บทที่ 491 โรงงานเครื่องดื่ม
บทที่ 491 โรงงานเครื่องดื่ม
อู๋ฝานพยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ ชาตื่นรู้มีวัตถุดิบที่ต้องหาซื้อจากโลกแห่งเกม ดังนั้นวัตถุดิบในโลกความเป็นจริงที่เขาฝากเอาไว้จึงมีอย่างจำกัด ภายใต้เงื่อนไขนี้สามารถผลิตชาตื่นรู้ได้ถึงหนึ่งหมื่นลังก็ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากแล้ว
“ได้ลองชาตื่นรู้กันรึยังครับ?” อู๋ฝานมองจิงเฟิงพลางถาม
“ลองแล้วครับ!” จิงเฟิงเผยดวงตาเป็นประกายแสดงอาการตื่นเต้น
“เป็นยังไงบ้างครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
เครื่องดื่มอย่างชาตื่นรู้เป็นอะไรที่แตกต่างจากครีมผิวกระจ่างและยาทาลบรอยแผลเป็น ดังนั้นเกาหานจึงไม่ได้ทดสอบผลิตภัณฑ์ทั้งสอง เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนที่จะมีรอยแผลเป็นหรืออยากผิวขาว ด้วยเหตุนั้นจึงไม่ได้ทำการทดสอบ แต่ชาตื่นรู้แตกต่างออกไป มันเป็นเครื่องดื่มที่ใครก็สามารถดื่มได้ จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่จิงเฟิงจะทดลอง
“ยอดเยี่ยมไปเลยครับ!” จิงเฟิงตอบรับอย่างตื่นเต้น “เครื่องดื่มนี่ทำให้พวกเราสดชื่นเหมือนอย่างที่เถ้าแก่ว่าเอาไว้ ตอนแรกก็อ่อนเพลียเหนื่อยล้าอยู่บ้าง แต่พอดื่มชาตื่นรู้เข้าไปก็สดชื่นอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งรู้สึกว่าความอ่อนเพลียที่เคยมีหายไป เหมือนได้รับการเติมเต็มพลังงานเลยทีเดียว”
ยิ่งจิงเฟิงได้พูดถึงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแสดงอาการตื่นเต้นยินดีออกมามากเท่านั้น ก่อนหน้านี้อู๋ฝานบอกเพียงว่ามีสรรพคุณช่วยให้สดชื่นขึ้น แต่ก่อนจะได้ทดลองจิงเฟิงแทบไม่ได้เชื่ออะไรมากนัก เนื่องจากสินค้าในตลาดก็มีคำโฆษณาที่คล้ายกันนี้อยู่ทั่วไปหมด ทว่าไม่มีรายการใดที่ให้ความรู้สึกสดชื่นได้จริง ๆ หรือหากมีก็เล็กน้อยจนแทบไม่รู้สึก! เรียกได้ว่าสินค้าในตลาดส่วนใหญ่โฆษณาชวนเชื่อเกินไป
ดังนั้นตอนที่อู๋ฝานบอกว่าชาตื่นรู้มีสรรพคุณช่วยให้ความสดชื่นและคลายความอ่อนล้า จิงเฟิงจึงมองว่าเป็นคำโฆษณาเกินเลยเหมือนสินค้าอื่น เพราะในแง่รูปลักษณ์ชาตื่นรู้และชาทั้งหลายในท้องตลาดก็มีหน้าตาแทบไม่ได้แตกต่างกัน
แต่หลังได้ทดลองกับตัวเอง จิงเฟิงก็ได้ตระหนักว่าคำอธิบายของอู๋ฝานไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อแม้แต่น้อย ชาตื่นรู้ให้สรรพคุณดังคำกล่าวอ้างอย่างชัดเจน!
จิงเฟิงแทบจะเดาได้ว่าหากเมื่อไหร่สินค้าวางจำหน่ายจะสร้างความปั่นป่วนในตลาดได้มากมายเพียงใด ในฐานะผู้จัดการของที่นี่เขาจึงรู้สึกภาคภูมิขึ้นมาด้วยซ้ำ
อู๋ฝานยิ้มตอบและพยักหน้ารับ “ดีแล้วครับ เหมือนสินค้าของพวกเราจะเป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้”
แท้จริงแล้วสรรพคุณของชาตื่นรู้ถูกดัดแปลงให้มีฤทธิ์น้อยลงแล้วซะด้วยซ้ำ เนื่องจากอู๋ฝานเป็นมาสเตอร์ด้านการปรุงยาจึงทำได้ ไม่เช่นนั้นแล้วสรรพคุณของมันจะดีเยี่ยมยิ่งกว่านี้ แต่อะไรที่ดีเกินไปก็มักจะนำพาปัญหามาด้วย ทำให้ต้องตัดสินใจปรับเปลี่ยนสูตรก่อนจะให้จิงเฟิงนำไปขึ้นกระบวนการผลิต จนสุดท้ายได้มาเป็นสินค้าเช่นตอนนี้ที่สรรพคุณไม่ได้เกินเลยเหมือนก่อนหน้า แต่ก็ยังดีมากพอจะเป็นเครื่องดื่มชั้นนำได้
“ดีเลยแหละครับ” จิงเฟิงตอบรับ “ผมให้พนักงานขายของโรงงานออกไปนำเสนอชาตื่นรู้แล้ว เพราะที่นี่เคยผลิตเครื่องดื่มออกวางจำหน่ายเลยพอมีเส้นทางอยู่ การนำเสนอสินค้าจึงไม่ใช่เรื่องยากครับ”
“แค่นั้นยังไม่พอครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “ก่อนหน้านี้ทางโรงงานมีเส้นทางค้าขายน้อยเกินไป ต้องเพิ่มกำลังคนพัฒนาเส้นทางการขายให้ดียิ่งกว่านี้ และก็ต้องเริ่มโฆษณาให้คนได้รู้จักสินค้าด้วยครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องงบประมาณในช่วงเริ่มต้น การลงทุนเพื่อคว้าสัดส่วนทางการตลาดมาครอบครอง รวมกับสินค้าของเราที่ดีจนน่าภูมิใจอยู่แล้ว ยังไงมันก็ต้องติดตลาดอย่างแน่นอนครับ”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ” จิงเฟิงที่เป็นผู้จัดการมานานคุ้นเคยกับเรื่องราวเหล่านี้ดี “ผมจะให้คนเดินหน้าประชาสัมพันธ์และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายครับ”
“ครับ” อู๋ฝานพยักหน้ารับ “และน่าจะต้องเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าอย่างต่อเนื่องด้วยนะครับ เรื่องวัตถุดิบหลักผมจัดการเอง ส่วนทางคุณจัดการเรื่องวัตถุดิบรองทั้งหลายได้เลย ส่วนของผมจะนำมาจัดส่งในไม่ช้า ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป เพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่องอย่างมั่นคงได้เลยครับ”
“ได้เลยครับเถ้าแก่” จิงเฟิงที่ได้ทราบถึงสรรพคุณของชาตื่นรู้ด้วยตัวเองย่อมคิดอยากจะสู้ศึกครั้งใหญ่นี้ขึ้นมา เขาอยากเห็นว่าชาวิเศษนี้สุดท้ายแล้วจะก้าวหน้าไปได้จนถึงจุดไหน
อู๋ฝานร่วมทางกับจิงเฟิงเดินตรวจสอบโรงงานเครื่องดื่ม ความสามารถของอีกฝ่ายเป็นของจริง การจัดการที่เขาเตรียมเอาไว้ทำให้ทั้งโรงงานดำเนินงานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ชาตื่นรู้แต่ละขวดต่างถูกผลิตและบรรจุลัง ก่อนจะเรียงรายในโกดังเพื่อรอคอยการจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
ก่อนจะเดินทางกลับ เขาขอให้จิงเฟิงส่งคนไปส่งชาตื่นรู้ที่ร้านโลกในแหวน เนื่องจากร้านอาหารเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับนำเสนอเครื่องดื่มใหม่ อู๋ฝานไม่มีทางพลาดโอกาส อย่างไรมันก็เป็นกิจการของเขาเอง หากได้ร้านโลกในแหวนช่วย อาจประหยัดค่าโฆษณาไปได้หลายล้าน อีกทั้งกิจการของร้านอาหารช่วงนี้ก็กำลังเฟื่องฟู คนร่ำรวยมากมายต่างแวะเวียนมาใช้บริการกันไม่ขาดสาย
หลังเดินทางกลับจากโรงงานเครื่องดื่มก็ใกล้พลบค่ำแล้ว อู๋ฝานไม่ได้กลับไปยังร้านโลกในแหวน แต่ไปยังบ้านที่เพิ่งซื้อและย้ายเข้าไปอยู่อาศัย เพราะวันนี้เป็นวันย้ายเข้าบ้านวันแรก ดังนั้นเขาจึงอยากฉลองอะไรเล็กน้อยอย่างเป็นกันเองภายในบ้าน
“ทำไมมาที่นี่กันได้ล่ะครับ?” ขณะอู๋ฝานกลับถึงบ้าน นอกจากสองฝาแฝดแล้วก็ยังมีถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่มารออยู่ก่อน
ถังอวี่เฟยตอบกลับ “พวกเรามาร่วมฉลองบ้านใหม่ของคุณค่ะ หรือว่าไม่ต้อนรับกันคะ?”
“ไม่เลยครับ ต้องต้อนรับอยู่แล้ว เชิญครับ” อู๋ฝานตอบกลับ
บ้านหลังนี้ซื้อมาจากกิจการอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลถัง ดังนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจที่ถังอวี่เฟยมาเยือนถึงหน้าประตูบ้านได้ แต่ที่ทำเขาประหลาดใจคือการที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถึงขั้นมากับอีกฝ่ายด้วย
“อู๋ฝาน รสนิยมคุณดีไม่น้อยเลยค่ะ บ้านหลังนี้ใช้ได้เลย” ถังอวี่เฟยสำรวจบ้านพลางตอบ “แต่ออกจะเล็กไปบ้างนะคะ”
“สำหรับสามคนก็ถือว่ามากเกินพอแล้วครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “จะว่าไปแล้วก็ต้องขอบคุณที่ให้คำแนะนำด้วยนะครับ”
“อย่าเลยค่ะ คุณไม่รับบ้านที่ท่านปู่ฝากมามอบให้ เรื่องนี้ฉันโดนต่อว่าไปไม่น้อยเลย” ถังอวี่เฟยตอบกลับ
“ผมรับความหวังดีเอาไว้แล้วครับ แต่บ้านหลังนั้นแพงเกินไป ผมรับเอาไว้ไม่ได้ครับ” อู๋ฝานตอบกลับ
“ค่ะ ฉันรู้ว่าคุณกังวลอะไรเลยไม่คิดจะโทษอะไรอยู่แล้วค่ะ” ถังอวี่เฟยโบกมือตอบอย่างไม่ใส่ใจ
เดิมถังอวี่เฟยอยากเข้าหาอู๋ฝานเพราะคำสั่งของทางตระกูล แต่พอเวลาผ่านไปความคิดของเธอก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เธอทราบดีว่าการมอบบ้านราคาแพงให้นั้นมีความหมายอื่น หากเป็นก่อนหน้านี้ตนคงหาทางทำให้ชายหนุ่มยอมรับเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทว่าตอนนี้หญิงสาวไม่ทำแบบนั้น เพียงแค่บอกตามเรื่องราวที่ควรเป็น หลังถูกปฏิเสธก็ไม่รบเร้า ทั้งยังขอให้ถังอวี๋เฮ่าช่วยเลือกบ้านที่เหมาะสมหลังอื่นให้
กับเรื่องที่โดนปู่ต่อว่านั้นเธอไม่คิดใส่ใจอะไรอีก กระทั่งมองข้ามไปซะด้วยซ้ำ
“ครับ ตอนนี้เชิญนั่งก่อน ผมจะเข้าครัวไปทำอาหารให้ทาน” อู๋ฝานเอ่ยบอก
“นายน้อยคะ พวกเราช่วยนะคะ” เหมยอวี่และเหมยเสวี่ยต่างรีบเสนอตัว
“ไม่เป็นไรครับ ถึงจะเหมือนคุยอวด แต่ฝีมือการทำอาหารของพวกคุณยังสู้ผมไม่ได้หรอกนะ วันหลังค่อยทำให้ผมทาน แต่วันนี้เพราะเป็นมื้อแรกของบ้านหลังใหม่ ผมขอทำด้วยตัวเองดีกว่าครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ