ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 539 เปลี่ยนภรรยาไวยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้า

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 539 เปลี่ยนภรรยาไวยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้า

ตอนที่ 539 เปลี่ยนภรรยาไวยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้า

“อารองกับอาสะใภ้รองของเธอจะกลับบ้านในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว เราจะเตือนพวกเขาเอง”

“ครับ งั้นผมขอไปโทรหาคุณน้าหน่อย”

เฉินเจียซิ่งกระตือรือร้นมาก พูดจบยังไม่ทันไรเขาก็กดโทรศัพท์โทรออกทันที

“เจียซิ่ง ว่ายังไงนะ? คนที่จะแต่งงานคือพี่ชายของเธอไม่ใช่เหรอ?” โจวเจี้ยนกั๋วที่อยู่ปลายสายคิดว่าสัญญาณอาจไม่ดีจนเขาน่าจะได้ยินผิดไป

เฉินเจียซิ่งพูดเสียงดังกว่าเดิม “น้าครับ ผมแต่งก่อน พี่ชายแต่งทีหลัง พอดีผมมีแฟนใหม่แล้ว”

“อ๋า… เจอผู้หญิงคนใหม่แล้วสินะ?”

โจวเจี้ยนกั๋วไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเฉินเจียซิ่งจะแต่งงานถึงสองครั้งภายในหนึ่งปี

ถ้าเป็นชายหนุ่มในหมู่บ้านคงหาภรรยาใหม่ได้ยากแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าชาวเมืองได้เปรียบกว่า

เฉินเจียซิ่งตอบกลับ

“ใช่ครับ ผู้หญิงที่ผมคบในครั้งนี้เป็นคนเรียบง่ายและซื่อสัตย์มาก เราจะแต่งงานกันวันที่แปดเดือนหน้า คุณน้า คุณตา คุณยาย และคุณน้าสะใภ้ต้องมาร่วมงานของผมให้ได้นะ”

“ได้ ไว้ฉันจะบอกตายายของเธอให้”

เฉินเจียซิ่งกลัวว่าน้าของเขาจะตอบรับคำเชิญไปส่งๆ เขาจึงเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“พวกคุณต้องมาให้ได้นะ อย่าลำเอียงกับหลานเด็ดขาด”

หลังจากวางสายแล้ว โจวเจี้ยนกั๋วก็สติหลุดไป เจ้าเด็กเจียซิ่งคนนี้เพิ่งจะหย่าได้ไม่นานนี้เอง ไม่ทันไรก็หาคนใหม่ได้แล้วเหรอ?

เขาเปลี่ยนภรรยาไวยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียอีก

วันนี้วังซูเฟินและเฉินเจิ้นกั๋วไปเยี่ยมบ้านลุงผู้ชราของหล่อน

หลังจากที่ย้ายไปอยู่หนานเฉิง หลอนก็ไม่ได้ติดต่อกับลุงคนนี้อีกเลยเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นเมื่อได้กลับมาครั้งนี้จึงอยากแวะไปเยี่ยมเขาเสียหน่อย

ช่วงบ่าย เฉินเจิ้นกั๋วและวังซูเฟินก็กลับมา

เฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรงกลับถึงบ้านหลังจากเลิกงานเช่นกัน ทันทีที่วังซูเฟินเดินผ่านเข้าประตูมา สีหน้าของหล่อนก็เหมือนกุมความลับอะไรบางอย่างไว้ และเอาแต่มองตรงไปที่เฉินเจียซิ่ง

เมื่อเฉินเจียซิ่งสบตากับวังซูเฟิน เขาก็ตัวสั่นไปทั้งตัวเพราะความหวาดกลัว

อาสะใภ้รองมีการแสดงออกแบบนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน

วังซูเฟินถามอย่างมีความหมายว่า

“เจียซิ่ง บ้านของแฟนเธออยู่ในตรอกหงซิงหรือเปล่า?”

เฉินเจียซิ่งตอบว่า “ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่า?”

“จะมีอะไรได้ล่ะ? ตอนนี้แฟนเธอน่ะกลายเป็นคนดังประจำซอยไปแล้วนะ แม่ของหล่อนเอาเรื่องนี้โอ้อวดไปทั่ว บอกว่าลูกสาวตัวเองกำลังจะแต่งงานกับลูกชายของบ้านพักเจ้าหน้าที่ทหาร นับจากนี้หากทุกคนในซอยมีอะไรก็ไปขอความช่วยเหลือได้ เพราะลูกเขยจะจัดการให้ทุกอย่าง”

วังซูเฟินดูภาคภูมิใจราวกับรู้เรื่องทุกอย่างดี “นั่นคือคนที่เธอคุยนักคุยหนาว่าดีเหรอ? ฉันว่าหล่อนไม่ได้สนใจในตัวเธอหรอก แต่สนใจภูมิหลังของครอบครัวเรา สนใจบารมีของปู่และพ่อแม่เธอมากกว่า พอฉันพูดมากไปเธอก็มาทำท่าทางไม่พอใจ แล้วหาเรื่องทะเลาะกับฉันอีก ถามหน่อยว่าสิ่งที่ฉันพูดมันผิดตรงไหน?”

วังซูเฟินเสนอแนวคิดให้เขาทันที “ฉันว่าเธอสองคนควรถอยห่างกันโดยเร็วที่สุดจะดีกว่า ถ้าผู้หญิงคนนี้กลายมาเป็นญาติร่วมบ้าน หล่อนต้องมารบกวนบ้านเราทุก ๆ สองวันให้ช่วยเป็นธุระต่าง ๆ นานาแน่ ไปหาคนอื่นที่ดีกว่าหล่อนเถอะ ถึงยังไงเจียวั่งก็มีแฟนแล้ว ไว้ฉันจะแนะนำให้เธอรู้จักกับลูกสาวของญาติห่าง ๆ ของฉันทีหลัง”

เฉินเจียซิ่ง “…”

เขากัดฟันตอบ “ขอบคุณนะครับ!”

หลังจากได้ยินสิ่งที่วังซูเฟินพูด ผู้เฒ่าเฉินก็มองเฉินเจียซิ่งด้วยสีหน้าจริงจัง

พวกเขาไม่สนใจสภาพครอบครัวของผู้หญิงคนนั้น แต่ถ้าพ่อแม่ของหยางหงเสียเอาเรื่องการแต่งงานไปโพนทะนากับผู้คนในตรอกอย่างเกินจริงแบบนี้ เห็นทีพวกเขาในฐานะผู้ใหญ่อาจต้องเข้ามาแทรกแซงจริง ๆ

เฉินเจียซิ่งอธิบาย

“หงเสียไม่ใช่คนแบบนั้น แม่ของหล่อนแค่เต็มตื้นยินดีเกินไปหน่อย เลยจงใจพูดแบบนั้นต่อหน้าเพื่อนบ้านทั้งหลาย เพื่อไม่ให้พวกเขามาสร้างปัญหากับเรา”

“นั่นก็พูดยากนะ ความจริงก็คืออาสะใภ้ของเธอไปได้ยินมากับหูว่าแม่ของหงเสียอวดลูกสาวตัวเองแบบนั้น”

ผู้เฒ่าเฉินบอกว่า “เจียซิ่ง เธอต้องอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเขาฟังอย่างชัดเจน ต่อให้กลายเป็นญาติกันแล้วก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่ทางเราจะให้สัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์ใด ๆ แก่พวกเขา ไม่ต้องพูดถึงการเป็นธุระจัดการให้กับเพื่อนบ้าน แม้แต่สมาชิกในครอบครัวของเธอเองก็เถอะ ถ้าพวกเขายินดีแต่งงานกับเราเพราะเหตุผลนี้ เราคงต้องขัดขวางไม่ให้การแต่งงานนี้เกิดขึ้น”

“หงเสียเป็นผู้หญิงที่มีความรับผิดชอบสูง หล่อนสามารถจัดการทุกอย่างได้แน่ครับ ไม่ต้องกังวล ผมจะเตือนหล่อนเอง”

สิ่งที่ผู้เฒ่าเฉินกลัวที่สุดคือการที่ญาติ ๆ ของหล่อนพยายามเข้าหาพวกเขาเพื่อของานทำ ขอให้ฝากฝังเข้าทำงานในองค์กรต่าง ๆ จนก่อปัญหาให้กับระบบทรัพยากรบุคคล นั่นถือเป็นการแทรกแซงที่ผิดกฎเกณฑ์ไม่ใช่หรือ?

ผู้เฒ่าเฉินพูดกับเฉินเจิ้นเจียงว่า

“พวกเธอควรตรวจสอบเรื่องนี้ให้เขาด้วย อย่าปล่อยให้เขาจัดการเอง ถ้าจนแล้วจนรอดยังหาทางออกไม่ได้ก็ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปเสีย ค่อย ๆ หาคู่ครองใหม่อย่างช้า ๆ การแต่งงานถือเป็นเรื่องใหญ่ เจียซิ่งยังเด็กและมีอนาคตไกล ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนแต่งงานแบบสายฟ้าแลบ เห็นไหมว่าเจียเหอน่ะเข้าใจเลือกคนมาก แต่คนที่เธอเลือกกลับแตกต่างกันคนละขั้ว”

เฉินเจียซิ่งแสดงความไม่เห็นด้วย “คุณปู่ แต่พี่ใหญ่ก็แต่งงานแบบสายฟ้าแลบเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”

เฉินเจียวั่งแย้งอย่างเงียบ ๆ จากด้านข้าง “ไม่ พี่ใหญ่แอบชอบพี่สะใภ้มานานแล้ว เขาแค่ออกตัวเคลื่อนไหวหลังจากที่สังเกตความเป็นไปของหล่อนอย่างระมัดระวังต่างหาก”

เฉินเจียซิ่ง “!!!”

ระหว่างรับประทานอาหาร ผู้เฒ่าเฉินคิดอย่างรอบคอบ จากนั้นก็พูดกับเฉินเจิ้นเจียงว่า “ฉันมีความคิดว่า เราควรปล่อยให้เจียซิ่งและภรรยาของเขาย้ายไปอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ข้างนอกกันเองดีไหม หลังแต่งงานแล้วย้ายออกไป ไม่ต้องเทียวเข้าเทียวออกในชุมชนบ้านพักทหาร จะได้ไม่กลายเป็นขี้ปากคน”

คงมีเพียงการย้ายออกไปใช้ชีวิตของตัวเองเท่านั้น ถึงจะทำให้เขาเติบโตขึ้นอย่างเป็นอิสระและมีความรับผิดชอบอย่างแท้จริง

แม้ว่าในอนาคตครอบครัวของหยางหงเสียจะมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ก็ตาม แต่พวกเขาคงไม่กล้าเรียกร้องอะไรโดยตรง ตราบใดที่ทั้งสองไม่ได้อยู่ในบ้านของครอบครัวฝ่ายชาย

หยางหงเสียเป็นเด็กดีและมีคุณธรรมจริง ๆ ถึงอย่างไรทั้งสองก็คบหากันมาถึงจุดที่พูดคุยเรื่องการแต่งงานแล้ว ถ้าให้เลิกกันกลางคันอาจจะโหดร้ายเกินไป

เฉินเจียซิ่งพึมพำเมื่อได้ยินปู่ของเขาพูดแบบนั้น “ถ้าเราย้ายออกไป ด้วยเงินเดือนเพียงน้อยนิดจะพอยังชีพได้ยังไงกันครับ? แค่อยู่ให้รอดในแต่ละเดือนยังไม่ได้เลย”

ถ้ายังอยู่ที่บ้าน อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อกับข้าวกับปลา ของใช้ในชีวิตประจำวันก็มีอยู่ในบ้านอย่างครบครัน พวกเขาแค่ดูแลตัวเองก็พอแล้ว

ขืนออกไปอยู่กันตามลำพัง ก็เท่ากับต้องตั้งตัวใหม่ทั้งหมดเลยน่ะสิ

เฉินเจิ้นเจียงถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก

“ตั้งแต่แกเริ่มทำงาน เราไม่เคยขอให้แกส่งเงินเดือนให้ครอบครัวเลยด้วยซ้ำ แล้วคนอย่างแกก็ไม่เคยซื้อหรือบริจาคสิ่งของจำเป็นใด ๆ ให้กับครอบครัวของเราเลย มีเหตุผลอะไรถึงหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้?”

เฉินเจียซิ่งแตะจมูกตัวเองอย่างกระอักกระอ่วน ไม่กล้าโต้เถียงอะไรสักคำ

เขาใช้เงินแบบเดือนชนเดือนทุกเดือนเลยก็ว่าได้

สมัยที่เขายังอยู่กับเสิ่นเสี่ยวเหมย แม่ยังต้องช่วยสนับสนุนเขาเรื่องค่าครองชีพด้วยซ้ำ

เฉินเจิ้นเจียงตัดสินใจโดยตรง “ปู่ของแกพูดถูก ย้ายออกไปอยู่กันเองน่าจะดีกว่า”

น้ำเสียงของเขาฟังเหมือนกำลังพยายามกำจัดอุปสรรคบางอย่าง จนเฉินเจียซิ่งรู้สึกเจ็บปวดอยู่ลึก ๆ

“พวกคุณจะทิ้งผมกันดื้อ ๆ แบบนี้เหรอ?” เฉินเจียซิ่งมองไปที่โจวลี่หรงราวกับจะร้องขอความช่วยเหลือ

โจวลี่หรงไม่แสดงท่าทางลังเลที่จะปล่อยให้เขาจากไป “เจียซิ่ง ลูกอายุยี่สิบหกแล้ว ไม่ใช่สิบหก”

โจวลี่หรงเห็นด้วยอย่างมากกับข้อเสนอของชายชรา

ในเมื่อมีที่พักอาศัยอยู่ด้านนอก เขาก็ควรย้ายออกไปหลังจากแต่งงาน อย่างน้อยก็เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้

เพราะตัวหล่อนเองมีบุคลิกที่ไม่น่าคบหาสมาคมเท่าไร แถมยังบกพร่องในหน้าที่แม่สามี เพราะไม่รู้ว่าจะเข้าหาลูกสะใภ้อย่างไร

เฉินเจียซิ่งทำได้แค่หุบปากและก้มหน้าก้มตากินเท่านั้น

แม้ว่าวังซูเฟินจะเป็นคนปากร้าย ไร้สาระ และชอบเปรียบเทียบ แต่หล่อนก็ไม่กล้าทำตัวอวดดีเมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินเจิ้นเจียงผู้เป็นพี่ชายของสามี

ตอนนี้หล่อนเปลี่ยนเป้าหมายมองไปที่เฉินเจียวั่งด้วยรอยยิ้ม สีหน้าฉายความกังวลบนขณะถามว่า “เจียวั่ง แฟนเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะ ช่วยพาหล่อนมาทำความรู้จักกับพวกเราหน่อยได้ไหม?”

เฉินเจียวั่งก้มหน้าลงกินต่อไป เอาแต่นิ่งเงียบ

คุณย่าเฉินก็กังวลมากเช่นกัน อยากรู้จักแฟนสาวของหลานชายคนที่สามเต็มทน พูดยิ้ม ๆ ว่า “รอให้อวี่เฟยกลับมาจากเชินเฉิง หลานช่วยพาหล่อนมากินอาหารเย็นด้วยกันที่บ้านหน่อยสิ?”

เฉินเจียวั่งก้มหน้าลงกวาดข้าวในชามจนหมด ตอบอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไว้หล่อนกลับมาแล้วค่อยคุยครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าลืมนะ อวี่เฟยกลับมาเมื่อไหร่ให้ชวนหล่อนมาที่บ้านเราทันที”

เฉินเจียวั่งตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมาก วันรุ่งขึ้น เขาจึงออกไปหาหลินเซี่ยหมายจะคาดโทษด้วยความโกรธ

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

นับว่าอาสะใภ้รองทำดีอย่างในเรื่องที่สอด เอ้ย สืบครอบครัวของหยางหงเสีย แต่มันก็เป็นความหวังดีประสงค์ร้ายอยู่ดีอะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท