สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 192 คืนก่อนปีใหม่

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 192 คืนก่อนปีใหม่

คำถามเฮ่อชิงเซียวทำให้ม่านตาซินโย่วตะลึงเล็กน้อย แต่กลับอยู่ในความคาดหมายของนาง

ตอนใต้เท้าเฮ่อพบว่านางทำให้ฮ่องเต้รับสั่งตรวจสอบหว่านหยางได้เพราะ ‘บันทึกตะวันตก’ ก็ย่อมสงสัยสถานะแท้จริงของท่านซงหลิง

แต่แล้วจะอย่างไรได้ ตั้งแต่เลือกเอ่ยเรื่องมารดากับใต้เท้าเฮ่อ ความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่านางพนันชนะ

อย่างน้อยตอนนี้ ใต้เท้าเฮ่อก็เป็นคนที่ไว้ใจได้

“ข้าไม่รู้ บางทีอาจจะใช่”

ก็เหมือนดังที่เฮ่อชิงเซียวคิด ในความคิดซินโย่ว บางเรื่องรู้ไว้ในใจก็เพียงพอแล้ว การยอมรับกลับนำมาซึ่งความยุ่งยาก เรื่องมารดาถูกสังหารช้าเร็วก็ย่อมต้องเป็นที่เปิดเผยต่อทุกคน ด้วยสถานะใต้เท้าเฮ่อ หากต้องมาอยู่ตรงกลางย่อมเป็นการทำให้เขาลำบากใจ

“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”

“ข้าไปส่งใต้เท้าเฮ่อเจ้าค่ะ”

ครั้งนี้เฮ่อชิงเซียวไม่ได้ปฏิเสธ ให้ซินโย่วมาส่งเขาที่ประตูข้าง

กองหิมะทับถมยังคงไม่ละลาย อากาศหนาวกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ชายหนุ่มตรงหน้ากลับสวมเสื้อผ้าไม่ได้หนามากนัก

“ตอนนี้หิมะตกพื้นเป็นน้ำแข็ง เดินทางลงใต้ไม่ง่ายนัก ใต้เท้าเฮ่อรักษาตัวด้วย” ซินโย่วเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน

แววตาเฮ่อชิงเซียววูบไหว สุดท้ายก็ได้แต่เพียงพยักหน้าเล็กน้อย “เรื่องในเมืองหลวงก็วุ่นวายไม่น้อย หากคุณหนูโค่วมีเรื่องสำคัญต้องการคนช่วยเหลือก็ไปหาเหยียนเชาได้ เขาทำงานนับว่าไว้วางใจได้”

เขาลงใต้ครั้งนี้ คนที่ควรตรวจสอบได้ตรวจสอบไปกว่าครึ่ง ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องการนำหลักฐานมาวางลงต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้แบบเปิดเผย แต่หลังคุณหนูโค่วปรากฏตัวต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ในงานเลี้ยงเหอหยวน บางทีอาจเป็นที่สะดุดตาของผู้ไม่ประสงค์ดี

“ได้ หากมีปัญหาที่ต้องการความช่วยเหลือ ข้าก็จะไปพบรองนายกองพันเหยียน”

ซินโย่วมองส่งเฮ่อชิงเซียวขี่ม้าจากไปไกลแล้วก็หันกลับเรือนหว่านฉิง

วันต่อมาเป็นวันสิ้นปี ทุกคนในจวนรองเจ้ากรมต่างวุ่นวายเตรียมมื้ออาหารฉลองคืนก่อนวันปีใหม่และเตรียมจัดงานปีใหม่

รองเจ้ากรมต้วนตั้งใจถามซินโย่ว “ใต้เท้าเฮ่อ วันนี้คงไม่มาอีกแล้วกระมัง”

“ใต้เท้าเฮ่อจะมาหรือไม่ ชิงชิงไม่แน่ใจเจ้าค่ะ”

รองเจ้ากรมต้วนถลึงตาใส่หลานสาวที่เอ่ยด้วยท่าทีเย็นชา ในใจเขาอย่าได้กล่าวว่านึกเสียใจภายหลังเพียงใด

หากรู้ว่าจะมีวันนี้ ก่อนที่นังเด็กนี่จะได้รู้จักเจ้าแซ่เฮ่อนั่น เขาควรกำจัดความยุ่งยากนี้ทิ้งเสีย!

พอทุกคนมารวมตัวกินอาหารมื้อส่งท้ายปีเก่ากันที่เรือนหรูอี้ถัง รองเจ้ากรมต้วนจึงได้ผ่อนคลายลง

เพราะโมโหที่ซินโย่วบริจาคห้าหมื่นตำลึงช่วยเขตภัยพิบัติติ้งเป่ย หลายวันนี้นายหญิงผู้เฒ่าเห็นหลานสาวก็จะชักสีหน้าไม่พอใจ จนกระทั่งซินโย่วไปงานเลี้ยงเหอหยวนและของพระราชทานส่งมาถึงจวนรองเจ้ากรมจึงได้ดีขึ้น

“ชิงชิง เหตุใดไม่ปักปิ่นทองพระราชทาน” นายหญิงผู้เฒ่ายิ้มถาม

ซินโย่วยิ้มละไม “คิดว่าจะตั้งขึ้นบูชาไว้เป็นสมบัติประจำตระกูลเจ้าค่ะ”

นายหญิงผู้เฒ่าสะอึก วาจานี้ไร้ปัญหา แต่ฟังแล้วเสียดแทงอย่างน่าประหลาด คล้ายว่าไม่พึงพอใจของพระราชทาน

ต้องเป็นนางรู้สึกไปเองเป็นแน่

หลังอาหารมื้อส่งท้ายปี นายหญิงผู้เฒ่าก็มอบเงินยาซุ่ยเฉียน[1]ให้หลานๆ

เงินยาซุ่ยเฉียนของตระกูลปกติทั่วไปก็เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศมงคล ส่วนใหญ่เป็นเหรียญทองแดงผูกด้วยด้ายแดงเป็นพวง แต่ตระกูลร่ำรวยก็จะมีความหลากหลายออกไป

หลายปีนี้นายหญิงผู้เฒ่ามอบสิ่งของมงคลทำจากทองคำให้บรรดาหลานๆ ปลาทอง บุปผาทอง น้ำเต้าทอง หรือก้อนเงินกลมลายมงคลสมปรารถนา เป็นต้น

พวกซินโย่วต่างได้รับถุงเงินสีอ่อนบรรจุเงินยาซุ่ยเฉียน พากันกล่าวขอบคุณนายหญิงผู้เฒ่า

ซินโย่วกลับถึงเรือนหว่านฉิง เปิดถุงเงินออกเท เสียงเศษก้อนทองคำร่วงกราวลงมา

“เงินยาซุ่ยเฉียนคุณหนูปีนี้มากกว่าเมื่อก่อนมาก!” เสี่ยวเหลียนอุทานตกใจ

สาวใช้นางเปิดโลกทัศน์มานานแล้ว ที่ตกใจมิใช่ทองคำพวกนี้ แต่เพราะการกระทำของนายหญิงผู้เฒ่า

เห็นอยู่คุณหนูไม่ยอมอ่อนข้อให้กับนายหญิงผู้เฒ่าแม้แต่น้อย มักจะทำให้นายหญิงผู้เฒ่าโมโหอยู่บ่อยครั้ง แต่เหตุใดนายหญิงผู้เฒ่าจึงมอบเงินยาซุ่ยเฉียนให้คุณหนูมากมายเช่นนี้

“คุณหนู เหตุใดให้เงินบ่าว”

“นี่คือเงินยาซุ่ยเฉียน ขับไล่ภัยร้าย”

เสี่ยวเหลียนได้ยินก็ดีใจพลางเก็บเงิน

ซินโย่วให้เสี่ยวเหลียนไปตามคนในเรือนหว่านฉิงมา ให้รางวัลทุกคนคนละหนึ่งกำ

เจี้ยงซวงติดตามซินโย่วไปร้านหนังสือยังอยู่ในอาการอันดี หวางมามากับหลี่หมัวมัวทั้งสองคนที่ประจำอยู่เรือนหว่านฉิงกลับดีใจแทบคลั่ง

ต่างจากบรรยากาศเบิกบานในเรือนหว่านฉิง ต้วนอวิ๋นหวากลับถึงห้องตนเอง เปิดถุงเงินออกดูก็มีสีหน้าบึ้งตึง

เมื่อก่อนล้วนเป็นทองคำ ปีนี้กลับกลายเป็นเงิน นางหมั้นหมายกับซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อแล้วแท้ๆ ท่านย่ายังคงดูแคลนนางเพราะท่านแม่ถูกเขียนหนังสือหย่าหรือ

แม้ต้วนอวิ๋นหลิงแปลกใจเล็กน้อย แต่กลับครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนขึ้นมา

นางย่อมรู้ว่าหากล่วงเกินท่านย่า ท่านพ่อก็จะไม่คิดออกหน้าให้นาง เงินเหล่านี้ไม่ว่าเท่าไร ย่อมต้องสะสมไว้เป็นเงินก้นถุงของนางในวันหน้า

คุณหนูสี่ต้วนอวิ๋นเยี่ยนตามบิดามารดากลับเรือนพัก มองเห็นปลาเงินในถุงเงินบุตรสาว พักสักครู่ ต้วนเหวินไป่ก็ถามจูซื่อ “ระยะนี้ที่บ้านมีเรื่องเคร่งเครียดหรือ”

เขาดูแลกิจการของตระกูล รายได้ปีนี้ไม่ด้อยกว่าปีก่อน

“ก็พอได้อยู่ การเงินยังคงนับว่าคล่องตัว”

จูซื่อเงียบไปนานก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “บัญชีส่วนตัวนายหญิงผู้เฒ่าก็พูดยาก…”

ต้วนเหวินไป่เองก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก็ถอนหายใจเอ่ยว่า “เข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีงานต้องทำอีก”

คืนสิ้นปี ทุกบ้านต่างจุดโคมไฟสว่างไสว ในวังเองก็มีงานเลี้ยงมื้ออาหารส่งท้ายปี

หากว่าพรุ่งนี้ปีใหม่ โอรสสวรรค์และขุนนางต่างร่วมเฉลิมฉลอง งานในวังคืนนี้ก็คืองานเลี้ยงครอบครัว

บรรดาสนมนางในต่างพาโอรสธิดามารร่วมงานที่ตำหนักเฉียนชิงกง ไทเฮาเองก็ออกมาร่วมงานเลี้ยง ยังมีองค์หญิงใหญ่เจาหยางและบุตรชายหญิง รวมทั้งซิ่วอ๋อง

ส่วนชิ่งอ๋องที่มีคุณสมบัติร่วมงานเลี้ยงนี้ ยามนี้ยังอยู่ติ้งเป่ย

โต๊ะจัดเลี้ยงทำอาหารสูงค่างามประณีต ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กลับพระทัยเหม่อลอยอยู่บ้าง

“ฮ่องเต้ทรงเป็นห่วงติ้งเป่ยหรือ” ไทเฮาตรัสถาม

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตั้งสติได้ ฝืนแย้มสรวล “ใช่…ปีใหม่แล้ว ก็ไม่รู้ชาวบ้านประสบภัยพวกนั้นมีที่อยู่หรือยัง…”

ความจริงเขาไม่ได้เหม่อลอยเพราะเรื่องนี้

เมื่อคืนเขาฝันร้าย ในฝันซินซินมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาเข้าไปดึงมือนาง แต่กลับเห็นนางหลั่งน้ำตาเป็นโลหิตออกจากหางตานาง

เขาพลันตกใจตื่น ทำให้กลางวันปวดหัวแทบแตก จิตใจไม่เป็นสุข

ไทเฮาปลอบใจ “อี้เอ๋อร์ ไม่ได้ไปติ้งเป่ยแล้วหรือ ย่อมต้องจัดการดูแลราษฎรได้ดี ฮ่องเต้วางพระทัยเถอะ เสวยน่องไก่”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กะพริบพระเนตรทีหนึ่ง น่องไก่มันเยิ้มก็วางลงในชามเขา

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้หางพระเนตรกระตุกทีหนึ่ง สบสายตาเมตตาของไทเฮาแล้วก็ได้แต่ตรัสขอบพระทัย “ขอบพระทัยเสด็จแม่”

ไทเฮายิ้มแย้มเบิกบาน กวาดสายพระเนตรมองไปเห็นน่องไก่อีกชิ้น ก็คีบใส่ชามซิ่วอ๋อง

แม้ว่าหลานคนนี้ไม่ได้รับความโปรดปรานจากบุตรชายนาง แต่อย่างไรก็เป็นหลานชายคนโตของนาง

ซิ่วอ๋องรีบลุกขึ้นทูลขอบพระทัย “ขอบพระทัยเสด็จย่า”

“งานเลี้ยงในครอบครัว ไม่ต้องมากพิธี”

ซิ่วอ๋องลงนั่ง หลุบตาลงจ้องมองน่องไก่ ในใจอย่าได้เอ่ยว่ามีรสชาติเช่นไร ที่แท้ตอนน้องรองไม่อยู่ ปีใหม่ท่านย่าจะมอบน่องไก่ให้เขา…

องค์หญิงใหญ่เจาหยางมองด้วยสายตาสับสน

คิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ปีก่อนองค์ชายรองทนรับทุกข์ ปีนี้องค์ชายใหญ่รับทุกข์นี้ไปแทน

อาจเพราะรสชาติที่คุ้นเคยนานปียากเปลี่ยนแปลง อาหารเลิศรสในวังมากมาย ทั้งเนื้อวัว แพะและกวาง ไทเฮายังคงคิดว่าน่องไก่ตุ๋นเป็นของดี

เดิมวันสิ้นปีเซ่นไหว้บรรพชน พิธีการเซ่นสรวงต่างๆ มากมายทำให้ทนรับแทบไม่ไหว การได้กินน้ำซุปสักหน่อย กินอาหารให้ชุ่มคอยังดีเสียกว่า ในงานเลี้ยงเช่นนี้ น่องไก่เย็นชืดแล้วรสชาติเป็นเช่นไร แค่คิดก็พอรู้ได้

ไทเฮารับรู้ได้ถึงสายตาของบุตรสาว ก็เอ่ยให้ผ่านๆ ไปว่า “น่องไก่พรุ่งนี้ให้เจ้า”

องค์หญิงใหญ่เจาหยาง “…”

[1] [1] เงินยาซุ่ยเฉียน (压岁钱) หรือ “เงินกำจัดปีศาจ” คือเงินอั่งเปาที่ผู้หลักผู้ใหญ่ให้กันในเทศกาลตรุษจีน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท