บทที่ 1119 ตอนพิเศษ (21)
บทที่ 1119 ตอนพิเศษ (21)
เมื่อป้าจงได้ยินว่าลูกชายจะได้รับสามตำลึงเงิน นางก็ไม่เอะอะโวยวายอีก
หากไม่มีตัวปัญหาอย่างหยางชิงซือ เจ้ารองเข้าร่วมกองทัพก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว อย่างไรเขาก็ตัวใหญ่ มีพละกำลังมากมาย นี่ไม่ใช่คุณสมบัติชั้นดีในการเข้าร่วมกองทัพหรือ?
“เอาเถอะ ข้าจะรอให้เขากลับมา” ป้าจงปรายตามองหยางชิงซือ “ข้าจะบอกเจ้าให้ หากข้าไม่ตกลง เรื่องของเจ้ากับเจ้ารองก็ไม่มีทางเป็นไปได้”
หยางชวนก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน “ท่านวางใจเถอะ ถึงแม้ท่านจะตกลง แต่หากจงซู่เกินบ้านท่านคิดจะแต่งน้องสาวข้าก็ต้องดูด้วยว่าน้องสาวข้ายินดีหรือไม่”
“นางคิดว่าตนเป็นเทพธิดาหรือไร ยังมียินดีไม่ยินดีอีกหรือ ไม่ดูเสียบ้างว่าชื่อเสียงตนเป็นอย่างไรแล้ว” ป้าจงหัวเราะเยาะหยัน
“ท่านพี่ ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองคำพูดกับนาง พวกเรากลับกันเถอะ”
“ยายแก่สมควรตายผู้นี้ มารังแกลูกสาวข้าอีกแล้วหรือ” ซ่งซื่อปรี่เข้ามา
หยางชิงซือเพิ่งหมุนกายกลับไปก็ได้ยินเสียงของซ่งซื่อดังขึ้น นางจึงหันกลับมา เห็นเพียงเงาร่างหนึ่งวิ่งเข้าใส่ป้าจง
ป้าจงแม้จะดูอ้วน ทว่าฝีมือของนางไม่ได้ย่ำแย่ ทั้งสองเข้าพัวพันกันอุตลุด
หยางฟู่รีบวิ่งเข้าไปห้าม ทว่าซ่งซื่อถูกป้าจงทำให้เลือดขึ้นหน้าจนไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น หยางฟู่จึงถูกหญิงทั้งสองทั้งตีทั้งตบ เขาส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ฉากนั้นตลกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ครั้นหลิวจิ่วจู๋กับลู่ฉาวจิ่งมาถึงก็เห็นเหตุการณ์อลหม่านวุ่นวายนี้แล้ว
หยางชิงซือร้อง “ไม่ต้องตีแล้ว”
หากแต่สตรีทั้งสองหาได้ฟังนาง
หยางฟู่จะปลีกตัวออกมาก็สายเกินไป เขาจึงตกเป็นเป้าของหญิงทั้งสอง
“เจ้ากล้าตีสามีข้าหรือ!”
“ข้าตีสามีเจ้าแล้วอย่างไร? ข้าหยิกเขาแล้วจะอย่างไร?”
“ข้าก็จะตีเจ้าน่ะซี!”
“มารดากลัวเจ้ารึ? วันนี้มารดาจะทำให้เจ้าเห็นว่ามารดาร้ายกาจเพียงใด”
ลู่ฉาวจิ่งชี้ไปยังถังมูลสัตว์ข้างกำแพง
หยางชิงซือดวงตาเบิกกว้าง “ท่านโหดร้ายเกินไปแล้ว”
“เจ้าถามข้า ข้าก็ออกความคิดให้ จะใช้หรือไม่ใช้ก็เป็นเรื่องของเจ้า” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “เจ้าก็เห็นแล้ว สตรีสองนางตบตีกัน ข้าเป็นบุรุษผู้หนึ่งไม่สะดวกเข้าไปยุ่ง”
ความหมายของหยางชิงซือคือต้องการให้ลู่ฉาวจิ่งช่วยหยุดพวกเขา
แต่ลู่ฉาวจิ่งกลับสะบั้นความคิดของนางลงในประโยคเดียว
นางยกถังมูลสัตว์ข้าง ๆ ขึ้น พูดกับคนทั้งสองคนที่กำลังโรมรันพันตูกันว่า “หากยังไม่หยุด ข้าจะสาดน้ำเหม็น ๆ นี่ใส่แล้วนะ”
ซ่งซื่อและป้าจงหันมา ก่อนจะรีบปล่อยมือทันที
หยางชิงซือเป็นเสือ นางบอกว่าจะสาดย่อมกล้าสาดจริง ๆ หากโดนสิ่งนั้นเข้า พวกนางยังจะเงยหน้าอยู่ในหมู่บ้านนี้ได้อีกหรือ?
“นังเด็กแสบ มารดาออกหน้าเพื่อเจ้า เจ้ายังไม่รู้ดีเลวอีก” ซ่งซื่อโกรธจนควันออกหู
“ท่านอย่าได้ก่อปัญหาอีกเลย” หยางชิงซือเอ่ย “ข้าไม่เกี่ยวอะไรกับสกุลจง ท่านร้อนตัวเช่นนี้ กลับดูเหมือนว่าการหายตัวไปของจงซู่เกินเกี่ยวข้องกับข้าจริง ๆ แล้ว”
“เอาละ หยุดวุ่นวายเถอะ” หยางฟู่จัดเสื้อผ้าของเขาให้เข้าที่เข้าทาง
สตรีเสียสติสองคนทะเลาะกัน เขากลับเป็นคนที่ต้องทนทุกข์ทรมาน ผมของเขาเดิมทีก็แทบหมดศีรษะแล้ว ยามนี้ยังร่วงยิ่งกว่าเดิม เขาซึ่งมีนิสัยอ่อนโยนมาโดยตลอดเริ่มไม่สบอารมณ์แล้ว
“ในเมื่อกล่าวชัดเจนแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็อย่าได้ทะเลาะกันอีกเลย จงซู่เกินจะเอาอย่างไร เขากลับมาค่อยว่ากัน” หยางฟู่กล่าว
“เจ้าคนแซ่หยาง เจ้าฟังข้าให้ชัดเจนนะ แม้ซู่เกินบ้านเราจะหาสะใภ้ไม่ได้ พวกเราก็ไม่มีทางแต่งหยางชิงซือบ้านเจ้า” ป้าจงพ่นถ้อยคำหยาบคายออกมา “สะใภ้เช่นนี้บ้านเราไม่คิดจะแต่ง พวกเจ้าผู้ใดคิดจะแต่งหยางชิงซือไปจักต้องระวังให้ดีเล่า มีบ้านดองพรรค์นี้ หากบ้านพวกเจ้าคลอดลูกสาวออกมา ระวังจะถูกนางขายออกไปละ!”
“มารดาเจ้า…” ซ่งซื่อคิดจะเข้าไปตบป้าจงอีกสักครั้ง
หยางฟู่รีบดึงนางไว้อย่างรวดเร็ว
ป้าจงราวกับแม่ทัพที่ได้รับชัยชนะ จัดเผ้าจัดผมตนด้วยความภาคภูมิใจแล้วกล่าวกับซ่งซื่อ “ลูกชายข้าเป็นทหารแล้ว ยามกลับมาจะต้องหาเงินได้มากมายเป็นแน่ ถึงตอนนั้นจะแต่งกับศรีภรรยาเช่นใดจะไม่มีอีกหรือ? รอก่อนเถอะ นางยักษาบ้านพวกเจ้าผู้นี้แต่งไม่ออกเป็นแน่”
“ป้าจง ท่านคำก็นางยักษา สองคำก็นางเสือ ข้าไปทำอะไรให้ท่านหรือ?” หยางชิงซือกล่าวเสียงเย็น “ท่านทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ข้าพาลโกรธ หากจงซู่เกินกลับมาหาข้า ข้าจะได้เมินเฉยต่อเขาใช่หรือไม่? ข้าจะบอกท่านให้ ลูกชายท่านดีกับข้าไม่เลว ข้าประทับใจเขา หากท่านคิดว่าทำเช่นนี้จะสร้างรอยร้าวระหว่างเราได้ เช่นนั้นก็คิดผิดอย่างใหญ่หลวงแล้ว หากข้าหยางชิงซืออยากจะแต่งงาน ข้าก็สามารถทำให้สกุลจงของพวกท่านไม่มีวันสงบสุขได้ ท่านเชื่อหรือไม่? อย่าได้มายุ่งกับข้าอีก ไม่เช่นนั้น ข้าจะแย่งลูกชายท่านมา ทำให้ลูกชายกับแม่อย่างท่านกลายเป็นศัตรูกัน ข้าชักจะอยากรับบทหญิงชั่วขึ้นมาบ้างแล้ว”
“เจ้ากล้า…”
“ท่านสามารถลองดูได้” หยางชิงซือเชิดหน้าขึ้น “หากท่านอยากลองท้าทายความอดทนของข้า ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะเล่นเป็นเพื่อนท่าน”
“พอได้แล้ว ไปกันเถอะ!” คนที่อยู่ข้าง ๆ ลากป้าจงออกไป “นังเด็กบ้าผู้นี้ทำได้จริง ๆ ถึงตอนนั้นหากท่านเสียลูกชายผู้หนึ่งไปย่อมไม่คุ้ม”
ป้าจงถูกลากออกไปแล้ว
นางยังคงก่นด่าสาปแช่ง ดูถูกเหยียดหยามยางชิงซือเป็นคุ้งเป็นแคว
หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?”
หยางชิงซือฝืนยิ้มออกมา “ไม่สู้ดีนัก”
อย่างไรนางก็ยังเป็นดรุณีน้อยผู้หนึ่ง แม้ปกติจะเข้มแข็งเพียงใด ทว่าจิตใจก็ยังคงเปราะบางอยู่บ้าง
จงซู่เกินดีกับนางเพียงนั้น นางย่อมอยากมีชีวิตที่ดีร่วมกับเขา ทว่าหากแม่สามีเลวร้ายเช่นนี้ นางยินดีไม่แต่งงานชั่วชีวิต ดีกว่าตกไปอยู่ในห้วงน้ำวนนั้น
“ลูกสาว แม่จะหาคนดี ๆ ให้เจ้า สกุลจงจะได้รู้ว่าลูกสาวบ้านเราสามารถแต่งให้บุรุษที่ดีกว่าจงซู่เกินได้เป็นไหน ๆ” ซ่งซื่อเอ่ย
หยางฟู่กล่าว “พอแล้ว ไปกันเถอะ!”
“ไปไหน?” ซ่งซื่อต่อว่า “ท่านเป็นบุรุษจริงหรือไม่? ผู้อื่นมาหาเรื่องถึงหน้าประตู ท่านยังคิดแต่จะไกล่เกลี่ย เมื่อครู่ข้าทะเลาะกับสตรีควรตายผู้นั้น เหตุใดท่านไม่ช่วยข้า อีกทั้งยังจะรั้งข้าอีก?”
“หากเจ้าตีนางเจ็บก็ต้องจ่ายค่าหยูกยาหาหมอกระมัง?” หยางฟู่ถาม “ตอนนี้บ้านเราออกเงินค่าหมอนี้ได้หรือ?”
ซ่งซื่อไม่พอใจแต่ก็รู้ว่าหยางฟู่กล่าวถูกต้อง
“พวกเราเหนื่อยแล้ว ต้องการพักผ่อน” หยางชิงซือเอ่ย “พวกท่านไม่ต้องทะเลาะกันหรอก”
“ข้าทำทั้งหมดนี้เพื่อใครละ?”
“ขอบคุณที่ทำเพื่อข้า” หยางชิงซือเอ่ย “ทะเลาะก็ทะเลาะแล้ว ตีก็ตีแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ หากยังทะเลาะกันอีก คนที่น่าอับอายคงเป็นบ้านเรา”
“หมาป่าตาขาว ข้าทำเพื่อผู้ใดกันเล่า?” ซ่งซื่อไม่พอใจ เหลือบมองเข้าไปข้างในแวบหนึ่ง “นังเด็กเหม็นโฉ่นั่นยังไม่ตื่นหรือ? เหตุใดแม้แต่เสียร้องไห้ยังไม่ได้ยิน?”
“ท่านแม่ นั่นเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของท่าน ไม่ใช่นังเด็กเหม็นโฉ่อะไร!” หยางชวนรู้สึกไม่พอใจ
“ใคร ๆ ในหมู่บ้านก็เรียกนางแบบนี้ทั้งนั้น ก่อนหน้านี้ข้าก็เรียกน้องสาวเจ้าเช่นนี้ นังหนูในหมู่บ้านผู้ใดไม่ใช่นังเด็กเหม็นโฉ่กัน” ซ่งซื่อแค่นเสียง “เลี้ยงลูกชายไว้มีประโยชน์อะไร พอมีเมียแล้วก็ไม่ต้องการแม่ ทำอย่างกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเป็นแก้วตาดวงใจ เพียงเพื่อของเสียเงิน แม้กระทั่งมารดาแท้ ๆ เจ้าก็ไม่ต้องการ ถึงกับขอแยกบ้าน ทั้งบ้านล้วนถูกเจ้าทำให้อับอายขายหน้าแล้ว”
“จู๋จือ พี่ใหญ่ลู่ เชิญข้างใน” หยางชิงซือเอ่ย “พวกเราเข้าไปพูดคุยกันเถอะ”
สิ้นคำ นางก็ปิดประตูดังปังโดยไม่ได้สนใจซ่งซื่อกับหยางฟู่ทันที
ซ่งซื่อยังคงผรุสวาทอยู่ข้างนอก หยางฟู่ทนไม่ไหวจึงเดินไปก่อน ซ่งซื่อก่นด่าอยู่ครู่หนึ่งกลับไม่มีผู้ใดออกมาชมงิ้ว นางพลันรู้สึกเบื่อจึงเดินจากไปอย่างฉุนเฉียว
หยางชิงซือถอนหายใจเบา ๆ “ในที่สุดก็ไปเสียที”