ตอนที่ 758 หนึ่งลมปราณ
แม้แต่ตอนนี้ หลายแห่งในชนบทก็ยังมีอุปกรณ์ตำข้าวสาร มีแบบที่ใช้เท้าเหยียบและใช้แรงคนผลัดกันตำ ทีแล้วทีเล่า ครั้งแล้วครั้งเล่า
ตอนนี้โจวเจ๋อมีความรู้สึกเช่นนี้ รู้สึกเหมือนตัวเองติดมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นเครื่องจักรทำท่าเดิมซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุดทุบตีครั้งแล้วครั้งเล่า! ทว่ากลับไม่ปรากฏเลือดสาดกระเด็น สมองเละตามประสบการณ์ที่เคยพบมาในอดีต กลับกลายเป็นสิงโตที่อยู่ใต้ร่างตัวนี้ยิ่งใหญ่ยิ่งเหนียวข้นขึ้น เหมือนถูกทุบจนกลายเป็นเค้กข้าว หนึบหนับ เนื้อนุ่ม
ตอนแรกยังคำรามอย่างไม่พอใจ ถึงแม้ถูกทุบอย่างรุนแรงก็ยังเชิดคอด้วยความจองหอง ประกาศว่าตัวเองเป็นราชาแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลาย
เขาทุบไปเรื่อยๆ จนมันเกือบจะเหลือเพียงเสียงร้องครวญครางแล้ว แต่คุณตีมันอย่างไรก็ไม่ตาย! เถ้าแก่โจวรู้สึกเมื่อยแขนตัวเองเป็นอย่างมาก แต่ก้อนแป้งที่อยู่ตรงหน้าตัวเองยังคงคลานขยุกขยิก
ตอนนี้โจวเจ๋อเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นแล้วว่า เมื่อก่อนนี้ยามที่ตัวเองต่อสู้กับคนอื่น เหมือนแมลงสาบตัวหนึ่งที่ตีไม่ตาย!
ถึงแม้โจวเจ๋อจะใช้หมัดที่แฝงไปด้วยพลังปราณพิฆาต ปลายเล็บที่แหลมคมและทรงพลัง ดุดันประดุจเสือ แต่ไม่สามารถทุบไอ้งั่งที่อยู่ตรงหน้าให้ตายได้
หากคนปกติก่อเรื่องทะเลาะวิวาท ไม่ว่าจะมีข้อได้เปรียบหรือไม่ ล้วนเข้าใจว่าต้องเก็บแรงไว้หนึ่งถึงสองส่วน เพราะกลัวว่าดีไม่ดีอาจจะทำให้คนตาย แต่พูดจริงๆ นะ นี่ขนาดใจเด็ดออกแรงเต็มที่แล้ว กลับไร้ซึ่งการตอบสนอง เหนื่อยใจจริงๆ
เถ้าแก่โจวหยุดลงมือ ไม่ทำอย่างอื่นนอกจากหายใจหอบ เหนื่อยจริงๆ เลย เหนื่อยจริงๆ และอาจจะเป็นเพราะเขาหยุดโจมตี ก้อนขนมถ้วยฟูที่อยู่ตรงหน้าแอบลืมตาเล็กน้อย เหลือบตามองไปข้างนอกแล้วเล็ง จากนั้นเถ้าแก่โจวจึงมองเห็น ‘อาณาจักร’ ที่ตัวเองเพิ่งได้มาหายไปต่อหน้าต่อตา
ขนมถ้วยฟูเริ่มพอง เริ่มกลายเป็นน้ำหมึกสีดำ จากนั้นกลายร่างกลับไปเป็นสิงโตดังเดิมอย่างเงียบๆ กระทั่งคางของสิงโตจงใจสั่นเล็กน้อย มาพร้อมกับการเย้ยหยัน
โจวเจ๋อโกรธจนหัวเราะ ดูสิฉันทำให้แกมีความสุขแค่ไหน ถูกกดอยู่บนพื้นซัดไปหนึ่งยกก็ไม่ตาย รู้สึกภาคภูมิใจมากพอแล้วเรอะ
แต่เถ้าแก่โจวไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ ในมือเขาไม่มีใครที่ฉวยโอกาสได้ เว้นเสียแต่ว่าตอนนี้เขาจะเรียกเจ้าโง่ออกมา แต่เรียกเขาเพราะเรื่องแบบนี้ คาดว่าคงถูกเจ้าโง่หัวเราะไปอีกนาน
บางครั้งทัศนคติของคนเราช่างแปลกเสียจริง มักจะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่โดยไม่รู้ตัวเสมอ อย่างเช่นเมื่อก่อน เรื่องที่ว่าจะถูกอีกฝ่ายหัวเราะไหม โดยทั่วไปเป็นเรื่องที่เจ้าโง่ให้ความสนใจ แต่ตอนนี้ถึงตาโจวเจ๋อคิดเรื่องพวกนี้แล้ว
แน่นอนว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือทุกครั้งที่เจ้าโง่ตื่นขึ้นมาจริงๆ แล้วมีช่วงเวลาคูลดาวน์ คล้ายกับสะสมแถบพลังไว้ แล้วคุณปล่อยท่าใหญ่ตอนตีมอนสเตอร์ตัวเล็ก ต่อมาพอเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอยากจะใช้สกิลก็ใช้ไม่ได้มันอัดอั้นมากแค่ไหน
ดูเหมือนสิงโตจะฉลาดเข้าใจเรื่องราวดี หลังจากโดนทุบหนักแล้ว มันไม่คิดจะ ‘สั่งสอน’ โจวเจ๋อเลยสักนิด บางทีมันก็รู้จักประมาณตน ดังนั้นมันจึงเตรียมจะดอดหนี
โจวเจ๋อยื่นมือจับมัน เขาหายใจหอบพลางเอ่ยว่า “รีบร้อนไปไหน รอเดี๋ยว” รอฉันหายเหนื่อยก่อน แล้วจะทุบแกให้เป็นขนมข้าวซอยตัด!
ใครจะรู้ว่าเวลานี้ผนังทั้งบ้านจะเริ่มแตกร้าว จากนั้นพังทลายในพริบตา ครืน!
…
“นายไม่เข้าไปดูหน่อยเรอะ ข้างในเป็นเพื่อนร่วมงานของนายหรือเป็นหัวหน้าของนาย” ชายชราจมูกแดงถามเหล่าจาง
“เป็นเถ้าแก่ของผม ผู้จับกุม”
ชายชราจมูกแดงมองเหล่าจาง แล้วมองไปทางตึกทรงตะวันตกขนาดเล็ก ตีสุนัขต้องดูเจ้าของ สุนัขที่อยู่ข้างหน้าคุณยังอึดขนาดนี้ เช่นนั้นผู้จับกุมที่เป็นหัวหน้าของเขาจะเป็นคนแบบไหน ฮิ น่าสนุกแล้ว ทุกยุคสมัยล้วนมีคนเก่งมากความสามารถ สมัยนี้ ยมทูตและผู้จับกุมเริ่มแบกภาระหน้าที่หนักได้แล้ว
ถ้าหากยมโลกรู้เรื่องนี้ ไม่แน่อาจจะเกิด ‘ปรากฏการณ์พัฒนาเมืองพร้อมกัน’ สร้างทีมเล็กให้ยมทูต สร้างกระแสให้เกิดการเรียนรู้เหมือนทีมยมทูตทงเฉิง
“ไอ้เด็กเวร ฉันจะพูดความจริงกับนายก็ได้ อย่ามองว่าต่อสู้กันสนุกคึกคัก บ้านหลังนี้พังลงมาแล้ว แต่เจ้าสิ่งนั้นฉันรู้ดี หากมีความสามารถนิดหน่อย ก็จับมันได้ตลอดเวลา แต่ก็เหมือนผู้หญิงมีความงามแตกต่างกัน อวบอิ่ม ผอมบาง น่ารัก หลักแหลม สีดำคล้ำ หรือนุ่มชุ่มชื่น ล้วนอยู่ที่ประโยคเดียว แต่ถ้านายอยากจะกินมันจริงๆ อยากฟาดให้เรียบ ยาก ยากจริงๆ แม่งมันไม่ใช่ผี ไม่ใช่ปีศาจ แต่เป็นลมปราณ หนึ่งลมปราณ นายรู้ไหมหมายความว่าอย่างไร”
เหล่าจางส่ายหน้า
“หนึ่งลมปราณนายยังไม่รู้ ไอ้เด็กเวร!”
เหล่าจางส่ายหน้าพลางกำหมัด
“นายไม่รู้เป็นเรื่องปกติ”
เหล่าจางพยักหน้า
“ไปกันเถอะ แม่งเอ๊ย ทั้งๆ ที่ฉันโดนนายต่อย ไม่รู้ว่าทำไมถึงโกรธนายไม่ลง ไม่อย่างนั้นนายรู้ไหม ผู้ตรวจสอบ ฉันเป็นผู้ตรวจสอบเชียวนะ! ผู้ตรวจสอบมีความสามารถแค่ไหน นายรู้ใช่ไหม ผู้ตรวจสอบมีความน่าเกรงขามแค่ไหน นายรู้ใช่ไหม ผู้ตรวจสอบเก่งมากแค่ไหน นายรู้ใช่ไหม”
ประโยคคล้ายๆ กันสามประโยคเรียงกัน ทำให้ในหัวของเหล่าจางปรากฏภาพในร้านหนังสือโดยไม่รู้ตัว เป็นภาพของทนายอันหยิบแก้วใบใหญ่แล้วดื่ม ‘อึกๆๆๆ’ ดื่มเหมือนวัวกินน้ำ จากนั้นก็นึกถึงตัวเองที่ไปขอข้าวกินที่ร้านหนังสือ…อ้อไม่ใช่ ตอนที่ตัวเองปฏิบัติหน้าที่แล้วแวะไปที่ร้านหนังสือดูว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม แล้วเห็นอิงอิงโทรศัพท์คุยกับซัพพลายเออร์เนสกาแฟอยู่ตรงเคาน์เตอร์
ป้ายผู้ตรวจสอบที่วาววับนี้ ดูเหมือนจะหล่นหายไปจากใจเขาแล้ว
“เดินกันเถอะ เดินไปแล้วคุยกับนายไปด้วย หัวหน้าของนาย สงสัยจะจัดการเจ้านั่นไม่ได้เหมือนกัน” ชายชราจมูกแดงเดินอยู่ข้างหน้า เหล่าจางเดินตามหลัง
“เรื่องนี้ ต้องเล่าตั้งแต่สมัยปลายราชวงศ์ชิง ที่จินเหมิน (เมืองเทียนจินในปัจจุบัน)” ไม่รู้ว่าทำไมชายชราจมูกแดงถึงเล่าขึ้นมาเอง ท่านผู้ตรวจสอบคนหนึ่งเริ่มเล่านิทานให้ยมทูตฟัง และยังเล่าอย่างสนุกสนาน
“ตอนนั้น ยังเป็นสมัยราชวงศ์ชิง แต่ใกล้จะหมดยุคแล้ว ตอนนั้นฉันเป็นทหารของกองทัพเนี่ยจวินเหมิน เป็นแค่ทหารใหม่ ไม่ได้มีตำแหน่งขุนนางอะไร เหอะๆ ทั้งชีวิตของฉันขี้เกียจประจบสอพลอ ตอนที่มีชีวิตอยู่ไม่เคยเป็นขุนนาง หลังจากตายแล้วกลับมีดวงเป็นขุนนาง
ตอนนั้นเป็นยุคกบฏนักมวยนะ พวกวายร้ายต่างๆ โผล่ออกมาไม่ขาดสาย อันที่จริง ตอนแรกเริ่มก็ดี ประชาชนถูกรังแกน่าสงสาร พวกคนต่างชาติทั้งนั้น! ตอนนั้นข้าราชการราชวงศ์ชิง พอเจอคนต่างชาติก็กลัวหัวหดแล้ว! หลังจากเกิดความขัดแย้ง ทางพระโพธิสัตว์เฒ่าจึงระเบิดแตกเหมือนกัน พระโพธิสัตว์เฒ่านายรู้จักไหม”
“ซูสีไทเฮา”
“ฮิๆ จริงๆ แล้วพระโพธิสัตว์เฒ่าน่าจะเลอะเลือน ตอนนี้พอลองคิดดูแล้วจึงปลงตก ผู้หญิงที่อยู่หลังวังมาตลอดอายุก็มาก จู่ๆ สมองเริ่มมีปัญหา ทำผิดนิดหน่อย ก็เป็นเรื่องปกติใช่ไหม ใครจะรับประกันได้ว่าตอนที่ตัวเองเป็นหนุ่มสาวฉลาดโดดเด่นไม่เหมือนใคร จะกล้าตบหน้าอกบอกว่าพอตัวเองแก่ตัวลงแล้วจะมีสายตาที่ยาวไกล
ตอนนั้นเกิดความวุ่นวายที่ซินเจียง ส่านซี กานซู และหนิงเซี่ย หลายคนในราชสำนักพูดว่า โยนก้อนเนื้อชิ้นนั้นทิ้งไปจะดีกว่า ไม่มีประโยชน์แล้วไม่ใช่เหรอ แต่พระโพธิสัตว์เฒ่าก็ยังยืนหยัด ดื้อดึงสั่งอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายไปกำราบพื้นที่ทางตะวันตกให้เรียบร้อย
จริงๆ แล้ว พระโพธิสัตว์เฒ่า ก็ไม่ได้แย่เหมือนที่คนพูดกันตอนนี้ อย่างน้อยก็เคยมีผลงานลบล้างความผิด เดี๋ยวนี้ชอบใช้วิธีพูดแบบนี้กันไม่ใช่เหรอ”
“สิงโต ซูสีไทเฮาเป็นคนวาดเหรอ”
“ถุยๆๆ!” ชายชราจมูกแดงยื่นมือปัดฝุ่นกระจายข้างหน้าอย่างไม่พอใจ เอ่ยว่า “ปีเกิงจื่อ ตอนนั้นพันธมิตรแปดชาติบุกโจมตีเข้ามา สู่กันเรื่อยมาจนถึงเทียนจิน พอผ่านเทียนจินแล้วก็คือปักกิ่ง เนี่ยจวินเหมิน เนื่องจากฆ่าคนโกหกของกบฏนักมวยสองสามคน จึงถูกราชสำนักปลดจากตำแหน่ง แต่ตอนที่คนต่างชาติบุกเข้ามา เขาได้พาพวกเราออกไปต่อสู้กับคนต่างชาติด้วยกัน
สิงโตตัวนี้ แท้จริงแล้วไม่ใช่คนเป็น แต่เป็นเพียงหนึ่งลมปราณ แล้วลมปราณนี้มาได้อย่างไร ก็มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ตอนที่สู้รบ คนต่างชาติใช้ปืนใหญ่เก่งมาก พูดจริงๆ นะ สู้ไม่ได้จริงๆ แต่ตอนนั้นประชาชนของจินเหมินต่างสนับสนุนให้พวกเราต่อสู้ จินเหมินมีโรงเชิดสิงโตแห่งหนึ่ง ทั้งหมดมีอยู่ไม่กี่สิบคน ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก และคนชรา ต่างออกไปแนวหน้าด้วยกัน อยู่หลังแนวเส้นสนามรบของพวกเรา แสดงการเชิดสิงโตให้พวกเราเพื่อเสริมสร้างกำลังใจ!
จากนั้นเริ่มรบ พวกเขาก็ไม่กลับไป ปืนใหญ่ไม่มีตา เหล่าพี่น้องบาดเจ็บหนักล้มตาย ทีมเชิดสิงโตก็ตายและบาดเจ็บหลายคน แต่กลับไม่มีใครถอยหลังสักก้าว ตีฆ้องต่อ ตีกลองเหมือนเดิม เสียงโลหะกระทบกันเสียงตีกลองดังอยู่ข้างหลังตลอดเวลา ต่อให้โดนยิงจนตัวพรุนก็ยังเชิดสิงโตต่อไป ถึงแม้สุดท้ายพวกเราจะรบแพ้ เนี่ยจวินเหมินสังเวยความตายเพื่อประเทศชาติก็ตาม ส่วนฉันไม่ได้หนีทหาร แต่ก็บาดเจ็บ ถูกประคองกลับไป ต่อมา โลกเปลี่ยนไป ฉันยังงุนงงอยู่บ้าง และยังเคยเป็นตำรวจลาดตระเวนที่จินเหมินช่วงหนึ่ง เสียดายที่ซวยตอนหลัง เฮ้อ…”
“สิงโตๆ”
ชายชราจมูกแดงเหลือบมองเหล่าจางอย่างไม่ค่อยพอใจ ทำไมนายมีตาหามีแววไม่
“สิงโต ตอนหลังฉันได้ยินว่า โรงเชิดสิงโตนั่น ตั้งแต่เปิดประตูไล่ไปจนท้ายสุด พวกเขายังคงเชิดสิงโตอยู่แนวหน้าตลอด จนการรบครั้งสุดท้าย คนกลุ่มนี้จึงทิ้งหัวสิงโต ถือดาบและปืนไปต่อสู้กับคนต่างชาติ ทั้งโรงเชิดสิงโต ทุกคนไร้ผู้สืบทอดสกุล เหลือเพียงความว่างเปล่า”
เหล่าจางเงียบ
“สิบปีต่อมา ตอนเย็นมีคนเดินผ่านบ้านร้างแถวนั้น ดูเหมือนจะได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน และถ้าปีนกำแพงขึ้นไปยังมองเห็นคนเชิดสิงโตอยู่ข้างใน ล้วนพูดกันว่าเป็นวิญญาณของผู้กล้า วิญญาณของสิงโตไม่ดับสูญ ต่อมาหลังจากนั้นมีนักพรตที่เดินทางไปทั่วมาช่วยแก้ไข ส่งพวกเขาไปสู่สุคติ”
“อย่างนั้นทำไมถึง…”
“นักพัฒนาเฮงซวย ก่อนจะเริ่มงานไม่ได้จ้างคนมาดูฮวงจุ้ย จึงขุดค่ายกลของคนก่อนโดยตรง ปล่อยสิงโตออกมา ฉันไปจับมันที่จินเหมิน แต่มันหนีไปได้ ตามหาอยู่นาน เฮ้อ วิ่งหนีมาที่ทงเฉิง”
“ทำอย่างไรถึงจะทำให้เขาหมดลม” เหล่าจางถาม
“ฮิ คำถามนี้ถามได้มีระดับมาก แต่มีความยากเล็กน้อย ต้องจัดวางค่ายกลให้ดี แล้วค่อยๆ สั่งสอน ถึงจะจัดการมันได้ นอกจากนี้ เจ้าสิ่งนี้เดิมทีมีความบริสุทธิ์ แต่ของที่ต่อให้สวยงามเพียงใด เมื่อปะปนอยู่ในโลกมนุษย์ ก็ต้องเปื้อนดินอยู่บ้าง จึงต้องรีบจัดการโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเกิดเรื่องจริงๆ”
……………………………………………………………………….