สามชั่วโมงต่อมา ในที่สุดแผนของพวกเราก็สำเร็จก้าวแรก
แม่น้ำกว้างสองเมตรปรากฏตรงหน้าพวกเรา นี่แปลว่าการอาศัยสัมผัสด้านทิศทางของผมกับแผนที่ที่แสดงเพียงตำแหน่งแม่น้ำมายืนยันตำแหน่งของพวกเรานั้นไม่เป็นปัญหา
ถึงแม้ว่าแม่น้ำจะไหลเร็วมาก แต่คุณภาพน้ำกลับดีมาก ยืนอยู่ริมฝั่งก็สามารถมองเห็นก้นแม่น้ำและปลาตัวเล็กได้
ผมยื่นมือลงไปในน้ำ น้ำที่เย็นสดชื่นทำให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันที
“ไม่ไหวแล้ว เหนื่อยจะตายแล้ว!”
ผมยังดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติ ข้างหลังกลับมีเสียงที่ทำให้หมดกำลังใจดังขึ้นมา ผมหันไปมองอย่างจนใจ กลับพบว่าฮีลกำลังพิงใต้ต้นไม้ข้างๆ อยู่ ท่าทางเหมือนกำลังจะตายแล้ว
กำลังกายของหมอนี่แย่แค่ไหนกันเนี่ย ปกติแล้วหมอนี่อยู่แต่บ้านอ่านหนังสือจริงๆ ใช่ไหม?
“ขอร้องล่ะ พวกเราแค่เดินมาตลอดทางนะ? ไม่ได้วิ่งสักหน่อย”
“เมื่อก่อนข้า…เคยเดินมากสุดก็แค่หนึ่งชั่วโมงเอง ไม่…เคยเดินนานขนาดนี้เลย”
อีกฝ่ายหอบไปด้วยตอบผมไปด้วย
โอ้ โธ่เอ๊ย ควรด่าเขาเรื่องชนชั้นสูงที่เอาแต่ใจเกินไปหรือว่าจริงจังในการอ่านหนังสือเกินไปดีล่ะ?
ถึงแม้หลังจากผมมาถึงโลกใบนี้แล้วกำลังกายจะดีกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ว่า แม้ว่าเป็นเมื่อก่อนที่อยู่บ้านเป็นประจำ หากต้องเดินสี่ถึงห้าชั่วโมงก็ไม่มีปัญหาแน่นอน ไอ้หมอนี่เดินแค่สามชั่วโมงก็เหนื่อยจนเป็นแบบนี้แล้ว อ่อนแอเกินไปไหม?
“ช่างเถอะ ในเมื่อเห็นเป้าหมายแรกของพวกเราแล้วก็พักผ่อนเถอะ จากนั้นขอแค่พวกเราเดินตามแม่น้ำนี้ไป ก็คงไปถึงสถานที่น่าสงสัยแห่งนั้นได้ใช่ไหม?”
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ที่จริงแล้วผมก็ยังคงสงสัยในการตัดสินของตัวเอง
สถานที่น่าสงสัยแห่งนั้นควรค่าแก่การสำรวจ แต่ความจริงแล้วคงยากที่คนทั่วไปจะนึกถึงใช่ไหม? ยิ่งไปกว่านั้นก็คงไม่มีทางวาง ‘หัวใจคริสตัล’ ทั้งหมดไว้ที่นั่นที่เดียว ไม่งั้นคงทำให้คนอื่นเสียโอกาสที่จะสำเร็จไป
ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาใหญ่ที่สุดในการตั้งทีมแบบพวกเขาก็คือการแจกจ่ายหัวใจคริสตัล ถ้าท้ายที่สุดจำนวนที่ได้รับไม่เท่ากับจำนวนคน ถึงตอนนั้นต้องเกิดปัญหาแน่นอน
แล้วคนที่มาฝึกฝนครั้งนี้ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นชนชั้นสูง ต่อจากการแข่งขันด้านความแข็งแรงก็คือการแข่งขันด้านฐานะ เรื่องแบบนี้เป็นปัญหาที่สุด ผมจึงไม่อยากพบเจอ
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ผมพยายามหลีกเลี่ยงทีมอื่น
ใช่แล้ว ตลอดทางที่มาผมสังเกตในป่ารอบด้านว่ามีชื่อของคนอื่นหรือไม่ ถ้ามองเห็นผมก็จะหลบเลี่ยง และแน่นอน ถ้าอีกฝ่ายเป็นสายดินกับสายพืชที่ใช้เวทหลบซ่อนลมหายใจ ผมก็คงไม่มีทางเลือก
ทว่า อาจารย์ที่ตามกลุ่มพวกผมกลับเดินตามอยู่ข้างหลังอย่างเปิดเผย ไม่ได้ใช้สกิลหรือเวทมนตร์ใดซ่อนตัวเองไว้
และเมื่อผมหันศีรษะกลับไปมองหลายครั้ง อีกฝ่ายก็น่าจะสังเกตว่าผมพบเขาแล้ว ผลคืออีกฝ่ายมักซ่อนตัวข้างหลังต้นไม้อยู่หลายครั้งในหนึ่งชั่วโมงนี้ แต่ก็ยังเดินตามมาตรงๆ
ตอนนี้ก็เป็นแบบนั้น ขณะนี้เขากำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ไกลออกไปห้าเมตร จ้องผลึกคริสตัลบนไม้คทาของตัวเองอย่างเหม่อลอย
อยากจะเข้าไปทักทายเขาจริงๆ แต่คิดแล้วก็ช่างมัน ยังไงซะเขาก็ต้องการแอบสะกดรอย ถ้าถูกผมจับได้ตอนนี้ อีกฝ่ายคงเขินแย่
ก่อนหน้านี้ฮีลก็พบอีกฝ่ายเช่นกัน ดูแล้วเขาก็คงสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายไม่แอบตามมา แต่ผมบอกเขาว่าทำเป็นไม่เห็นก็พอ
แล้วหมอนี่ก็ทำอย่างนั้นจริง
“ในเมื่อจะพัก ก็กินอะไรหน่อยสิ ข้าเตรียมอาหารมามากมายเลย”
จู่ๆ ฮีลก็พูดขึ้น เพิ่งหันมองไปที่เขา ก็เห็นเขายื่นของหวานมาให้
ใช่แล้ว มันคือของหวาน! แล้วยังดูเหมือนขนมที่อร่อยมากอีกด้วย! ระหว่างเค้กทุกชั้นมีครีมผลไม้แทรกอยู่ ด้านบนสุดยังตกแต่งด้วยช็อคโกแลตต่างๆ อีกด้วย
มันเป็นสิ่งที่แค่มองก็ทำให้ผมเต็มไปด้วยความอยากอาหาร ทำให้ผมหยุดไม่ได้จริงๆ แต่ผมก็ยังอยากบอกว่า…
พระเจ้า! หมอนี่หยิบอาหารออกมาจากตรงไหน!
รับเค้กมาโดยไม่รู้ตัว ฮีลก็เริ่มหยิบอาหารอย่างอื่นออกมาอีก
ของหวาน ขนม แล้วก็ขวดเก็บความร้อน หมอนี่คิดจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาที่นี่เหรอ?
คนอื่นต่างก็กำลังหาสิ่งของกันอย่างสุดชีวิต นายกลับมีอารมณ์อะไรมานั่งดื่มชา!
จะว่าไป หมอนี่ก็เป็นชนชั้นสูง มีแหวนไว้เก็บของคงเป็นเรื่องปกติ ถึงผมจะได้มาวงหนึ่งตอนมาถึงที่นี่ ทั้งยังต้องเก็บซ่อนมันไว้ แต่เพื่อปิดบังสิ่งของที่ดีขนาดนี้ ผมจึงซื้อแหวนมิติที่ราคาค่อนข้างถูก แล้วเก็บเสื้อผ้าและยาไว้ในนั้นนิดหน่อย
แบบนี้ถึงจะโดนขโมยไปก็สูญเสียเงินเพียงเล็กน้อย ยังไงซะโลกใบนี้ก็ไม่มีฟังก์ชั่นมหัศจรรย์อย่างการตรวจเลือดจำแนกเจ้าของอยู่แล้ว
ทว่า…
ผมกลับเจอคนที่เก็บของหวานยกเซ็ตไว้ในแหวนเป็นครั้งแรก หมอนี่ต้องรวยแค่ไหนนะ!
“พวกเราแค่พักนิดหน่อย ทำไมนายต้องทำเหมือนจัดงานเลี้ยงล่ะ…นายเก็บของพวกนี้ไว้ในแหวน แล้วของที่ต้องใช้ล่ะ?”
“วางใจเถอะ ข้ายังมีแหวนอีกวง”
อีกฝ่ายตอบด้วยความเบิกบาน…ดูท่าหมอนี่คงให้ความสนใจกับการกินของหวานและการดื่มชา ซึ่งผมเห็นผู้ชายแบบนี้เป็นครั้งแรกจริงๆ
เฮ้อ…ช่างเถอะ ตามใจแล้วกัน ยังไงซะเค้กชิ้นนี้ก็ดูน่ากินจริงๆ
“อืม ใช่แล้ว…ฉันว่าเค้กก็ไม่เลว แต่หลังกินเสร็จพวกเราต้องเดินทางต่อแล้ว ไม่งั้นเมื่อไหร่จะไปถึงที่หมายล่ะ”
“เอ๋ ไม่ใช่ว่าพักสามชั่วโมงเหรอ?”
อีกฝ่ายมองผมด้วยใบหน้าเสียดาย…นี่มันสายตาอะไรกัน ทำไมผมมองแล้วรู้สึกว่าตัวเองผิดเลย!
ทำไมผู้ชายคนหนึ่งถึงมีแววตาเหมือนสัตว์ตัวน้อย ทั้งยังมีพลังทำลายล้างถึงขนาดนี้?
“ใครบอกว่าพักสามชั่วโมงล่ะ…อย่ามองฉันแบบนี้สิ…”
แต่อีกฝ่ายยังคงไม่คิดจะปล่อยผม…น่ากลัวจัง! หรือว่าหมอนี่มีเวทโจมตีทางจิตใจบางอย่างด้วย?
“เอาล่ะ…ได้ พักสองชั่วโมง แค่นี้พอแล้วนะ! แล้วระยะทางดูเหมือน…ต้องเดินอย่างน้อย 20 ชั่วโมงถึงจะไปถึงที่นั่น ถ้าพักตลอดคงไม่ได้”
“ได้ๆ งั้นก็พักสองชั่วโมงนะ ดื่มชาหน่อยไหม?”
“…แน่นอน”
ช่วยไม่ได้ เค้กมันหวานจนเกินไปนี่…
ขณะรับชา ผมรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนเดินผ่านข้างหลังผม หมุนตัวไปมอง อาจารย์ที่เมื่อกี้ยังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ข้างๆ เดินมาข้างฮีลแล้ว
“เอาให้ข้าสักแก้วได้ไหม? ขอโทษที เมื่อกี้ข้าลืมพกน้ำมาด้วยตอนลงจากเรือเหาะ”
…
“ไม่มีปัญหาขอรับ”
ฮีลยังคงตอบพร้อมรอยยิ้ม
“เฮ้ยๆๆ คุณเป็นอาจารย์ผู้ดูแลจริงรึเปล่า? เดินมาขอดื่มชาแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ?”
อีกฝ่ายสวมฮู้ดอยู่ตลอดเลยมองเห็นไม่ชัด แต่ตอนนี้ผมมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนแล้ว
เส้นผมสีเขียวเข้ม แม้แต่ดวงตาก็เป็นสีเดียวกัน ใบหน้าไม่มีริ้วรอยใดๆ มุมปากมีรอยยิ้มชั่วร้ายเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นอาจารย์ที่แก่กว่าพวกเราแค่นิดเดียว แต่สิ่งที่เหมือนกับหัวหน้าคนก่อนหน้านั้น คือไม่ว่าจะเป็นชื่อ เลเวลหรือฉายาของหมอนี่ก็ล้วนเป็นเครื่องหมายคำถาม
“ไม่เป็นไรๆ ขอแค่ไม่มีพฤติกรรมช่วยพวกเจ้าก็ไม่นับว่าละเมิดกฎ อันที่จริง เจ้าก็พบข้าตั้งนานแล้วนี่? ทำไมไม่เข้ามาพูดคุยล่ะ?”
“ผู้ชายสามคนมีอะไรให้พูดล่ะ”
“สามคน…อย่างนี้นี่เอง แหม แบบนั้นก็ดีสิ วางใจเถอะ พูดคุยกับข้าก็ไม่นับเป็นเรื่องละเมิดกฎอะไร ข้าเป็นถึงคนที่ท่องกฎทั้งหมดในสถาบันได้อย่างแม่นยำ ขอเพียงไม่มีพฤติกรรมเกินกฎเกณฑ์ก็ถือว่าถูกกฎ ข้าคิดแบบนั้น เจ้าว่าไง”
หมอนี่ ทำไมผมถึงรู้สึกถึงกลิ่นอายของความอันธพาลจากตัวเขา…
“ใช่แล้ว ข้ารู้ชื่อของพวกเจ้าฟีลและฮีล แต่พวกเจ้าน่าจะยังไม่รู้ชื่อของข้าสินะ? ข้าชื่อว่าแรนดอล บูเคอริส เป็นอาจารย์ของชั้นเรียนสายวายุระดับสูง ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”
คำที่อีกฝ่ายพูดดูไม่ใช่คำโกหก เพิ่งพูดจบ ข้อมูลของอีกฝ่ายก็แสดงออกมา
แรนดอล บูเคอริส
เลเวล ?? อาจารย์เวทสายวายุ ???
??? ??? ???
ดูท่าอาชีพของอีกฝ่ายคงไม่ได้มีแค่อย่างเดียว น่าเสียดายที่ผมมองไม่เห็น
ทว่า…หมอนี่กลับดูแล้วเหมือนพวกที่เข้ากันได้
“แปลว่า ขอเพียงไม่ทำเรื่องผิดกฎ ไม่ว่าทำเรื่องต่ำช้าแค่ไหนก็ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“…”
อีกฝ่ายมองผมแล้วยิ้มออกมา
“ใช่แล้ว”
“ดีเลย งั้นคราวหน้าได้โปรดชี้แนะด้วย!”