คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 661ความดีสูงส่งดุจขุนเขานางคู่ควรแล้ว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 661ความดีสูงส่งดุจขุนเขานางคู่ควรแล้ว

บ้านที่ตู้เหมี่ยนเช่าอยู่เป็นบ้านเล็กๆ ในตรอกโซ่วสี่ หน้าบ้านมีประตูสองชั้น แม้อยู่ในสถานที่วุ่นวายแต่ภายในบ้านสงบเงียบน่าอยู่

หว่าซง บ่าวรับใช้คนสนิทข้างกายของตู้เหมี่ยนนำฉินหลิวซีไปที่ห้องนอน เขากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง เขาพยายามยันกายลุกขึ้นจากเตียง พลางเอ่ย “คนแซ่ตู้เสียมารยาท ไม่ได้ไปรับเจ้าอาวาสน้อยด้วยตนเอง”

“ผู้ออกบวชไม่ยึดถือเรื่องปรุงแต่ง” ฉินหลิวซีเห็นบรรยากาศในห้องอึดอัดซึมเซา จึงบอกให้หว่าซงเปิดหน้าต่างออก “ร่างกายท่านบาดเจ็บภายนอก ไม่ต้องอยู่เดือนแบบหญิงหลังคลอด ปิดหน้าต่างอุดอู้ลมไม่พัดเข้าห้อง ไม่ต้องเอ่ยถึงอากาศไม่ถ่ายเท ท่านยังสวมเสื้อผ้าหลายชั้น อากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ อยากให้แผลหมักหมมเป็นหนองให้อาหารตัวอ่อนแมลงวันหรือ”

ตู้เหมี่ยน “…”

เดิมทีไม่คิดอะไร แต่พอได้ฟังนางเอ่ย แผลเดิมที่เคยเจ็บปวดเน่าเปื่อยพุพองก็เกิดอาการคันขึ้นมาทันที

ฉินหลิวซีเอ่ยกับหว่าซง “ให้คนเตรียมน้ำร้อนมามากหน่อย ผ้าฝ้ายสะอาดที่ระบายอากาศได้ดี และสุราอีกนิดหน่อย แล้วให้ห้องครัวสับเนื้อหมูไม่ติดมันให้ละเอียดตุ๋นเป็นน้ำแกงใสๆ ไม่ต้องใส่เครื่องยาอะไร…”

นางเอ่ยสิ่งที่ต้องการออกมาทีละอย่างจนหมด

หว่าซงจดจำเอาไว้ ก่อนจะเดินไปเรียกคนมาสั่งงานที่หน้าประตู

ส่วนฉินหลิวซีก็จับข้อมือตู้เหมี่ยนมาตรวจชีพจร เถิงเจานำเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ออกมาวางเรียงบนโต๊ะเล็ก

ตู้เหมี่ยนมองอุปกรณ์ ทั้งมีด กรรไกร และเข็มเงินที่วางเรียงเป็นแถวส่งประกายวิบวับ รู้สึกตัวสั่น กล้ามเนื้อเกร็งแน่น

“กลัวแล้วหรือ” ฉินหลิวซีเงยหน้า นางมองหน้าเขาคล้ายยิ้มไม่ยิ้ม “คนที่ถูกฟันด้วยกระบี่สามสิบกว่าแผล เห็นมีดเล่มเล็กๆ พวกนี้เกิดกลัวขึ้นมางั้นหรือ”

ตู้เหมี่ยนยิ้มขื่น “ข้าคิดถึงว่าพวกมันจะกรีดปากแผลของข้าให้เปิดออกอีกครั้ง เห็นเข้าจังๆ อย่างนี้จึงรู้สึกหวาดผวา”

“วางใจ ข้าไม่ให้ท่านเห็นตรงๆ” ฉินหลิวซีตรวจชีพจรเสร็จจึงเขียนใบสั่งยาพลางเอ่ยว่า “ไปนั่งที่ตั่งตรงหน้าต่าง แล้วถอดเสื้อออก ข้าจะฝังเข็มให้ท่านก่อน เพื่อให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก”

แต่ละคนทำหน้าที่ของตัวเอง ตู้เหมี่ยนถอดเสื้อออก เหลือแต่กางเกงข้างในตัวเดียวก่อนจะนั่งบนตั่ง เผยให้เห็นบาดแผลฉกรรจ์น่าสยดสยองบนร่างกายเขา

ปลายนิ้วฉินหลิวซีจับเข็มเงิน กดหาจุดสำหรับฝังเข็ม แล้วจัดการฝังลงไปอย่างรวดเร็ว ชั่วเวลาไม่นานนักจุดที่ต้องฝังเข็มบนตัวตู้เหมี่ยนก็มีเข็มปักอยู่เรียบร้อย

จากนั้นให้เถิงเจาจุดเครื่องหอมไว้ด้านข้าง

เครื่องหอมนั้นไม่รู้ทำมาจากสิ่งใด ไม่เหมือนกับเครื่องหอมทั่วไป สูดดมแล้วจิตใจสงบมีสมาธิ สบายใจไร้กังวล ตู้เหมี่ยนรู้สึกมีกระแสพลังอุ่นๆ ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกาย หลังจากได้รับบาดเจ็บเขาไม่เคยรู้สึกสบายเช่นนี้มาก่อน

“พวกท่านอาศัยอยู่ริมแม่น้ำอย่างนั้นหรือ บนตัวมีไอเย็นค่อนข้างหนาแน่น ทำให้บาดแผลหายสนิทได้ช้า” ฉินหลิวซีมองตู้เหมี่ยน “ข้าฝังเข็มให้ท่าน ช่วยให้เลือดลมที่อุดตันไหลเวียนดี ระบายไอเย็นออกได้บ้าง หากต้องการกำจัดไอเย็นให้หมดสิ้น จากวันนี้ไปต้องฝังเข็มอีกหลายครั้ง”

“ลำบากท่านแล้ว” ตู้เหมี่ยนเอ่ยขณะที่เขาท่าทางเคลิ้มเหมือนจะหลับไป

หว่าซงตื่นเต้นมาก เจ้าอาวาสน้อยคนนี้เก่งราวกับเทพ ทั้งหมดนี้สามารถเอ่ยออกมาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

หลังจากคาเข็มไว้หนึ่งเค่อ ฉินหลิวซีก็ดึงเข็มออก มองไปยังเถิงเจา “เอาผงยานอนหลับให้เขาดื่มได้แล้ว”

เถิงเจาพยักหน้า นำขวดยาออกจากกล่องใส่ยา เทผงยาลงในชามเล็กน้อย แล้วใส่น้ำเพื่อทำให้ละลาย เขาส่งชามยาป้อนใส่ปากตู้เหมี่ยน

“นี่คือ?”

“ของดี ดื่มเข้าไปเถิด”

ตู้เหมี่ยนจึงดื่มยาจากชามในมือเถิงเจาลงไป ทั้งขมทั้งฝาด ของดีตรงไหนกัน

ตุ๊บ

เขาหลับตา นอนหลับเป็นตายบนเตียง

หว่าซงตกใจ “ท่านเจ้าอาวาสน้อย นี่…”

“ไม่เป็นไร นอนหลับลึกจะได้ทำงานได้ดี” ฉินหลิวซีสีหน้าไม่เปลี่ยน “เขาจะต้องรู้สึกขอบคุณข้า”

นางเดินไปอีกด้านแล้วล้างมือจนสะอาด ส่วนเถิงเจานำมีดและเครื่องมือต่างๆ ใส่จานกระเบื้อง ใช้เหล้าแช่ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค ยาจินชวงนำออกมารอไว้ก่อนแล้ว

ฉินหลิวซีใช้ผ้าเช็ดหน้าสามเหลี่ยมปิดไว้ครึ่งหน้า ก่อนอื่นต้องจัดการแผลใหญ่ที่ส่วนท้อง บาดแผลส่วนนี้ขยับเขยื้อนไปมา เนื้อหนังเกิดเป็นหนอง ยิ่งดูน่ากลัวเมื่อมันผสมปนกับยาที่ทาเอาไว้ ช้ำเลือดช้ำหนองน่าสยดสยอง นางหยิบมีดปลายแหลมเล่มเล็กกรีดเบาๆ บนปากแผลที่ติดกันแล้ว

แผละ

น้ำเลือดน้ำหนองพุ่งกระเด็นไปถูกผ้าเช็ดหน้าที่นางปิดปากปิดจมูกไว้ และกระเด็นไปโดนหน้าผากนางอีกสองหยด

หว่าซงมองไปยังเจ้านายที่สลบไสลไม่ได้สติโดยไม่ตั้งใจ เขาเหมือนตายไปแล้ว ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย

เขารีบมองไปที่ช่วงอก เห็นนายท่านหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ จึงถอนหายใจออกมา เขายังมีชีวิตอยู่

หว่าซงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วหันไปมองการทำงานของฉินหลิวซี นางเปิดปากแผลแล้วใช้มีดขูดเอาเนื้อที่เน่าเปื่อยออก ส่วนไหนที่ใช้มีดไม่ได้ก็ใช้กรรไกร หรือเข็มเปิดปากแผล ค่อยๆ กำจัดส่วนที่เน่าเปื่อยออกทีละน้อยเหมือนขุดหลุมเลือดไปตามรอยแผล

หว่าซงสั่นระริกไปทั้งตัว นายท่านต้องขอบคุณนาง หากได้เห็นอย่างเขา ยังไม่ต้องเอ่ยถึงความเจ็บ แค่ภาพที่เห็นต้องแบกรับความกดดันในใจหนักหน่วงแค่ไหน

ฉินหลิวซีมีสมาธิไม่วอกแวก จดจ่ออยู่กับมือที่เคลื่อนไหว ไม่พูดไม่จา นอกจากเอ่ยปากขอผ้าสะอาดกับยา

การขูดเนื้อตายออกไม่ใช่จะขูดตรงไหนก็ทำได้ หากบาดแผลลึกต้องระวังไม่ให้โดนเส้นเลือด ไม่อย่างนั้นหากตัดเส้นเลือดขาดเป็นอันจบกัน ดังนั้นจึงประมาทไม่ได้

น้ำเลือดและหนองถูกทำความสะอาดออกไปทีละนิด เนื้อที่เปื่อยเน่าก็ถูกตัดออกใส่ลงในชามกระเบื้อง ผ้าเช็ดแผลที่เปื้อนเลือดถูกโยนลงในอ่างน้ำผืนแล้วผืนเล่า

กำจัดของเสีย ทำความสะอาด ทายา ปิดปากแผล ทั้งหมดทำอย่างเป็นระบบระเบียบ

รอจนจัดการแผลทั้งหมดเรียบร้อย ฉินหลิวซีมีเหงื่อซึมออกมา เถิงเจามีหน้าที่ใช้ผ้าสะอาดเช็ดเหงื่อให้นาง

หว่าซงทำหน้าที่เป็นลูกมืออยู่ข้างๆ เขามองศิษย์อาจารย์สองคนช่วยกันทำงานอย่างรู้ใจ หันไปมองนายท่านที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว เขาถอนใจเบาๆ ท่านสบายเป็นที่สุด!

บาดแผลบนตัวตู้เหมี่ยนมีไม่น้อย นับแล้วมีหกแห่งที่ต้องเปิดแผลทำความสะอาดใส่ยาใหม่ ที่หนักที่สุดคือจุดกวน และจุดชุ่นที่ข้อมือซ้าย ใช้เวลาทำแผลนานที่สุดเพราะเอ็นข้อมือขาด

การเย็บแผลในจุดนี้ต้องละเอียดรอบคอบมากกว่าจุดอื่นมาก

หว่าซงอยากเปิดปากถาม เส้นเอ็นที่ขาดไปสามารถเย็บติดกันได้ แล้วต่อไปจะดีขึ้นจนใช้การได้หรือไม่

เถิงเจากลับมองมาเสียก่อน ยกนิ้วชี้กดที่ริมฝีปากพลางส่งเสียงชู่ว

หว่าซงจึงหุบปาก ไม่กล้ารบกวน

ช่วงเวลาทำแผลที่ยาวนาน และยังต้องเย็บแผลอีก เปลืองพลังงานอย่างมาก ทำให้ใบหน้าของฉินหลิวซีซีดขาว มีเพียงเข็มที่จับอยู่ในมือเท่านั้นที่มั่นคงดั่งขุนเขา

เถิงเจาเม้มปาก ดวงตามีแต่ความเลื่อมใสศรัทธา

หว่าซงก็เช่นเดียวกัน ในสายตามีแต่ความเคารพเลื่อมใสและสั่นสะเทือนไปถึงหัวใจ

ความดีสูงส่งดุจขุนเขา เจ้าอาวาสน้อยปู้ฉิวคู่ควรแล้ว

ฉินหลิวซีทำความสะอาดแผลสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ยืดตัวตรงขึ้นมา เท้าโงนเงนเล็กน้อย ได้เถิงเจาช่วยพยุงไว้

“ไม่เป็นไร พันแผลปิดงานเถิด” ฉินหลิวซียกมุมปากยิ้มให้เขา

เถิงเจาทำความสะอาดรอยเปื้อนเลือดตามที่ท่านอาจารย์สั่ง แล้วทายารอบสุดท้าย ใช้ผ้าพันแผลพันเอาไว้

ฉินหลิวซีทายาบริเวณแผลที่จุดกวนและจุดชุ่นซึ่งบาดแผลลึกถึงกระดูกด้วยตัวเอง ใช้แผ่นไม้กระดานบางๆ ประกบไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อน จากนั้นถอนเข็มออก แล้วกดบริเวณที่ฝังเข็มให้เลือดไหลเวียนดี

“เรียบร้อยแล้ว” นางยืดตัวยืนขึ้น มองไปยังสีหน้าไม่เหมือนคนเป็นของตู้เหมี่ยนที่เกิดจากการเสียเลือดไปมาก พ่นลมหายใจออกยาวทีหนึ่ง

งานนี้เปลืองพลังกายพลังใจไปมาก ต้องให้อีกฝ่ายบริจาคให้ได้สักครึ่งหนึ่งของศาลเย่าหวัง[1]ถึงจะดี

[1] ศาลเย่าหวัง สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงซุนซือเหมี่ยว ราชาแห่งสมุนไพรจีน ในสมัยถัง

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท