ตอนที่ 499 ที่แท้ก็พี่สะใภ้นี่เอง(2)
ตอนที่ 499 ที่แท้ก็พี่สะใภ้นี่เอง(2)
ฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ทราบเลยว่าทางฝั่งตระกูลนี้กำลังพูดถึงพวกเขา ตอนนี้พวกเขากำลังกล่าวอำลาพวกเกาซุนชิว “ซุนชิว ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้มากเลยนะ ต่อไปมากินข้าวที่บ้านฉันได้ เดี๋ยวฉันจะเลี้ยงอาหารพวกเธอเอง”
เกาซุนชิวได้ยินแบบนี้ก็ไม่ปฏิเสธ พยักหน้าทั้งรอยยิ้มแล้วพูดขึ้น “ตกลง”
เกาเชี่ยนเชี่ยนที่อยู่ข้าง ๆ ค่อนข้างประหม่าที่จะเอ่ย แต่ในที่สุดก็ยอมเปิดปากเอ่ยถาม “พี่มู่หลานคะ ถ้าอย่างนั้นหนูขอไปกับพี่ด้วยได้ไหมคะ?”
“ได้อยู่แล้ว”
ฉินมู่หลานพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
ตอนแรกเกาอวิ๋นเซียวดูโล่งใจแล้ว แต่เมื่อเห็นเกาซุนชิวและเกาเชี่ยนเชี่ยนบอกแบบนั้น เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยความประหม่า “ถ้าทุกคนตั้งใจแบบนี้ แล้ว…”
เมื่อเห็นว่าเกาอวิ๋นเซียวอยากจะพูดแต่ก็ไม่ยอมพูด จึงทราบว่าชายหนุ่มกลัวที่จะเสียหน้า แต่ฉินมู่หลานก็ทราบดีว่าวันนี้เขาก็พยายามอย่างหนักแล้ว จึงยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “ได้แน่นอน นายก็มากับพี่สาวและน้องสาวได้”
“ครับ”
เกาอวิ๋นเซียวตอบตกลงอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานก็รู้สึกว่าตัวเองทำแบบนี้ช่างไร้ค่า จึงคิดเล่นตัวอีกครั้ง
แต่หลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาทเมื่อครู่ เขาก็พบว่าตัวเองเหมือนจะสนิทสนมกับฉินเคอวั่งและฉินมู่หลานมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
เซี่ยปิงหรุ่ยกลับไปที่บ้านตระกูลเจี่ยง ส่วนฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ตรงกลับบ้าน
ฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงเห็นทั้งสองกลับมาแล้วจึงบอกกล่าว “พวกลูกกลับมาแล้วเหรอ เด็ก ๆ ตื่นกันแล้วนะ”
“เร็วจังเลย”
เซี่ยเจ๋อหลี่คิดว่าเด็ก ๆ จะนอนต่อกันอีกสักพัก ไม่คิดเลยว่าจะตื่นกันแล้วในตอนที่พวกเขาเพิ่งกลับมาถึงบ้าน “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปดูพวกเขาเอง”
ฉินมู่หลานก็ตามเขาไปด้วยกัน และยังพูดถึงถูเฉิงเสียงและคังอันเหอด้วย
“สามีของผู้หญิงบ้าที่เจอวันนี้คือเพื่อนร่วมงานของคุณเหรอคะ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ ถูเฉิงเสียงเป็นรองหัวหน้าของทีมเรา”
“แต่จากที่ฉันเห็นเหมือนพวกคุณสองคนจะไม่ค่อยถูกกันนะ”
ในเรื่องนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไม่ได้ปิดบัง พลางเล่าถึงเรื่องขัดแย้งของเขาและถูเฉิงเสียงให้ฟัง หลังจากนั้นก็เอ่ยต่อ “มู่หลาน ผมว่าพวกเขาดูไม่ค่อยเป็นมิตรเลย หลังจากนี้พวกเราต้องอยู่ห่างจากพวกเขาหน่อยนะ”
ฉินมู่หลานพยักหน้าเห็นด้วยแล้วกล่าว “ค่ะ แต่คุณก็ควรใส่ใจให้มากขึ้นเหมือนกันนะ เพราะการที่คุณย้ายมาที่นี่ทำให้ถูเฉิงเสียงชวดตำแหน่งหัวหน้าทีมไป หากเขาเป็นคนใจแคบ จะต้องคอยสร้างปัญหาให้คุณแน่นอน”
เรื่องนี้เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เข้าใจดี ครั้งแรกที่เพิ่งมา ถูเชิงเซียงก็เข้ามาพูดคุยแล้วท้าประลองกับเขาทันที โชคดีที่หลังจากนั้นเขาเอาชนะได้ “ไม่ต้องห่วงมู่หลาน ผมเข้าใจ”
หลังจากทั้งสองคุยกันต่ออีกสักพัก ก็ไปเล่นกับพวกเด็ก ๆ ต่อ
เมื่อถึงตอนเย็น ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็กลับมาแล้ว ทั้งสองเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ดีใจมาก เหยาจิ้งจือถึงกับเอ่ยถาม “อาหลี่ ครั้งนี้แกหยุดได้กี่วันเหรอ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่กล่าวตามตรง “กินมื้อเย็นเสร็จก็ต้องกลับไปแล้วครับ”
“หา…ทำไมเร็วจัง”
ใบหน้าของเหยาจิ้งจือเต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก “ในเมื่อเป็นงานสำคัญ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็รีบกินข้าวกันเถอะ”
อาหารมื้อเย็นค่อนข้างหรูหรา เซี่ยเจ๋อหลี่กินมื้อเย็นเสร็จก็รีบกลับไปทันที
โดยไม่คาดคิดว่าถูเฉิงเสียงและคังอันเหอจะกลับมาฐานทัพในเวลาเดียวกัน ทั้งสามจึงได้พบกันตรงหน้าประตูฐานทัพ
ถูเฉิงเสียงเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ผู้กองเซี่ย ทำไมกลับมาเร็วจัง วันนี้ลืมแสดงความยินดีกับนายเลยที่จะได้เป็นพ่อคนแล้ว”
“ขอบคุณ”
เซี่ยเจ๋อหลี่ตอบกลับอย่างเย็นชา ไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้แล้ว
เมื่อคังอันเหอเห็นท่าทางของเซี่ยเจ๋อหลี่ ฉินมู่หลานก็แวบเข้ามาในความคิด ความโกรธในใจก็เพิมขึ้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทำได้เพียงดึงถูเฉิงเสียงกลับไปที่บ้านพักสวัสดิการครอบครัว
เมื่อเห็นสามีพูดแบบนั้น คังอันเหอก็ไม่ทำให้เขาต้องเสียหน้า พลางพยักหน้าแล้วกล่าว “ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะ”
เมื่อเหลือเพียงสองคน ถูเฉิงเสียงก็จ้องตรงไปที่เซี่ยเจ๋อหลี่แล้วกล่าวขึ้น “ผู้กองเซี่ย ครั้งนี้นายและเฉาเจิ้งหนานทำงานได้สำเร็จราบรื่น ยินดีกับพวกนายด้วยจริง ๆ”
เซี่ยเจ๋อหลี่เกียจคร้านเกินกว่าจะคุยกับถูเฉิงเสียงต่อ จึงเปิดปากแล้วเอ่ยถาม “นายต้องการจะสื่ออะไรกันแน่?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ถูเฉิงเสียงก็เกียจคร้านเกินกว่าจะเสแสร้งอีกต่อไป เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เดือนหน้าจะมีการแข่งขันระหว่างเขตทหารของเรา ถึงตอนนั้นถ้าฉันเอาชนะนายในการแข่งขันได้ นายต้องลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าทีม”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็หัวเราะขึ้นทันที
“รองหัวหน้าถู นายลืมแล้วเหรอ ก่อนหน้านี้เราแข่งกันแล้ว และเป็นนายที่แพ้”
“เหอะ…ฉันจำได้อยู่แล้ว แต่ตอนนั้นไม่นับหรอก ครั้งนี้ถือเป็นการแข่งขันที่แท้จริง”
แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ยอมรับคำท้า “ฉันไม่มีอะไรจะต้องแข่งกับนาย ไม่มีความจำเป็นเลย”
เขาเมินใส่ถูเฉิงเสียง แล้วเดินจากไป
เฝ้ามองร่างของเซี่ยเจ๋อหลี่ที่กำลังจากไป สีหน้าของถูเฉิงเสียงก็เต็มไปด้วยความเสียใจ เพราะอีกฝ่ายไม่ถือว่าเขาเป็นคู่ต่อสู้เลย มิฉะนั้นคงไม่มีท่าทีเช่นนี้ แต่แล้วอย่างไรล่ะ
ยังไม่ถึงสองวัน เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ได้รับแจ้งว่าการแข่งขันครั้งนี้เขาและถูเฉิงเสียงโดนจับไปลงแข่งขันด้วยกัน ถึงเวลานั้นไม่รู้ว่าจะได้ประจันหน้าหรือไม่
เซี่ยเจ๋อหลี่เหลือบมองถูเฉิงเสียงจากที่ไกล ๆ ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าแล้วยิ้มให้
เมื่อเห็นแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไม่มีอะไรที่ไม่เข้าใจอีก ครั้งนี้ถูเฉิงเสียงอยากจะสู้กับเขาอีกครั้ง หากถึงเวลาแล้วตัวเองแพ้ เช่นนั้นเขาคงหน้าแตก
ฉินมู่หลานไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับทางเซี่ยเจ๋อหลี่ ตั้งแต่เกิดเรื่องที่โรงรมปักกิ่ง เธอก็ไม่เห็นใครมาคอยตามรังควาน จึงรู้สึกโล่งใจ
เธอจึงอาศัยเวลานี้ไปเรียนทุกวัน แต่ท้องของเธอเริ่มใหญ่จนเห็นได้ชัดแล้ว พวกเพื่อนร่วมชั้นก็ค่อนข้างสุภาพ
เพื่อนร่วมชั้นหญิงถามขึ้น “นักศึกษามู่หลาน เธอจะคลอดตอนไหนเหรอ?”
“ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนน่ะ”
“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย ถึงตอนนั้นเธอก็ไม่ต้องลาคลอดด้วย”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ตอบ “ใช่แล้ว เวลาลงตัวพอดีเลย”
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นว่าฉินมู่หลานกำลังคุยกับเพื่อนร่วมชั้นหญิงคนอื่นอยู่ จึงไม่ได้พูดอะไรมาก จนกระทั่งทั้งสองนั่งลงด้วยกัน หล่อนจึงเพิ่งเปิดปากพูด “มู่หลาน ปิงชิงมีเรื่องบางอย่างจะคุยกับเธอ”
“ได้สิ เดี๋ยวตอนเย็นฉันจะไปหาปิงชิงที่บ้านตระกูลเจี่ยงพร้อมกับเธอ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โดนเขม่นไม่เลิกตั้งแต่ขามา งันก็ตบหัวลูบหลังคนท้าให้หงหอหน่อยสิพี่หลี่
ไหหม่า(海馬)