ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 538 ฉันไม่อยากให้เธอแต่งงานครั้งที่สาม

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 538 ฉันไม่อยากให้เธอแต่งงานครั้งที่สาม

ตอนที่ 538 ฉันไม่อยากให้เธอแต่งงานครั้งที่สาม

เฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรงไปพบพ่อแม่ของหยางหงเสียเพื่อหารือเกี่ยวกับการแต่งงานของพวกเขา ซึ่งพ่อแม่ของหยางหงเสียมีเหตุผลอย่างมากเกี่ยวกับการแต่งงาน และไม่ได้เรียกร้องอะไรมากจนเกินไป ของหมั้นก็อยู่ในอัตราที่ไล่เลี่ยกันกับของหมั้นของครอบครัวอื่น พวกเขาตกลงกันที่เก้าร้อยหยวน และออกปากว่าจะช่วยออกสินเดิมให้ครึ่งหนึ่ง

ประเด็นสนทนาต่อมา พวกเขาพูดถึงน้องชายของหยางหงเสีย

เป็นคำขอทางอ้อม ว่าหยางหงเสียจะต้องช่วยสนับสนุนน้องชายของเธอตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

กล่าวคือต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา ในการจัดเตรียมเรื่องหน้าที่การงานของน้องชายในอนาคต รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ด้วย

เฉินเจิ้นเจียง โจวลี่หรง และผู้อาวุโสทั้งสองในครอบครัวของพวกเขาล้วนเป็นคนซื่อสัตย์ที่ไม่แสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับทางการ ดังนั้นจึงไม่อาจตอบรับคำขอในกรณีนี้ได้

เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะยินยอมเห็นด้วยกับคำขอดังกล่าวจากพ่อแม่ของหยางหงเสีย

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา พวกเขาไม่เคยอาศัยช่องว่างหรือประโยชน์จากตำแหน่งของตนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ญาติหรือเพื่อนฝูงเลยสักครั้ง

ยิ่งในอนาคต โอกาสที่จะทำแบบนั้นยิ่งน้อยลง

นอกจากนี้ การแต่งงานของเฉินเจียซิ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพราะธุรกรรมดังกล่าว

ท้ายที่สุด เฉินเจียซิ่งก็ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ โดยบอกว่าน้องชายของหล่อนยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย ถ้าเขาตั้งใจเรียนอย่างหนัก วันข้างหน้าเขาต้องได้รับมอบหมายงานที่ดีอยู่แล้ว

ระหว่างทางกลับบ้าน เฉินเจิ้นเจียงมองไปที่เฉินเจียซิ่ง และถามอย่างจริงจังว่า “แกตัดสินใจดีแล้วจริง ๆ เหรอ? แน่ใจแค่ไหนถึงได้เลือกแต่งกับหงเสีย?”

เฉินเจียซิ่งรู้ดีว่าพ่อแม่ของเขามีอคติต่อครอบครัวของหยางหงเสียเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาพูดว่า “พ่อ หงเสียเป็นคนดีมากนะ พวกคุณทุกคนไม่ได้พอใจในตัวหล่อนหรอกเหรอ?”

“แต่ครอบครัวของหล่อน…”

เฉินเจียซิ่งขมวดคิ้ว “พ่อ ครอบครัวของหล่อนมันทำไม? พวกคุณคงไม่ดูถูกที่พวกเขาเป็นแค่คนงานธรรมดา ๆ เหมือนที่อาสะใภ้รองดูถูกหรอกใช่ไหม?”

เฉินเจิ้นเจียงอธิบาย “เราไม่เคยดูถูกอาชีพของใคร พ่อแค่หวังว่าคนที่แกชอบจะแต่งงานกับแกเพราะรักในตัวแกจากใจจริงเท่านั้นเอง”

คำพูดของเฉินเจิ้นเจียงแทงใจเฉินเจียซิ่งอย่างจัง

โจวลี่หรงดึงแขนเฉินเจิ้นเจียง บอกให้เขาระมัดระวังคำพูดของตัวเองหน่อย

เฉินเจิ้นเจียงไม่ได้มองหน้าเฉินเจียซิ่งเลยด้วยซ้ำ แต่ดวงตาของเขากลับลุกเป็นไฟขณะถามต่อ “แกเคยตั้งคำถามกับตัวเองบ้างหรือเปล่า ว่าหล่อนชอบอะไรในตัวแก? จุดเด่นที่ใหญ่ที่สุดที่แกมีก็คือครอบครัว แต่เราตกลงกันล่วงหน้าแล้วว่าพ่อกับแม่ของแกจะไม่ใช้เส้นสายเพื่อฝากฝังงานให้กับญาติคนไหนในครอบครัวว่าที่พ่อตาของแกเด็ดขาด ปู่ของแกอายุมากแล้ว ไม่มีอำนาจพอจะแทรกแซงใคร ต้องไปคุยกับอีกฝ่ายให้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และอย่าให้สัญญาใด ๆ กับทางนั้น

ถ้าบอกชัดแล้วหล่อนยังสนใจในตัวแก พวกเธอก็แต่งงานกันซะ แต่ถ้าหล่อนสนใจอย่างอื่นมากกว่าก็จงคิดไตร่ตรองให้ดี แกแต่งงานเป็นครั้งที่สองแล้ว พ่อไม่อยากให้แกแต่งงานเป็นครั้งที่สาม”

เฉินเจิ้นเจียงพูดจบด้วยน้ำเสียงอันน่าเกรงขาม เดินไปข้างหน้ากับโจวลี่หรง เฉินเจียซิ่งเดินตามหลังพวกเขาตามลำพัง ตกอยู่ในภวังค์อันลึกซึ้ง

แม้สิ่งที่พ่อของเขาพูดจะกระทบต่อความภาคภูมิใจในตนเองอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่าคำพูดเหล่านั้นจะไม่ได้มีเพียงคำเหน็บแนมแค่อย่างเดียว

เขายังเชื่อว่าหยางหงเสียยอมแต่งงานกับเขาเพราะรักเขาจริง ๆ

ถึงเขาจะแย่กว่าพี่ชายคนโตไปหน่อย แต่ตัวเขาก็มีพรสวรรค์มากเหมือนกัน

อีกอย่าง ทำไมเขาจะตระเตรียมหน้าที่การงานให้กับว่าที่น้องเขยของเขาไม่ได้?

ถ้าเขามีความสามารถมากพอ เขาจะสามารถช่วยเหลืออีกฝ่ายด้วยตัวเองได้อย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องทำให้พ่อแม่ลำบากใจ

หลังจากที่เฉินเจียวั่งไปพักอยู่ข้างนอกเป็นเวลาสามวัน เขาก็กลับบ้านในช่วงสุดสัปดาห์ เฉินเจียซิ่งเป็นคนเรียกเขาให้กลับมาเอง เพราะรู้สึกว่าน้องชายเรียนการออกแบบสถาปัตยกรรมมาโดยตรง น่าจะมีสุนทรียศาสตร์ในด้านนี้ที่ดีกว่า เขาต้องการให้เฉินเจียวั่งมาช่วยเขาดูเรื่องการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ ให้ประหยัดเนื้อที่และดูสบายตา

ได้ยินมาว่าการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่บ้านต้องให้ความสำคัญกับหลักฮวงจุ้ยด้วย ถ้าตำแหน่งไม่ถูกต้อง จะส่งผลต่อความรักใคร่กลมเกลียวของสามีภรรยาในอนาคต

เฉินเจียซิ่งเคยล้มเหลวมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้จึงระมัดระวังมากขึ้นในทุก ๆ ด้าน

ทันทีที่เฉินเจียวั่งเข้าไปในบ้าน วังซูเฟินก็ทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม “เจียวั่งกลับมาแล้วเหรอ?”

เฉินเจียวั่งทักทายตามมารยาท “อาสะใภ้รอง”

เมื่อไม่เห็นใครอยู่ในห้องนั่งเล่นอีก เขาจึงวางแผนจะขึ้นไปชั้นบน

วังซูเฟินเหลือบมองไปข้างหลังเขาแล้วถามว่า “ไม่ได้พาแฟนกลับมาด้วยหรอกเหรอ?”

“อะไรนะครับ?” เฉินเจียวั่งถามกลับอย่างสงบด้วยใบหน้าที่เย็นชา

ปฏิกิริยาของเฉินเจียวั่งไม่ได้ดูตื่นตระหนกแต่อย่างใด ทำให้วังซูเฟินกลอกตา รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนยิ้มอย่างมีความหมาย “แฟนของเธอไงล่ะ? พี่สะใภ้เธอไม่ได้บอกหรอกเหรอว่าเธอมีแฟนแล้ว หรือว่าเธอโกหกพวกเรากัน?”

เฉินเจียวั่งดูไม่แยแส ทำราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของวังซูเฟิน พยายามเดินเลี่ยงขึ้นไปชั้นบนให้ได้

ผู้หญิงคนนี้ใช้เวลาทั้งวันเปรียบเทียบเรื่องแฟนและเรื่องงานของเขา ทำให้ฟังแล้วยิ่งรู้สึกแย่

ขณะที่เฉินเจียวั่งกำลังจะขึ้นไปชั้นบน คุณย่าเฉินที่ได้ยินเสียงจึงออกมาจากห้อง ส่งยิ้มให้แล้วถามเฉินเจียวั่ง

“เจียวั่ง ไม่ได้พาอวี่เฟยกลับมาด้วยหรอกเหรอ?”

“เปล่านี่ครับ”

เฉินเจียวั่งได้ยินหญิงชราพูดถึงเจียงอวี่เฟย เขาจึงพอจะเดาได้ทันทีว่าหลินเซี่ยเล่าให้คนที่บ้านของเขาฟังอย่างไรบ้าง

หญิงชราและวังซูเฟินต้องการสอบถามเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ ต่อ แต่เฉินเจียซิ่งเรียกหาเฉินเจียวั่งจากชั้นบนได้ทันเวลา

วันนี้เฉินเจิ้นกั๋วและวังซูเฟินไปเยี่ยมญาติมิตรเก่าแก่ในไห่เฉิงหลายบ้าน พวกเขาซื้อของมามากมาย และต้องการให้คนขับรถของบ้านตระกูลช่วยออกไปส่งพวกเขาทำธุระ

ผู้เฒ่าเฉินพูดด้วยใบหน้าตรง “พวกเธอสองคนนั่งแท็กซี่ไปเถอะ รถของฉันใช่ว่าจะถือวิสาสะใช้ได้ตามอำเภอใจ”

“พ่อ พวกเราหอบของพะรุงพะรัง นั่งแท็กซี่ไม่สะดวกหรอกค่ะ รถของพ่อก็มีไว้เพื่อใช้อำนวยความสะดวกให้กับคนในครอบครัวไม่ใช่เหรอ? นานทีปีหนเราจะได้กลับมาที่นี่สักที ทำไมถึงได้เลือกปฏิบัติกับเราแบบนี้กันนะ? เจิ้นกั๋วก็เป็นลูกชายของพ่อเหมือนกัน หรือว่าพ่อยังเลือกที่รักมักที่ชังอยู่คะ?”

พวกเขาไปอยู่ที่หนานเฉิงหลายปีโดยไม่กลับบ้านเลย ครั้งนี้พวกเขากลับมาและตั้งใจจะแวะไปเยี่ยมญาติเก่าแก่ แต่กลับไม่มีรถให้นั่งชูคอด้วยซ้ำ ญาติ ๆ เหล่านั้นจะมองพวกเขาอย่างไร?

ผู้เฒ่าเฉินไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความหยิ่งยโส

“นั่นมันรถของหน่วยงาน ไม่ใช่ของฉัน”

พูดจบผู้เฒ่าเฉินก็ตะโกนบอกเฉินเจียซิ่งว่า “เจียซิ่ง ช่วยอารองกับอาสะใภ้รองยกของออกไปหน่อย แล้วช่วยเรียกแท็กซี่ให้พวกเขาด้วย”

“ได้ครับ”

เฉินเจียซิ่งหยิบถุงบรรจุกล่องของขวัญจำนวนมากขึ้นมาแล้วพูดว่า “ไปเถอะครับ อารอง อาสะใภ้รอง เมืองนี้นั่งแท็กซี่ไปไหนมาไหนด้านนอกสะดวกจะตายไป”

วังซูเฟินขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ แต่ทำได้เพียงทำตามเท่านั้น

ทันทีที่ทั้งสองจากไป บรรยากาศที่บ้านก็ผ่อนคลายลงทันที เฉินเจียซิ่งพาเฉินเจียวั่งไปปรับแต่งเลย์เอาท์ภายในห้องนอนของเขาใหม่ ให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นกว่าเดิม

ผู้เฒ่าเฉินและคุณย่าเฉินก็เดินตามขึ้นมาดูพวกเขาทำงานเช่นกัน

เฟอร์นิเจอร์ใหม่ รวมถึงเตียงนอนถูกย้ายที่อีกครั้ง

เฉินเจียซิ่งปรบมือพลางพูดว่า

“เสร็จสักที เหลือแค่แขวนรูปแต่งงาน จากนี้ที่นี่ก็พร้อมกลายเป็นบ้านหลังใหม่”

เขามองไปรอบห้องนอนของตัวเอง เอามือแตะคางและพูดอย่างครุ่นคิดว่า “เตียงนี้ไม่ใช่ของใหม่ ควรหาที่นอนอื่นมาวางแทนดีไหม? ฉันกลัวว่าหงเสียจะรังเกียจ”

เฉินเจียวั่งเหลือบมองเขาแล้วพูดเสียงเรียบ “พี่เองก็เป็นของใหม่แค่ครึ่งเดียวเท่านั้นแหละ ถ้าพี่สะใภ้รองคนใหม่รังเกียจจริง ๆ หล่อนคงไม่เอาพี่ตั้งแต่แรก”

เฉินเจียซิ่งฟังแล้วหงุดหงิดจนอยากเตะเขา

“ไอ้น้องเวร หัดพูดอะไรให้มันเข้าหูหน่อยได้ไหม?”

เฉินเจียวั่งเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ผมพูดผิดตรงไหน? อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่งเกินไป ระวังเถอะเสิ่นเสี่ยวเหมยจะตามมาอาละวาดใส่พี่อีกรอบ”

ผู้เฒ่าเฉินและคุณย่าเฉินเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของเฉินเจียวั่ง

ความสุขอันสูงสุดอาจนำมาซึ่งความทุกข์

การแสดงออกของเฉินเจียซิ่งเปลี่ยนไปเมื่อเขาพูดถึงเสิ่นเสี่ยวเหมย รีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “เจ้าสาม นายพูดถูก เราควรเปิดเผยเรื่องนี้ให้น้อยที่สุด วันแต่งงานของฉันต้องเก็บเป็นความลับอย่างเคร่งครัด ไม่ควรปล่อยให้รั่วไหล ถ้าเสิ่นเสี่ยวเหมยบุกมาสร้างปัญหา ฉันได้จบเห่กันแน่”

“ไม่มีใครรู้หรอกถ้าพี่ไม่เผลอประกาศเอง”

คนที่ปากพล่อยที่สุดในครอบครัวไม่ใช่พี่ชายคนรองของเขาเองหรอกเหรอ

เพื่อเก็บเป็นความลับ เฉินเจียซิ่งวางแผนที่จะเชิญญาติและเพื่อนให้น้อยลง อย่างไรก็ตาม ญาติและเพื่อนหลายคนยังไม่รู้ว่าเขาหย่ากับภรรยาเก่าแล้ว เขาจึงคิดว่าจะแต่งงานอย่างลับ ๆ วันข้างหน้าต่อให้ใครมารู้ทีหลังว่าเขาเปลี่ยนไปแต่งกับภรรยาใหม่แล้วก็ตาม เขาค่อยชดเชยให้ทุกคนหลังงานแต่งผ่านไปแล้ว

เดิมทีผู้เฒ่าเฉินและคนอื่น ๆ กังวลว่าเฉินเจียซิ่งจะทำทุกอย่างให้เอิกเกริกและเชิญญาติมากันให้พรึ่บ สิ่งที่เขาพูดคือสิ่งที่ทุกคนต้องการอย่างแท้จริง

พูดตามตรง ทุกคนรู้สึกอับอายพออยู่แล้วที่เด็กเหลือขอคนนี้แต่งงานสองครั้งภายในหนึ่งปี

คุณย่าเฉินบอกว่า “เจียซิ่ง ไม่ต้องเชิญคนอื่นหรอก เชิญแค่ตายายของเธอมาร่วมยินดีด้วยก็พอแล้ว บังเอิญว่าพี่ใหญ่ของเธอก็กำลังจะจัดงานแต่งด้วยเหมือนกัน งั้นก็ให้พวกเขาอยู่ต่ออีกสักระยะเถอะ”

พูดแล้วคุณย่าเฉินก็เกิดความรู้สึกผิดต่อพ่อแม่ของโจวลี่หรงมาโดยตลอด

พ่อตาและแม่ยายทั้งสองเคยมาที่ไห่เฉิงแค่สองครั้ง แต่ทุกครั้งที่มาล้วนได้ประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำกลับไป

เฉินเจียซิ่งกังวลขึ้นมาอีก “แต่อารองกับอาสะใภ้รองยังอยู่ที่นี่ เราควรให้ตากับยายมาร่วมงานด้วยเหรอครับ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอาสะใภ้รองทำตัวน่ารำคาญ แสดงความรังเกียจที่พวกเขามาจากบ้านนอกอีก?”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เจียซิ่ง นายมีประสบการณ์แล้ว คิดแต่งงานใหม่กับใครควรคิดให้รอบคอบนะ

ว้าย โดนเบรกหัวทิ่มเลยไหมคะอาสะใภ้รอง อย่าเอานิสัยในบ้านเกิดมาใช้ที่นี่ค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท