ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) – ตอนที่ 26

ตอนที่ 26

“เอ๊ะ? เพราะเจ้าหลงทางเลยมาถึงที่นี่งั้นเหรอ?”

ในสามคนนั้น ผมคุ้นเคยกับลาน่าได้อย่างรวดเร็ว ไม่นาน พวกเราก็พูดคุยกัน

แน่นอน สาเหตุที่คุ้นเคยกันเร็วขนาดนี้ก็คงเป็นเพราะยัยนี่จับจ้องตามติดเงินของผม แต่ก็ไม่เป็นไร ยังไงซะการเข้าใจพวกเธอให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในตอนนี้ก็ดีซะกว่า

“อืม เข้ามาจากทางด้านเชอร์ฟา จากนั้นก็หลงทางอยู่นานจนมาถึงที่นี่”

“เชอร์ฟา? นั่นอาณาจักรเล็กๆ ทางใต้ไม่ใช่เหรอ? ช่วงก่อนมีข่าวออกมาว่าราชาของพวกเขาต้องการเริ่มสงคราม ราชาของอาณาจักรแห่งนั้นโง่ซะจริง เรื่องอย่างสงครามจะมาประกาศเริ่มมั่วซั่วได้ยังไงกัน? แล้วอาศัยความแข็งแกร่งของพวกเขา ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็คงถูกอาณาจักรอื่นยึดไว้แล้ว เจ้าว่าไหม ฟีล?”

“พะ…พูดถูกเผง”

ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ที่ผมแนะนำตัวเองได้เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น คาร์เตอร์ ฟีล ดูเหมือนชื่อฟีลจะเป็นชื่อที่สามัญมากในที่นี้ เพราะงั้นถึงแม้จะมีชื่อเดียวกันก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

ยังไงซะตอนนี้ก็เป็นผู้ถูกประกาศจับ เปิดเผยตัวเองมั่วซั่วคงไม่ดี

“งั้นทำไมพวกเธอมาอยู่ที่นี่ล่ะ…แล้วที่นี่คือที่ไหนกันแน่”

“ที่นี่เป็นโบราณสถานยุคก่อนประวัติศาสตร์”

ลาน่าหยิบเอาเข็มทิศทรงกลมออกมา หลังจากเปิดออก เข็มชี้ด้านบนก็ดูเหมือนกำลังชี้ไปในทิศทางที่กำหนด มันคือเข็มทิศเหรอ? แต่ทำไมรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติเลย…

“มันคือเครื่องมือกำหนดเข็มชี้ลาดตระเวน สามารถนำสิ่งของมาบันทึก จากนั้นก็ใช้ค้นหาสิ่งของจำพวกเดียวกันในดันเจี้ยนขนาดใหญ่ได้ คราวนี้พวกเรามาเพราะ…อยากจะก่อตั้งภาคีของเราเอง แต่เพราะจำนวนคนไม่พอ เลยทำได้แค่ยื่นคำร้องกับผู้อำนวยการสถาบัน แล้วถูกส่งออกมาทำภารกิจประหลาดแบบนี้”

“ก็แปลว่า มันคือเครื่องมือนำทางล่ะสิ?”

“ถึงแม้จะไม่ผิด แต่ของสิ่งนี้ทำได้เพียงกำหนดทิศทางเดียว ถ้าเดินไปถึงทางตัน นั่นก็คงไม่มีทางเลือก”

“แบบนี้นี่เอง…”

ที่แท้ก็มีการตั้งค่าแบบนี้…ยังไงซะมันก็คงไม่สามารถนำทางอัตโนมัติเหมือนในเกมออนไลน์

“แต่โชคดีที่ชั้นนี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง เพราะงั้นเลยไม่มีปัญหาอะไร”

“ชั้นนี้…พวกเธอไม่แน่ใจว่าเป็นชั้นไหนเหรอ…”

“เรื่องนั้นเหรอ…”

ลาน่ามองไปยังสองคนที่อยู่ข้างๆ ก็ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

“เพราะไม่รู้ว่าเป็นชั้นไหน เลยทำได้แค่หาทีละชั้นไง”

ให้ตายสิ ยัยพวกนี้ช่างกระตือรือร้นกันซะจริงๆ…แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ยา…ไม่ถูกสิ ทีมนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ยาเลยด้วยซ้ำ

เพราะมีสัตว์ประหลาดเลเวล 30 ตั้งหนึ่งคน…

ขณะที่คิดเช่นนี้ผมก็มองทางฟาลัน แต่กลับสบสายตาอีกฝ่ายพอดี

ทว่าอีกฝ่ายกลับละสายตาไปทันที ไม่รู้ว่ากำลังเธอคิดอะไรอยู่ แต่แสร้งยิ้มไปด้วยหลับตาไปด้วย มองยังไงก็รู้สึกเหมือนโดนดูถูก

แต่ว่าเลเวลของผมก็แค่ 11 แม้กระทั่งครึ่งที่แย่ที่สุดก็ไม่ถึง จะไปเทียบกับคนพวกนี้ได้ยังไงกัน

“แต่ว่า ฉันรู้สึกว่ามีวิธีหนึ่งที่จะยืนยันได้ว่าเป็นชั้นไหนนะ”

“หืม?”

เมื่อได้ยินคำพูดของผม ทุกคนต่างก็หยุดลง เห็นได้ชัดว่าสำหรับพวกเขาในตอนนี้ หัวข้อนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่ง

“เจ้ายืนยันได้เหรอ?”

ไม่รู้ว่าทำไม ขณะนี้คนที่ถามกลับเป็นยูบริล

“อืม ในเมื่อเข็มชี้นี้จะชี้ไปทางเป้าหมาย…งั้นถ้าเป็นแบบนี้ล่ะ?”

พูดแล้ว ผมก็หยิบเครื่องตรวจจับจากมือลาน่ามา แล้วยืนขึ้น

เข็มชี้สั่นเล็กน้อย จากนั้นก็เคลื่อนไปข้างบนช้าๆ

“ดูเหมือนจะเป็นชั้นบนนะ” ผมยักไหล่พูด

“ข้าบอกแล้วว่าอยู่หลังกำแพง ทำไมพวกเจ้าไม่เชื่อข้า! โธ่”

ยูบริลหมุนตัวไปตะโกนใส่อีกสองคน

เธอที่ดูวางมาดมาโดยตลอด มีท่าทางคลุ้มคลั่งที่ดูน่ากลัวในทันที แล้วเธอก็พบว่าตัวเองลืมตัว กระแอมไม่กี่คำ ก็พูดต่อไป

“สะ…สรุปแล้วก็คือพวกเราต้องกลับไปบนชั้นก่อน ชั้นนี้แย่จริงๆ มองทางอะไรไม่ชัดเลย!”

พูดจบก็เดินตรงไปคนเดียว

พวกเราสบตากันแล้วตามไป

“จะว่าไป…ที่นี่คือชั้นที่เท่าไหร่?”

“ที่นี่?”

ลาน่าเอียงศีรษะคิดอยู่สักพัก

“คงเป็นชั้นห้าล่ะมั้ง”

“ชั้นห้างั้นเหรอ…”

ที่แท้ผมก็ร่วงจากชั้นสองมาชั้นห้าในอึดใจเดียว มิน่ามอนสเตอร์ที่นี่ถึงน่ากลัวขนาดนี้…แต่น่าจะเป็นเพราะดันเจี้ยนใต้ดินดูค่อนข้างน่าสับสน จนทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน ยังไงซะดันเจี้ยนนี้ก็แปลกประหลาดเกินไป

“พอไปถึงสถาบัน ข้าจะพาเจ้าไปเยี่ยมชมห้องทดลองของข้า ที่นั่นมีของที่หาซื้อข้างนอกไม่ได้เพียบเลย”

“มันก็เป็นแค่พื้นที่ส่วนตัวที่เธอกั้นออกมาจากห้องกิจกรรมภาคีเท่านั้นแหละ”

ฟาลันพูดแขวะอย่างไร้อารมณ์

“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าไปสนใจเลย”

“ไม่สนใจได้อย่างไร!”

คิ้วของฟาลันขมวดขึ้นมา

“ยาเวทมนตร์ของข้าจู่ๆ ก็หายไป ทำให้ข้าลำบากทีเดียว!”

“คือว่า…ข้าแค่เผลอหยิบผิดไป อย่าใส่ใจเลยน่า…”

“ไม่ใส่ใจ…ไม่มีทางซะหรอก…”

สองคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีหรือไม่ดีกันแน่เนี่ย ดูจากท่าทางของพวกเธอแล้ว ปกติพวกเธอก็คงวุ่นวายแบบนี้

สถาบันน่ะ…

รู้สึกเหมือนคำนี้ห่างไกลจากผมทีเดียว

ความทรงจำของผมที่มีต่อโรงเรียนค่อนข้างเลือนลาง แม้จำได้ว่าผมคงเป็นนักเรียน แต่ไม่รู้ว่าทำไม ผมกลับรู้สึกไม่ค่อยมีความประทับใจต่อชีวิตการเป็นนักเรียนสักเท่าไหร่

แล้วความรู้สึกแบบนี้ก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น ความทรงจำของโลกเดิมเริ่มจางหายไปช้าๆ นอกจากความรู้ สิ่งอื่นก็ยิ่งผ่านไปยิ่งน้อยลง

รู้สึกว่าความทรงจำทุกอย่างจะหายไปทุกครั้งที่ตื่นนอน…ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ผมก็ไม่รู้ว่าควรเสียใจหรือดีใจ

ขณะที่ผมครุ่นคิดอยู่ พวกเราก็มาถึงด้านข้างของบันไดปีน

“ที่นี่แหละ ความจำของฉันไม่ผิดแน่”

ยูบริลพูดเช่นนี้แล้วปีนขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว

“อืม ทำไมพวกเธอไม่ขึ้นไปล่ะ?”

เห็นทั้งสองคนยังไม่เคลื่อนไหว ผมก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย

“คือว่า…”

ฟาลันเอียงศีรษะ

“เดี๋ยวจะเห็นกางเกงใน เจ้าขึ้นไปก่อน…”

เธอยังพูดไม่ทันจบ ยูบริลก็ตกลงมาข้างๆ ผมเสียงดังปัง

เห็นท่าทางที่ดูแข็งกร้าวของเธอ ผมก็คิดว่าไม่พูดอะไรจะดีกว่า

แล้วเธอก็เดินตรงมาข้างหน้าผม สูดหายใจเข้าลึกๆ ใช้น้ำเสียงสงบพูดขึ้น

“เจ้าจะขึ้นไปเอง หรือว่าให้ข้าโยนเจ้าขึ้นไป?”

“ฉัน…ขึ้นไปเองดีกว่า”

พูดจบ ผมจึงเริ่มท้าทายการปีนบันไดที่เร็วที่สุดในชีวิตผม

ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?)

ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?)

Status: Ongoing

ผมตื่นขึ้นมาหน้าหมู่บ้านแปลกๆ แห่งหนึ่ง ผมลองคิดว่าก่อนหน้านี้ผมทำอะไรมาถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ผมกลับนึกอะไรไม่ออก นอกจากชื่อของผม “หลิน ฟีล”

ผมเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ กลับพบว่าทุกคนในหมู่บ้านมีชื่อและหลอด HP ลอยอยู่เหนือศีรษะ

เอ๊ะ…ทำไมมันเหมือนเกม RPG จัง หรือว่า…ผมจะหลุดเข้ามาในเกม RPG?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท