“ของแบบนี้มีประโยชน์อะไร? พวกเราถ่อมาถึงที่แบบนี้เพื่อมาเอาของแบบนี้เหรอ?”
ตามการชี้ทางของเครื่องตรวจจับ คือพวกเราได้รับของสำคัญแล้ว
ทว่า มันดูเหมือนจะไม่ใช่ของที่มีประโยชน์อะไร
“ของชิ้นนี้คืออะไรกันแน่…”
ผมชี้ของขนาดผิดปกติในมือยูบริลแล้วถาม
“เก้าสิบเก้าบททดสอบ” ยูบริลตอบ
“ก็คือ ตอนที่ผู้อำนวยการของพวกเราก่อตั้งสถาบัน เขาได้แยกกันจัดวางสิ่งของแบบเดียวกันสามสิบสามชิ้นไว้ในดันเจี้ยนสามแห่งใต้สถาบัน สิ่งของพวกนี้ไม่อาจมาปลอมแปลงได้ และเป็นสิ่งที่ใช้ในการทดสอบ จนถึงวันนี้ ก็มีสิบสี่ชิ้นที่ถูกเก็บกลับมาได้ และที่พวกเราคือชิ้นที่สิบห้า”
“อย่างนี้นี่เอง”
เป็นผู้อำนวยการที่วุ่นวายจริงๆ ล้อเล่นกันรึไง?
“แล้วเครื่องตรวจจับแต่ละเครื่องก็ทำได้เพียงกำหนดของหนึ่งในนั้นโดยเฉพาะ ก็คือหนึ่งครั้งสามารถหาได้เพียงหนึ่งชิ้น”
“ขอยืมดูได้ไหม?”
ยูบริลมองผม จากนั้นก็เอาของแปลกๆ นั่นส่งมาในมือผม
ไอเทมเควสต์ยี่สิบสองของเก้าสิบเก้าบททดสอบ มีชิ้นเดียว ไม่อาจทำลายได้ ใช้ในสถาบันเกรย์
โธ่เอ๊ย เป็นไอเทมเควสต์น่าเบื่ออย่างที่คิดเลย
ผมเอาของคืนให้กับยูบริลแล้วถาม
“งั้นพวกเราต้องทำอะไรต่อ? กลับไปตามทางที่พวกเธอมาเหรอ?”
“เรื่องนี้ไม่จำเป็น ลาน่า กลับกันเถอะ”
“เข้าใจแล้ว”
ลาน่ายิ้ม วางกระเป๋าเป้ของตัวเองลง หยิบเอาของที่ดูคล้ายกับทุ่นระเบิดออกมา
เธอหาที่โล่งแล้ววางมันลงไป จากนั้นก็เหยียบมัน
วงเวทสีเงินปกคลุมพวกเราในพริบตา แสงแยงตาผมจนต้องหลับตาอย่างรวดเร็ว
และเมื่อลืมตาอีกครั้ง ตรงหน้าก็ไม่ใช่ห้องใต้ดินที่อึมครึมอีกแล้ว แต่เป็นห้องที่มีตำราโบราณชื่อประหลาดต่างๆ เศษกระดาษที่เขียนสัญลักษณ์พิลึก ตลอดจนบีกเกอร์และหลอดทดลองที่บรรจุน้ำยาหลากสีสันกองอยู่เต็ม
“ถึงอย่างปลอดภัย เย้”
ลาน่าทำนิ้วเป็นตัว V ใส่พวกเรา จากนั้นก็โยนกระเป๋าเป้ไว้บนพื้น เดินไปทางประตูที่อยู่ข้างๆ
“ข้าไปทำความสะอาดตัวก่อน อย่าแอบมองล่ะ”
“รอเดี๋ยว ข้าไปด้วย…” ยูบริลเดินตามลาน่าไป
แต่ฟาลันแค่ยกไม้เท้าขึ้นมา เคาะที่เสื้อผ้าของตัวเอง วงเวทสีแดงกวาดผ่านเธอจากบนลงล่าง ฝุ่นบนตัวเธอก็ถูกขจัดไปพร้อมกัน
เป็นเวทมนตร์ที่สะดวกจัง
“เสียดายไหมที่ไม่ได้แอบดู?”
“อะไรนะ ฉันไม่…”
“เป็นผู้ร้ายก็ควรยอมรับว่าตัวเองอาจกระทำความผิดสิ!”
ฟาลันชี้ผมแล้วพูดอย่างชอบธรรม
เฮ้ยๆๆ ทำไมเธอถึงพูดคำพูดแปลกๆ อย่างผึ่งผายขนาดนี้! ตัวเธอเองก็เป็นคนถูกประกาศจับไม่ใช่เหรอ!
“ถึงข้าจะคลั่งไคล้ในการฆ่า ข้าก็ไม่เก็บซ่อนผลงานของตัวเองในยามจำเป็นหรอก!”
“อย่าเอาความผิดที่ตัวเองฆ่าคนมาเป็นผลงานสิ! ขอโทษคนตายให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
“ชิ ไม่สนุกเลย ดูแล้วเจ้าคงไม่ใช่ฆาตกรสินะ!”
“เธอต่างหากที่เป็นฆาตกร ทั้งครอบครัวเธอก็เป็นฆาตกร!”
“เอ๋? เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“…”
เอาเถอะ ดูเหมือนยัยนี่จะเป็นอาชญากรระดับสูง…ไม่สิ ตอนที่มองเห็นฉายา ‘นักฆ่านับหมื่น’ ก็น่าจะเข้าใจแล้ว ยัยนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวทีเดียว
แต่ว่า ทำไมผมรู้สึกเหมือนยัยนี่มีนิสัยแปลกๆ…รู้สึกเหมือนเป็นคนลัทธิโลกสวยประหลาดๆ เลย
“สรุปคือ เปลี่ยนที่คุยกันเถอะ”
“อืม ก็จริง ไปห้องสมุดแล้วกัน”
อีกฝ่ายพยักหน้า แล้วเดินออกไปข้างนอก
ตลอดทางรู้สึกเหมือนถูกคนจ้องมองอยู่ตลอด…แต่ว่าก็ย่อมเป็นแบบนั้น คนที่นี่สวมสิ่งที่คล้ายกับเครื่องแบบนักเรียน และผมเป็นคนเดียวที่สวมชุดธรรมดา…
แต่ว่าไม่ถูกสิ ผมจำได้ว่าพวกลาน่าก็สวมชุดไม่เหมือนกันนี่? แล้วฟาลันก็สวมเสื้อคลุมยาวสีชมพูของตัวเองไม่ใช่เหรอ?
ทว่า…
คนที่ใช้สายตาประหลาดมองผมพวกนั้นดูเหมือนแสดงท่าทางเข้าใจตอนที่เห็นฟาลัน…หรือว่าพวกเธอสามคนเป็นตัวแทนของความประหลาดในสถาบันนี้?
“อย่าไปสนใจเลย ขอแค่เจ้ามีพลัง ก็ไม่มีใครตั้งคำถามกับการเลือกของเจ้า ถึงแม้ตอนนี้เจ้าจะยังไม่มีก็เถอะ”
“ใช่…”
อันที่จริง ตามที่สังเกตเมื่อครู่ นักเรียนส่วนใหญ่ล้วนมีเลเวลสิบกว่า แต่บางครั้งก็มีเลเวล 20 กว่าด้วย
แล้วการแยกแยะคนพวกนี้ก็สะดวกอย่างมาก คนที่สวมชุดสีเขียวมักเป็นคนที่เลเวล 10 กว่า คนที่สวมชุดสีแดงพวกนั้นคือคนเลเวลประมาณ 20 ต้นๆ ส่วนชุดสีขาวคือเลเวล 25 แล้วเมื่อลงบันไดไปก็มองเห็นเงาสีขาวอยู่ไกลๆ กำลังเดินผ่านไปอย่างเร่งรีบ
รอเดี๋ยว…คงเป็นเพราะสามคนนี้เลเวลสูงเกิน เลยไม่มีเครื่องแบบเหมาะสมใช่ไหม?
“อย่ามองไปทั่วสิ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
“มองก็ไม่ได้เหรอ? โธ่เอ๊ย…เอ๊ะ สูงจัง ทำไมห้องสมุดชอบสร้างเป็นรูปร่างเหมือนเจดีย์ล่ะ?”
ไม่เกินกว่าที่ผมคิดไว้ ห้องสมุดของที่นี่เป็นเจดีย์จริงๆ
ความแตกต่างหนึ่งเดียวก็คือเจดีย์แห่งนี้ค่อนข้างใหญ่
คนที่ออกแบบสิ่งเหล่านี้ต้องมีความคิดสร้างสรรค์มากแน่ๆ
“เร็วหน่อย พวกเรายังมีเรื่องที่ต้องหารือกันอีกมาก”
ฟาลันพูดไปด้วย พลางชิงก้าวนำเข้าไปในประตูห้องสมุด
“เรื่องอีกมากเหรอ…โลกของ RPG ก็ดูไม่เท่าไหร่นี่”
ผมถอนหายใจแล้วรีบก้าวตามเข้าไป