บทที่ 1122 ตอนพิเศษ (24)
บทที่ 1122 ตอนพิเศษ (24)
ครั้นหลิวจิ่วจู๋ได้ยินว่าเขาจะเข้าร่วมกองทัพ นางก็ตระเตรียมเสบียงและข้าวของที่ต้องใช้ระหว่างทางในวันพรุ่งนี้ทันที
เมื่อได้เสียงที่ดังมาจากในครัว ลู่ฉาวจิ่งก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย
อันที่จริงเขาไม่คิดจะเข้าร่วมกองทัพ ทว่าเขารู้สึกว่าเรื่องนี้มีกลิ่นแปลก ๆ
นับตั้งแต่จงซู่เกินไปเข้าร่วมกองทัพก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว หนึ่งเดือนนี้ไม่ต้องเอ่ยถึงคน แม้กระทั่งข่าวคราวยังไม่มีกลับมา
ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงสงคราม ตามหลักแล้วไม่ควรเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น ทหารที่อยู่ใกล้บ้านควรมีวันหยุดกลับมาเยี่ยมบ้านตน นี่เป็นกฎใหม่ที่กรมกลาโหมเห็นชอบและบังคับใช้ทั่วอาณาจักร
“อาวุธลับที่ข้าทำให้เจ้าเมื่อสองสามวันก่อน เจ้าต้องพกติดตัวไว้ตลอดเวลา เข้าใจหรือไม่?”
“รู้แล้ว” หลิวจิ่วจู๋พองแก้มก่อนจะเป่าลมไปที่กองไฟ
ลู่ฉาวจิ่งเดินเข้ามา “ให้ข้าทำเถอะ!”
วันนี้ค่อนข้างสงบเงียบทีเดียว
หลิวจิ่วจู๋ตระเตรียมอาหาร ลู่ฉาวจิ่งก่อไฟอยู่หน้าเตา
ก่อนหน้าพวกเขาก็เคยลงมือช่วยกันเช่นนี้ แต่ปกติยังพูดจากันสองสามคำ ทว่าวันนี้บรรยากาศกลับเงียบงันเป็นพิเศษ
ตกกลางคืน ลู่ฉาวจิ่งไปอาบน้ำริมแม่น้ำก่อนจะเดินกลับมา
แสงเทียนดับไปแล้ว
เขาคิดว่าคงเพราะไม่มีน้ำมันตะเกียง ไม่ได้นึกเอะใจอะไร
อย่างไรก็ตาม วันนี้แสงจันทร์สว่างไม่น้อย แม้นไร้แสงเทียนก็ยังพอมองเห็น
ชายหนุ่มพึ่งขึ้นเตียงมา จู่ ๆ ก็ต้องตกใจกับบางอย่างที่อยู่บนเตียง
“ผู้ใด?”
“ข้าเอง” หลิวจิ่วจู๋โผล่ออกมาจากผ้าห่ม “คนในหมู่บ้านบอกว่า เมื่อบุรุษในหมู่บ้านไปเป็นทหาร พวกเขามักจะทิ้งลูกเมียไป”
ลู่ฉาวจิ่ง “…”
เจ้าเด็กโง่คนนี้!
“พวกเขากับข้าไม่เหมือนกัน”
“หากเจ้าไปแล้วไม่กลับมาเล่า? ถึงอย่างไรข้าก็จะไม่แต่งผู้อื่นอีกแน่นอน ยังไม่สู้เก็บลูกเจ้าไว้ เช่นนี้จะได้มีคนให้พึ่งพา” หลิวจิ่วจู๋นั่งกลุ้มอกกลุ้มใจอยู่บนเตียง
ลู่ฉาวจิ่งมองดูใบหน้าเล็กคล้ายลูกผิงกั่วที่หงอยเหงาภายใต้แสงจันทร์ จู่ ๆ ก็ทั้งขบขันทั้งเศร้าขึ้นมาแล้ว
เขาเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ หญิงสาว “ข้าไม่มีทางไม่กลับมา”
“ถึงแม้เจ้าจะไม่ได้เล่า แต่ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมีพื้นเพครอบครัวดี สาวชาวบ้านอย่างข้าจะคู่ควรกับเจ้าได้อย่างไร? เพียงแต่ข้าชอบพอเจ้าจากใจจริง” หลิวจิ่วจู๋คว้ามุมเสื้อของเขาพลางกล่าว “ทิ้งลูกไว้ให้ข้าได้หรือไม่? ข้าอยากมีลูกที่เหมือนเจ้า”
ลู่ฉาวจิ่งสั่นไหวอยู่ภายในใจ
ราวกับมีขนนกปัดผ่านหัวใจดวงน้อย ๆ พาลให้ก้อนเนื้อที่กำลังเต้นไม่อาจเคลื่อนไหวได้ด้วยความเร็วปกติ ชายหนุ่มรู้สึกคันยุบยิบขึ้นมาเล็กน้อย
“พี่จิ่ง ข้าชอบท่านจริง ๆ ไม่ว่าท่านจะหน้าตาอย่างไร ข้าก็ชอบท่าน นอกจากท่านย่ากับชิงซือแล้ว ท่านเป็นคนที่ดีต่อข้าที่สุด ข้าไม่มีวันพบเจอผู้ใดดีกว่าท่านเป็นแน่”
“เพราะหาผู้อื่นที่ดีต่อเจ้ามากกว่าข้าไม่ได้ เจ้าถึงได้ชอบข้าหรือ?” ลู่ฉาวจิ่งจงใจเย้าแหย่
“ไม่ใช่นะ” หลิวจิ่วจู๋ปล่อยชายเสื้อเขาออกแล้วหันหน้าหนีอย่างไม่พอใจ
“ท่านแม่ข้าบอกว่า…” ลู่ฉาวจิ่งกระซิบข้าง ๆ หูนาง “แม่นางอายุสิบกว่าปียังเด็กเกินกว่าจะคลอดลูก ลูกสะใภ้บ้านเราต้องอายุยี่สิบปีขึ้นไปจึงจะให้กำเนิดทายาทได้”
“จริงหรือ?” หลิวจิ่วจู๋ประหลาดใจ “แต่อาฮวาในหมู่บ้านอายุสิบสี่ก็คลอดลูกแล้ว…”
“อย่าได้เรียนรู้แต่เรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้” ลู่ฉาวจิ่งจิ้มหน้าผากนาง “มิเช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ กลับห้องเถิด”
หลิวจิ่วจู๋กอดผ้าห่มไว้แน่น “ที่บ้านท่านมีฮูหยินแล้วใช่หรือไม่?”
ลู่ฉาวจิ่งเห็นนางน้ำตาไหลแหมะ ๆ ก็พลันทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา
แม่นางน้อยผู้นี้ปกติค่อนข้างรู้ความ ทว่าเมื่อพบเจอปัญหา นางก็กลายเป็นลูกหมาขี้เหงา รู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาดื้อ ๆ
เขาค้อมศีรษะลงจูบหน้าผากนาง “ข้ายังเล่าเรียน ไม่มีฮูหยิน ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้สนใจเรื่องการแต่งงานของข้า”
“จริงหรือ?”
“อืม”
หลิวจิ่วจู๋ยกมือขึ้นแตะหน้าผากตนพลางยิ้มน้อย ๆ
ลู่ฉาวจิ่งก็เป็นหนุ่มแล้ว เมื่อเห็นรอยยิ้มราวกับบุปผาเช่นนี้ของนาง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกไม่อยากจากไปไหน
ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาอาศัยอยู่ที่นี่กับแม่นางน้อย ชีวิตค่อนข้างสงบสุข ด้วยความสามารถของเขา เมื่อบาดแผลหายดีย่อมหาเงินแล้วจากไปได้ แต่เขากลับไม่รีบร้อนที่จะทำเช่นนั้น อย่างไรเสียชีวิตที่สงบสุขเช่นนี้ก็ดีทีเดียว
“กลับห้องดีหรือไม่?”
“ข้าคิดจะรั้งอยู่กับท่าน อย่างไรพรุ่งนี้ท่านก็จะไปแล้ว” หลิวจิ่วจู๋ดึงแขนเขามากอด “ได้หรือไม่…”
ลู่ฉาวจิ่งขยับหมอนแล้วเอ่ย “นอนเถอะ!”
หลิวจิ่วจู๋พึงพอใจกับคำตอบ นางล้มตัวลงนอน
ลู่ฉาวจิ่งทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
อย่างไรเสียสตรีก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ กลิ่นหอมอ่อน ๆ นี้ไม่ได้ฉุนเกินไป เจือกลิ่นสมุนไพรเล็กน้อย ค่อนข้างสดชื่นทีเดียว
หลิวจิ่วจู๋เข้ามาแนบชิดยิ่งขึ้น
“ต่อแต่นี้ไปข้าเรียกท่านว่าพี่จิ่งได้หรือไม่?”
ต่อคนนอกแล้วลู่ฉาวจิ่งคือลู่เจ๋อ ทว่าเขาไม่เคยปิดบังชื่อจริงของตนกับหลิวจิ่วจู๋
“คนในหมู่บ้านล้วนเรียกสามีว่า เจ้าบ้าน พ่อเด็ก สามีบ้านข้า สุภาพขึ้นมาหน่อยก็จะเรียกว่าท่านพี่ แต่ข้ากลับคิดว่าถ้อยคำเหล่านั้นล้วนไม่น่าฟัง มีเพียงพี่จิ่งเท่านั้นที่มีเอกลักษณ์ ไม่มีผู้อื่นเรียก”
ลู่ฉาวจิ่งสูดหายใจเข้าลึก “ได้”
เขารู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาเล็กน้อย
หนุ่มสาววัยแรกรุ่นอยู่ในช่วงเวลาที่ร้อนแรงที่สุด
หลิวจิ่วจู๋อิงแอบกายเข้ามาอีกครั้ง เนื้อนางแนบชิดติดกับแผ่นอกเขา
“เจ้าอย่าขยับ นอนดี ๆ”
“ข้าอยากฟังเสียงหัวใจของท่าน”
“จิ่วเอ๋อร์…” ลู่ฉาวจิ่งลูบผมของนาง “ไม่นานข้าก็กลับมา”
“คนโกหก” หลิวจิ่วจู๋พึมพำ “ครั้นได้เข้าร่วมกองทัพแล้วก็เหมือนกับพี่ซู่เกิน คิดจะกลับก็กลับมาได้ที่ใดกัน? ชิงซือไม่ได้พูด แต่ข้ารู้ว่านางจักต้องคิดถึงพี่ซู่เกินแล้วเป็นแน่”
ลู่ฉาวจิ่งกดจูบลงบนหน้าผากหญิงสาว จากนั้นจึงทาบริมฝีปากลงบนกลีบดอกบัวเล็ก ๆ ที่เอ่ยถ้อยคำเจื้อยแจ้วไม่หยุด
หลิวจิ่วจู๋ขยุ้มเสื้อชายหนุ่ม
ภายใต้ร่มเงาของราตรี หนุ่มสาวที่พึ่งเคยลิ้มรสรักเป็นครั้งแรก เกี่ยวกวัดลิ้นร้อนกวาดต้อนฉกชิงความหวาน โดยไม่มีทีท่าว่าจะผละออกจากกันง่าย ๆ
พวกเขาล้วนได้สำรวจโลกของเพศตรงข้ามเป็นครั้งแรกและเรียนรู้ว่าเพียงแค่สัมผัสเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้หัวใจของคนเต้นไม่เป็นจังหวะ เลือดในกายสูบฉีดพลุ่งพล่านได้
เช้าวันถัดมา ลู่ฉาวจิ่งค่อย ๆ ขยับแขนของหลิวจิ่วจู๋ออก
ลู่ฉาวจิ่งไร้ทางเลือกทำได้เพียงปล่อยให้นางกอดก่าย เขาเพียงแค่รอให้นางหลับลึกขึ้น ก่อนจะขยับแขนอีกครั้ง คราวนี้ถึงลุกออกจากเตียงได้อย่างราบรื่น
“ท่านจะไปแล้วหรือ?” หลิวจิ่วจู๋ขยี้ตา ยืนมองเขาอยู่ที่ประตู
ลู่ฉาวจิ่งเดินกลับเข้ามา หยิบเสื้อผ้าข้างตัวมาสวมให้หญิงสาว “ข้าจะกลับมาโดยเร็ว”
หลังจากลู่ฉาวจิ่งไปแล้ว หลิวจิ่วจู๋ก็ข่มตานอนต่อไม่ลง
นางสัมผัสหน้าผาก ริมฝีปาก และใบหน้าตนเองก่อนจะเผยรอยยิ้มเขินอายออกมา
“มิน่าเล่า พวกเขาถึงอยากแต่งงานนัก ที่แท้การแต่งงานก็ดีเพียงนี้”
หลังฟ้าสาง หลิวจิ่วจู๋กำลังต้มยาอม
คราวนี้นางลองเปลี่ยนไปใช้ตำรับยาขนานอื่น ตั้งใจจะปรุงยาลดไข้
หยางชิงซือเดินเข้ามาพร้อมกับเต้าฮวยพลางเอ่ย “มาลองชิมฝีมือพี่สะใภ้ดูสิ”
“รอประเดี๋ยว ข้าจะปรุงยาหม้อนี้ให้เสร็จก่อน”
“คนบ้านเจ้าผู้นั้นเล่า? ข้าทำอาหารมาให้เขาโดยเฉพาะเชียวนะ เหตุใดไม่เห็นเขา?”
“เขาไปเข้าร่วมกองทัพแล้ว” หลิวจิ่วจู๋เอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “…ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อใด”
“ว่าอย่างไรนะ? เจ้าก็ให้เขาไปหรือ?!” หยางชิงซือตกใจเป็นอย่างมาก “ผู้ชายในหมู่บ้านที่ไปยังไม่กลับมา แต่เจ้ายังกล้าให้เขาไปอีก!”