สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 190 ซินโย่วเข้าวัง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 190 ซินโย่วเข้าวัง

ณ โถงบุปผา

เฮ่อชิงเซียวนั่งตรงข้ามกับรองเจ้ากรมต้วน ในมือทั้งสองประคองถ้วยชาอยู่ใบหนึ่ง

เสียงบ่าวดังขึ้น “คุณหนูนอกมาแล้ว” รองเจ้ากรมต้วนอดผ่อนลมหายใจไม่ได้

เขาไม่เข้าใจอย่างมาก เฮ่อชิงเซียวดื่มชาไม่เอ่ยอันใดสักคำ ไม่รู้สึกอึดอัดบ้างหรือ

“ท่านลุงหาข้า?” ซินโย่วย่อกายเล็กน้อยให้เฮ่อชิงเซียว “ใต้เท้าเฮ่อ”

“ชิงชิง ใต้เท้าเฮ่อมีงานต้องการพบเจ้า”

เฮ่อชิงเซียวลุกขึ้นยืน “ใต้เท้าต้วน สะดวกให้ข้าคุยกับคุณหนูโค่วตามลำพังได้หรือไม่”

เขาถามอย่างสุภาพ แต่น้ำเสียงมิให้ปฏิเสธ

รองเจ้ากรมต้วนลุกขึ้นยืน “พวกเจ้าคุยกันเถอะ”

เฮ่อชิงเซียวมองซินโย่วทีหนึ่ง ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไปคุยกับคุณหนูโค่วที่ลานด้านหน้าก็ได้”

ลานด้านหน้ากว้างขวาง คุยเรื่องความลับไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะมีคนแอบฟัง

ทั้งสองคนไปยืนใต้ชายคาที่ลานด้านหน้า

นอกชายคาหิมะโปรยปราย ซินโย่วนิ่งมองไปทางเฮ่อชิงเซียว

เฮ่อชิงเซียวเอ่ยขึ้นตรงไปตรงมา “เมื่อครู่ฝ่าบาทเรียกข้าเข้าวัง สั่งให้พาท่านซงหลิงเข้าวัง”

“เมื่อครู่หรือเจ้าคะ”

“ใช่ เมื่อครู่”

ซินโย่วแววตาวูบไหวเล็กน้อย

ดูท่าหลังจากกลับจากเหอหยวน เพราะได้พบกับนาง ทำให้คนผู้นั้นนึกอยากอ่าน ‘บันทึกตะวันตก’

“คุณหนูโค่ว เจ้ารู้ไหมว่าท่านซงหลิงอยู่ที่ใด”

ตั้งแต่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงถามถึงท่านซงหลิงครั้งนั้น ทางกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็คอยสังเกตข่าวคราวท่านซงหลิงทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจมาตลอด แต่จนถึงตอนนี้ร่องรอยท่านซงหลิงยังคงเป็นเรื่องลึกลับ หากไม่มี ‘วาดหนัง’ หรือ ‘บันทึกตะวันตก’ ออกวางขาย ถึงกับอาจทำให้คนสงสัยว่าไม่มีคนผู้นี้อยู่จริง

“ข้าได้พบท่านซงหลิงครั้งสุดท้ายตอนเขานำต้นฉบับ ‘บันทึกตะวันตก’ ที่เหลือมาให้ คล้ายว่าจะไปจากเมืองหลวงชั่วคราว” ซินโย่วเอ่ยถึงคำพูดที่ตระเตรียมไว้ดีแล้ว

“ไปจากเมืองหลวง?” เฮ่อชิงเซียวสีหน้าบอกไม่ถูก

ซินโย่วเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ใต้เท้าเฮ่อทูลไปเช่นนี้ก็พอ”

ในใจเฮ่อชิงเซียวหวั่นใจเล็กน้อย เอ่ยเตือนว่า “หากฝ่าบาทไม่ได้พบท่านซงหลิง อาจเรียกเจ้าเข้าวัง”

ซินโย่วเอ่ยขึ้น “ข้ารู้เจ้าค่ะ”

แววตาเฮ่อชิงเซียวครุ่นคิดลุ่มลึก เริ่มรู้สึกสงสัยสถานะท่านซงหลิงขึ้นมา

นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พยักหน้า “ได้ ข้าจะทูลฝ่าบาทตามนี้”

“ใต้เท้าเฮ่อค่อยๆ เดินเจ้าค่ะ” ซินโย่วจะไปส่งเฮ่อชิงเซียว แต่เขาห้ามไว้

“หิมะยังตกอยู่ คุณหนูโค่วไม่ต้องไปส่ง”

เฮ่อชิงเซียวรีบร้อนจากไป รองเจ้ากรมต้วนก็มาแอบสืบความจากซินโย่ว “ชิงชิง ใต้เท้าเฮ่อถามอันใดเจ้าหรือ”

ซินโย่วสีหน้าเย็นชา “ท่านลุงคิดสืบความเรื่องของฝ่าบาทหรือเจ้าคะ”

รองเจ้ากรมต้วนสีหน้าดำทะมึน “อย่าได้พูดจาเหลวไหล ลุงเป็นห่วงเจ้า”

ซินโย่วเหลือบตาขึ้นมอง “ท่านลุงเป็นห่วงข้าจริง ไม่สู้ให้เงินข้ามากอีกหน่อย อย่างไรสมบัติที่บิดามารดาข้าทิ้งไว้ ยังมีอีกสี่แสนตำลึงอยู่จวนรองเจ้ากรม”

รองเจ้ากรมต้วนได้แต่ก่นด่าไปตามเรื่องตามราว

เจ้าเด็กควรตายนี่เอาแต่เงิน!

พอเห็นซินโย่วเดินจากไปด้วยสีหน้าเย็นชา รองเจ้ากรมต้วนไม่ทันได้โมโห แต่กลับรู้สึกผ่อนคลายลง

กลับถึงเรือนหว่านฉิง ซินโย่วนั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

“เสี่ยวเหลียน หวีผมให้ข้าใหม่”

เสี่ยวเหลียนหยิบหวีมายิ้มถามขึ้นว่า “คุณหนูต้องการหวีผมทรงใดเจ้าคะ”

วันนี้ไปร่วมงานเลี้ยง ซินโย่วหวีผมทรงคล้อยเมฆาแบบมวยผมเอียงไปด้านหนึ่ง

“ปกติคุณหนูโค่วชอบหวีผมแบบใด”

“คุณหนูเราปกติหวีแบบวงคู่สองข้าง” เสี่ยวเหลียนเอ่ยโดยไม่ได้คิดอันใด

“เช่นนั้นก็หวีแบบวงคู่ให้ข้า”

สาวน้อยผมหนานุ่ม ลื่นดังแพรไหม เสี่ยวเหลียนนิ้วมือทั้งสิบเกล้าผมเป็นมวยคล่องแคล่วชำนาญ พร้อมกับหยิบดอกไม้ไข่มุกฝีมือประณีตสองดอกปักลงกลางมวยผม “เสร็จแล้วเจ้าค่ะ”

ซินโย่วลุกขึ้นยิ้มให้นางกล่าวว่า “ลำบากเจ้าแล้ว”

เสี่ยวเหลียนนิ่งอึ้งไปทันที

“เป็นอันใดไปหรือ”

“บ่าว…” เสี่ยวเหลียนระงับความคิดที่ผุดขึ้นมาเมื่อครู่ทันทีด้วยสัญชาตญาณ แต่เพราะความไว้ใจของซินโย่วจึงทำให้นางเอ่ยออกมา “เพียงแต่…นานวันเข้า บ่าวรู้สึกว่าคุณหนูกับคุณหนูของเราคล้ายว่าไม่ค่อยเหมือนกันแล้ว แต่เมื่อครู่กลับรู้สึกว่าเหมือนกันมาก…”

“งั้นหรือ” ซินโย่วหรี่ตามองกระจกทีหนึ่ง

“คุณหนู จะออกไปข้างนอกหรือเจ้าคะ”

เมื่อครู่ไปโถงบุปผา เสี่ยวเหลียนก็ตามไปด้วย เพียงแต่ยืนอยู่ไกลๆ ไม่รู้เฮ่อชิงเซียวคุยอันใดกับซินโย่ว

ซินโย่วมองออกไปนอกหน้าต่าง “บางที”

ในห้องทรงอักษร ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เสด็จไปมารอบแล้วรอบเล่า จนกระทั่งได้ยินขันทีรายงานว่าฉางเล่อโหวมา

“ให้เขาเข้ามา!”

ไม่นานหน้าประตูก็มีเสียงเคลื่อนไหว เห็นว่าเฮ่อชิงเซียวมาคนเดียว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็รีบถามขึ้นว่า“ท่านซงหลิงล่ะ”

“กระหม่อมไปถามที่ร้านหนังสือชิงซง พวกเขาล้วนไม่รู้ที่อยู่ท่านซงหลิง”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่พอพระทัยผลที่ได้รับฟังนี้นัก “แล้วนิยายนี่ได้มาได้อย่างไร ต้นฉบับท่านซงหลิงคงไม่ได้ลอยมาจากอากาศตกลงในร้านหนังสือชิงซงกระมัง”

เฮ่อชิงเซียวลังเลเล็กน้อย เอ่ยตามที่ซินโย่วบอก “ทุกครั้งที่ท่านซงหลิงส่งมอบต้นฉบับ ก็จะพบแค่เจ้าของร้านหนังสือชิงซงเพียงผู้เดียว กระหม่อมเคยไปถามคุณหนูโค่ว นางบอกว่าตอนท่านซงหลิงพบนาง ก็จะปิดบังใบหน้า ไม่รู้หน้าตาเป็นเช่นไร…”

“เหลวไหล! บัณฑิตนักเขียนคนหนึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วเมืองหลวง ถึงกับไม่มีคนรู้ว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็สืบไม่พบ!” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงกริ้วไม่น้อย กวาดพระเนตรมองไปที่ ‘บันทึกตะวันตก’ ที่ถูกกำจนแทบขาด ไฟโทสะคุกรุ่นราวกับถูกสาดด้วยกะละมังน้ำแข็งจนสงบพระทัยลงได้

หากท่านซงหลิงรู้จักกับซินซิน คนผู้นี้คิดปิดบังตนเองก็ย่อมเป็นที่เรื่องเข้าใจได้

“ระยะนี้คุณหนูโค่วได้พบท่านซงหลิงเมื่อใด ท่านซงหลิงบอกหรือไม่ว่าครั้งหน้าจะมาพบ…” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้โบกพระหัตถ์ “เอาละ เจ้าไปพาคุณหนูโค่วเข้าวัง เราถามนางเอง”

“พ่ะย่ะค่ะ”

เฮ่อชิงเซียวมาเยือนจวนรองเจ้ากรมอีกครั้ง รองเจ้ากรมต้วนไม่รู้สึกเหนือความคาดหมาย แต่ก็ยังตื่นเต้นตกใจ

หลานสาวเขาคงไม่ได้ก่อเรื่องอันใดกระมัง

ไม่นานซินโย่วก็ได้รับรายงาน

“รบกวนคุณหนูโค่ว ตามข้าไปสักครั้ง”

“ได้” ซินโย่วเดินไปข้างกายเฮ่อชิงเซียว

รองเจ้ากรมต้วนอดถามขึ้นไม่ได้ว่า “ใต้เท้าเฮ่อ จะพาชิงชิงไปที่ใดหรือ”

เฮ่อชิงเซียวมองรองเจ้ากรมต้วนนิ่งทีหนึ่ง เอ่ยน้ำเสียงเตือน “ใต้เท้าต้วนไม่รู้จะดีกว่า”

รองเจ้ากรมต้วนสะดุ้งในใจ ได้แต่ยิ้มตอบ

“ใช่แล้ว” เฮ่อชิงเซียวหยุดกล่าวว่า “วันนี้เรื่องพาคุณหนูโค่วไป จะให้ดีใต้เท้าต้วนก็อย่าได้แพร่งพรายออกไป”

“ข้าทราบแล้ว” รองเจ้ากรมต้วนปากสั่น ในใจกล่าวว่าเขาก็มิใช่คนโง่ ให้ผู้ใดรู้ว่าหลานสาวถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนำตัวไปอย่างไร้สาเหตุ ใช่เรื่องดีเสียที่ไหน

หิมะไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ซินโย่วนั่งบนรถม้า เฮ่อชิงเซียวขี่ม้านำตรงไปยังพระราชวังหลวง

กำแพงสีแดง กระเบื้องสีทอง หิมะสีขาวโปรยปราย ขันทีน้อยรออยู่หน้าประตูวังนานแล้ว พอเห็นทั้งสองคนมาถึง ก็รีบเข้าไปรับนำทางไปห้องทรงอักษร

“ฝ่าบาท คุณหนูโค่วมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”

ตอนในงานเลี้ยง ซินโย่วเกล้าผมทรงคล้อยเมฆา แลดูงามสง่า ยามนี้เปลี่ยนเป็นทรงแบบวงคู่ก็ให้ความรู้สึกไร้เดียงสาอยู่ไม่น้อย

ความร้อนพระทัยของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พลันชะงักลงอย่างน่าประหลาดใจ ยามได้พบใบหน้าที่ละม้ายคล้ายตนเองเช่นนี้ ก็เกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมา หรือว่าพระราชทานปิ่นปักไข่มุกจะเหมาะสมกว่าปิ่นทองคำ…

พอตั้งสติได้ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็กระแอมไอทีหนึ่ง ตรัสว่า “คุณหนูโค่ว เจ้ารู้ไหมว่าท่านซงหลิงอยู่ที่ใด”

ซุนเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ มองฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อย่างตกใจทีหนึ่ง

ก่อนหน้านี้เห็นฮ่องเต้ทรงกริ้วหนัก ยังคิดว่าจะรับสั่งเค้นถามคุณหนูโค่ว คิดไม่ถึงว่าถึงเวลาจริงจะอ่อนโยนเพียงนี้

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท