ตอนที่ 501 ห้ามทัพ(2)
ตอนที่ 501 ห้ามทัพ(2)
หลังจากฉินมู่หลานกลับถึงบ้าน ซูหว่านอี๋ก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ทำไมวันนี้ถึงไปหาสือเหิงล่ะ ครั้งหน้าเราไปด้วยกันเถอะ นี่ก็ไม่ได้เจอปิงชิงมานานแล้ว”
“ได้ค่ะ”
ฉินมู่หลานตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม ตอนแรกเธออยากจะไปหาเด็ก ๆ แต่ไม่คิดว่าซูหว่านอี๋จะเรียกเธอเอาไว้ก่อน
“มู่หลาน แม่ขอถามอะไรลูกหน่อยสิ”
“เรื่องอะไรคะแม่”
ซูหว่านอี๋เดินเข้าไปใกล้ฉินมู่หลาน ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “น้องชายลูกกำลังมีแฟนหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ตกใจ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “แม่ ทำไมแม่ถึงคิดอย่างนั้นเหรอคะ หรือว่าเคอวั่งบอกแม่?”
ซูหว่านอี๋ส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ไม่ใช่หรอก น้องชายลูกไม่ได้บอกอะไรแม่หรอก แม่แค่เห็นน้องชายลูกอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ก็เลยคิดว่าเป็นแฟนของเขา”
“เรื่องนี้…หนูไม่รู้ค่ะ”
ถึงฉินเคอวั่งจะเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาอาจจะคิดเปลี่ยนใจแล้ว ซึ่งนั่นคงเร็วไปหน่อย
ซูหว่านอี๋เห็นลูกสาวไม่ทราบก็อดถอนหายใจไม่ได้ก่อนจะเอ่ย “แม่คิดว่าลูกจะรู้ซะอีก”
แต่หล่อนรู้สึกว่าให้ลูกสาวไปถามอาจจะดีกว่า จึงดึงฉินมู่หลานไปพูดด้วยอีกครั้งแล้วบอกกว่า “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นแม่ฝากลูกลองไปถามน้องชายของลูกหน่อยนะว่ามีแฟนหรือยัง”
“ค่ะ”
ฉินมู่หลานก็อยากรู้อยากเห็นนิดหน่อย หลังจากเล่นกับเด็กทั้งสองสักพักก็ไปหาฉินเคอวั่ง
“เคอวั่ง นายมีแฟนแล้วเหรอ”
ฉินเคอวั่งกำลังดื่มน้ำอยู่ พอได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน เขาก็พ่นน้ำออกมาจากปากทันที “แค่กแค่ก….พี่ พี่พูดอะไรเนี่ย ผมไม่มีแฟนสักหน่อย”
“แต่แม่บอกว่าวันนี้เห็นนายเดินกับผู้หญิงคนหนึ่ง ท่านเลยคิดว่านายมีแฟนแล้วไม่ยอมบอกคนที่บ้าน”
“ผมมีที่ไหน…”
พูดถึงเพียงครึ่งเดียว ฉินเคอวั่งก็ไม่พูดต่อ
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “ดูเหมือนว่านายจะมีจริงนะ แล้วทำไมนายถึงยังปฏิเสธอยู่อีกล่ะ”
ฉินเคอวั่งบอกกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “พี่ ที่แม่เห็นคือเกาเชี่ยนเชี่ยน วันนี้ตอนผมเดินกลับบ้าน บังเอิญเจอหล่อนพอดี ดูเหมือนว่าหล่อนจะมาบ้านญาติแถวนี้”
“ที่แท้ก็เกาเชี่ยนเชี่ยนนี่เอง”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ละความสนใจทันที ดูเหมือนว่าน้องชายจะยังไม่มีแฟนจริง ๆ “ถ้าอย่างนั้นนายอ่านหนังสือต่อเถอะ พี่กลับห้องก่อนละ”
แต่ฉินมู่หลานยังไม่ทันกลับ ก็โดนซูหว่านอี๋รั้งเอาไว้ก่อน
“เป็นยังไงบ้างมู่หลาน น้องชายของลูกมีแฟนหรือยัง?”
“แม่คะ แม่เข้าใจผิดแล้ว วันนี้ที่แม่เห็นเคอวั่งอยู่กับนักศึกษาผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่แฟนเขาค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของซูหว่านอี๋ก็เต็มไปด้วยควมผิดหวัง “ที่แท้ก็ไม่ใช่ แม่ก็คิดว่าน้องชายลูกโตพอที่จะมีแฟนได้แล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าแม่เต็มไปด้วยความผิดหวัง ฉินมู่หลานก็อดหัวเราะไม่ได้ก่อนจะเอ่ยขึ้น “แม่คะ เคอวั่งยังเรียนอยู่นะ แม่ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ”
“ก็ได้ ๆ แม่จะไม่กังวล”
ซูหว่านอี๋ไม่ได้พูดอะไรมาก แล้วขอให้มู่หลานรีบไปอยู่กับพวกเด็ก ๆ
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น หลังจากฉินมู่หลานเรียนเสร็จ ก็ยังไปที่บ้านตระกูลเจี่ยงพร้อมกับเซี่ยปิงหรุ่ย
เซี่ยปิงหรุ่ยยังแปลกใจนิดหน่อย “ทำไมเหรอมู่หลาน หรือว่าเมื่อวานเธอกับปิงชิงยังคุยกันไม่เสร็จ จริงสิ แล้วเมื่อวานพวกเธอคุยเรื่องอะไรกัน ทำไมคุยกันนานขนาดนั้น”
“ไม่มีอะไรหรอก ปิงชิงก็แค่ถามบางอย่างกับฉันเรื่องพ่อบุญธรรม”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็ไม่ถามมาก
หลังจากฉินมู่หลานมาถึง เซี่ยปิงชิงก็รีบพาเธอเข้าไปคุยในห้อง ตอนนี้สีหน้าหล่อนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แสดงให้เห็นว่าเธอรู้สึกดีขนาดไหน
“มู่หลาน ฉันกับพ่อบุญธรรมเธอตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ว่าจะไม่แตะต้องสมุนไพรที่มีพิษระหว่างตั้งครรภ์ เขาสัญญากับฉันด้วยว่า ต่อไปจะไม่ตะคอกใส่หน้าฉันอีกแล้ว เมื่อคืนเขาก็ขอโทษฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย แล้วฉันก็ขอโทษเหมือนกัน เขา…”
หลังจากพูดถึงตอนท้าย เซี่ยปิงชิงก็หยุดพูดกะทันหัน เพราะเรื่องต่อจากนี้หากเล่าให้คนอื่นฟังคงไม่ดี
“ถึงยังไงเราก็คืนดีกันเรียบร้อยแล้ว ปรากฎว่าเจี่ยงสือเหิงเพิ่งมาบอกฉันทีหลัง ว่าตัวเองรู้สึกเสียใจมาตลอด เขาบอกว่าเมื่อคืนก่อนเขานอนไม่หลับเลย”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้มแล้วหันมองเซี่ยปิงชิงที่กำลังทำสีหน้าชื่นบาน ก่อนจะเอ่ย พวกเธอคืนดีกันก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ”
“มู่หลาน เธอไม่อยู่กินข้าวเย็นก่อนเหรอ”
“ฉันไม่กินแล้วล่ะ เดี๋ยวค่อยกลับไปกินที่บ้าน”
เจี่ยงสือเหิงยังไม่เลิกงานกลับมา ฉินมู่หลานจึงไม่ได้พบหน้าเขา แต่หลังจากทราบว่าทั้งสองคืนดีกันเรียบร้อยแล้ว เธอก็รู้สึกโล่งใจ
ฉินมู่หลานกลับบ้านด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หลลังจากกลับไปถึงก็พบว่ามีแขกอยู่ มองเพียงครู่เดียวก็ทราบว่าเป็นข่งไฉ่อิง
ข่งไฉ่อิงเห็นฉินมู่หลาน ก็รีบโบกมือให้เธอแล้วเอ่ยขึ้น “มู่หลาน เธอกลับมาก็ดีเลย โฆษณาถูกนำฉายแล้วนะ น้าก็เลยมาที่นี่ พวกเราจะได้ดูด้วยกัน”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้มแล้วพยักหน้าตอบรับ “ดีค่ะ”
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือไม่ค่อยคุ้นเคยกับโฆษณานัก แต่ฉินมู่หลานเคยเห็นมาเยอะ หลังจากที่เห็นโฆษณามีเฉินเหวินเหวินนำแสดง ก็อดแสดงความคิดเห็นไม่ได้
“จริง ๆ แล้วฉากสุดท้ายต้องเปลี่ยนนิดหน่อยค่ะ”
หลังจากนั้นเธอก็แสดงความคิดเห็นของตัวเองลงไป
หลังจากข่งไฉ่อิงได้ฟัง แววตาก็เป็นประกาย แล้วเอ่ยขึ้น “มู่หลาน อย่างที่เธอบอก ต้องมีจุดดึงความสนใจมากกว่านี้นิดหน่อยจริง ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้น โฆษณานี้ก็จะดูมีเรื่องราวมากขึ้น ทำไมเธอถึงรอบรู้ไปเสียทุกอย่างเลยนะเนี่ย”
“ไม่ได้รู้ขนาดนั้นหรอกค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าฉันเคยเขียนบทความมาไม่น้อย พอได้มาเห็น ก็เลยคิดต่อยอดเรื่องราวบางอย่างได้ค่ะ”
“ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่เธอก็ยังน่าทึ่งมาก”
ข่งไฉ่อิงชื่นชมฉินมู่หลานมากจริง ๆ ไม่เพียงแค่ผลิตเครื่องสำอางได้ดีเท่านั้น แต่ยังรอบรู้อีกหลายอย่าง ดูไม่เหมือนคนที่มาจากชนบทเลย
แต่เมื่อพูดเรื่องนี้จบแล้ว ข่งไฉ่อิงก็พูดอีกเรื่องหนึ่งต่อ
“มู่หลาน น้าเจอปัญหาหนึ่งอย่าง เฉินเหวินเหวินกับพวกดาราสาวพวกนั้นเทใจไปทางเครื่องสำอางของมู่เสวี่ยมาก ก็เลยไม่ค่อยสนใจพวกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสักเท่าไหร่ เพราะเครื่องสำอางของเธอสามารถแต่งแต้มใบหน้าให้พวกเธอได้เห็นผลลัพธ์ในทันที แต่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต้องใช้ไปสักระยะถึงจะเห็นผล แล้วพวกดาราสาวพวกนั้นก็มีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตัวประจำของตัวเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นน้าคิดว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของมู่เสวี่ยอาจขายได้ไม่ดีนัก”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มู่หลานเดินสายงานคนกลางไม่หยุดเลยนะเนี่ย ไปเกลี้ยกล่อมบ้านพ่อบุญธรรมแล้วก็มาเรื่องน้องชาย จากนั้นก็มาเรื่องเครื่องสำอางอีก
ไหหม่า(海馬)