ตอนที่ 1456 จิตวิญญาณของนักสู้
สำหรับทหารเรืออย่างพวกเขาแล้วยิ่งจำนวนทหารมากเท่าใดชัยชนะก็จะยิ่งมากเท่านั้น จักรพรรดินีของพวกเขาใจกว้าง หากพวกเขายังคัดค้านต่อไปก็เท่ากับขัดราชโองการของจักรพรรดิ
“เหตุใดฝ่าบาทจึงเลือกเกาะยาวพ่ะย่ะค่ะ”
มือขวาของเจียงไหวเซิงชี้ไปยังเกาะยาวซึ่งอยู่ในแผนที่พลางเอ่ยถามไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางเว่ยจง เว่ยจงหันพยักหน้า จากนั้นออกไปบอกให้องครักษ์พาคนเดินเข้ามา
องครักษ์พาชาวประมงร่างกำยำที่โดดแดดเผาจนผิวคล้ำห้าถึงหกคนเดินเข้ามาในกระโจม เมื่อชาวประมงเหล่านั้นเห็นแม่ทัพเรือก็รู้สึกประหม่า ทว่า อาจเป็นเพราะพวกเขาเคยตกใจกับฐานะที่แท้จริงของไป๋ชิงเหยียนมาแล้วครั้งหนึ่ง แม้พวกเขาจะรู้สึกประหม่าที่ได้พบหน้าแม่ทัพเรือเหล่านี้ ทว่า ไม่ได้ทำตัวไม่ถูกเหมือนตอนรู้ฐานะแท้จริงของไป๋ชิงเหยียนอีก พวกเขาแค่ปฏิบัติตัวอย่างสำรวมกว่าเดิมเท่านั้น
ชาวประมงเหล่านี้รู้ดีว่าฝ่าบาทของพวกเขาพาพวกเขามาที่นี่เพราะอยากให้พวกเขาช่วยเหลือทหารเรือทำลายล้างแคว้นตงอี๋ ในกลุ่มชาวประมงเหล่านี้มีคนได้รับการช่วยชีวิตจากหานเฉิงอ๋องเช่นเดียวกันดังนั้นพวกเขาจึงดีใจมากที่ได้มีส่วนช่วยในการทำลายล้างแคว้นตงอี๋ในครั้งนี้ ทุกคนมาที่นี่ด้วยจิตวิญญาณของนักสู้
“เราเชิญชาวประมงเหล่านี้มาจากหมู่บ้านชาวประมง ได้ยินพวกเขาบอกว่าบริเวณฝั่งขวาของเกาะยาวมีโขดหินใหญ่ซ่อนอยู่กลางมหาสมุทร คนที่ไม่คุ้นเคยกับเกาะบริเวณนั้นไม่มีทางมองออก เรือเล็กของชาวประมงสามารถผ่านไปได้ ทว่า เรือใหญ่ไม่มีทางผ่านไปได้แน่นอน ดังนั้นเราคิดว่าหากทหารเรือรู้ภูมิประเทศทางทะเลอย่างละเอียด นั่นจะเป็นข้อได้เปรียบของต้าโจวของพวกเรา”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางแม่ทัพเรือทุกคน
“ชาวประมงเหล่านี้มักชวนกันไปจับปลาบริเวณนั้น พวกเขาบอกว่าบริเวณนั้นอยู่ห่างจากชายฝั่งค่อนข้างมาก ชาวประมงของสองแคว้นกลัวเจอทหารเรือของอีกฝ่ายจึงไม่กล้าไปจับปลาที่นั่น พวกเขายินดีติดตามกองทัพเรือของพวกเราออกทะเลไปด้วย!”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมเต็มใจ หานเฉิงอ๋องและเหล่าทหารเรือเป็นคนช่วยชีวิตกระหม่อมไว้ บัดนี้ฝ่าบาทจะนำทัพไปทำลายล้างตงอี๋ กระหม่อมยินดีช่วยเหลืออีกแรงพ่ะย่ะค่ะ!”
“กระหม่อมก็ยินดีพ่ะย่ะค่ะ!”
“กระหม่อมก็ยินดีพ่ะย่ะค่ะ!”
“กระหม่อมจับปลาที่เกาะยาวมาเป็นสิบปีแล้ว ผู้อื่นกลัวอันตรายจึงไม่ไปจับปลาที่นั่น ทว่า ชาวบ้านยากจนอย่างพวกเขาต้องลองเสี่ยงดู ไปๆ มาๆ พวกเราจึงคุ้นเคยกับที่นั่นเป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ!”
ชาวประมงต่างแสดงเจตนารมณ์ที่แรงกล้าของตัวเองว่ายินดีติดตามกองทัพเรือไปด้วย
ไป๋ชิงเจวี๋ยยืนนิ่งอยู่ด้านหลังไป๋ชิงเหยียนตลอดเวลา เขารู้ดีว่าเหตุใดพี่หญิงใหญ่จึงกล้ากำหนดเวลาที่กองทัพจะบุกขึ้นชายฝั่งตงอี๋และยึดเมืองกวาตู้อย่างชัดเจนเช่นนี้ หากคำนวณจากเวลาที่เฉินชิ่งเซิงรับประกันไว้ ตอนนี้เซียวรั่วไห่ เซียวรั่วเจียงและเฉินชิ่งเซิงคงใกล้ถึงเมืองกวาตู้แล้ว
พวกเขาจะใช้ทั้งศึกนอกและศึกในทำลายล้างแคว้นตงอี๋ให้ดับสูญโดยเร็วที่สุด
ครั้งนี้พี่หญิงใหญ่ไม่ได้ต้องการซื้อใจคนตงอี๋ ทว่า เลือกวิธีทำลายล้างกองทัพเรือของศัตรูให้สิ้นซากและบุกตรงไปยังเมืองหลวงของตงอี๋แทน
ไป๋ชิงเจวี๋ยคิดว่าพี่หญิงใหญ่ไม่ได้ต้องการยึดแคว้นตงอี๋มาเป็นส่วนหนึ่งของต้าโจว ทว่า พี่หญิงใหญ่คงอยากสนับสนุนจักรพรรดิหุ่นเชิดให้ขึ้นปกครองแคว้นตงอี๋แทนมากกว่า
ไป๋ชิงเจวี๋ยเพิ่งพบกับไป๋ชิงเหยียนซึ่งกลับมาจากหมู่บ้านชาวประมงที่หน้าค่ายทหารเรือ เขายังไม่ได้รายงานสถานการณ์ในเมืองจินกว่างให้พี่หญิงใหญ่ฟังอย่างละเอียดจึงได้แต่เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจก่อน
“ในเมื่อฝ่าบาททรงมีแผนการแล้วกระหม่อมจะทำตามพระบัญชาของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ! ครั้งนี้พวกเราจะทำลายล้างกองทัพเรือของตงอี๋ให้สิ้นซากพ่ะย่ะค่ะ!”
หลิวซูเฉิงกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียน
“แม่ทัพหลิวช่วยพาชาวประมงเหล่านี้ออกไปสำรวจเส้นทางอย่างละเอียดล่วงหน้าด้วย”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหลิวซูเฉิง
“เมื่อแม่ทัพหลิวออกทะเล มีแม่ทัพคนใดสามารถนำทัพแทนได้หรือไม่”
“ฝ่าบาท…ผู้นี้คือแม่ทัพเจียงไหวเซิงพ่ะย่ะค่ะ”
หลิวซูเฉิงรีบแนะนำเจียงไหวซู
“ฝ่าบาทอาจยังไม่ทราบ แม่ทัพเจียงไหวเซิงเคยเป็นมันสมองของกองทัพเรือมาก่อน เมื่อหานเฉิงอ๋องมาถึงที่นี่ยังตรัสถามถึงแม่ทัพเจียงไหวเซิงอยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ เขารู้สึกเสียดายมากเมื่อรู้ว่าแม่ทัพเจียงไหวเซิงลาออกจากกองทัพไปแล้ว ในบรรดาแม่ทัพเรือที่เหลืออยู่ในตอนนี้ มีเพียงแม่ทัพไหวเซิงเท่านั้นที่เหมาะกับตำแหน่งนี้พ่ะย่ะค่ะ แม่ทัพเจียงไหวเซิงกลับมาเพราะรู้ว่าฝ่าบาททรงประกาศเรียกตัวทหารเรือเก่ากลับมาพ่ะย่ะค่ะ เขาอยากทำสงครามทำลายล้างแคว้นตงอี๋ร่วมกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
เจียงไหวเซิงรีบกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียนโดยไม่กลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะเห็นมือซ้ายที่หายไปของเขา
“ข้าเคยได้ยินนามของแม่ทัพเจียงไหวเซิงมาก่อน!”
ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะให้เจียงไหวเซิงเล็กน้อย หญิงสาวไม่สงสัยความสามารถของเจียงไหวเซิงเพียงเพราะมือของเขาพิการไปหนึ่งข้างแม้แต่น้อย นางกล่าวขึ้น
“เช่นนั้นแม่ทัพเจียงไหวเซิงจะเป็นคนนำทัพทหารเรือออกรบในวันที่ห้า เดือนสิบ แม่ทัพหลิวและแม่ทัพเจียงจะเป็นคนร่วมกันนำทัพทหารเรือในครั้งนี้!”
“ฝ่าบาทไม่คิดว่ากระหม่อมไม่คู่ควรกับหน้าที่นี้เพราะมือข้างซ้ายของกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ…”
เจียงไหวเซิงคาดไม่ถึงที่ไป๋ชิงเหยียนยังให้เขาเป็นคนนำทัพทั้งๆ ที่เห็นว่ามือข้างซ้ายของเขาพิการเช่นนี้
“แม่ทัพใช้ตรงนี้ในการนำทัพ…”
ไป๋ชิงเหยียนชี้ไปที่ศีรษะ
“ที่สำคัญเมื่อครู่เราได้ยินแผนการรบของแม่ทัพเจียงแล้ว เราเชื่อมั่นในความาสามารถของแม่ทัพเจียง เราไม่เคยสงสัยคนที่เราใช้งาน หานเฉิงอ๋องเชื่อใจแม่ทัพเจียง เราก็จะเชื่อใจแม่ทัพเจียง แม่ทัพเจียงอย่าได้ดูถูกตัวเองเช่นนี้!”
เจียงไหวเซิงขยับริมฝีปากราวกับต้องการกล่าวสิ่งใดออกมา ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่ปล่อยให้เขามีโอกาส นางวางมือทั้งสองข้างลงบนขอบกระบะทราย
“ในเมื่อกำหนดเวลาเคลื่อนทัพเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองได้ ทหารเรือดูแลสงครามทางทะเลทั้งหมด กองทัพต้าโจวจะคอยคุ้มกันชายฝั่งทะเล ส่วนแคว้นตงอี๋…ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกองทัพไป๋! รีบจบสงครามให้ได้โดยเร็วที่สุด!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
แม่ทัพทุกคนที่อยู่ในกระโจมรับคำอย่างพร้อมเพียงด้วยเลือดกายที่พลุ่งพล่าน
แม่ทัพเรือ กองทัพไป๋และกองทัพต้าโจวรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนต้องกลับไปจัดการเรื่องที่เหลือต่อที่เมืองจินกว่านจึงเดินออกไปส่งไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อมที่หน้าค่ายทหารเรือ
“พี่สาวไป๋! ฝ่าบาท!”
ในที่สุดหลู่หยวนเผิงตะโกนเรียกไป๋ชิงเหยียนไว้ได้ก่อนที่ไป๋ชิงเหยียนจะไปจากค่ายทหารเรือ ซือหม่าผิงที่อุดปากหลู่หยวนเผิงไว้ไม่ทันถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ
ไป๋ชิงเหยียนหันกลับไปมองหลู่หยวนเผิงที่ดูสูงกว่าเดิมเล็กน้อย
ไป๋จิ่นจื้อยืนกำแส้ม้าพลางมองไปทางหลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงนิ่ง
หลู่หยวนเผิงเดินเบียดแม่ทัพคนอื่นๆ ออกมาหยุดอยู่หน้าไป๋ชิงเหยียน จากนั้นทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“ฝ่าบาท กระหม่อม…กระหม่อมมีเรื่องอยากสนทนากับฝ่าบาทเป็นการส่วนพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
หลู่หยวนเผิงรู้ดีว่าเรื่องที่เขาอยากยกทัพไปช่วยเหลือพี่สาวของตัวเองเป็นเรื่องส่วนตัว เขาไม่กล้าขอร้องให้ไป๋ชิงเหยียนอนุญาตให้เขาออกเรือไปช่วยพี่สาวที่ตงอี๋ต่อหน้าแม่ทัพคนอื่นๆ จึงอยากกล่าวเป็นการส่วนตัว
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นหันไปทางเฉิงหย่วนจื้อและไช่จื่อหยวน
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ให้หลู่หยวนเผิง ซือหม่าผิงและไช่เซียนเซิงเข้าเมืองไปพร้อมกับข้า ข้ามีเรื่องอยากพูดกับไช่เซียนเซิงอยู่พอดี”
ไช่จื่อหยวนรีบรับคำ
“พ่ะย่ะค่ะ!”
หลู่หยวนเผิงกำหมัดรับคำ
เมื่อเห็นร่างผอมเพรียวของไป๋ชิงเหยียนก้าวขึ้นหลังม้าอย่างคล่องแคล่วหลู่หยวนเผิงจึงรีบวิ่งไปทางม้าของตัวเอง จากนั้นขี่ม้าตามหลังองครักษ์ไป๋เข้าไปในเมืองจินกว่านทันที