“น่าอายจริงๆ คืนนี้ต้องใช้บ้านนายแล้ว ฉันนอนบนพื้นก็ได้”
ผมพูดกับฮีลพร้อมขอโทษ
เพราะว่ามีอาจารย์ที่ไม่มีความรับผิดชอบบางคนบอกให้ผมเข้าร่วมการฝึกฝนโดยไม่พูดอะไรเลย ผลสุดท้ายทำให้ผมแทบไม่ได้พกอะไรมาเลยนอกจากเสื้อผ้าไว้เปลี่ยน
โชคดีที่ฮีลเต็มใจให้ผมอยู่ในบ้านของเขา ไม่งั้นผมคงต้องนอนบนต้นไม้จริงๆ
แน่นอน ตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นเนื้อเรื่องที่ให้อาศัยในป่า เพราะงั้นความคิดที่แย่ที่สุดก็แค่เท่านี้ แต่ท้องฟ้ามืดลงแล้ว เมื่อมองดูป่าที่เต็มไปด้วยอันตราย จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าความคิดของตัวเองก่อนหน้านี้คงเพ้อเจ้อเกินไป
อยู่กับแองเจล่าและอีเลนเหรอ? คุณคิดมากไปแล้ว ความฉุนเฉียวของชนชั้นสูงอย่างพวกเขามีมากกว่าฮีลไม่รู้กี่ขั้น ที่สามารถคุยกับผมได้ตามปกติก็เป็นเพราะผมหลอกล่อพวกเขาอยู่นาน หากต้องการอยู่ร่วมกับพวกเขาก็คงเพราะผมคิดจะตุ๋ยพวกเขาแล้ว
แน่นอน นั่นคงเป็นไปไม่ได้
คุณว่าองค์หญิงเป็นคนเข้าถึงง่ายใช่ไหม? คุณล้อผมเล่นรึเปล่า? เธอเป็นองค์หญิงนะ แม้ว่าเธอยอมรับให้คุณกับเธออยู่ห้องเดียวคุณจะกล้าเข้าไปเหรอ? ไม่กลัวว่าหลังจากถูกผู้เลื่อมใสเธอรู้เข้าแล้วจะหั่นเป็นชิ้นๆ เหรอ?
เรื่องแบบนี้ตอนที่เพิ่งเข้าสถาบันผมก็เคยพบเจอมาแล้ว ในฐานะที่เป็นกลุ่มสามคนที่แข็งแกร่งที่สุดในสถาบัน จำนวนกลุ่มที่สนับสนุนพวกฟาลันก็ครองไปหนึ่งในสามของสถาบันแล้ว แล้วยังมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง! ถ้าไม่ใช่เพราะยูบริลออกหน้าสั่งสอนคนในนั้น วันคืนของผมคงผ่านไปไม่ได้จริงๆ
ยังดีที่เรื่องพวกนี้ผ่านไปหมดแล้ว ผมไม่อยากเพิ่มปัญหาให้ตัวเองอีก แค่เรื่องถูกประกาศจับก็ทำให้ผมปวดหัวแล้ว ผมไม่ได้อยากถูกใครคิดถึงตลอดเวลา
“ไม่ต้องใส่ใจ เจ้าช่วยข้ามาหลายครั้งแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก”
ฮีลสวมชุดนอนเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วพูด
บ้านเวทมนตร์หลังนี้ค่อนข้างสะดวก ข้างในเหมือนกับห้องในโรงแรม เพรียบพร้อมไปด้วยเตียง ที่นั่งแล้วก็ห้องอาบน้ำ แน่นอน ห้องที่ทำออกมาด้วยพื้นที่แออัดแบบนี้ไม่มีห้องครัว ไม่งั้นคนข้างในคงสำลักควันตายแน่นอน
แล้วของนี่คงไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปใช้จ่ายได้แน่นอน ห้าหมื่นเหรียญทองเป็นเพียงราคาโครงสร้างเท่านั้น รวมกับการตกแต่งภายในที่หากมีเงินไม่ถึงเจ็ดแสนแปดหมื่นก็ลืมไปได้เลย มันแตกต่างจากบ้านทั่วไปพวกนั้น เพราะราคาสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์แทบจะสูงขึ้นหลายเท่า
จู่ๆ ผมก็คิดว่าเงินห้าหมื่นเมื่อก่อนหน้านี่ไม่มีมูลค่า ถ้าวันไหนผมไปเดินเล่นในห้างเวทมนตร์ในละแวกอาณาจักร ผมคิดว่าผมคงเสียเงินทั้งหมดให้กับการแต่งบ้านแน่นอน เพราะผมได้ยินว่าเหมือนจะมีอุปกรณ์ประเภทคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะถูกสร้างออกมาแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสถาบันเทคโนโลยีบนโลกนี้เกิดความผิดพลาด หรือเป็นเพราะมืออาชีพด้านคอมพิวเตอร์คนไหนหลุดเข้ามาบนโลกนี้เหมือนผม
แต่ผมแค่อยากซื้อก็เท่านั้นแหละ
“ห้องอาบน้ำพร้อมใช้แล้ว ไม่ต้องเกรงใจ”
“อืม ขอบใจมาก”
ว่าตามจริงแล้ว ผมยังเคยชินกับชีวิตที่อาบน้ำวันละครั้ง แม้ว่าไม่ได้อาบน้ำสองสามวันจะไม่เป็นอะไร แต่ก็รู้สึกว่าอึดอัด
แน่นอน โลกนี้ก็มีเวทมนตร์ที่สามารถทำความสะอาดเสื้อผ้าได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็จำกัดแค่เสื้อผ้า น้ำที่ไหลด้วยความเร็วสูงแบบนั้นพุ่งใส่ตัวคนคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
แม้จะรู้สึกว่าวิธีการใช้คริสตัลเวทสายน้ำมาสร้างน้ำ แล้วใช้เวทสายเพลิงเพิ่มความร้อนจะฟุ่มเฟื่อยมาก แต่เพื่อเรื่องที่มีความสุขอย่างการได้ใช้น้ำร้อนกลางแจ้ง จะเปลืองเงินสักหน่อยก็คุ้มค่า
โดยเฉพาะคนที่วิ่งมาไม่รู้กี่สิบกิโลเมตรต่อวันทั้งยังเสียมานาไปหลายครั้งอย่างผม ความรู้สึกแค่ได้แช่ในอ่างอาบน้ำก็เหมือนกับได้บินขึ้นสวรรค์ทีเดียว
แม้ว่าบนอ่างอาบน้ำจะไม่มีของประดับหรูหรามากเท่าไหร่ แต่พริบตาที่ทั้งตัวลงไปในอ่างอาบน้ำ กล้ามเนื้อทั่วร่างกายก็แทบจะสั่นสะท้านพร้อมกัน ความรู้สึกสบายกวาดผ่านเข้ามา
“มีความสุขจัง ไม่อยากนึกอะไรเลย…”
ปล่อยให้ร่างกายผ่อนคลายอยู่ในอ่างอาบน้ำ ร่างกายก็ค่อยๆ หย่อนยานลง
“ถ้ามีระดับความเหนื่อยล้า ตอนนี้ก็คงกลับมาเต็มเปี่ยมแน่นอน”
เพิ่งพูดจบผมก็รู้สึกเสียใจ เพราะจู่ๆ ผมก็นึกถึงเรื่องที่น่ากลัวขึ้นได้
แต่โลกไม่มียาประเภทแก้ความเสียใจ พูดจบผมก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือน
ระบบโลกได้เพิ่มระบบความเหนื่อยล้า สถานะมึนงงเมื่อมานาและพลังกายเป็น 0 ถูกยกเลิก เมื่อความเหนื่อยล้าเป็น 0 จะเข้าสู่สถานะมึนงงโดยอัตโนมัติ พลังโจมตีจะลดลงครึ่งหนึ่ง
สวรรค์…ผมผิดไปแล้ว พระเจ้าท่านไม่หยุดสักหน่อยเหรอ? หลับหรือทำอะไรบ้าง? อย่าฟังผมพูดทั้งวันสิ?
หรือว่าต่อไป…ช่างเถอะอย่าไปพูดถึงอีกดีกว่า พูดต่อไปอีกคงไม่ได้มีแค่ความเหนื่อยล้าแต่เป็นอย่างอื่นด้วย
กระดานแจ้งเตือนปรากฏออกมาไม่ถึงสิบวินาที ข้างล่างหลอด HP และ MP ก็ปรากฏหลอดใหม่ขึ้นมา เป็นหลอดสีทอง
และในขณะเดียวกัน หลอดนี้ก็ฟื้นฟูขึ้นช้าๆ
เอาเถอะ ในเมื่อต้องอัพเดทใหม่จริงๆ ทำไมไม่ทำระบบมินิแมพต่อสู้ด้วยล่ะ? มีแค่มินิแมพปรากฏในแต่ละเมืองมันขี้เหนียวเกินไปไหม?
แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายกลับไม่มีปฏิกิริยา ดูเหมือนมินิแมพต่อสู้ที่สะดวกสบายจะไม่มีทางเป็นจริงได้ในเวลาอันสั้น
ติ๊ง!
ทันใดนั้นเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นมาจนผมตกใจ ผมยังนึกว่าเป็นแจ้งเตือนใหม่ แต่เพ่งมองแล้วกลับไม่ใช่
หืม? นี่มันกระดานสกิลพิเศษไม่ใช่เหรอ?
จะว่าไปผมอัพจนเลเวล 13 แล้ว สกิลพิเศษมีสามแต้มแล้ว แต่ผมกลับไม่เคยเลือกสกิลอะไรเลย
แต่สาเหตุหลักเป็นเพราะค่าใช้จ่ายของสกิลพวกนี้มันมากเกินไป เพราะงั้นเลยโยนทิ้งไปข้างๆ
แต่ขณะที่ผมกำลังพูด กระดานนั้นก็เด้งออกมา แล้วด้านบนมีลูกศรสีทองชี้ไปยังสกิลหนึ่งในนั้น
ผู้ครอบครองตาอินทรี ได้รับความสามารถมองเห็นมินิแมพของแผนที่ (ต้องการแผนที่กระดาษเพื่อเพิ่มรายละเอียด) จะมองเห็นมินิแมพในขณะที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเท่านั้น
ผมยอมรับว่าผมแทบจะโดดขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำด้วยความตื่นเต้นขณะที่มันอธิบายสกิลได้ครึ่งเดียว แต่เมื่ออ่านถึงด้านหลังผมกลับต้องขมวดคิ้ว
มองเห็นมินิแมพได้ขณะไม่เคลื่อนไหวเท่านั้น นี่มันหักหลังกันรึเปล่า?
มันหมายความว่าผมต้องเดินๆ หยุดๆ เพื่อยืนยันตำแหน่งของศัตรูงั้นเหรอ? คนที่ออกแบบสกิลนี้คิดอะไรอยู่กันแน่เนี่ย…
…
แต่คิดดูแล้วก็ถูก ระบบที่แขวะผมทุกช่วงเวลาแบบนี้ คนที่ออกแบบมันต้องมีจิตใจอาฆาตลำดับทางสังคมแน่
แต่ในเมื่อเห็นแล้ว เลือกสกิลนี้ไว้ก็ดูจะดีกว่า
ผมกดยืนยันบนหน้าจอเสมือนจริง หลังจากมีแสงประกายขึ้น มินิแมพสามารถเห็นได้แค่ในเมืองก่อนหน้าก็แสดงออกมา แต่ตอนนี้มันมีเพียงรูปร่างสี่เหลี่ยม ลูกศรสีดำด้านบนก็คือตำแหน่งและทิศทางของผม
ดีจัง แบบนี้ตอนต่อสู้ก็สามารถยืนยันตำแหน่งและทิศทางของศัตรูได้แล้ว เยี่ยมจริงๆ!
ใช่แล้ว ต้องลองดูว่ามีสกิลที่สามารถมองทะลุฉายาของคนอื่นได้ไหม ในเมื่อสามารถค้นหาด้วยเสียงได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพลิกอ่านสกิลกว่าร้อยอันนี้
ในขณะที่ผมกำลังอยากค้นหาต่อ หางตาก็ดูเหมือนเห็นบางสิ่งที่ประหลาด
ใช่แล้ว เมื่อกี้ไม่ได้สังเกต ตอนนี้นอกจากไอคอนสีดำของผมบนมินิแมพที่มุมขวาแล้ว ยังมีลูกศรสีเขียวมองผมอยู่ใกล้มาก
เอ๋?
นี่…
อีกฝ่ายดูเหมือนอยู่ข้างๆ ผม?
แย่แล้ว เมื่อกี้จดจ่อเกินไปเลยไม่ได้สังเกตสถานการณ์รอบๆ?
ผมรีบมองทางตำแหน่งของอีกฝ่าย ในไอหมอกของน้ำร้อน มีคนยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ
“ฮีล…?”
ผมถามหยั่งเชิง
ที่ผมถามแบบนี้มันมีเหตุผล แม้ว่าชื่อข้อมูลของอีกฝ่ายจะเป็นชื่อของฮีล แต่ว่า…
กลับมีเครื่องหมายคำถามมากมาย…
“ฟีล…”
อีกฝ่ายเดินมาทางผม เมื่อเข้ามาใกล้ถึงพบว่า…หมอนี่โป๊อยู่!!!
“ฮีล รอเดี๋ยว ถึงความสัมพันธ์ของพวกเราจะดีมาก แต่ว่า คือว่า…ฉันไม่ได้มีรสนิยมชอบเก็บสบู่นะ จริงๆ นะ!”
หมอนี่คงไม่ใช่เกย์หรอกนะ!
ทำไมถึงเข้ามาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง!
“เก็บสบู่? นั่นหมายความว่าอะไร?”
“คือว่า…สวมเสื้อผ้าแล้วพวกเราออกไปคุยกันข้างนอกไหม?”
ผมหดตัวอยู่ที่มุมห้องอาบน้ำ ถามเสียงสั่น
“เดิมทีข้าก็คิดเช่นนี้ แต่ว่า ข้าคิดว่าแบบนี้จะทำให้เจ้าเข้าใจข้าได้ดีกว่า”
ฉันไม่ได้อยากเข้าใจนาย! ฉันไม่ได้อยากพูดคุยเรื่องปรัชญากับนาย! ถึงฉันจะเคยหลงใหลโลกของลูซิเฟอร์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ฉันกลับตัวเป็นคนดีแล้ว!
แต่ว่า ฮีลค่อยๆ เดินมาทางผม ผมหลับตา เกือบจะร่ายโล่น้ำแข็ง…
ช่วยด้วย อย่านะ!!!
ผมไม่อยากเป็นเกย์!
**ผู้แปลแปลตามผู้แต่งเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเหยียดเพศใดๆ ถ้าทำให้ผู้อ่านไม่พอใจต้องขอโทษด้วยนะคะ**