สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 188 คุณหนูโค่วละม้ายคล้ายเรา

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 188 คุณหนูโค่วละม้ายคล้ายเรา

ในงานเลี้ยงเช่นนี้ ย่อมไม่อาจสวมเสื้อผ้าสีอ่อน สาวน้อยปลดเสื้อคลุมออกแล้ว วันนี้นางสวมเสื้อตัวสั้นกระดุมเรียงเม็ดสีเขียวแตง กระโปรงสีแดงทับทิมสด เพราะก้มหน้าลงจึงเห็นเพียงปิ่นปักผมสีทองรูปแบบเรียบง่ายปักอยู่ที่มวยผม มีไข่มุกเม็ดกลมสองเม็ดทิ้งตัวสั้นยาวลดหลั่นกัน

ในพระทัยฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงนึกอยากรู้ แต่สีพระพักตร์กลับนิ่งเรียบ “ลุกขึ้นได้”

ซินโย่วยืนตัวตรง ยังคงก้มหน้าลง

การจ้องมองฮ่องเต้ถือเป็นการเสียมารยาท ยามนี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้สึกไม่พอพระทัยธรรมเนียมนี้อย่างมาก

เขาเดินทางมาไกล อย่างไรก็ควรได้ยลโฉมคุณหนูโค่วบ้างว่าเป็นอย่างไร ยามปกติอยู่ในวังก็ได้แต่สั่งให้นางกำนัลก้มศีรษะตลอด

“คุณหนูโค่วบริจาคช่วยผู้ประสบภัยห้าหมื่นตำลึง ทำให้เราซาบซึ้งในน้ำใจมาก คุณหนูโค่วเงยหน้าขึ้นได้ ไม่ต้องมากธรรมเนียม”

ในตำหนักปูพื้นด้วยพรมหน้า ไม่รู้ว่านางกำนัลคนใดทำดอกไม้ดอกหนึ่งร่วงตกไว้ อยู่ในระยะสายตาหลุบมองของซินโย่วพอดี

ได้ยินฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รับสั่ง ในใจนางก็คล้ายดังคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่สีหน้ากลับไม่แปรเปลี่ยน ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น

พอเห็นใบหน้าซินโย่ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พลันนิ่งอึ้งไปทันที

ใบหน้าคุ้นตามากเพียงนี้ โดยเฉพาะดวงตาเรียวยาวและโตคู่นี้ เปลือกตาชั้นเดียว หางตาตวัดขึ้น รู้สึกได้ถึงการดำรงระยะห่างเย็นชาอย่างไร้เหตุผล

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สับสนไปชั่วขณะ

คุณหนูผู้นี้หน้าตาละม้ายคล้ายเขามาก

ซินโย่วเห็นฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ แววตาก็มีคลื่นอารมณ์บางอย่างพาดผ่าน

นางเองก็รู้ว่าตนเองหน้าตาละม้ายคล้ายองค์หญิงใหญ่เจาหยางอยู่หลายส่วน ก็คาดเดาได้แล้วว่าบางทีอาจเหมือนคนผู้นี้

แต่ยามได้เผชิญหน้าแท้จริงแล้ว ความรู้สึกสายเลือดเดียวกันทำให้หน้าตาละม้ายคล้ายกันมาก ในใจนางก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

เหมือนกันมากเกินไปแล้ว

ทั้งสองคนสบตากัน ในตำหนักพลันเงียบกริบไปชั่วขณะ

คนในที่นั้นค่อยๆ รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาด แต่กลับไม่กล้าเพ่งมองฮ่องเต้ เห็นคนส่วนใหญ่ต่างพากันมองพื้นอย่างสงบเสงี่ยม มีพวกใจกล้าส่วนหนึ่งแอบเหลือบมอง แต่ก็มองไม่เห็นอันใดมากนัก

แม้มีข่าวลือว่าคุณหนูโค่วหน้าตาละม้ายคล้ายองค์หญิงใหญ่เจาหยาง แต่กลับไม่มีคนนึกเชื่อมโยงไปถึงฮ่องเต้ซิงหยวนตี้

ยังคงเป็นฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ที่ได้พระสติก่อน พยักพระพักตร์ตรัสว่า “ความเสียสละของคุณหนูโค่ว ราษฎรติ้งเป่ยจะจดจำไว้”

“ในฐานะราษฎรชาวต้าซย่า นี่คือเรื่องที่หม่อมฉันควรทำเพคะ”

‘ราษฎร’ คำนี้ทำให้พระทัยฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สะอึก “เราจำได้ว่า คุณหนูโค่วเป็นหลานสาวรองเจ้ากรมพระราชยานหลวง”

รองเจ้ากรมต้วนรีบก้าวออกมา “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”

“รองเจ้ากรมต้วนไม่ต้องมากพิธี” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มองไปทางรองเจ้ากรมต้วน แม้มองไม่ละเอียด แต่กลับพบว่าสองลุงหลานไม่มีส่วนใดเหมือนกันเลย

“บิดาคุณหนูโค่วก็คือ…”

รองเจ้ากรมต้วนรีบเอ่ยว่า “ทูลฝ่าบาท น้องเขยกระหม่อมโค่วเทียนหมิง สอบจิ้นซื่อได้ในปีซิงหยวนที่ห้า สี่ปีก่อนเดินทางไปรับตำแหน่งเจ้าเมืองหว่านหยาง ประสบเหตุจากไป…”

“เราพอจำได้” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้คิดถึงโค่วเทียนหมิง แม้จำไม่ค่อยได้ แต่ก็พอมีเค้าลางอยู่บ้าง

คุณหนูโค่วกับบิดานางไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รับรู้ได้ว่าท่าทีตนเองผิดปกติไปอยู่บ้าง แต่กลับไม่อาจสลัดความรู้สึกผูกพันต่อสาวน้อยตรงหน้าทิ้งไปได้

เขามีโอรสธิดาไม่น้อย แต่หน้าตาล้วนไปทางมารดา พอเห็นสาวน้อยที่หน้าตาละม้ายคล้ายเขาเช่นนี้ แม้รู้ดีว่าไร้ความสัมพันธ์ต่อกัน แต่ก็ไม่อาจระงับความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้นมาได้

หากไม่ใช่อยู่ในสถานที่เช่นนี้ เขาถึงกับอยากจะพระราชทานม้านั่งให้สาวน้อยผู้นี้ ลงนั่งคุยกันสักหน่อย

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยังคงดำรงพระสติได้อยู่ ได้แต่ถอนพระปัสสาสะเบาๆ “ขุนนางโค่วอบรมบุตรสาวได้โดดเด่นเช่นนี้ เห็นได้ถึงคุณธรรมของเขา จากไปตั้งแต่ยังหนุ่ม ถือเป็นความสูญเสียของราชวงศ์ต้าซย่า”

รองเจ้ากรมต้วนยิ้มรับพยักหน้า แอบรอฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เอ่ยชมจวนรองเจ้ากรม

ตอนชิงชิงมาจวนรองเจ้ากรมยังเล็ก หรือว่าเรื่องการอบรมจะไม่มีความชอบให้จวนรองเจ้ากรมบ้าง

ผู้ใดจะรู้ว่าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่ทรงคิดชมจวนรองเจ้ากรมแม้แต่น้อย สายตามองไปที่ใบหน้าซินโย่ว “คุณหนูโค่วจิตใจดีงาม พระราชทานคทาหยกสมประสงค์หนึ่งท่อน ปิ่นทองคำหนึ่งคู่…”

พอรับสั่งเช่นนี้ ทุกคนไม่กล้ามองฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ แต่กลับพากันมองไปที่ซินโย่ว

ห้าหมื่นตำลึงแลกของพระราชทานมากมายเช่นนี้ คุณหนูโค่วกำไรจริงแท้!

นึกเสียใจ นึกเสียใจไปหนึ่งร้อยตลบ

ในบรรดาคนที่นึกเสียใจ ไม่รวมเฮ่อชิงเซียว

เขายืนอยู่ในมุมไม่สะดุดตานัก ลอบสังเกตฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ พบได้ทันทีว่าฮ่องเต้ทรงมีปฏิกิริยาผิดปกติ

เพราะ…หน้าตาคุณหนูโค่วหรือ

ตอนนี้ดูท่าฮ่องเต้รู้สึกดีต่อคุณหนูโค่วเพราะนางหน้าตาละม้ายคล้ายพระองค์ แต่ความรู้สึกดีนี้ช่างบอบบางเหลือเกินหากต้องเผชิญกับความลับของคุณหนูโค่ว

จนกระทั่งตอนนี้ เฮ่อชิงเซียวยังคิดไม่ออกว่าซินโย่วจะใช้วิธีการใดทำให้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รับสั่งให้ตรวจสอบเรื่องหว่านหยางด้วยพระองค์เอง แต่ในใจมีเสียงหนึ่งบอกให้เขาเชื่อนาง

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เองก็รู้ว่าการปรากฏตัวของเขาจะทำให้ผู้คนรู้สึกเกร็ง ในเมื่อได้พบคุณหนูโค่วดังหวังแล้ว ก็ควรกลับวังได้แล้ว

“ต้อนรับทุกคนให้ดี” ยามนี้เอง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้จึงได้ตรัสกับซิ่วอ๋องประโยคแรกตั้งแต่ก้าวเข้ามา

ซิ่วอ๋องน้อมรับพระบัญชา

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มองซินโย่วอีกทีหนึ่งก่อนจะเสด็จออกไป

“น้อมส่งเสด็จฝ่าบาท…” ทุกคนส่งเสียงดังพร้อมกัน

จากนั้นคนไม่น้อยก็ยกจอกสุราคิดก้าวมาหาซินโย่ว

ซิ่วอ๋องเอ่ยขึ้นในจังหวะที่เหมาะสมพอดี “ข้าของคารวะทุกท่านหนึ่งจอก”

ทุกคนจึงได้สติขึ้นมาว่า ที่นี่เป็นงานเลี้ยงของราชวงศ์ ไม่ใช่งานเลี้ยงทั่วไป

“คารวะซิ่วอ๋อง”

ซินโย่วยกจอกสุราแตะริมฝีปาก ยังคงคิดเรื่องฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ที่เพิ่งจากไป

หลังงานเลี้ยงจบลง หิมะยังคงไม่หยุดตก ซิ่วอ๋องเดินย่ำบนหิมะออกมาส่งแขก มีเสียงเอ่ยอำลากันดังต่อเนื่อง

ซินโย่วเองก็เอ่ยอำลาต่อซิ่วอ๋อง “วันนี้ขอบพระทัยซิ่วอ๋องที่ให้การต้อนรับ”

“หิมะตกถนนลื่น คุณหนูโค่วโปรดระวัง” ซิ่วอ๋องกำชับอ่อนโยน

ซินโย่วย่อกายลงคำนับก่อนจะหันเดินไปยังรถม้าไม่ไกลนัก

เสี่ยวเหลียนเดินมาข้างกายนางกางร่มออก

ซิ่วอ๋องมองดูร่มสีเขียวลอยล่องออกไปกลางหิมะสีขาวโพลน เสื้อคลุมสีผลซิ่งทำให้ร่างสาวน้อยดูสบายตา ในใจพลันรู้สึกบอกไม่ถูก

เฮ่อชิงเซียวแอบสะอึกในใจ

หรือว่าซิ่วอ๋องมีใจต่อคุณหนูโค่ว…

การคาดเดานี้ทำให้ในใจเขารู้สึกเย็นวาบขึ้นมา

เขาไม่มีสิทธิ์ไปข้องเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของคุณหนูโค่ว แต่พอคิดถึงความเป็นไปได้ระหว่างซิ่วอ๋องกับคุณหนูโค่ว จิตใจก็ยากจะนิ่งสงบลงได้

พบว่าเฮ่อชิงเซียวยืนนิ่งอยู่ ซิ่วอ๋องประสานมือเอ่ยอย่างสุภาพ “วันนี้ข้าต้อนรับไม่ครบถ้วน วันหน้าใคร่ขอเชิญท่านโหวมาดื่มสุรากันอีกสักครั้ง”

เพราะไม่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ ต่อหน้าบรรดาขุนนาง แต่ไรมาซิ่วอ๋องก็ย่อมรู้สึกตนเองต่ำต้อย

“ซิ่วอ๋องให้เกียรติไปแล้ว ควรให้กระหม่อมเป็นฝ่ายเชิญจึงจะถูกต้อง” เอ่ยวาจาตามมายาทจบลง เฮ่อชิงเซียวก็ขอตัวกลับ

รถม้าและเกี้ยวทยอยกันออกจากเหอหยวน ความครึกครื้นพลันเงียบลงในชั่วเพียงพริบตา

“หลินหู่”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ซิ่วอ๋องหันกลับไปมองเหอหยวนทีหนึ่ง ถามขึ้นเบาๆ ว่า “เสด็จพ่อทรงรู้สึกพิเศษต่อคุณหนูโค่วใช่หรือไม่”

คำพูดของเขาไม่อาจให้ผู้ใดได้ยิน คล้ายว่าพูดให้ตนเองฟัง

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กลับถึงตำหนัก เปลี่ยนฉลองพระองค์แล้วก็ตรัสถึงคุณหนูโค่วเช่นกัน “ซุนเหยียน เจ้าได้เห็นคุณหนูโค่วไหม คิดอย่างไร”

มหาขันทีซุนเหยียนเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง

เขาได้เห็นคุณหนูโค่วแล้วจะมีความคิดเห็นอย่างไรได้

เห็นท่าทางฮ่องเต้จริงจังเช่นนี้ ซุนเหยียนพลันไม่เข้าใจความคิดฮ่องเต้ ลองเลียบเคียงถามว่า “คุณหนูโค่วรูปโฉมงามล้ำ บุคลิกสูงศักดิ์ ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกเบิกบาน…”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ขมวดคิ้วพลางตรัสตัดบทพูดเหลวไหลของซุนกงกง “เจ้าไม่รู้สึกว่าคุณหนูโค่วหน้าตาละม้ายคล้ายเราหรือ”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท