คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 665 ขจัดไม่ได้ไม่ใช่หมายความว่าช่วยไม่ได้

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 665 ขจัดไม่ได้ไม่ใช่หมายความว่าช่วยไม่ได้

พิษนี้ขจัดไม่ได้

คำสั้นๆ ที่กล่าวออกมาราวกับสายฟ้าฟาดลงบนหน้าผากของเฉวียนจิ่ง หูของเขาเกิดเสียงอื้ออึงเหมือนฝูงผึ้งบิน ร่างกายเฉวียนจิ่งโงนเงน สีหน้าขาวซีดราวกับคนตาย หัวใจหล่นวูบ สองตาตกลง เขาหัวเราะเยาะตัวเอง “ข้าก็รู้ หลายปีมานี้ชีวิตที่อยู่มาได้เป็นชีวิตที่ขโมยมา”

“คุณชาย” เฉวียนอันน้ำตาไหล “ยังพอมีวิธี พวกเรายังสามารถเชิญหมอเทวดาท่านอื่นมารักษาได้”

ฟู่ โอกาสรอดชีวิตอะไร หลอกลวงทั้งเพ เขาก็รู้ว่านักพรตเฒ่านั่นเชื่อไม่ได้

ยังมีเจ้าอาวาสน้อยอะไรนี้อีก เทียบเชิญก็ส่งไปมากมายแล้ว ยังเป็นพิษที่ขจัดไม่ได้หรือ สงสารคุณชายเดินทางสะเทือนร่างกายมาไกลเพื่อขอให้ช่วยรักษา สูญเปล่าแล้ว

หวังอวี้เชียนก็ตกใจ “รักษาไม่ได้แล้วหรือ เจ้าก็หมดปัญญารักษา?”

ฉินหลิวซีมองไปยังเฉวียนจิ่ง ถามกลับประโยคหนึ่ง “ว่ากันตามเหตุผล พวกท่านไม่เพียงแต่ได้ยินจากปากคนอื่นว่ามีข้าอยู่ ทั้งยังไม่สนทางไกลเดินทางมาก่อน ใครกันที่บอกให้พวกท่านเชื่อว่าข้าสามารถขจัดพิษช่วยชีวิตท่านได้?”

เฉวียนจิ่งเงยหน้า “ข้าไม่ปิดบังท่าน ตั้งแต่ข้าถูกพิษ เที่ยวเสาะแสวงหาหมอเทวดามารักษา นอกจากนี้ไปขอพรเทพเจ้าก็ทำมาแล้ว”

เขาเองก็หมดสิ้นหนทาง ลูกหลานสายตรงของบุตรชายคนโตเหลือเขาคนเดียวที่เป็นบุรุษ หากรักษาชีวิตไว้ได้ก็พยายามรักษา ในเมื่อยังมีชีวิตใครจะอยากตาย โดยเฉพาะลูกหลานของทหารรักษาเขตแดนอย่างพวกเขา

หากเขาตาย สายเลือดบุตรชายคนโตก็ขาดสะบั้น

“ไกลพันลี้ก็ต้องมา เป็นคำพูดของท่านเจ้าอาวาสอารามฉงชิง นักพรตจิ่วเหมยชี้ทางสว่างให้ข้า เขาเอ่ยอย่างชัดเจนว่าให้มุ่งหน้าลงใต้ ข้าจะมีโอกาสรอดชีวิต จากนั้นท่านอาหญิงของท่านพ่อก็มาพร้อมกับข่าวว่ามีท่านอยู่ ดังนั้น…” เฉวียนจิ่งหัวเราะเยาะตัวเอง “กลายเป็นว่าข้าขอมากเกินไป รบกวนท่านแล้ว”

เขาลุกขึ้น คารวะฉินหลิวซีทีหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป

ฉินหลิวซีเอ่ยตามหลัง “นักพรตท่านนั้นมีบุญบารมีพอตัว ทำนายว่าท่านยังมีโอกาสรอดชีวิต ชีวิตท่านยังไม่ควรจบสิ้น”

เฉวียนจิ่งชะงักงันแล้วจึงหมุนตัวกลับมา

“พิษในร่างกายท่านชนิดนี้ไม่สามารถขจัดออกไปได้ แต่ขจัดไม่ได้ไม่ใช่หมายถึงช่วยไม่ได้แล้ว”

หัวใจเฉวียนจิ่งเต้นแรง นั่งลงอีกครั้ง “ความหมายของท่านคือ?”

หวังอวี้เชียนอดรนทนไม่ไหว เอ่ยขึ้น “น้องสาว ถือว่าข้าขอร้องเจ้า จะเอ่ยอะไรก็เอ่ยออกมาให้หมดทีเดียวได้หรือไม่ เจ้าเอ่ยแบบนี้ เหมือนกับจะส่งพวกเรากลับ ตกใจหมด”

ฉินหลิวซีเหลือบตามองเขาทีหนึ่ง

เว่ยเสียที่โบกพัดอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น “เป็นคำกล่าวลึกซึ้งของนักปราชญ์จริงๆ นางบอกว่าขจัดไม่ได้ นั่นคือส่วนหนึ่ง ใส่พิษลงไปอีกหน่อย ใช้พิษต้านพิษ แค่นี้ก็คิดไม่ออก”

ใช้พิษต้านพิษ?

“ถูกต้อง ใช้พิษต้านพิษ” ฉินหลิวซีเอ่ย “สิ่งทั้งหลายมีด้านกลับของมันเอง พิษชนิดนี้เกิดขึ้นมา ตัวมันเองก็มีพิษที่สะกดมันเอาไว้ได้ หรือไม่ก็มียาแก้พิษอยู่ในโลกนี้ อีกอย่างดูแล้วท่านยังมีชีวิตอยู่ ไหนเลยจะไม่ใช่เพราะยาแก้พิษกดมันเอาไว้ เพียงแต่พิษร้ายแรงจนยานั่นกดเอาไว้ไม่อยู่ ดังนั้นร่างกายท่านจึงค่อยๆ อ่อนแอลงทุกวัน ทำให้ผ่ายผอม

“จนกระทั่งวันนี้พิษในร่างกายท่านได้กระจายไปทั่ว อวัยวะที่สำคัญจึงถูกพิษไปด้วย เมื่อมันได้รับพิษการทำงานของอวัยวะจะค่อยๆ ถดถอย จนวันหนึ่งไม่สามารถทำงานได้ ยาเทวดามหัศจรรย์อะไรก็ช่วยกลับมาไม่ได้แล้ว ดังนั้นท่านร่างกายจึงผ่ายผอม อ่อนแอถดถอยจนเหมือนโครงกระดูกคนตาย ในวันนี้ยังนับว่าไม่หนักหนา หากอวัยวะหยินทั้งห้าและอวัยวะหยางทั้งหกได้รับความเสียหายจนล้มเหลว อย่าว่าแต่นั่งอยู่ตรงนี้ พูดกับข้ายังไม่มีแรง แม้แต่ตาก็ลืมไม่ขึ้น”

อวัยวะสำคัญล้มเหลวก็หมายถึงโอกาสรอดชีวิตสูญไปด้วย

“ในตอนนี้ยังขจัดพิษไม่ได้ แต่ใช้ยาที่มีพิษร้ายแรงกว่ากดมันเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นคือใช้พิษใหม่แทนที่พิษเดิม แต่วิธีนี้ก็มีอันตรายอย่างหนึ่งเหมือนกัน ก็คือร่างกายท่านอาจแบกรับมันไม่ไหว เพราะถึงอย่างไรนั่นก็เป็นสิ่งที่มีพิษที่น่ากลัวเช่นกัน อีกทั้งร่างกายของท่านก็อ่อนแอ ข้าเกรงว่าท่านจะทนความเจ็บปวดชนิดนี้ไม่ไหว” ฉินหลิวซีมองเฉวียนจิ่งพลางเอ่ย “ดังนั้นการช่วยชีวิตด้วยวิธีนี้มีโอกาสตายเก้าส่วนรอดหนึ่งส่วน ทนไหวคือรอด ทนไม่ไหวคือตาย”

สีหน้าเฉวียนอันเปลี่ยนไป “ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ”

“ใช่แล้ว เจ้าเป็นหมอนักพรตนี่ ใช้วิธีพวกคาถาอาคมที่เพิ่งใช้กับหว่านไป๋ไปเมื่อสักครู่ สามารถขจัดพิษให้เขาได้หรือไม่” หวังอวี้เชียนเองก็หน้าซีดไม่แพ้กัน

แค่ฟังก็รู้สึกว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่มีเดิมพันสูง และสิ่งที่เดิมพันคือชีวิต

ฉินหลิวซีโมโหจนหัวเราะออกมา “ข้าเป็นหมอนักพรต สามารถใช้ศาสตร์ทั้งห้าของเสวียนเหมิน ขับไล่ภูติผีปีศาจได้ แต่ข้าไม่ใช่เทพ ทำให้เขากระโดดโลดเต้นได้เพียงเป่าลมปากใส่ ข้าทำไม่ได้”

หวังอวี้เชียนหน้าร้อน อายจนไม่กล้าพูด

เฉวียนจิ่งเม้มปาก มองไปยังฉินหลิวซี เขาถามนาง “ตายเก้ารอดหนึ่ง หรือว่านี่คือโอกาสรอดชีวิตที่นักพรตจิ่วเหมยบอกหรือไม่”

ฉินหลิวซียักคิ้วตอบ “ท่านจะคิดเช่นนี้ก็ได้ แต่แผนจะสำเร็จหรือไม่ ต้องดูลิขิตฟ้า”

ลูกตาเฉวียนจิ่งเปล่งประกาย “เมื่อครู่ท่านเจ้าอาวาสน้อยพูดถึงการจับชีพจรไท่ซู่สามารถรู้เรื่องของคนคนนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องโชคดีหรือร้าย ความสุขหรือหายนะ ไม่ทราบว่าชีวิตข้าจะเป็นอย่างไร”

“แม้ภูเขาสลับซับซ้อน แม้สายน้ำไหลวกวน ไม่เชื่อว่ามีหนทาง ใต้เงาต้นหลิว ดอกไม้ยังเบ่งบาน พบหมู่บ้านรออยู่ข้างหน้า[1]”

ทุกคน “…”

ไม่พูดจาลึกล้ำยากจะเข้าใจได้หรือไม่ โธ่ ช่วยเอ่ยให้เข้าใจแจ่มแจ้งสักหน่อยเถิด

“ข้าเข้าใจแล้ว” รอยยิ้มบนใบหน้าเฉวียนจิ่งหายไป “ที่ว่ามาทั้งหมด คือเดิมพันสักครั้ง เดิมพันด้วยโอกาสรอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว”

หวังอวี้เชียนอยู่ข้างๆ มองดูสองคนปะทะคารมกัน “ข้าไม่เข้าใจ คำพูดครึ่งๆ กลางๆ ของพวกท่านทำให้ข้ารู้สึกโง่ยิ่งนัก!”

เฉวียนจิ่งมองดูฉินหลิวซีที่กำลังเก็บเลือดในชามนั้น “อย่างนั้นไม่ทราบว่าท่านเจ้าอาวาสน้อยคิดจะใช้พิษอะไรมาต้านพิษในตัวข้าหรือ ด้วยความสัตย์ เมื่อพิษในร่างกายข้าเล่นงาน เหมือนมดนับหมื่นตัวกำลังกัดกินกระดูก เจ็บปวดร้อนแรงเหมือนไฟเผา หลังจากนั้นทั้งตัวหนาวเข้ากระดูก ร้อนเย็นสลับกันเหมือนรวมอากาศสองฤดูเข้าไว้ในวันเดียวกัน ตระกูลเฉวียนของข้าส่งคนในหน่วยกล้าตายไปดินแดนของพวกทูเจวี๋ยจำนวนมาก พวกเขาตายไปไม่รู้เท่าไหร่ ถึงจะสืบรู้ว่าพิษนี้มีชื่อว่าอัคคีเยือกแข็งกร่อนกระดูก เรียกตามภาษาพื้นเมืองของพวกเขาว่าพิษร้ายแรงที่นักบวชอาถูผู่ค้นคว้าและทำยาพิษออกมาได้”

“ไม่มียากแก้พิษ?”

เฉวียนจิ่งส่ายหน้า “หากมี ก็คงไม่มาขอรับการรักษาจากท่านเจ้าอาวาสน้อยที่นี่ ข้าส่งทหารหน่วยกล้าตายไปสืบข่าวได้ความว่า ฝ่ายนั้นใช้เชลยศึกและทาสรับใช้เป็นหนูทดลองยาพิษ ส่วนใหญ่เป็นคนของต้าเฟิง”

เขาเอ่ยมาถึงตอนนี้ สายตาเย็นเยียบ และมีร่องรอยสิ้นไร้เรี่ยวแรงพาดผ่าน “สิ่งที่ข้ากลัวคือ หากพิษนี้ใช้ในการรบเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่มีทางขจัดพิษได้ จะต้องสังเวยชีวิตทหารไปอีกกี่มากน้อย”

“ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ได้ยินว่าดินแดนทะเลทรายดำลึกลับยากจะคาดเดา เข้าไปข้างในเหมือนเข้าไปในเมืองผีที่มืดครึ้ม อีกอย่างร่องรอยของมดคันไฟนั้นยิ่งหายาก การหารังของพวกมันให้เจอแล้วจับพวกมันกลับมาต้องสิ้นเปลืองกำลังคนและยุทโธปกรณ์จำนวนมาก เพราะในตัวพวกมันเองก็มีพิษร้ายแรง โดนกัดทีหนึ่ง ร่างกายจะร้อนด้วยพิษไฟทันที เหมือนโดนเผาไม่มีผิด ดังนั้นหากต้องการปรุงพิษอย่างที่ท่านได้รับ มดชนิดนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้”

ฉินหลิวซีใช้ปลายนิ้วดีดเบาๆ ที่ชามกระเบื้อง “อีกอย่าง อาถูผู่คนนั้นชอบคิดค้นประดิษฐ์สิ่งมีพิษ นักบวชผู้ใช้พิษเช่นนี้ส่วนมากมีความโอหังในใจ ถ้าเป็นพิษที่หายาแก้พิษได้ทั่วไปตามท้องถนนก็ไม่คุ้มค่า ยิ่งเป็นพิษที่แก้ยากหรือแก้ไม่ได้ สำหรับพวกเขายิ่งเป็นความสุขใจและล้ำค่ายิ่งนัก เพราะไม่มีใครเทียบได้ ของหายากมีน้อยมักมีราคาแพง เหมาะสำหรับการใช้กับทุกสิ่ง”

เฉวียนจิ่งได้ฟังแล้วถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง ก็ถูก ตัวเองถูกพิษมาระยะหนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นคนอื่นที่ถูกพิษชนิดเดียวกัน เห็นได้ว่าพวกทูเจวี๋ยที่สมควรตายนั้นก็มีพิษชนิดนี้อยู่จำนวนไม่มาก ไม่อย่างนั้นกองทหารซีเป่ยคงตกอยู่ในอันตรายแล้ว

“อย่างนั้นพิษอะไรที่ร้ายแรงกว่าพิษในร่างกายของฉีเฮ่อ?” หวังอวี้เชียนรีบถาม

ฉินหลิวซีส่ายหน้า “ข้าไม่รู้”

ทุกคน “?”

[1] บทกวี โหยวซานซีชุน ของลู่โหยว กวีเอกในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ มีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 850 ปีก่อน มีบทประพันธ์ทั้งบทกลอนและร้อยแก้ว นับเป็นกวีที่แต่งบทกลอนมากที่สุดในประวัติศาสตร์จีน เขาให้สมญาตัวเองว่า “กลอนหมื่นบทในหกสิบปี”

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท