สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 189 ใต้เท้าเฮ่อมาเยือนจวนรองเจ้ากรม

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 189 ใต้เท้าเฮ่อมาเยือนจวนรองเจ้ากรม

ซุนเหยียนนิ่งอึ้งไปทันที ตอบรับรวดเร็ว “ก่อนหน้านี้มีหลายคนกล่าวว่าคุณหนูโค่วหน้าตาละไม้คล้าย องค์หญิงใหญ่”

เหมือนน้องสาวเขา?

ในห้วงความคิดของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ มีภาพองค์หญิงใหญ่เจาหยางลอยเด่นขึ้นมา พบว่าทั้งสองคนมีความคล้ายกันจริง

แต่ในพระทัยก็ยังไม่อาจสลัดความรู้สึกแปลกประหลาดนี้ทิ้งไปได้

“หลายคนบอกว่าคุณหนูโค่วเหมือนองค์หญิงใหญ่?”

“พ่ะย่ะค่ะ เทศกาลฉงหยางวันนั้นคุณหนูโค่วกับองค์หญิงใหญ่อยู่บนเขาไป๋ลู่ซานด้วยกัน มีคนไม่น้อยเห็นตรงกัน และองค์หญิงใหญ่ยังสนทนากับคุณหนูโค่วเพราะเหตุนี้อีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนี้หรือ” ในพระทัยของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ รู้สึกว่าคุณหนูโค่วเหมือนกับองค์หญิงใหญ่เพียงแค่สองสามส่วน แต่เหมือนกับเขาถึงแปดเก้าส่วน

แต่คำพูดนี้กล่าวออกไปไม่ค่อยเหมาะสม

ฮ่องเต้ระงับความรู้สึกอยากคุยเรื่องคุณหนูโค่วต่อ เดินไปที่โต๊ะทรงอักษรจัดการราชกิจต่อ

วันที่ยี่สิบแปด เดือนสิบสอง หากเป็นเมื่อก่อน บรรดาขุนนางก็ได้หยุดพักกันแล้ว แต่ปีนี้ติ้งเป่ยเกิดเหตุแผ่นดินไหว การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกลายเป็นเรื่องเร่งด่วน ขุนนางหลายคนยังกำลังยุ่งกับการจัดการ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ยิ่งแทบไม่มีเวลาว่าง

บนโต๊ะทรงอักษรกองเต็มไปด้วยฎีการายงาน หยิบฉบับใดขึ้นมาเปิดสักฉบับหนึ่งก็ล้วนเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกหนักใจทั้งสิ้น

อ่านฎีกาไปได้สองสามฉบับ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็วางพระหัตถ์ลง พลันนึกขึ้นได้ว่า “ซุนเหยียน เราจำได้ว่าหลายวันก่อนเจ้าส่งนิยายใหม่ของท่านซงหลิงให้เรา”

“อา ใช่พ่ะย่ะค่ะ” ซุนเหยียนแววตาประหลาดใจ คิดไม่ถึงผ่านไปนานเพียงนี้ฮ่องเต้ยังทรงนึกถึงเรื่องนี้ได้

“นิยายล่ะ”

ซุนเหยียนรีบก้าวเข้าไปพลิกหา ก็หาหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นจากกองกระดาษได้ สองมือประคองถวาย “ฝ่าบาท อยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รับนิยายมามองประเมินทีหนึ่ง

เทียบกับนิยายอื่น เล่มนี้บางอยู่สักหน่อย เป็นเหตุให้กำหนดราคาไว้ที่สองร้อยเหรียญ ‘บันทึกตะวันตก’ คำนี้สาดประกายแสงเข้าสู่นัยน์ตา ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้สึกมีความคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด

เขาไม่ได้คิดมาก ขยี้ตาคลายความเหนื่อยล้าแล้วก็ค่อยๆ บรรจงเปิดอ่าน

ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหว ฮ่องเต้ทรงสนพระทัยนิยายใหม่ท่านซงหลิงอย่างแท้จริง เพียงแต่เพราะทรงงานตลอดจึงวางไว้ก่อน ตอนนี้กำลังเป็นห่วงติ้งเป่ยทั้งวันคืน ไม่มีเวลาว่างมาอ่านหนังสือพวกนี้แล้ว

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้พระทัยตนเองกระจ่างมาก ตอนนี้เขาคิดเปิดอ่านก็เพราะคุณหนูโค่วเป็นเจ้าของร้านหนังสือชิงซง ขันทีเอาแต่คุยเรื่องคุณหนูโค่ว เช่นนั้นก็อ่านหนังสือที่ร้านหนังสือวางขายก็แล้วกัน

“เล่าขานกันว่า ทางใต้ของแม่น้ำลั่วเจียงมีภูเขาฮวากั่ว บนภูเขามีศิลาเซียนก้อนหนึ่ง…วันหนึ่งศิลาเซียนระเบิดออก มีไข่ศิลากลิ้งออกมาใบหนึ่ง ไข่ศิลาปะทะแรงลมกลายเป็นวานรศิลาตัวหนึ่ง …”

เสียงเก้าอี้เสียดสีกับพื้นดังขึ้น ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พลันผุดลุกขึ้นยืน หนังสือร่วงลงพื้น

ซุนเหยียนที่รอปรนนิบัติอยู่ข้างๆ พลันตกใจสะดุ้ง “ฝ่าบาท…”

“นิยายนี้ ท่านซงหลิงเขียนหรือ” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กำ ‘บันทึกตะวันตก’ ไว้แน่นพลางตรัสถามขึ้น

สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทำให้ซุนเหยียนยิ่งตกใจ แต่ไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้าแม้แต่น้อย “ทูลฝ่าบาท ‘บันทึกตะวันตก’ เป็นนิยายใหม่ของท่านซงหลิง วันที่หนึ่งเดือนสิบสองออกวางขายที่ร้านหนังสือชิงซง ว่ากันว่าหลังเทศกาลหยวนเซียวก็จะออกเล่มสอง…”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แม้ไม่ได้ทรงอ่าน ‘บันทึกตะวันตก’ ในทันที แต่ซุนเหยียนกลับมิได้ละเลยข่าวสารเรื่องนิยายของท่านซงหลิง เพราะกลัวว่าฮ่องเต้จะพลันตรัสถามถึงแล้วไม่รู้อันใดสักเรื่อง

คำรายงานของซุนเหยียน ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ฟังไม่เข้าหู ในสมองมีแต่เนื้อหาที่เพิ่งได้อ่านไป

ภูเขาฮวากั่ว ศิลาเซียน…

ตอนซินซินหนีภัยมาเจอพวกเขาที่นี่ เขาถามซินซินว่าเป็นคนที่ไหน บิดามารดาเป็นอย่างไร ซินซินยิ้มกล่าวว่าบ้านนางอยู่เขาฮวากั่ว ระเบิดออกมาจากก้อนหิน…

ซินซินไม่เคยเอ่ยคำพูดนี้ต่อหน้าผู้ใด เขาคิดเสมอว่าเป็นเรื่องขำขันระหว่างสามีภรรยามาตลอด

ท่านซงหลิงผู้นี้จะต้องสนิทสนมกับซินซินมาก!

“ซุนเหยียน…”

“รีบตามฉางเล่อโหวเข้าวัง”

“พ่ะย่ะค่ะ” ในใจซุนเหยียนคาดเดามากมาย แต่ไม่กล้าแสดงออก รีบออกไปปฏิบัติตามรับสั่ง

เฮ่อชิงเซียวได้รับราชโองการก็รีบเข้าวัง

“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่สนพระทัยแสดงความสนิทสนมอาหลานอีก ยกมือตรัสว่า “ชิงเซียว เจ้าไปตามตัวท่านซงหลิงมาพบเราหน่อย”

“พ่ะย่ะค่ะ” เฮ่อชิงเซียวแววตาวูบไหว ออกจากวังก็ตรงไปร้านหนังสือชิงซง

ท้องฟ้ายังคงมีหิมะโปรยปราย ท้องถนนมีผู้คนผ่านไปมาไม่มาก ประตูร้านหนังสือชิงซงปิดแล้ว

เฮ่อชิงเซียวเข้าไปเคาะประตู

ประตูเปิดออกรวดเร็ว หลิวโจวเห็นเฮ่อชิงเซียวก็นิ่งอึ้งไปทันที ก่อนจะรีบหลบเปิดทาง “ใต้เท้าเฮ่อ เชิญเข้ามาก่อน”

ในโถงร้านหนังสือ ผู้ดูแลร้านหูกับสือโถวกำลังจัดชั้นหนังสือ พอเห็นเฮ่อชิงเซียวเข้ามาก็รีบทักทาย “ใต้เท้าเฮ่อ”

“ร้านหนังสือนี่…”

“เจ้าของร้านบอกว่าพรุ่งนี้เป็นต้นไปจะหยุด วันที่แปดค่อยเปิดร้านขอรับ” ผู้ดูแลร้านหูหัวเราะพึงใจ

“คุณหนูโค่วอยู่ด้านหลังหรือ”

ผู้ดูแลร้านยิ้มบาง “ไม่อยู่แล้วขอรับ เจ้าของร้านกลับจวนรองเจ้ากรมไปแล้ว”

ใต้เท้าเฮ่อเปลี่ยนไป เมื่อก่อนมาร้านหนังสือชิงซงเพื่ออ่านหนังสือ ต่อมาส่วนใหญ่มาหาเจ้าของร้าน

เจตนารมณ์เดิมแท้หมดสิ้นแล้ว

ผู้ดูแลร้านหูแอบถอนหายใจในใจเบาๆ

“รบกวนแล้ว” เฮ่อชิงเซียวเอ่ยอย่างเกรงใจก่อนจะรีบออกไป

ผู้ดูแลร้านหูก้าวไปที่ประตูทันที ก่อนจะมองตามออกไป

“ผู้ดูแลร้านมองอันใดหรือ” หลิวโจวเบียดตัวเข้ามาถามอย่างงุนงง

เฮ่อชิงเซียวขี่ม้าทะยานไปจวนรองเจ้ากรมจริงๆ

รองเจ้ากรมต้วนได้รับรายงานยังคิดว่าตนเองฝันไป ตอนเที่ยงก็ไม่ได้ดื่มมากนี่ หรือว่าเมาแล้ว

จนกระทั่งได้เห็นเฮ่อชิงเซียวในชุดองครักษ์ เขาก็ยังคงงุนงงอยู่

เฮ่อชิงเซียวมาจวนรองเจ้ากรมทำไมกัน

“ใต้เท้าต้วน คุณหนูโค่วอยู่จวนหรือไม่” เฮ่อชิงเซียวเปิดตรงประเด็นทันที

แววตารองเจ้ากรมต้วนตกใจ นี่มาหาหญิงสาวถึงบ้านหรือนี่

นี่ นี่ นี่…ไม่รู้จักยางอาย! ใช้ได้ที่ไหนกัน!

“คุณหนูโค่วไม่อยู่หรือ”

รองเจ้ากรมต้วนสีหน้าเข้มขึ้นเล็กน้อย “ไม่ทราบว่าใต้เท้าเฮ่อมาหาชิงชิงด้วยเรื่องใด”

เฮ่อชิงเซียวประสานมือกล่าว “ฝ่าบาททรงอยากทราบเรื่องร้านหนังสือชิงซง หากคุณหนูโค่วอยู่ในจวน ขอให้นางรีบออกมา ฝ่าบาทจะได้ไม่ต้องทรงรอนาน”

“ฝ่าบาทเรียกชิงชิงเข้าวัง?” รองเจ้ากรมต้วนอึ้งไปทันที

“ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้าน้อยมาทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อน”

รองเจ้ากรมต้วนมองประเมินสีหน้าชายหนุ่ม คลายความสงสัยลง เฮ่อชิงเซียวจะบังอาจเพียงใดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแอบอ้างรับสั่ง

เขาไม่ลังเลอีก รีบสั่งการบ่าวไปเรือนหว่านฉิง

ระหว่างซินโย่วเดินไปโถงบุปผาก็ถามคนที่มาเชิญนางไปอย่างไม่แน่ใจ “เจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ใต้เท้าเฮ่อ?”

“ขอรับ”

ซินโย่วรีบเดินบนพื้นปูลาดด้วยหินก้อนในจวนรองเจ้ากรม ในใจก็คาดเดาว่าใต้เท้าเฮ่อตรงมาหานางที่จวนรองเจ้ากรม น่าจะเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นในวัง

พบกันเพียงแค่ครั้งเดียวในเหอหยวน ไม่ควรจะมีเหตุการณ์ต่อมา เป็นถึงผู้ปกครองแผ่นดิน คงไม่ส่งองครักษ์กองกำลังจิ่นหลินมาถึงจวนเพราะสาวน้อยหน้าตาละม้ายคล้ายตนกระมัง เหลวไหลเกินไปแล้ว

พอคิดเช่นนี้…ซินโย่วก็ชะงักฝีเท้า สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย

ปฏิกิริยาในใจนางรุนแรงกว่าเดิม ต้องเป็นเพราะคนผู้นั้นได้อ่าน ‘บันทึกตะวันตก’ แล้ว!

ก่อนหน้านี้ซินโย่วบอกกับเฮ่อชิงเซียวว่ามีวิธีทำให้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รับสั่งให้ตรวจสอบหว่านหยางก่อนปีใหม่ โดยอาศัย ‘บันทึกตะวันตก’

นางเองก็เคยคิดว่าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อาจไม่ได้ทรงอ่านในทันที แต่นางเชื่อว่า ‘บันทึกตะวันตก’ วางขายไป สร้างกระแสให้ชาวเมืองหลวงอ่านกัน ช้าเร็วคนผู้นั้นต้องได้อ่าน

เรื่องเดียวที่ไม่ค่อยสวย ก็คือการคุยโวต่อหน้าใต้เท้าเฮ่อ

ตอนนี้ดูท่าแล้วยังอยู่ในกำหนดเวลาที่คาดการณ์ไว้

ซินโย่วระงับความคิด เดินเข้าไปในโถงบุปผา

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท