บทที่ 946 หลี่จิ่วเต้า ‘อย่าได้กังวล ปล่อยให้ศรทะยานไปสักพัก!’
บทที่ 946 หลี่จิ่วเต้า ‘อย่าได้กังวล ปล่อยให้ศรทะยานไปสักพัก!’
นักพรตอ้วนคับข้องใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่คิดว่าผู้ถูกกำหนดที่เขาเฝ้ารอจะเป็นคนเช่นนี้
หากรู้แต่แรกว่าผู้ถูกเลือกที่มาจะเป็นคนเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงไม่อยู่รอที่นี่
หลุมใหญ่เกินไปแล้ว วางท่าทางหยิ่งยโสเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับยังต้องการให้เขาเคารพเชื่อฟัง กลายเป็นน้องชาย ภายในใจของเขาอัดอั้นตันใจมากตั้งไม่รู้เท่าใด
ทว่าแม้เขาจะคับข้องใจเพียงใดก็จำต้องอดกลั้น ไม่มีหนทางอื่นใด
ใครใช้ให้ชายหนุ่มผู้นี้ได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงห่างไกลเกินกว่าที่เขาจะเปรียบเทียบได้กัน หากเขาไม่อดกลั้นเอาไว้ จุดจบจะต้องน่าเวทนาอย่างยิ่ง
“เมืองชิงซานอย่างนั้นหรือ ไปกันเถิด”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมา ก่อนจากไปพร้อมกับนักพรตอ้วน หลังที่ได้รับสมบัติที่ท่านผู้นั้นทิ้งเอาไว้ ภายในใจเขาก็ถือตนว่าไร้พ่าย เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าสามารถสยบศัตรูทั่วหล้าได้
นักพรตอ้วนทำได้แต่เพียงติดตามข้างกายชายหนุ่มตามไปยังเมืองชิงซานเท่านั้น
พวกเขาไปถึงบริเวณใกล้เมืองชิงซานอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มนามสวีจื้อหมายจะบุกเข้าไปด้านในเมืองชิงซานโดยตรงอย่างปราศจากความเกรงกลัวใด ๆ
เมืองชิงซานเป็นที่มั่นหลักของหลี่จิ่วเต้า ยอดฝีมือจำนวนมากต่างกริ่งเกรง ไม่กล้าเข้าไปในเมืองชิงซานโดยง่าย ทว่าสวีจื้อหาได้ใส่ใจแต่อย่างใด
ที่มั่นหลักแล้วอย่างไร?
เขาคิดว่าตนเองอยู่ยงคงกระพัน สามารถปราบปรามหลี่จิ่วเต้าได้
“ประเดี๋ยวก่อน คนผู้นั้นคือหลี่จิ่วเต้า!”
ตอนที่พวกเขากำลังจะบุกเข้าไปในเมืองชิงซาน นักพรตเต๋าก็ร้องบอกสวีจื้อขึ้นมากะทันหัน
ยามนี้หลี่จิ่วเต้ากำลังขี่ม้ามังกรสีแดงเพลิง ด้านข้างมีสุนัขสีดำตนหนึ่งติดตาม มุ่งออกจากเมืองชิงซาน
หลังออกจากเมืองชิงซาน ม้ามังกรก็ทะยานร่างพาหลี่จิ่วเต้าบินออกไปยังทิศทางหนึ่ง
สุนัขสีดำตามติดไปด้านหลัง
“ประจวบเหมาะยิ่งนัก ลดความยุ่งยากได้มาก ไปกันเถิด” สวีจื้อแย้มยิ้ม
อย่างไรเสียเมืองชิงซานก็เป็นที่มั่นหลักของหลี่จิ่วเต้า ย่อมเป็นเรื่องดีกว่าหากสามารถจัดการกับหลี่จิ่วเต้าภายนอกได้
แล้วเขาก็พานักพรตอ้วนไล่ตามไป
ม้ามังกรที่หลี่จิ่วเต้าขี่ร่อนลงไปในภูเขาลึก
ม้ามังกรกลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิมทันที กลายเป็นกิเลนไฟสีแดงเจิดจ้า
หลี่จิ่วเต้ากระโดดลงจากกิเลนไฟ เขาไม่ได้มาล่าสัตว์นานแล้ว ดังนั้นจึงตั้งใจมาเพื่อล่าสัตว์โดยเฉพาะ
ที่แห่งนี้มีสัตว์ป่าอยู่จำนวนมาก
อีกด้านหนึ่ง สวีจื้อและนักพรตอ้วนปรากฏกายขึ้นบนภูเขา
“เจ้าไปเสีย ลองดูว่าเขามีความสามารถอันใดบ้าง!”
สวีจื้อเอ่ย สั่งให้นักพรตอ้วนนำหน้า
เขากล่าวต่ออย่างไม่แยแสว่า “วางใจได้ มีข้าคอยดูอยู่ด้านหลัง ย่อมไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเจ้าทั้งนั้น”
นักพรตอ้วนไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง
บัดซบ!
กระทั่งฉินของหลี่จิ่วเต้าเขายังไม่อาจต่อกรได้ เช่นนั้นจะยังสู้กับหลี่จิ่วเต้าได้อย่างไร ครานี้นอกจากถูกหลี่จิ่วเต้าทุบตีแล้ว ก็ไม่มีผลลัพธ์อื่นใดสำหรับเขา
ทว่าแม้เขาจะไม่เต็มใจเพียงใด ก็ทำได้แต่ยอมกล้ำกลืนเท่านั้น
ผู้ใดใช้ให้เขาไม่อาจต่อกรกับสวีจื้อ ทำได้แต่อาศัยความเมตตาจากสวีจื้อกัน
จากนั้นเขาก็ทะยานตรงไปทางหลี่จิ่วเต้า
“คุณชายท่านนั้น!”
เขาร่อนลงไป แต่ไม่ได้ลงมือ กลับทักทายหลี่จิ่วเต้าด้วยรอยยิ้มเสียอย่างนั้น
เจ้าสุนัขสวีจื้อ ไปลงนรกเสียเถิด เขาตัดสินใจจะอาศัยบารมีของหลี่จิ่วเต้า ไม่ขอข้องเกี่ยวกับสวีจื้ออีก
สวีจื้อไม่ใช่คนดีแต่อย่างใด ติดตามอีกฝ่ายไป จุดจบของเขาย่อมไม่มีทางดี สู้ย้ายไปอาศัยบารมีหลี่จิ่วเต้าจะดีเสียกว่า
อย่างไรเสียระหว่างเขากับหลี่จิ่วเต้าก็ไม่ได้มีความแค้นลึกซึ้งอันใดต่อกัน หลี่จิ่วเต้าไม่น่าจะสังหารเขา
ยามนั้นฉินอี้อินเอ่ยออกมาว่าให้ไว้ชีวิตเขา
“เจ้าคือ?”
หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้ว ไม่มีความทรงจำใดเกี่ยวกับนักพรตอ้วน
“ข้ามีนามว่าอู๋โหย่วเหลียง!”
นักพรตอ้วนแนะนำตัวเองอย่างกระตือรือร้น
อู๋โหย่วเหลียง?
‘ข้ามีดี?’
หลี่จิ่วเต้าเกือบหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินชื่อของอู๋โหย่วเหลียง
ยังดีที่เขาควบคุมตนเองไม่ให้หัวเราะออกมาต่อหน้าอีกฝ่ายได้
นับเป็นเรื่องไร้มารยาทเกินไปที่จะหัวเราะออกมาต่อหน้าอีกฝ่ายเช่นนี้
เขาคิดในใจว่าชื่อของนักพรตอ้วนช่างน่าสนใจเกินไปแล้ว ด้วยรูปร่างหน้าตาของนักพรตอ้วน ล้วนดูแล้วไม่สิ่งใดใกล้เคียงกับคำว่า ‘ดี’ สักนิด
เขารู้สึกว่านักพรตอ้วนควรลบคำว่า ‘มี’ ออกจากชื่อของตนเองไป กลายเป็นนามอู๋เหลียง หรือก็คือ…ไร้สิ่งดี เช่นนั้นจึงจะสอดคล้องกับรูปลักษณ์ของนักพรตอ้วน
“ข้าเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งที่ได้ทำลงไปก่อนหน้านี้ ดีที่ตอนนี้ข้าสามารถล้มเลิกได้แล้ว!”
นักพรตอ้วนเล่าเรื่องราวที่เขาแสร้งเป็นบรรพจารย์ฝูออกมา หลังจากนั้นก็ได้พบเข้ากับมัจฉาสัตมายาและชางเหยา ก่อนจะถูกมัจฉาสัตมายาเปิดโปงว่าตนเป็นบรรพจารย์ฝูตัวปลอม
“เจ้าช่างหาญกล้ายิ่งนัก ถึงกับกล้าแสร้งเป็นบรรพจารย์ฝู เจ้าย่อมไม่อาจทนรับผลที่ตามมาได้!”
สีหน้าของหลี่จิ่วเต้าพลันแปรเปลี่ยน
เขาคิดว่านักพรตอ้วนนั้นดูไม่มีดี ทว่าไม่คิดว่าจะไม่มีดีจริง ๆ ถึงกลับกล้าแสร้งทำตัวเป็นบรรพจารย์ฝู!
“ข้าผิดไปแล้ว! ดังนั้นข้าจึงมาหาคุณชายเพื่อชดใช้ความผิด!”
นักพรตอ้วนร่ำไห้ บอกว่ามีคนคิดลงมือกับคุณชาย จึงบีบบังคับให้เขาออกมาต่อกรคุณชาย อีกทั้งคนผู้นั้นยังอยู่ใกล้ ๆ นี้!
สวีจื้อที่อยู่บนยอดเขาใกล้เคียงให้ความสนใจกับสถานการณ์ตรงนี้อยู่ตลอดเวลา
เมื่อเขาได้ยินคำพูดของนักพรตอ้วน ใบหน้าก็พลันมืดครึ้มลง
“เจ้าสุนัขนี่!”
สวีจื้อโกรธยิ่ง เขาส่งนักพรตอ้วนไปต่อกรกับหลี่จิ่วเต้า ทว่านักพรตอ้วนกลับวิ่งไปยอมจำนนกับหลี่จิ่วเต้า จากนั้นก็แว้งกัดเขา!
‘การมีชื่อเสียงมากเกินไปไม่ใช่เรื่องดีจริง ๆ…’
หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจภายในใจ
การที่เขาลงมือในงานแต่งของสือเฟิงและงานชุมนุมพ่นใย ทำให้ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมากให้คิดวางแผนกับตัวของเขา
‘ช่างมันเถิด เพียงแค่ให้บทเรียนเขาสักหน่อยก็ได้แล้ว’
เขาคิดกับตนเอง จากนั้นก็หยิบคันศรออกมา
คันศรนี้ดูธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีสิ่งใดแปลกพิเศษ ประหนึ่งคันศรธรรมดาที่นายพรานทั่วไปใช้งาน
อันที่จริง นี่ก็เป็นคันศรธรรมดาจริง ๆ ที่บรรพจารย์ฝูคว้าเอามาจากนายพรานปุถุชนผู้หนึ่ง
บรรพจารย์ฝูกล่าวว่าผู้ใดมีเจตนาร้าย คันศรจะสามารถตรวจพบ ศรที่ถูกยิงออกไปล้วนพุ่งเป้าเข้าหาอย่างไร้หนทางหลบหนี!
หลี่จิ่วเต้ารั้งศรก่อนจะยิงออกไปสุ่ม ๆ ยังทิศทางหนึ่ง จากนั้นก็เก็บคันศรกลับไป
“ไม่ต้องกังวลอีก ปัญหาของเจ้าถูกแก้ไขแล้ว ไม่มีผู้ใดมาคุกคามเจ้าได้อีก”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มบาง ๆ
อะไรนะ?
นี่คือแก้ไขแล้ว?
ภายในใจของนักพรตอ้วนอัดอั้นคับข้องยิ่ง จะหลอกใครก็ไม่ควรหลอกกันเช่นนี้!
เพียงแค่คันศรธรรมดา ยิงออกไปสุ่ม ๆ จากนั้นก็กล่าวว่าปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว?
สำคัญสุดอย่างทิศทาง ก็ผิด!
สวีจื้ออยู่ด้านหลัง ทว่าศรถูกยิงออกไปด้านหน้า เช่นนั้นจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร?
เขาอยากจะพูดออกมาว่า คุณชาย ท่านอย่าล้อเล่นข้าเช่นนี้ได้หรือไม่?
สวีจื้อนั้นไม่ธรรมดา ได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลง ทั้งยังมีสมบัติที่ท่านผู้นั้นทิ้งเอาไว้ เช่นนั้นแล้วจะจัดการโดยง่ายได้อย่างไร!
กล่าวตามตรงแล้ว ที่เขาเลือกจำนนต่อหลี่จิ่วเต้า ภายในใจเองก็ไม่ได้มีความมั่นใจในตัวอีกฝ่ายเต็มร้อย หลี่จิ่วเต้าอาจจะไม่สามารถจัดการสวีจื้อได้
ทว่าเขาทำเช่นนี้ก็เพราะเมื่อหลี่จิ่วเต้าและสวีจื้อต่อสู้กัน เขาจะได้สบโอกาสหลบหนี หลีกเลี่ยงการถูกควบคุมจากผู้ที่เหนือกว่าอย่างสวีจื้อ
“คุณชายไม่เชื่อข้าอย่างนั้นหรือ? ทุกสิ่งที่ข้าเอ่ยออกมาล้วนเป็นความจริง สวีจื้ออยู่บนยอดเขาใกล้เคียงทางนั้น!”
เขากัดฟันเอ่ยออกมา คิดว่าหลี่จิ่วเต้าไม่ไว้ใจและไม่เชื่อในคำพูดของเขา
ดังนั้นหลี่จิ่วเต้าจึงไม่ได้จริงจังแต่อย่างใด ยิงธนูแบบขอไปทีเพื่อหลอกเขา
“อย่าได้กังวล ปล่อยให้ศรทะยานไปสักพัก…”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวด้วยรอยยิ้มบาง