของหัวหน้าเผ่าทำให้นางกลัวจนพูดความจริงออกมา
ทว่า…
น่าขันนัก นับได้ว่าห่างชั้นจากท่านพ่อนางมาก!
เสี่ยวเป่าอยากจะส่งเสียงหัวเราะออกมาจริง ๆ
ได้เพียงแค่นี้หรือ
“เจ้า!”
จิตสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาหัวหน้าเผ่าทันใด
“เจ้ากำลังทำสิ่งใด!”
อานั่วซือกลับมาพอดี สายตาเย็นเยือกจับจ้องทางหัวหน้าเผ่าเขม็ง
แม้เขาจะตัวเตี้ยกว่าหัวหน้าเผ่า แต่ความทรงพลังที่แผ่ออกมาก็ไม่ด้อยไปกว่ากันเลย
“อานั่วซือ ในเผ่าไม่มีคนนอก เว้นเสียแต่ทาส”
อานั่วซือเดินเข้ามาดันคนผู้นั้นให้หลีกไป ท่าทางไม่เกรงกลัวอย่างยิ่ง
“นางเป็นน้องหญิงของข้า ไม่ใช่คนนอก”
“เจ้าโกหก”
“หากมีหลักฐานก็นำออกมา ตอนนี้ข้าพูดเช่นไรก็เป็นเช่นนั้น!”
หัวหน้าเผ่ารู้สึกว่าอำนาจของตนถูกท้าทาย จึงชกออกไปด้วยความโกรธ
อานั่วซือไม่ถอย เข้าเผชิญหน้าโดยตรง ต่อยสวนกลับไปทันที
ทั้งสองเริ่มต่อสู้กันจนออกไปนอกถ้ำ ดึงดูดความสนใจของเหล่านักรบในเผ่าได้ชะงัด
“เหตุใดหัวหน้าเผ่าจึงต่อสู้กับอานั่วซือเล่า”
“หัวหน้าเผ่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ชอบอานั่วซืออยู่แล้ว เขาต้องการจะขับไล่อานั่วซือมาโดยตลอด”
“เพราะเหตุใดกัน อานั่วซือแข็งแกร่งอย่างยิ่ง หลังเติบโตเต็มที่แล้วก็สามารถเข้าร่วมกับพวกเราเพื่อออกล่าได้”
“เพราะไซ่ม่ายน่าตายแล้ว เป็นอานั่วซือที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เขากลับมาโดยไม่ได้พาไซ่ม่ายน่ามาด้วย”
ไซ่ม่ายน่าเป็นสตรีที่สวยสุดในเผ่า
กล่าวแล้วผิวของไซ่ม่ายน่าก็ขาวยิ่งกว่าผู้ใดในหมู่พวกเขา แม้ไม่เท่ากับน้องหญิงของอานั่วซือ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความงามของนางเป็นที่ยอมรับจากพวกเขาทุกคน
ทว่ากลับเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ไซ่ม่ายน่าหายตัวไป
ครั้งต่อมาที่ได้รับข่าวคราวก็คือตอนที่อานั่วซือกลับมา พร้อมทั้งจดหมายเปื้อนเลือดและหลักฐานยืนยันตัวตนของนาง
สตรีงามสุดของฉางเซิงเทียน กลับต้องอยู่ในมือคนนอกเผ่าไปตลอดกาล
พวกเขาทุกคนต่างเกิดโทสะพลุ่งพล่าน คนนอกเผ่าปฏิบัติต่อเทพธิดาของพวกเขาอย่างเลวร้าย
นี่ทำให้พวกเขาต้องการออกจากฉางเซิงเทียนด้วยความเกลียดชังเพื่อทำลายคนนอกเผ่าให้ราบคาบ
แต่พวกเขาถูกผู้อาวุโสเผ่าห้ามปรามเอาไว้ เนื่องจากพวกเขาไม่อาจให้คนทั้งเผ่าออกจากฉางเซิงเทียนเพื่อแก้แค้น อีกทั้งกล่าวตามจริงแล้ว อานั่วซือก็ได้ล้างแค้นแทนมารดาไปแล้ว ยามกลับมาเขาได้สังหารบิดาเป็นที่เรียบร้อย
กล่าวถึงเรื่องนี้แล้วให้ความรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ใช่แล้ว อานั่วซือเป็นองค์ชายในอดีตกษัตริย์ซยงหนู เขาทำตามที่มารดาได้ชี้แนะไว้ก่อนตายโดยการกลับฉางเซิงเทียน ก่อนออกเดินทางยังได้สังหารกษัตริย์ชราแห่งซยงหนูด้วย
น่าเสียดาย ในยามนั้นเนื่องจากสภาพร่างกายและเหตุผลอื่น ๆ เขาจึงไม่สามารถพาร่างของไซ่ม่ายน่าออกมาด้วยได้
ความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าเผ่าและไซ่ม่ายน่าดีเป็นอย่างมาก ยามนางหายตัวไปเขาไม่เคยยอมแพ้ที่จะตามหาสักครั้ง
อานั่วซือมีสายเลือดคนนอกเผ่าที่ทำให้ไซ่ม่ายน่าตายอยู่ครึ่งหนึ่งไหลเวียนอยู่ อีกทั้งไซ่ม่ายน่ายังเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องอานั่วซือเอาไว้ ดังนั้นหัวหน้าเผ่าจึงพาลโกรธหลานผู้นี้ยิ่งนัก ไม่มีความรู้สึกชื่นชอบแม้แต่น้อย
เคยแม้แต่คิดจะสังหารบุตรของศัตรูผู้นี้เสียด้วยซ้ำ
แต่เลือดของไซ่ม่ายน่าในร่างของอานั่วซือหยุดยั้งไม่ให้เขาลงมือ จึงต้องการเพียงขับไล่ออกไป ทว่ากลับถูกผู้อาวุโสเผ่าห้ามปรามเอาไว้
ขณะเดียวกันที่ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด เสี่ยวเป่าก็รวมตัวเข้าไปในฝูงชน ฟังเรื่องราวซุบซิบจากพวกเขา ได้ข้อมูลรายละเอียดเรื่องราวมาจัดเรียง
“ข้าคิดว่าหัวหน้าเผ่ายังคงต้องการพาคนออกไปจัดการกับคนนอกเผ่าที่หาญกล้าจับตัวไซ่ม่ายน่าเอาไว้เหยียบย่ำ”
“ไซ่ม่ายน่าได้รับการเลี้ยงดูจากหัวหน้าเผ่าจนเติบใหญ่ เขาปฏิบัติกับนางราวบุตรีมาโดยตลอด ดีกว่าคู่ต๋าไม่รู้เท่าใด”
เสี่ยวเป่าขัดขึ้นมา “แม้หัวหน้าเผ่าพวกท่านจะพาคนออกไปด้านนอกฉางเซิงเทียนก็ไม่พบศัตรูหรอก”
ตอนนั้นเองพวกเขาจึงได้พบว่ามีเด็กน้อยแสนงดงามแอบเข้ามาอยู่ท่ามกลางหมู่พวกเขาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้
ทุกคน “….”
เหตุใดจึงไม่รู้ตัวเลย!
เสี่ยวเป่า : ผิดที่ข้าตัวเล็กไป ส่วนพวกท่านตัวสูงไป
“เจ้ามาจากด้านนอกหรือ อานั่วซือบอกว่าเจ้าเป็นน้องหญิงของเขา เช่นนั้นช่วยพาพวกเราไปหาเผ่านั่นหน่อยได้หรือไม่”
เสี่ยวเป่ามองแล้วส่ายหัว “หาไม่เจอหรอก เผ่านั่นถูกทำลายสิ้นแล้ว”
หลังจากเสี่ยวเป่าเอ่ยจบก็พบว่าหัวหน้าเผ่าหยุดมือแล้ว มองดูนางด้วยประกายตาเฉียบคม
“เจ้าพูดอันใด!”
เสี่ยวเป่ารีบถอยไปหลบหลังอานั่วซือ
“เผ่านั่นนามว่าซยงหนู เป็นเผ่าที่ทรงพลังสุดบนทุ่งหญ้า ทว่ายามที่ข้ามายังฉางเซิงเทียนก็ถูกอาณาจักรที่เรียกว่าต้าเซี่ยทำลายสิ้นแล้ว”
เสี่ยวเป่ายังคงจำฐานะของตนเองยามนี้ได้ จึงไม่ได้บอกว่าซยงหนูถูกท่านพ่อนางทำลายแล้ว