ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 328 อาภรณ์วิเศษของข้า

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 328 อาภรณ์วิเศษของข้า

“อาชิงน้อย ไปกับข้าเถอะ ศิษย์พี่จะพาพวกเจ้าไปทำการใหญ่” นายกองเอ่ยอย่างรวดเร็ว พูดไปพลางกวาดสายตาไปรอบๆ ด้วยท่าทีระแวดระวังอย่างมาก

“ข้าไม่ไป” สวี่ชิงส่ายศีรษะ

“ทำไม” นายกองร้อนรน

“ท่านคงไปยั่วโมโหสำนักโลกันต์ทมิฬ แล้วจะลากข้าไปเป็นเกราะคุ้มกันสินะ” สวี่ชิงคิดถึงสายตาร้อนแรงที่อีกฝ่ายจ้องเขี้ยวอสรพิษปีศาจครั้งที่ไปแดนต้องห้ามสำนักโลกันต์ทมิฬกับนายกอง

เมื่อโยงกับที่อีกฝ่ายติดต่อกับอู๋เจี้ยนอูบ่อยครั้งก่อนหน้านี้ ผลลัพธ์คือตอนนี้อูเจี้ยนอูก็ถูกคนจับไว้ที่นั่นเหมือนคนโง่ นายกองกลับแจ้นออกมาอย่างอยู่รอดปลอดภัย

เห็นได้ชัด ว่าอูเจี้ยนอูโดนนายกองหลอกจนโง่ไปแล้วจริงๆ

นายกองกระแอมไอ ในใจเขาคิดเช่นนี้จริงๆ ถึงอย่างไรเรื่องที่ตนเองทำมาก่อนหน้านี้ก็ใหญ่มาก เขากังวลว่าถ้าไม่ดึงสวี่ชิงไปด้วย ถ้าพบกับจอมเซียนจื่อเสวียนเข้าคงโดนตบจนตายเป็นแน่

และถ้าดึงสวี่ชิงมา ถ้าจอมคนจื่อเสวียนมาจริงๆ…มีสวี่ชิงอยู่ ตนก็น่าจะปลอดภัย

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าต้องเชื่อศิษย์พี่ใหญ่อย่างข้าสิ! วางใจเถอะ ครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังเปิดวังสวรรค์อยู่หรือ จบเรื่องครั้งนี้ เจ้าก็จะเปิดวังสวรรค์ได้มากยิ่งขึ้น!” นายกองมองตาสวี่ชิง ทำท่าทีเหมือนตนเองไม่ใช่พวกหลอกลวง ตบหน้าอกรับประกัน

จากนั้นก็หยิบไข่ที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาใบหนึ่ง ปอกเปลือกออกคิดจะกิน

สวี่ชิงสีหน้าปกติ ดื่มน้ำแกงต่อไป เหยียนเหยียนที่อยู่ข้างๆ กลับเต็มไปด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ตอนที่มองนายกอง ก็ยังไม่ลืมปอกไข่ในมือ วางในชามของสวี่ชิงจากนั้นก็ยิ้มหวานให้

ภาพนี้ทำให้นายกองเห็นแล้วไม่ค่อยพอใจ เขาก้มหน้ามองไข่ในมือ เขาก็อยากมีคนมาช่วยปอกไข่ให้บ้าง

“อาชิงน้อย ข้ารู้สึกว่าหน้าตาเจ้าไม่ค่อยเหมือนเผ่ามนุษย์นะ”

“นายกอง คนของสำนักโลกันต์ทมิฬน่าจะใกล้มาถึงที่นี่แล้วกระมัง” สวี่ชิงดื่มน้ำแกงลงไปอีกอึก

นายกองเลิกคิ้วขึ้น

“เผ่ามนุษย์ไม่สามารถมีหน้าตาอย่างเจ้าได้ ไม่มีทางเด็ดขาด เจ้ารู้สึกบ้างหรือไม่ว่ายิ่งเจ้าเติบโตก็ยิ่งแปลกประหลาดมาขึ้นทุกที ดูคล้ายกับเผ่าลึกลับเผ่าหนึ่งที่ข้าเคยได้ยินมาเมื่อก่อน ข้ารู้สึกว่าเจ้าน่าจะเป็นเด็กกำพร้าจากชนเผ่านั้น อาชิงน้อย ข้าพอรู้เรื่องชนเผ่านั่นอยู่ เจ้าอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนเจ้าให้มากขึ้นหรือไม่”

“ไม่อยาก” สวี่ชิงดื่มน้ำแกงคำสุดท้ายหมดแล้ว จากนั้นก็กินไข่เข้าไปอย่างพอใจ ไม่เชื่อคำพูดของนายกองเลยแม้แต่น้อย

นายกองค่อนข้างร้อนรน เห็นว่าสวี่ชิงไม่ฟังเขาเลย จึงงัดไม้ตายออกมา

“รองกรมสวี่ เจ้ายังติดค้างข้าอยู่สองล้านก้อนหินวิญญาณนะ!”

“ศิษย์พี่ใหญ่ ทางข้ายังมีแผ่นหยกอยู่ชิ้นหนึ่งน่าจะมีราคาอยู่” สวี่ชิงพูดพลางล้วงเอาแผ่นหยกที่นายกองแต่งหญิงออกมา

“เหยียนเหยียน ข้าคิดว่าเจ้าไม่ควรเข้าร่วมเจ็ดเนตรโลหิตแล้ว เจ้าฟังข้านะ เข้าร่วมสำนักโลกันต์ทมิฬดีกว่า จากที่ข้ารู้จักอาชิงน้อยมา เขามีความรู้สึกดีๆ ให้กับสำนักโลกันต์ทมิฬ” นายกองมองเหยียนเหยียน เอ่ยยุยง

เหยียนเหยียนตาเป็นประกาย

สวี่ชิงถอนหายใจ เขามองออก ว่าครั้งนี้นายกองเครียดจริงๆ ต้องลากตนเองไปด้วยกันให้ได้ หากไม่เห็นด้วยคงจะไม่สำเร็จเป็นแน่

“อาชิงน้อย เจ้าโตแล้วนะ จดจำความดีของศิษย์พี่ไม่ได้แล้วหรือไร ข้าเป็นหัวหน้าของเจ้า ข้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่เจ้า ข้าเคยตะคอกใส่ท่านอาจารย์เพื่อเจ้า กระทั่งบอกจุดอ่อนท่านอาจารย์ของเจ้า และข้ายังเคยหลั่งเลือดเพื่อเจ้าด้วย ข้ารับผิดแทนเจ้า พวกเรากลับบ้านด้วยกัน พวกเราอาบน้ำด้วยกัน พวกเราออกไปเที่ยวเล่นด้วยกัน พวกเรา…”

หน้านายกองเผยความน้อยเนื้อต่ำใจ

เหยียนเหยียนถลึงตาโต มองนายกองอย่าไม่อยากเชื่อ จากนั้นก็มองสวี่ชิง

สวี่ชิงเงียบนิ่ง หลังจากคิดๆ ก็ล้วงเอาผิงกั่วลูกหนึ่งออกมาส่งให้นายกอง

นายกองเลิกคิ้ว สวี่ชิงหยิบตั๋วสระน้ำเซียนอีกใบหนึ่งออกมา

นายกองลังเลไปครู่หนึ่ง

“ส่วนลดสามส่วน!” สวี่ชิงมองนายกอง

นายกองกวาดตามองตั๋ว อดทนไม่หยิบ

“จะไปหรือไม่ไป!”

สวี่ชิงถอนหายใจ เขาไม่อยากไป แต่นายกองพูดถึงขั้นนี้แล้ว จึงพยักหน้าให้

ใบหน้านายกองถึงได้เผยรอยยิ้มออกมา รีบเก็บผิงกั่วกับตั๋วไป เอ่ยเสียงทุ้ม

“นี่สิถึงจะเป็นศิษย์น้องรัก ครั้งนี้ศิษย์พี่ไม่หลอกเจ้าแน่ เรื่องใหญ่โตเลยทีเดียว เหยียนเหยียน พวกเราไปกันเถอะ”

เหยียนเหยียนตาเป็นประกาย รีบร้อนพยักหน้า

“ไปๆๆ เดี๋ยวมืดแล้วเราจะออกไปไม่ได้ อาชิงน้อยใช้เรือของเวทของเจ้าเลย” นายกองรีบลุกขึ้นเอ่ยเร่งรัด

สวี่ชิงล้วงเรือเวทของตนเองออกมาเงียบๆ

เมื่อเรือเวทออกมา นายกองก็กระโจนขึ้นไปคนแรก สวีชิงร่างโยกไหว ก้าวขึ้นไปบนเรือเวทเช่นกัน เมื่อเหยียนเหยียนกำลังจะเหยียบตามขึ้น สวี่ชิงก็กวาดตามองนางผาดหนึ่ง

เหยียนเหยียนชี้ไปที่นายกองทันที

“เขาให้ข้าไปด้วย”

“พาเหยียนเหยียนไปด้วยเถอะ นางเข้าใจผู้หญิงดี สะดวกกับงานใหญ่ของพวกเรา” นายกองรีบร้อนเอ่ยขึ้น

สวี่ชิงขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไรมาก ประกบปางมือจนเรือเวทครืนครันขึ้นในพริบตาด้วยการเร่งรัดของนายกอง พุ่งทะยานออกไปบนท้องฟ้า ชั่วอึดใจก็ออกมาจากสำนักเจ็ดเนตรโลหิต

แทบจะหลังจากที่พวกเขาออกไปไม่ถึงสามสิบอึดใจ จอมเซียนจื่อเสวียนบนท้องฟ้าก็สีหน้าเย็นชา เดินออกมาก้าวหนึ่ง มองเรือเวทที่แล่นห่างออกไปอยู่กลางอากาศ คิดจะไล่ตามไป แต่เมื่อคิดถึงนิสัยที่เปลี่ยนเป็นยิ่งนิ่งขรึมขึ้นอีกของสวี่ชิงในช่วงนี้ จึงครุ่นคิด

“ให้เขาออกไประบายความกลัดกลุ้มเสียหน่อยก็ดี แต่ต่อให้คนเล็กจากไป เจ้าคนใหญ่ก็หนีไม่พ้นหรอกนะ!” จอมเซียนจื่อเสวียนแค่นเสียงเย็นชา พุ่งตรงไปยังสำนักเจ็ดเนตรโลหิตอย่างเดือดดาล

ครู่ต่อมา ในสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ก็มีเสียงโทสะของนายท่านเจ็ดดังขึ้น

“เฉินเอ้อหนิว ถ้าเจ้าแน่จริงก็อย่ากลับมาเชียว กลับมาข้าจะเล่นขาเจ้าให้หักเลย!”

เสียงนี้ดังมาก กึกก้องไปทั้งแปดทิศ ต่อให้สวี่ชิงที่อยู่ห่างออกไปก็ยังได้ยิน จึงมองนายกองที่กำลังภูมิใจอยู่เต็มประดา

สังเกตเห็นสายตาของสวี่ชิง นายกองก็กระแอมไอ

“ครั้งนี้ตาเฒ่าแอบส่งสัญญาณให้ข้า บอกว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งกลับมา เฮ้อ ท่านอาจารย์ยังรักข้าอยู่จริงๆ ด้วย”

“ข้ารู้สึกว่าครั้งนี้ท่านอาจารย์จะเอาจริง” สวี่ชิงถอนสายตาที่มองนายกอง ก้มหน้ากวาดมองแผ่นหยกสื่อเสียงของตนเอง ในนั้นมีเสียงนายท่านเจ็ดกำลังกัดฟันอยู่ สะท้อนก้องในหัวเขา

“ศิษย์พี่ของเจ้าอยู่กับเจ้าใช่หรืไม่ เจ้าเด็กคนนี้ใช้ของวิเศษที่ทำให้แยกร่างภาพมายาของตนที่ข้าเคยมอบให้ กล้าหาญชาญชัยเสียเหลือเกิน นี่ถึงกับปิดแผ่นหยกสื่อเสียงไม่กล้าฟังสื่อเสียงของข้า เจ้าบอกเขาด้วย ครั้งนี้อาจารย์รู้สึกว่าเขาจะก่อเรื่องหนักเกินไปแล้ว ข้อเสนอที่จะหักขาของเขาทิ้ง อาจารย์สนับสนุน!”

นายกองไม่ได้ยินเสียงนายท่านเจ็ดที่ดังก้องในหัวสวี่ชิง จึงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

“เจ้าไม่เข้าใจ อันที่จริงในสำนักคนที่เป็นห่วงข้ามากที่สุดไม่ใช่ท่านอาจารย์ แต่เป็นท่านบรรพจารย์ต่างหาก อย่างมากข้าก็แค่ไปขอร้องบรรพจารย์ จุดนี้อาชิงน้อยอย่างเจ้าก็ทำไม่ได้ มีแต่ข้าเท่านั้นที่ศิษย์ที่ท่านบรรพจารย์รักที่สุด แต่ว่าเจ้าก็ไม่ต้องเสียใจไป จนปัญญาที่ข้าเอาอกเอาใจให้เขาชอบได้ดีกว่าเจ้า พวกเขาก็ชอบที่ข้าร่าเริงเช่นนี้”

สวี่ชิงเก็บแผ่นหยกสื่อเสียงลงเงียบๆ เลิกความคิดที่จะแจ้งให้ทราบ

จากนั้นจึงควบคุมเรือเวทให้พุ่งทะยาน พลางถามนายกองถึงการใหญ่ที่เขาพูดถึง

“เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ” เมื่อนายกองเห็นว่าออกห่างจากสำนักแล้วก็โล่งอก เอ่ยเสียงเบาด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“ครั้งนี้เป้าหมายของพวกเรา คือเขาไตรวิญญาณสะกดมรรคา!”

สวี่ชิงดวงตาแข็งค้าง ตั้งท่าจะหมุนเรือเวทกลับ เขาไม่อยากรนหาที่ตาย

“อย่าเพิ่ง ครั้งนี้ไม่มีปัญหาจริงๆ ข้าไปสืบมาแล้ว เป้าหมายของพวกเราคือเจ้าสามของเขาไตรวิญญาณสะกดมรรคา เทพวิญญาณโยวจิงคนนั้น” นายกองตาเป็นประกาย

“เสื้อผ้าที่นางใส่ตอนนั้น เจ้าคงยังจำได้ ตอนนั้นนางเหาะผ่านหัวข้าไปอย่างอหังการ ข้าก็ต้องตากับอาภรณ์วิเศษชิ้นนั้นของข้าแล้ว

“ที่สำคัญที่สุดคือ ข้ามีสายรายงานว่า ช่วงนี้โถงครองกระบี่กำลังจะลงมือกับไตรวิญญาณ คิดแล้วก็น่าจะอีกไม่นาน ดังนั้นพวกเราจะลอบเข้าไป รอจนผู้ครองกระบี่จะมา พวกเราค่อยหาโอกาสช่วงที่วุ่นวายเอาอาภรณ์วิเศษของข้าออกมา

“อาภรณ์นั้นล้วนเป็นสมบัติของวิเศษทั้งสิ้น อาชิงน้อย ถึงตอนนั้นเจ้าก็สูดรับเสียหน่อย จะเปิดวังสวรรค์ก็ง่ายเหมือนปอกกล้วย” นายกองหายใจหอบถี่ ยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าเขาต้องตาอาภรณ์นั้นมานานแล้ว

“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าคิดว่าทำไมข้าต้องไปสำนักโลกันต์ทมิฬเพื่อเอาเขี้ยวนั่นมาเล่า ไม่ใช่ว่าเพื่อมาตัดอาภรณ์นี้หรือไร ข้ารู้สึกว่าถ้าใช้ฟันข้ากัดอาภรณ์ชิ้นนั้นคงจะเปลืองแรง แต่ว่ามีฟันอสรพิษปีศาจอยู่ก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว”

เหยียนเหยียนได้ยินแผนการที่บ้าคลั่งนี้อยู่ข้างๆ ต่อให้ด้วยนิสัยของนางก็ยังต้องสูดปาก นางเป็นพวกประสาท บางครั้งก็กระหายเลือด แต่นางก็ยังใช้ชีวิตมาไม่นานจริงๆ

นางรู้สึกว่านายกองบ้าไปแล้ว นั่นเป็นผู้บำเพ็ญใหญ่ระดับเดียวกับท่านย่าของนางเลยนะ

ไปขโมยเสื้อผ้าของนาง…เรื่องนี้อันตรายมาก หากถูกพบเข้า ก็ไม่แตกต่างอะไรกับรนหาที่ตายเลย ยิ่งไปกว่านั้นที่นั่นไม่ได้มีหวนสู่อนัตตาแค่คนเดียว แต่มีถึงสามคน

ต่อให้ผู้ครองกระบี่ลงมือจริง แต่ระดับความอันตรายก็ยังสูงมาก เพราะนางเข้าใจผู้หญิงดี รู้ว่าบ่อยครั้งหญิงสาวจะให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าที่ตนเองรักมาก มากว่าสิ่งใด

ไปแตะเสื้อผ้าของนาง จะต้องมีไฟโทสะโหมขึ้นฟ้าอย่างแน่นอน

แต่พริบตาต่อมา นางก็เห็นความเคร่งขรึมที่เผยออกมาบนหน้าสวี่ชิง จึงกะพริบตาปริบ ไม่พูดอะไร

สวี่ชิงครุ่นคิด วิเคราะห์ในใจ กำลังพิจารณาว่าถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ เรื่องนี้จะไม่ลองก็ไม่รู้ แต่เขาก็ยังมีข้อสงสัยอยู่บางส่วน หลังจากครุ่นคิดก็เอ่ยปากขึ้นทันที

“ลงมือไม่ใช่ปัญหา แต่ชุดนั้นเป็นเสื้อคลุมรบ เวลาที่เทพวิญญาณโยวจิงลงมือจะต้องสวมมันไว้แน่ แล้วพวกเราจะลงมืออย่างไร”

ในดวงตานายกองเผยสายตาเหยียดหยามออกมา

“ไม่ว่านางจะเป็นอย่างไร ก็ยังเป็นหญิงสาว! ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นหญิงสาวที่รักสวยรักงามมากด้วย เจ้าอย่าลืมว่าวันนั้นนางส่องกระจกอยู่ตลอด”

สวี่ชิงสงสัย

เห็นว่าสวี่ชิงไม่เข้าใจ จู่ๆ นายกองก็รู้สึกว่าตนเองมีความได้เปรียบที่แรงกล้าอยู่ จึงกระแอมไอ มองไปทางเหยียนเหยียน

“เหยียนเหยียน เจ้ามีเสื้อผ้าอยู่กี่ชุด”

“ก็ไม่เยอะมาก…” เหยียนเหยียนกะพริบตาปริบ ตอบเสียงเล็ก พูดจบก็เพิ่มมาอีกประโยค

“ก็แค่กองเป็นภูเขาลูกหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าใครมาแตะต้องเสื้อผ้าของข้า ข้าจะเล่นงานเขาให้ตายเลย ยกเว้นพี่สวี่ชิง”

นายกองเมินประโยคสุดท้ายของนางไป ทำตัวสูงส่งมองลงเบื้องล่าง จ้องสวี่ชิง เอ่ยอย่างลึกซึ้งว่า

“เจ้าเข้าใจแล้วหรือยัง”

“เทพวิญญาณโยวจิงคนนั้นจะไปมีเสื้อผ้าเพียงชุดเดียวได้อย่างไร เจ้าคิดว่านางเป็นเจ้าหรือไรกัน ต่อให้นางบังเอิญสวมชุดนั้นออกไปรบจริงก็ไม่เป็นไร นางจะต้องมีอาภรณ์วิเศษแบบเดียวกันชุดอื่นอีกเป็นแน่

“เฮอะ ผู้หญิง เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเสื้อผ้าล้ำค่าแค่ชุดเดียว อาชิงน้อย ข้าเข้าใจผู้หญิงมากกว่าเจ้านะ” นายกองเอ่ยขึ้นอย่างภูมิใจ

“ดังนั้นประโยชน์ของพวกเราที่จะได้ครั้งนี้ รับรองว่ามหาศาล!”

สวี่ชิงเงียบนิ่ง

“ยิ่งไปกว่านั้น การทดสอบรับคนของโถงครองกระบี่ครั้งนี้ก็ใกล้จะเริ่มแล้วด้วย พวกเราทำการใหญ่นี้เสร็จแล้วค่อยไป ก็น่าจะพอดี”

“ข้าคำนวณไว้แล้ว ครั้งนี้ก็โผล่หน้าไปให้พวกผู้ครองกระบี่ระดับสูงเห็นพวกเราที่เขาไตรวิญญาณหน่อย แสดงฝีมือสักนิด ดึงดูดความสนใจกับความคุ้นหน้าคุ้นตา ถึงตอนนั้นไม่แน่ว่าตอนที่พวกเราไปเข้ารับการทดสอบ อาจจะมีโอกาสพิเศษเพิ่มมาก็ได้

“เชื่อข้าศิษย์น้องเล็ก สิ่งที่ข้าทำทั้งหมด ก็เพื่อให้พวกเราเข้าร่วมกับโถงครองกระบี่ได้ง่ายขึ้น!”

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท