Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 698 เขาบอกว่าไม่ยอมรับคำขอโทษ

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 698 เขาบอกว่าไม่ยอมรับคำขอโทษ

ปู้ลั่วการ์ตูน

ในห้องประชุม

หลิงคงหัวหน้าคนใหม่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ปัจจุบันนี้ปู้ลั่วการ์ตูนเป็นเว็บไซต์ที่มีอันดับสูงสุดในอุตสาหกรรมการ์ตูน แต่ผมไม่ต้องการให้ทุกคนหย่อนยานเพราะเรื่องนี้ ในแผนกยังมีช่องโหว่อีกมากให้ปรับปรุง ปัญหาที่ผมอยากพูดถึงในวันนี้คือ สัญญาที่บริษัทมอบให้นักเขียนแนวหน้านั้นใจกว้างเกินไป แน่นอนว่าผมไม่ได้บอกว่าหัวหน้าคนก่อนทำได้ไม่ดี ในทางกลับกัน เธอทำได้ดีมาก ใช้เงื่อนไขที่เปิดกว้างเพื่อดึงดูดนักเขียนการ์ตูนฝีมือดีกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์มายังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งทำให้เว็บไซต์ของเราเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเว็บไซต์ของเราเติบโตขึ้น ก็สามารถมอบเงื่อนไขทางทรัพยากรที่ดียิ่งขึ้นให้กับนักเขียนได้ หมายความว่าพวกเขาต้องทุ่มเทมากขึ้นใช่หรือไม่ จุดนี้ผมคิดว่าหัวหน้าคนก่อนทำไว้ได้ไม่ดี สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการทำธุรกิจไม่ใช่มนุษยสัมพันธ์ และไม่มีบริษัทใดที่จะยั่งยืนและดำรงต่อไปได้ด้วยมนุษยสัมพันธ์เพียงอย่างเดียวหรอกครับ”

ด้านล่างไม่มีใครพูดอะไร

หัวหน้าคนใหม่ได้ดำเนินการปฏิรูประบบของบริษัททันทีที่รับตำแหน่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของการ ‘กวาดล้างหานจี้เหม่ย’ ที่ชัดเจน

นี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก

หัวหน้างานคนใหม่ไม่ชอบให้ใครบอกว่าตนมาเก็บเกี่ยวผลจากสิ่งที่ผู้อื่นปลูกไว้ก่อนหน้า

เขารีบร้อนอยากปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดีขึ้น เพื่อพิสูจน์ว่าเขาเหมาะสมที่จะนั่งในตำแหน่งนี้มากกว่าหานจี้เหม่ย

หลังจากกล่าวเปิดประชุม

หลิงคงมองไปยังรองบรรณาธิการบริหาร “การเจรจากับอิ่งจือเป็นอย่างไรบ้าง”

รองบรรณาธิการบริหารเผยสีหน้าลำบากใจ “พวกเขาไม่ยินดีตัดจบเรื่องคินดะอิจิกับฆาตกรรมปริศนาครับ”

หลิงคงขมวดคิ้ว “คุณไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้ชัดเจนหรือ ผมสามารถมอบสัญญาที่ดีที่สุดให้พวกเขา แต่ผลงานของอิ่งจือในตอนนี้ไม่คู่ควรกับผลประโยชน์นี้ ผมต้องการให้เขายกระดับมูลค่าของผลงานให้สูงขึ้น เพื่อพิสูจน์ว่าการยอมโอนอ่อนในสัญญาของเขานั้นคุ้มค่ากับบริษัท”

“ผมพูดชัดแล้ว…”

รองบรรณาธิการบริหารยิ้มขมขื่น “แต่อาจารย์อิ่งจือไม่ฟังบริษัทเราหรอกครับ…หัวหน้าหาน…แค่ก หานจี้เหม่ยก็เคยบอกไว้ว่าปู้ลั่วการ์ตูนจะมอบอิสระในการสร้างสรรค์ผลงานที่มากที่สุดให้กับอิ่งจือ…”

“ผมเกลียดเวลาคนใต้บังคับบัญชาไม่เชื่อฟังที่สุด ตอนนี้พวกคุณเข้าใจแล้วใช่ไหม?”

หลิงคงกวาดสายตาไปยังมองผู้คน “หัวหน้าคนก่อนตามใจนักเขียนการ์ตูนจนเสียคน โดยเฉพาะนักเขียนการ์ตูนระดับแนวหน้า ถ้าอิ่งจืออยากวาดต่อย่อมทำได้ แต่การโปรโมตจะลดลง จนกระทั่งเขาตระหนักได้ถึงผลงานของตัวเอง และละอายต่อผลประโยชน์ที่เขาได้รับ ผมเชื่อว่าพวกคุณกระจ่างในแนวคิดของผมดี คำวิจารณ์ไม่ได้เป็นประโยชน์กับยอดขาย หลังจากนี้นี่จะเป็นแนวคิดของเว็บไซต์เราเช่นเดียวกัน”

“คือว่า…”

รองบรรณาธิการบริหารเอ่ยขึ้น “แต่อิ่งจือรับปากว่าจะเปิดการ์ตูนเรื่องใหม่”

“เปิดสองเรื่องควบ”

บรรณาธิการคนอื่นๆ เผยสีหน้าประหลาดใจ

บรรณาธิการคนหนึ่งในนั้นมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย กล่าวว่า

“อาจารย์อิ่งจือสามารถตัดสินใจเปิดสองเรื่องควบ หมายความว่าถึงแม้เขาจะไม่ทำตามคำขอของคุณ แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยอมถอยหนึ่งก้าว การ์ตูนสามเรื่องก่อนหน้านี้ อาจารย์อิ่งจือไม่เคยยอมถอยให้บริษัท…”

หลายคนรอบข้างต่างพยักหน้า

หลายคนที่นั่งอยู่ในที่นี้เป็นบรรณาธิการเก่าจากยุคของหานจี้เหม่ย

บรรณาธิการเก่าต่างรู้ดีว่ายามที่อิ่งจือเจรจากับปู้ลั่วการ์ตูนนั้น ท่าทีของเขาค่อนข้างแข็งกร้าว

เมื่อจิตวิญญาณสือจี่เปิดตัวในตอนนั้น หานจี้เหม่ยเคยบอกให้อิ่งจือเปลี่ยนใจ เพราะตลาดการ์ตูนแนวอาหารไม่ค่อยดีนัก

ทว่าอิ่งจือกลับไม่สนใจเลยสักนิด

ครั้งนี้อิ่งจือยอมเปิดสองเรื่อง จึงสามารถเข้าใจได้ว่าเป็นการยอมถอยหนึ่งก้าว ซึ่งนับว่าหาได้ยากแล้ว

“เปิดสองเรื่องควบหรือ?”

สีหน้าของหลิงคงอ่อนลงเล็กน้อย “เห็นทีเขายังนับว่ารู้เรื่องรู้ราว ถ้าเป็นแบบนี้ก็ได้ นักเขียนการ์ตูนพวกนี้เหมือนกับพวกนักวิชาการจอมปลอมมาก เรื่องกลัวเสียหน้าผมเข้าใจได้ ผมเองก็ไว้หน้าพวกเขาได้ ถ้าของพรรค์นี้ทำให้พวกเขามีเงินซื้อข้าวกิน…แล้วผลงานเรื่องใหม่เป็นแนวไหนล่ะ”

“สืบสวนสอบสวน…”

รองบรรณาธิการบริหารตอบเสียงเบา

“อะไรนะ”

หลิงคงคิดว่าตนฟังผิดไป

“สืบสวนสอบสวน…”

เสียงรองบรรณาธิการบริหารยิ่งเบาลง ประหนึ่งเป็นเพียงยุงตัวหนึ่ง ทว่าทั้งห้องประชุมกลับได้ยินอย่างชัดเจน

พรึบๆๆ !

สีหน้าของทุกคนก็แปลกประหลาดไปทันที

หนังตาของหลิงคงกระตุกตุบๆ

ล้อเล่นหรือเปล่า?

เขียนแนวสืบสวนสอบสวนต่อเนี่ยนะ

ใครไม่รู้บ้างว่าคินดะอิจิกับฆาตกรรมปริศนาทำผลงานได้ไม่ดี ก็เพราะคำว่า ‘สืบสวนสอบสวน’ นี่แหละ?

ของพรรค์นี้เฉพาะกลุ่มเกินไป!

แต่ผลงานเรื่องใหม่ของเขายังพัวพันกับแนวสืบสวนสอบสวน ราวกับต้องการพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานสืบสวนสอบสวน หัวรั้นไม่มีใครเกิน!

“ผมว่าอิงจือทำแบบนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เขาฝีมือดีมาก ที่ยังวาดแนวสืบสวนสอบสวนต่อไปก็เพราะเขาตกผลึกบทเรียนจากคินดะอิจิกับฆาตกรรมปริศนามาแล้ว”

หัวหน้าบรรณาธิการซึ่งก่อนหน้านี้ก่อนหน้านี้บอกว่าอิ่งจือถอยให้บริษัทกัดฟันเอ่ยขึ้นอย่าง

“หุบปาก!”

หลิงคงตัดบทอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “ถ้าไม่เปลี่ยนแนวก็ลดระดับสัญญา แล้วก็…เอาเถอะ ครั้งนี้ผมจะคุยกับเขาด้วยตัวเอง!”

“แต่ว่า…”

“อย่าให้ผมต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”

หลิงคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “พวกคุณเรียกแบบนี้ว่าถอยให้หรือ นี่เป็นการยั่วยุต่างหาก เขาไม่ได้กำลังแก้ปัญหา แต่กำลังเดินไปไกลขึ้นเรื่อยๆ บนเส้นทางของปัญหาต่างหากล่ะ!”

ไม่มีใครกล้าเอื้อนเอ่ยวาจา

ท่ามกลางความคลุมเครือ ทุกคนได้ยินหลิงคงตวาดว่า “บ้าไปแล้ว”

ในห้องประชุมเงียบลงเรื่อยๆ

หัวหน้าคนใหม่และคนเก่าของปู้ลั่วการ์ตูนมีสไตล์ของความเป็นผู้นำที่ต่างกันสุดขั้ว

หานจี้เหม่ยเป็นคนอ่อนโยน ให้ความสำคัญกับมนุษยสัมพันธ์ เข้ากับนักเขียนการ์ตูนได้ดี

ข้อเสียคือบางครั้งให้ความสำคัญกับมนุษยสัมพันธ์มากเกินไป และมอบสิทธิ์ประโยชน์ให้กับนักเขียนการ์ตูนมากเกินมาตรฐานในอุตสาหกรรม

ส่วนหลิงคงมุ่งเน้นเพียงผลประโยชน์ ให้ความสำคัญกับกฎระเบียบ

เขาร่วมงานกับนักวาดการ์ตูนในเชิงธุรกิจเพียงอย่างเดียว ไม่มีทางพูดเรื่องมนุษยสัมพันธ์

ในความเป็นจริง

ก่อนที่หลิงคงจะเข้ามารับตำแหน่งแทนที่หานจี้เหม่ย ผลงานของแผนกที่เขารับผิดชอบนั้นทำได้ดีมาก

ใช่ว่าเขาเป็นพวกไร้ความสามารถ และใช้เส้นสายในบริษัทจนได้เข้ามาแทนที่หานจี้เหม่ย

แต่ถ้าถามว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเขาน่ะหรือ?

ทั่วทั้งบริษัทต่างรู้ว่า เขาเป็นคนที่ทำทุกวิถีทางเพื่อเป้าหมาย หานจี้เหม่ยออกจากตำแหน่งก็ด้วยเหตุนี้

แน่นอน

ยังมีเหตุผลที่ใหญ่กว่านั้น

……

ในสตูดิโอของอิ่งจือ

หลัวเวยมองไปยังกลุ่มผู้ช่วย

“หลังจากนี้เราจะเร่งอัปเดตคินดะอิจิกับฆาตกรรมปริศนา ทุกคนต้องมาช่วยกันวาด พวกคุณเรียนรู้งานจากอาจารย์อิ่งจือมานานขนาดนี้แล้ว น่าจะมีความสามารถในการวาดภาพด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันพวกเราจะเปิดเรื่องใหม่…”

ทุกคนพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น!

ในที่นี้กำลังพูดถึงชีวิตประจำวันในสตูดิโอ

หลินเยวียนเป็นผู้สร้างสรรค์การ์ตูนและผู้เขียนหลัก ขณะเดียวกันเขาก็ยังเป็นอาจารย์ของหลัวเวย และมักสอนหลัวเวยวาดภาพพู่กันโบราณ

นอกจากภาพวาดพู่กันโบราณ หลินเยวียนยังสอนหลัวเวยวาดการ์ตูนอีกด้วย

ภายใต้เอฟเฟ็กต์อาจารย์ ทักษะในการวาดการ์ตูนของหลัวเวยยังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนมีคุณสมบัติมากพอที่จะวาดแทนหลินเยวียนอีกครั้ง

ในเวลาว่าง หลินเยวียนยังสอนผู้ช่วยคนอื่นในสตูดิโอวาดการ์ตูนด้วย

เมื่อเอฟเฟ็กต์อาจารย์เปิดใช้งาน ภายใต้การชี้แนะของเขาในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฝีมือในการวาดของผู้ช่วยแต่ละคนรุดหน้าไปอย่างมาก!

ตอนนี้ทุกคนแทบรอไม่ไหวที่จะแสดงฝีมือของตนออกมา!

มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าพวกเขาได้เรียนรู้จากอาจารย์อิ่งจือมามากถึงขั้นไหน!

และที่หลินเยวียนทำเช่นนี้ แน่นอนว่ามีเหตุผล

นั่นก็เพราะหลังจากนี้เขาจะวาดการ์ตูนอีกหลายเรื่อง วาดคนเดียวไม่ไหว แม้แต่เมื่อรวมกับหลัวเลยแล้วยังไม่พอ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องฝึกฝนผู้ช่วยเพิ่มขึ้นอีก

ในสถานการณ์ปกติ หลินเยวียนไม่มีทางบ่มเพาะยอดฝีมือด้านการวาดภาพออกมามากมากเช่นนี้ได้ภายในเวลาไม่กี่ปี

ไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้!

แต่หลินเยวียนกลับมีโปรแกรมเสริมพลังเหนือมนุษย์อย่างเอฟเฟ็กต์อาจารย์!

เพราะฉะนั้นในสตูดิโอตอนนี้ ไม่ว่าจะสุ่มเลือกผู้ช่วยคนไหนขึ้นมา ก็ล้วนมีฝีมือที่น่ากลัวทั้งสิ้น!

หากผู้ช่วยตัวน้อยกลุ่มนี้ออกจากสตูดิโอของอิ่งจือ ยังไม่ต้องเอ่ยถึงการสร้างสรรค์การ์ตูนอย่างอิสระ อย่างน้อยก็เพียงพอสำหรับเป็นอาจารย์สอนจิตรกรรมแล้ว!

ถ้าคนเหล่านี้ร่วมมือกันผลิตผลงานละก็ ความเร็วในการผลิตจะต้องอยู่ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

ในสตูดิโอของหลินเยวียน มีกองทัพนักวาดการ์ตูนระดับพระกาฬที่สตูดิโออื่นบนบลูสตาร์ทำไม่ได้อย่างแน่นอน!

สตูดิโอเล็กๆ แห่งนี้!

มีนักวาดหลายคนซึ่งเติบโตอย่างเงียบเชียบภายใต้การบ่มเพาะด้วยเอฟเฟ็กต์อาจารย์ของหลินเยวียน และยังไม่ได้ออกไปสู่โลกกว้าง!

และหลังจากนี้

ผู้ช่วยเหล่านี้จะออกสู่โลกกว้างอย่างเป็นทางการ!

อย่าว่าแต่เปิดสองเรื่องควบเลย!

จะสามเรื่อง สี่เรื่อง ห้าเรื่องควบแล้วอย่างไร!

ตราบใดที่หลินเยวียนสามารถติดตามโครงเรื่องและสตอรีบอร์ดได้!

ไม่ว่าตรงหน้าจะเปิดเรื่องใหม่สักกี่เรื่อง หลินเยวียนก็รับมือกับสถานการณ์ได้ทั้งสิ้น!

สำหรับหลินเยวียนแล้ว โครงเรื่องและสตอรีบอร์ดจะเป็นปัญหาได้หรือ?

เรื่องเหล่านี้ นักเขียนการ์ตูนคนอื่นอาจต้องเค้นสมองขบคิด ทว่าในสมองของหลินเยวียน สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นแบบสำเร็จรูป!

หลัวเวยยิ้มแย้ม

หลินเยวียนมองดูหลัวเวยระดมพล

ด้านข้าง

โทรศัพท์มือถือของจินมู่มีสายเข้าอีกครั้ง “ปู้ลั่วการ์ตูนโทรมาครับ”

จินมู่ว่าพลางเดินไปยังห้องข้างๆ เพื่อรับสาย

หลินเยวียนมองดูหลัวเวยพูดคุยกับผู้ช่วย พลางเอนกายแนบประตูเพื่อฟังอยู่สักพัก

การเจรจาของจินมู่และอีกฝ่ายคล้ายว่าจะไม่ราบรื่นนัก

หลินเยวียนได้ยินชายซึ่งกำลังคุยกับจินมู่คำรามจากปลายสาย “ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง ผู้จัดการกระจอกๆ อย่างคุณไม่มีสิทธิ์มาคุยกับผม ก่อนที่ผมจะเริ่มด่าคน เรียกหัวหน้าคุณมาคุยเดี๋ยวนี้!”

“ครับ”

จินมู่รับฟังราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น สายตามองไปทางหลินเยวียน “หัวหน้าครับ หัวหน้าคนใหม่ของทางปู้ลั่วการ์ตูนจะคุยด้วย”

“อืม”

หลินเยวียนรับโทรศัพท์มา “ผมคืออิ่งจือ”

“อาจารย์อิ่งจือ ผมคือหลิงคง หัวหน้าคนใหม่ของปู้ลั่วการ์ตูน ผมมีความคิดเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องใหม่ของคุณ…”

“ไม่ต้องแล้วครับ”

หลินเยวียนเอ่ยอย่างสุขุม “ผมตัดสินใจยกเลิกความร่วมมือกับปู้ลั่วการ์ตูน”

“อะไรนะ”

ฝั่งตรงข้ามตะลึงไปทันใด

จินมู่ซึ่งอยู่ด้านข้างสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

หลัวเวยและผู้ช่วยคนอื่นๆ ต่างมองหน้ากัน

อาจารย์อิ่งจือพูดว่าอะไรนะ

ยกเลิกความร่วมมือกับปู้ลั่ว?

น้ำเสียงของอิ่งจือยังคงสงบนิ่ง

“เราสามารถยกเลิกสัญญาความร่วมมือในการ์ตูนเรื่องนี้ได้”

“อิ่งจือ!”

เสียงของอีกฝ่ายเย็นเยียบขึ้นมาฉับพลัน “ตอนนี้คุณกำลังหงุดหงิด เราสามารถมานั่งเจรจากันได้ ผมเคารพคุณมาก หวังว่าคุณจะเคารพผมเช่นกัน”

“ผมเคารพคุณมาก”

หลินเยวียนบอก “หวังว่าคุณเองก็จะเรียนรู้ที่จะเคารพผลงานเรื่องคินดะอิจิกับฆาตกรรมปริศนา เคารพผู้ใช้งานเว็บไซต์ของพวกคุณ และที่สำคัญคือ คุณต้องเคารพผู้จัดการของผม”

“…”

อีกฝ่ายเงียบไปหลายวินาที น้ำเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา “ไม่ราบรื่นจริงด้วย แต่ประเดี๋ยวผมจะไปขอโทษเขาด้วยตัวเอง ไม่ต้องโมโหถึงขั้นยกเลิกสัญญาหรอกครับ คุณออกจากปู้ลั่วการ์ตูนแล้วก็คงไม่มีที่ไป ตลาดแห่งนี้มีปู้ลั่วการ์ตูนของเราเป็นผู้กำหนดชะตา แต่เว็บไซต์ของเราต้องการอัจริยะอย่างคุณ นี่คือชัยชนะทั้งสองฝ่าย อย่าปล่อยให้ความโกรธครอบงำและทำลายอนาคตของคุณเลย”

ทั้งโอนอ่อน ทั้งข่มขู่ ใช้ความเมตตาและอำนาจรับมือรอบด้าน

จินมู่ได้ฟังเสียงจากปลายสาย รีบโบกมือบุ้ยใบ้กับหลินเยวียน

“อ้อ เขาบอกว่าไม่ยอมรับคำขอโทษจากคุณ”

หลินเยวียนมองดูท่าทางของจินมู่ สีหน้าบอกว่าผมเข้าใจแล้วจากนั้นจึงวางสายในทันที

ทั้งสตูดิโอเงียบกริบ

หลัวเวยและผู้ช่วยระแวดระวังแม้กระทั่งหายลมใจ

อาจารย์อิ่งจือยกเลิกสัญญากับปู้ลัวการ์ตูนจริงหรือนี่?

หลินเยวียนมีสีหน้าเรียบเฉย ทว่าทุกคนกลับสัมผัสได้ถึงความกดดันอันน่าสะพรึงกลัวในห้องนี้ ไม่มีใครกล้าพูดไปสักพักหนึ่ง!

จินมู่ตะลึงงัน!

พี่ใหญ่!

พี่ใหญ่สุดที่รัก!

ผมไม่ได้ปฏิเสธที่จะรับคำขอโทษ!

ผมโบกมือเพื่อบอกคุณว่าอย่าฉีกสัญญากับปู้ลั่วต่างหาล่ะ!

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท