ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 331 ถอนเขี้ยวเสือ

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 331 ถอนเขี้ยวเสือ

เสวียนโยวจักรพรรดิโบราณรุ่นสุดท้ายของเผ่ามนุษย์เคยรวมแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เป็นหนึ่ง ทำศึกทั่วสารทิศ สยบสังหารหมื่นเผ่าจนไม่กล้าเงยหน้า ทำได้เพียงศิโรราบ

จึงเป็นความรุ่งเรืองสุดท้ายของเผ่ามนุษย์ ก่อนหน้าที่เสี้ยวหน้าเทพเจ้าจะมาเยือน

ตอนนั้นหมื่นเผ่าหากกล้าไม่เคารพจะต้องถูกห้ากรมทมิฬเผ่ามนุษย์สยบสังหารเป็นแน่

หมื่นเผ่าและผู้บำเพ็ญนอกรีตที่แตกดับด้วยมือห้ากรมทมิฬมีมากจนนับไม่ถ้วน

ในห้ากรมนี้ไม่ว่ากรมใดล้วนสยบฟ้าดินได้ ทำให้หมื่นเผ่าต้องตัวสั่นงันงก

กรมครองกระบี่ก็เป็นหนึ่งในห้ากรม

แต่ทั้งหมดนี้ จากการปรากฏของเสี้ยวหน้าเทพเจ้าก็พังถล่มในเพียงพริบตา

การมาเยือนของเทพเจ้า สรรพสิ่งล้วนถูกกลิ่นอายของมันโจมตี ฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง แข็งแกร่งอย่างจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวยังทำได้เพียงโศกสลด

ต่อให้เป็นจักรพรรดิโบราณและเจ้าเหนือหัวในอดีตที่หลับใหลมากมายในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ล้วนตื่นขึ้นจากการถูกกระตุ้น แต่ก็ทำได้เพียงแค่ทอดถอน ไม่อาจต่อกรได้

สุดท้ายแล้วสิ่งที่พวกเขาทำได้ก็มีเพียงแค่ทิ้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ พาเผ่ามนุษย์ที่เหมาะในการติดตามจากไป

มีบางเผ่าจากไปเพียงลำพัง สร้างพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นของพวกเขาเองที่นอกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์

แต่เผ่าพันธุ์ส่วนมากคือรวมตัวกัน สร้างพื้นที่ในตำนานของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์…แดนศักดิ์สิทธิ์

พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้อยู่นอกขอบฟ้า ดูเหมือนไกลโพ้น แต่ความจริงแล้วไม่ได้ไกลกับแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มากมายมหาศาลขนาดนั้น

พวกเขาหลังจากที่ใช้แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ดึงความสนใจจากเสี้ยวหน้าเทพเจ้าแล้ว หลายปีมานี้ตัวเองก็อยู่สุขสงบเป็นสุข อีกทั้งยังพัฒนาไปอย่างไม่หยุดหย่อน

แต่ทุกอย่างนี้เป็นเผ่าพันธุ์ที่หลงเหลือบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ แบกรับเคราะห์กรรมความทุกข์ยากที่เดิมทีทุกเผ่าควรจะแบกรับไว้ด้วยกันเพื่อพวกเขา

และหมื่นเผ่าในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ในห้วงวันเวลาที่หมุนผ่าน หลังจากที่ตายไปกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า สร้างใหม่กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า แม้จะยังมีความเชื่อมโยงอย่างซับซ้อนแนบแน่นกับหมื่นเผ่าเมื่อในอดีต แต่ความจริงคุณสมบัติแตกต่างกันเป็นอย่างมาก

ไอพลังประหลาดก็คือสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุด

แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนไอพลังประหลาดไม่ได้มีผลกระทบต่อผู้บำเพ็ญขนาดนั้น แต่ความจริงเรื่องพวกนี้เกี่ยวพันกับสำนักที่พวกเขาอยู่ ยิ่งเป็นขั้วอำนาจสำนักใหญ่ การจัดการกับไอพลังประหลาดก็ยิ่งละเอียด

ส่วนสำนักเล็กๆ ข้างนอกและมนุษย์ทั่วไป ไอพลังประหลาดคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ตัดสินความเป็นความตายของพวกเขา

แต่ต่อให้เป็นสำนักใหญ่ ขั้วอำนาจใหญ่ก็ไม่อาจจัดการไอพลังประหลาดในกายของผู้บำเพ็ญได้โดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงแค่ฝึกบำเพ็ญตลอด สะกดมันเอาไว้ได้ชั่วคราว แต่ไม่อาจจัดการถึงต้นตอ หลงเหลืออยู่ตลอด

เหมือนภัยแฝงเร้นร้ายแรง ประมาทเพียงเล็กน้อยก็จะปะทุขึ้นในวันใดวันหนึ่งทำให้ผู้บำเพ็ญกลายพันธุ์ เพียงแต่หลายปีมานี้ ผู้คนมีวิธีต่อต้านไอพลังประหลาดมีเยอะแยะมากมาย จะอย่างไรก็มีผลบ้าง

แม้จะไม่สามารถกำจัดได้หมด แต่การกลายพันธุ์ของขั้วอำนาจใหญ่ สำนักใหญ่ก็น้อยลงไปมาก

แต่ผู้บำเพ็ญทุกคนล้วนรู้ดีว่าจะอย่างไร…มันก็เป็นภัยแอบแฝงหากมีคนมีความสามารถกระตุ้นไอพลังของฝ่ายตรงข้ามได้ เช่นนั้นผู้บำเพ็ญเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็จะอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง

นี่เป็นเหตุผลที่เทียนประทีปทำให้มณฑลรับเสด็จราชันแตกตื่น

เพราะในพลังของเทพเจ้าจะต้องมีวิธีที่ทำให้ไอพลังประหลาดในร่างของผู้บำเพ็ญเกินจุดวิกฤตแน่นอน กลายพันธุ์ในเสี้ยวพริบตา สูญเสียความเป็นตัวเอง กลายเป็นสัตว์ประหลาด

แต่ก็ช่วยไม่ได้ เส้นทางฝึกบำเพ็ญในยุคนี้ก็เป็นเช่นนี้ ไม่ก้าวต่อไปข้างหน้าไม่ได้

มีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์หรือในดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิในตำนานเท่านั้น ถึงจะมีวิธีที่ทำให้กายบริสุทธิ์โดยสมบูรณ์ แน่นอนว่านอกจากนี้ยังมีเคล็ดวิชาพิเศษบางอย่าง ก็สามารถทำให้คนร่างกายบริสุทธิ์ได้ในระยะเวลาหนึ่งเช่นกัน

เพียงแต่ในฟ้าดินที่นี่ ต่อให้บริสุทธิ์ในช่วงระยะหนึ่ง แต่หายใจอากาศของที่นี่เข้าไป ดูดซับพลังวิญญาณที่นี่ สุดท้ายแล้วก็ถูกรุกรานอยู่ดี

ดังนั้น การถูกแดนศักดิ์สิทธิ์เลือก จึงเป็นความฝันเฝ้าปรารถนาสูงสุดของผู้บำเพ็ญมากมายในหมื่นเผ่า

แต่แดนศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง มีเพียงเผ่าใหญ่ๆ ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ที่เชื่อมยังมีความเชื่อมโยงกับแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง และเพราะความเชื่อมโยงพวกนี้จึงทำให้ระเบียบและระบบในเผ่าใหญ่เหล่านี้ไม่เคยพังทลาย

เหมือนดั่งเผ่ามนุษย์ เหมือนดั่งห้ากรมทมิฬเผ่ามนุษย์

ตอนนี้ ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดงยามโพล้เพล้นี้ ในเสี้ยวขณะที่ประกายแสงปรากฏในดินแดนนรกบนดินแห่งนี้ โถงครองกระบี่ก็ลงมือ

“เผ่ามนุษย์ยังคงอยู่!” บนท้องฟ้า ขณะที่คำพูดของเงาร่างวัยกลางคนดังขึ้น ศึกสยบสะกดก็เปิดฉากขึ้นทันที

เงาร่างแต่ละทางกะพริบวูบวาบมาจากทั่วทุกทิศ มาพร้อมด้วยจิตสังหาร พุ่งตรงไปยังเขาไตรวิญญาณสะกดมรรคา

สามารถเป็นผู้ครองกระบี่ได้จะต้องเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมโดดเด่น ตอนนี้จิตสังหารท่วมฟ้า เมืองที่ลูกศิษย์เขาไตรวิญญาณบนพื้นเหล่านั้นอยู่ก็วุ่นวายปั่นป่วนขึ้นมาทันที

ทางสามเทพวิญญาณก็เช่นเดียวกัน แสงกระบี่กวาดโหมภูเขาลูกที่หนึ่ง ยักษ์คำรามใส่ภูเขาลูกที่สอง กระบี่สามเล่มโจมตีใส่ภูเขาลูกที่สามพร้อมกัน

ฟ้าดินสั่นสะเทือน เสียงดังกึกก้องทั่วทุกสารทิศ

เสียงคำราม เสียงสลดสังเวช เสียงเคล็ดวิชา ดังก้องฟ้า ทำให้เมฆดำบนท้องฟ้าบางลงเรื่อยๆ แสงอาทิตย์อัสดงสาดลงมามากขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนชายกลางคนที่เป็นหัวหน้าโถงครองกระบี่มณฑลรับเสด็จราชัน เขาอยู่กลางอากาศ เดินไปทางภูเขาลูกที่หนึ่ง

สามวิญญาณร้ายที่แปรเปลี่ยนมาจากสามจิตของจักรพรรดิภูต เจ้าสามกับเจ้าสองเป็นเพียงแค่ระดับหวนสู่อนัตตาขั้นหนึ่ง แต่เทพวิญญาณไทกวงที่เป็นพี่ใหญ่ เมื่อหลายปีก่อนก็ก้าวสู่ขั้นที่สองแล้ว ตอนนี้ ท่ามกลางแสงกระบี่ หมอกดำที่แปลงมาจากเทพวิญญาณไทกวงแข็งแกร่งไม่อาจต้านทาน

แต่ในเสี้ยวขณะต่อมา พลังที่พุ่งทะลวงห้วงดาราก็ปะทุสะกดควบคุมลงมาทันทีจากการก้าวเข้ามาของผู้บำเพ็ญกลางคน

บนฟ้ากำลังรบ

บนแผ่นดินกำลังรบ

ทุกอย่างที่เห็นล้วนกำลังรบ!

“โอกาสมาแล้ว!” นายกองทางนั้นจู่ๆ กระโดดขึ้นมา ดวงตาวาววาบเอ่ยอย่างเร่งร้อน

ระหว่าง เขาก็พลันพุ่งออกไปทั้งตัว พุ่งตรงไปยังภูเขาลูกที่สาม ในตอนที่พุ่งออกไปก็ยังไม่ลืมที่จะหันไปกวักมือเร่งสวี่ชิงกับเหยียนเหยียน

“ไปสิ”

เหยียนเหยียนกำลังจะลุกขึ้น แต่สวี่ชิงกลับหมุนตัวเดินไปทางซากต้นไม้แห้งที่อยู่ข้างหลังไม่ไกลอย่างไม่รีบไม่ร้อน ยืนอยู่หน้าต้นไม้ สวี่ชิงเอ่ยปากพูดขึ้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

“ศิษย์พี่ใหญ่ ต้องไปแล้ว”

คำพูดสวี่ชิงเมื่อดังออกมา ร่างของนายกองที่อยู่ไกลๆ ก็ชะงักไปทันที สีหน้าแปลกประหลาด ทำท่าแปลกใจ

“อาชิงน้อย ข้าอยู่ตรงนี้นะ”

สวี่ชิงไม่สนใจ หลังจากมองต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้า ก็หันไปมองเหยียนเหยียน

“ข้ามีแผ่นหยกบันทึกภาพเคลื่อนไหวสนุกๆ เจ้าอยากดูสักหน่อยหรือไม่”

ไม่รอให้เหยียนเหยียนตอบ ต้นไม้ข้างสวี่ชิงต้นนั้นก็มีเสียงหัวเราะร่าดังขึ้นมา เงาร่างของนายกองปรากฏออกมาจากข้างๆ ใบหน้าฉายรอยยิ้มกระตือรือร้น ไม่มีรอยกระอักกระอ่วนแม้แต่น้อย

“ฮ่าๆ ศิษย์น้องเล็ก ศิษย์พี่ก็แค่ล้อเล่นกับเจ้า เจ้าเด็กคนนี้ทำไมจริงจังไปได้ ไปๆๆ พวกเราไม่มีเวลาแล้ว รีบไปเอาของวิเศษกัน”

นายกองพูดพลางพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากมาถึงข้างกายร่างแยกของตัวเองก็แตะไปง่ายๆ ร่างแยกสลายไปทันที

เหยียนเหยียนดวงตาเบิกกว้าง มองไปทางนายกองอย่างไม่เป็นมิตร นางย่อมมองออกว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายคิดจะให้ตนกับพี่สวี่ชิงอยู่ข้างหน้าสำรวจทางอยู่ข้างหน้า

สวี่ชิงไม่พูดอะไร ร่างเพียงไหววูบก็ตรงไปทางนายกองทางนั้น เหยียนเหยียนมองค้อนนายกอง แค้นเสียงขึ้นจมูกในใจ รีบตามติดไปข้างหลังสวี่ชิง

ทั้งสามคนห้อตะบึงไปเช่นนี้เอง รวดเร็วว่องไว หลังจากลงมาจากภูเขาที่อยู่ ก็ฉวยโอกาสที่รอบๆ วุ่นวาย ผู้ครองกระบี่โรมรันต่อสู้กับลูกศิษย์เขาไตรวิญญาณ พวกเขาอำพรางกาย พุ่งผ่านสนามศึก

ระหว่างทางสวี่ชิงดวงตาฉายประกายเย็นเยียบ เขามองภาพทุกฉากที่ปรากฏให้เห็นในเมืองเหล่านั้นที่พังทลายจากสงครามรอบๆ

ที่นั่นมีหม้อใบยักษ์ และมีเนื้อแห้งแขวนเอาไว้ เลือดสีม่วงดำนองพื้น กลิ่นคาวคละคลุ้งรุนแรงกว่าข้างนอกมาก

ยิ่งมีกระดูกที่ถูกเลาะ เนื้อกองอยู่ในหลายๆ ที่ ทั้งยังมีกรงขังอีกนับไม่ถ้วน ในนั้นขังประชาชนหมื่นเผ่าที่เตรียมเอามาเป็นอาหาร

เรื่องแบบนี้สวี่ชิงเห็นจากพวกผู้บำเพ็ญน้อยมาก แต่ที่นี่…มีให้เห็นทั่วทุกแห่ง

“อยากฆ่าก็ฆ่าเถอะ” นายกองกวาดตามองสวี่ชิง เอ่ยปากพูดเสียงต่ำทุ้ม

สวี่ชิงไม่พูดอะไร แต่ร่างกลับไปปรากฏข้างหน้าผู้บำเพ็ญรับดับแก่นลมปราณวังสวรรค์สองวังของเขาไตรวิญญาณคนหนึ่ง ในเสี้ยวพริบตาที่มันต่อกรกับผู้ครองกระบี่แล้วถอยหลัง สวี่ชิงก็ประชิดเข้าไปทันที กริชในมือขวาฉายประกายวาววาบ ก่อนจะปาดที่คอของคนผู้นี้

เสียงร้องโหยหวนน่าเวทนาดังออกมา หัวขาดกระเด็น สวี่ชิงใบหน้าไร้อารมณ์ เคลื่อนไปข้างหน้าต่อ เพียงพริบตาก็มาถึงข้างหลังผู้บำเพ็ญเขาไตรวิญญาณคนหนึ่ง คว้าหัวของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วปาดไปที่คออย่างเหี้ยมโหด

เหยียนเหยียนก็ลงมือท่ามกลางเลือดสดๆ สาดกระเซ็นเช่นกัน รังสีอำมหิตของนางรุนแรงมาก ในเสี้ยวขณะนี้ก็ปะทุขึ้นมาเช่นกัน แม้พลังบำเพ็ญจะไม่ใช่ระดับแก่นลมปราณ แต่นางหาคู่ต่อสู้ที่สามารถสังหารได้ หลังจากที่ประชิดเข้าไปก็มักจะคว้าเอาไว้อย่างโหดเหี้ยม แล้วแหวกอกแหวกท้องศัตรู

ทางนายกองเห็นเช่นนี้ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเช่นกัน พุ่งทะลวงไปอย่างเร็วรี่ ลูกศิษย์เขาไตรวิญญาณที่ได้เจอในทุกที่ที่ผ่านล้วนร่างเพียงสั่นสะท้านก็กลายเป็นน้ำแข็งไปในทันที

พวกเขาทั้งสามคนอำพรางกาย ในสนามศึกแห่งนี้ก็เหมือนนักลอบสังหารสามคน ทุกที่ที่ผ่านล้วนเป็นการสังหาร นี่ยังเป็นเพราะผู้ครองกระบี่ที่นี่มีจำนวนไม่น้อย สวี่ชิงโปรยพิษลำบากเพราะอาจเกิดข้อผิดพลาด

ไม่เช่นนั้นแล้วล่ะก็ เทียบกับการลงมือสังหาร หากสวี่ชิงใช้วิถีพิษเต็มกำลัง รอบๆ จะต้องอเนถอนาถยิ่งกว่านี้แน่นอน

และการลงมือของพวกเขา หากเปลี่ยนเป็นก่อนที่ผู้ครองกระบี่จะมา ก็จะต้องเกิดความวุ่นวายแน่นอน ยากจะถอยไปได้อย่างปลอดภัย แต่ตอนนี้สนามศึกวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง ทุกที่ล้วนเป็นเสียงการฆ่าสังหารและเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว บนพื้นก็เต็มไปด้วยซากศพ ดังนั้นการปรากฏตัวของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นจุดสนใจขนาดนั้น

นอกจากนั้นสติสัมปชัญญะของสวี่ชิง ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของเขาล้วนคงอยู่ ดังนั้น ต่อให้ฆ่าล้างสังหาร แต่ทิศทางไม่เคยเปลี่ยน เข้าไปใกล้ภูเขาลูกที่สามลูกนั้นตลอด

หลังจากครึ่งชั่วยามพวกเขาก็เข้าใกล้ภูเขาลูกที่สามเรื่อยๆ ไปเช่นนี้เอง สำหับการต่อสู้บนท้องฟ้า ก็เห็นอย่างชัดเจน

ภูเขาลูกที่หนึ่งทางนั้นระลอกคลื่นพลังรุนแรงที่สุด เสียงกึกก้องที่ภูเขาลูกที่สองดังที่สุด และภูเขาลูกที่สามที่เป็นจุดสนใจของพวกเขามีเงาร่างปรากฏขึ้นมากที่สุด

เห็นเพียงเทพวิญญาณโยวจิงตนนั้น เงาร่างสูงใหญ่เพียงไหววูบ ก็แยกร่างแยกออกมาสามร่าง เข้าโรมรันสังหารเต็มกำลังกับผู้อาวุโสผู้ครองกระบี่ที่โจมตีมาทั้งสามคน

ระลอกคลื่นแผ่กระจายทำให้ลมเมฆเปลี่ยนสี ฟ้าดินเกิดรอยแยกเป็นทางๆ เหมือนฟ้าจะถล่ม ดินจะทลาย

ภายใต้ระลอกคลื่นพลังนี้ ความเร็วในการเข้าไปใกล้ของพวกสวี่ชิงก็ช้าลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ เหมือนแบกของหนักเคลื่อนไปข้างหน้า

ยิ่งในตอนที่เข้าไปใกล้ภูเขาลูกที่สาม ความวุ่นวายในสนามศึกก็ยิ่งมาก ทั่วทุกทิศล้วนเป็นการฆ่าสังหาร ดังนั้นนายกองประเดี๋ยวๆ ก็หมอบลงซ่อนตัว หลบการจับสังเกต

ปฏิกิริยาของสวี่ชิงแทบจะเหมือนนายกองทุกประการ ไม่จำเป็นต้องเตือน ทุกอย่างแทบจะกลายเป็นสัญชาตญาณ

กระทั่งว่าในตอนที่รอบๆ วุ่นวายเกินสมควร เขาก็คลานไปบนพื้นมันเสียเลย ประเดี๋ยวหยุด ประเดี๋ยวเร่งความเร็ว ประเดี๋ยวเมื่อสบโอกาสก็ฆ่าผู้บำเพ็ญที่ผ่านมาเสีย

มีแค่เหยียนเหยียนที่ไม่ชินกับวิธีแบบนี้ ปฏิกิริยาช้าไปบ้าง

แต่ความความสามารถในการเรียนรู้ของนางสูง เริ่มเลียนแบบ

ทั้งสามคนใช้วิธีต่างๆ ค่อยๆ ผ่านสนามศึกไปเช่นนี้เอง

ระหว่างนั้นก็ได้เจอผู้ครองกระบี่เช่นกัน แม้จะไม่ใช่ทุกคนที่สังเกตเห็นพวกเขา แต่จะอย่างไรก็มีคนมองร่องรอยอะไรออก ทว่าการเตรียมตัวของนายกองพร้อมมาก หยิบป้ายฐานะแผ่นหนึ่งออกมาห้อยไว้ที่ตัวอย่างรวดเร็ว

ผู้ครองกระบี่ที่สังเกตเห็นพวกเขาเหล่านั้นเมื่อเห็นป้ายฐานะก็สีหน้าแปลกประหลาด ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่สนใจ

“เป็นอย่างไร ข้าบอกแล้วว่าข้าเตรียมตัวมาดี รู้หรือไม่ว่านี่คืออะไร นี่คือป้ายฐานะของสายข่าวผู้ครองกระบี่เป็นของที่ข้าจ่ายไปด้วยราคามหาศาล ปกติแล้วอาจจะไม่มีประโยชน์เท่าไร แต่ในสนามศึก ในตอนที่เป้าหมายของผู้ครองกระบี่มีมากมาย ป้ายนี้ก็มีประโยชน์แล้ว”

นายกองคลานอยู่ข้างหน้าพลางหันมาพูดกับสวี่ชิงอย่างได้ใจ

สวี่ชิงกะพริบตาปริบๆ แสดงสีหน้าท่าทางเลื่อมใสบูชาอย่างเหมาะสม ดังนั้น นายกองก็รู้สึกสมใจแล้ว

แต่ว่าระหว่างนี้พวกเขาก็เจอกับอันตรายหลายครั้ง ทว่าภายใต้ความรอบคอบของสวี่ชิงกับนายกอง ก็ระมัดระวังหลบได้

จนผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม ในที่สุด ท่ามกลางเสียงความดุเดือดรอบๆ แล้วเสียงสังหาร พวกเขาก็คลานออกมาพ้นสนามศึก มาถึงตีนเขาลูกที่สาม

บนท้องฟ้าเหนือภูเขาลูกที่สาม ร่างสามร่างที่แปลงมาจากเทพวิญญาณโยวจิงกำลังต่อสู้อยู่

ในยามที่รัศมีอำนาจท่วมฟ้า แสงอาทิตย์อัสดงกระทบต้องร่างของนาง ก็จะเห็นว่าเสื้ออาภรณ์ที่ร่างทั้งสามสวมใส่ไม่ใช่ชุดเดียวกับที่เห็นบนท้องฟ้าเหนือสำนักเจ็ดเนตรโลหิตในวันนั้น

“เสื้อผ้าของผู้หญิงคนนี้มีเยอะมากจริงๆ ด้วย!”

“อาชิงน้อย เวลารวยมาถึงแล้ว!!” ในดวงตาของนายกองฉายความละโมบออกมา ร่างกระโดดขึ้นมา ไม่อำพรางกายอีกต่อไป พุ่งไปยังภูเขาข้างหน้าทันที

สวี่ชิงเองก็เช่นกัน แทบจะทะยานตัวออกไปในเวลาเดียวกับนายกอง เหยียนเหยียนอยู่ข้างหลัง ความเร็วของทั้งสามคนปะทุขึ้นสุดกำลังในเสี้ยวพริบตานี้ แม้เหยียนเหยียนจะช้า แต่ในตัวนางมีของวิเศษต่างๆ มากมาย พยายามตามติด ต่อให้ตามไม่ทัน แต่ก็ไม่หยุดฝีเท้า

ดังนั้นมองมาจากบนฟ้า บนพื้นวุ่นวายไปหมด ท้องฟ้าอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ บนภูเขาสีดำทมิฬลูกที่สามมีเงาร่างสามร่างพุ่งไปอย่างสุดกำลัง ตรงไปยังถ้ำข้างบน เข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว

ในดวงตานายกองฉายแววบ้าระห่ำ

ในดวงตาสวี่ชิงฉายประกายวาววับ

“บ้าแล้วๆ…” เหยียนเหยียนที่อยู่ข้างหลัง แม้ตลอดทางจะไม่พูดอะไร แต่ใจเต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

นางมองเงาร่างของพวกสวี่ชิงทั้งสองคนที่อยู่ข้างหน้า รู้สึกว่าการถอนเขี้ยวเสือแบบที่สองคนนี้ทำ…คนปกติทั่วไปไม่มีทางทำเด็ดขาด!

“แต่ว่าเร้าใจสุดๆ ไปเลย!” เหยียนเหยียนหายใจหอบถี่ ในดวงตาฉายแววเหม่อลอยเหมือนฝัน ร่างสั่นสะท้านรุนแรงเพราะความตื่นเต้นนี้

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท