ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 505 ที่แท้ก็รอเธออยู่นี่เอง(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 505 ที่แท้ก็รอเธออยู่นี่เอง(2)

ตอนที่ 505 ที่แท้ก็รอเธออยู่นี่เอง(2)

หยวนปิงซินได้แต่รู้สึกอิจฉา “เฮ้อ…เมื่อไหร่ฉันจะได้อุ้มหลานชายหลานสาวกับเขาบ้างนะ”

“คุณป้าคะ เจียงเฉิงกับเนี่ยนอันแต่งงานกันแล้ว อีกไม่นานก็คงมีลูกแล้วค่ะ คุณป้าไม่ต้องกังวลนะคะ”

หยวนปิงซินหัวเราะขึ้นมาหลังจากได้ยินแบบนี้ “ฉันไม่ได้กังวลหรอก ของแบบนี้มันก็ต้องปล่อยไปตามธรรมชาติแหละนะ”

เมื่อเห็นว่าหยวนปิงซินดูไม่ค่อยกังวลนัก ฉินมู่หลานก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

หหยวนปิงซินเห็นเด็กทั้งสองวิ่งออกไปอย่างมีความสุข ก็อดยิ้มไม่ได้ “เด็กสองคนนี้คึกกันจังเลย”

แต่หลังจากพูดจบ ก็หันมองฉินมู่หลานด้วยท่าทางลังเลใจ

“คุณป้า มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรือเปล่าคะ?”

“ก็มีเรื่องอยู่แหละ ฉันคิดว่าเธอควรจะรู้เอาไว้”

หยวนปิงซินมาหาฉินมู่หลานในครั้งนี้ ก็เพื่อบอกเรื่องนี้กับเธอต่อหน้า “ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่ที่ปักกิ่ง เมื่อไม่กี่วันก่อนหล่อนบอกฉันว่าเธอไม่เคยไปหาอาหลี่ที่บ้านพักทหารเลย แต่ทุกครอบครัวที่นั่นรู้จักเธอกันหมดแล้ว”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดคิ้วขมวดเสียไม่ได้ โดยสัญชาตญาณแล้วอาจไม่ใช่เรื่องดี มิฉะนั้นหยวนปิงซินคงไม่แสดงท่าทางแบบนนี้ออกมา

หรือว่า…

หยวนปิงซินกล่าวต่อ “ครอบครัวพวกนั้นต่างบอกว่าหล่อนนิสัยไม่ดี เย่อหยิ่งคบค้าด้วยไม่ได้ และเหมือนจะพูดจาดูถูกคนอะไรประมาณนั้น ยังไงก็ตามมันฟังดูแย่มาก”

แต่ถึงอย่างนั้นหยวนปิงซินก็ได้แต่รู้สึกสับสน

“พูดตามตรงแล้วมันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เธอยังไม่ได้เข้าไปอยู๋ในฐานทัพด้วยซ้ำ ไม่ได้มีความขัดแย้งกับครอบครัวพวกนั้นเลย คนพวกนั้นก็ไม่เคยเจอเธอด้วย แล้วทำไมถึงพูดแบบนี้ออกมาได้”

ในใจของฉินมู่หลานคาดเดาเรื่องนี้ได้แล้ว

“คงจะมีใครบางคนตั้งใจปล่อยข่าวลือแบบนี้ค่ะ”

หลังพูดจบ เธอก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรมปักกิ่งให้ฟัง หลังจากนั้นก็กล่าวต่อ “ครั้งนั้นฉันกับคังอันเหอมีปากเสียงกัน นอกจากหล่อนแล้ว คนอื่นไม่มีทางแพร่ข่าวลือแบบนี้แน่นอนค่ะ”

หยวนปิงซินคิดตามถึงสิ่งที่เธอเล่า ก่อนจะรู้สึกโกรธมาก

“คังอันเหอนี่อะไรกัน เห็นได้ชัดว่าหล่อนเป็นคนผิด แต่กลับมาแพร่ข่าวลือใส่ร้ายเธอแบบนี้ ทำเกินไปแล้ว นี่มันจงใจแกล้งคนท้องอย่างเธอนะ”

ฉินมู่หลานก็รู้สึกว่าคังอันเหอน่ารำคาญเหมือนกัน ตอนแรกเธอคิดว่าเรื่องนี้จะจบแล้ว ไม่คิดเลยว่าหล่อนจะยังทำเรื่องต่อ คอยกลั่นแกล้งทั้งที่เธอไม่ได้อยู่บ้านในพักครอบครัว เผยแพร่ข่าวด้านลบของตัวเอง เรื่องนี้คนอื่นจะมองเธออย่างไร อีกทั้งจะคิดกับเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างไรอีก

แต่เมื่อนึกถึงเซี่ยเจ๋อหลี่ ฉินมู่หลานก็ตระหนักได้ว่าไม่ได้เจอเขามาสักพักแล้ว

“ไม่รู้ว่าช่วงนี้อาหลี่กำลังยุ่งอยู่หรืออะไร มีข่าวลือแบบนี้แพร่ออกไป เขาควรจะมาบอกฉันสักหน่อย”

เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ หยวนปิงซินจึงรีบเอ่ยทันที “เรื่องนี้จะโทษอาหลี่ไม่ได้หรอก ตอนนี้เขาคงไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง จึงไม่ได้ยินข่าวลือที่เกิดขึ้นในช่วงนี้”

ฉินมู่หลานหันไปมองด้วยสีหน้าแปลกใจ เธอไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง ไม่คิดเลยว่าหยวนปิงซินจะทราบ หรือว่าช่วงนี้อาหลี่ออกไปทำภารกิจ? แล้วบังเอิญว่าทางเหอเป่ยทราบเรื่องภารกิจครั้งล่าสุดนี้ด้วย?

เมื่อเห็นท่าทางของฉินมู่หลานดูสับสน หยวนปิงซินก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ครั้งนี้ไม่ใช่ภารกิจอะไรที่บอกไม่ได้หรอก ฐานทัพทุกเขตจะส่งคนเข้าร่วมการแข่งขันครั้งใหญ่ และการแข่งขันครั้งนี้ก็มีความพิเศษมากด้วย เดิมทีทุกคนไม่ทราบเวลาที่แน่นอน เขาจะแจ้งในวันนั้นเป็นรายบุคคลแล้วให้คนมารับไป ส่วนจะไปที่ไหนนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

เป็นเพราะสามีของหล่อนบอกเรื่องนี้ให้ฟังนิดหน่อย หล่อนจึงได้ทราบ หากเป็นภารกิจที่พูดไม่ได้ สามีของหล่อนคงไม่เล่าให้ฟังอย่างแน่นอน ตอนนี้หล่อนจะบอกฉินมู่หลานก็ไม่ถือว่ามีปัญหาอะไร

“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ไม่รู้เลยนะคะว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”

หยวนปิงซินส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “เรื่องนี้ไม่รู้หรอก ยังไงก็รอจนกว่าอาหลี่จะกลับมา เธอก็คุยเรื่องนี้กับเขาด้วยนะ”

ฉินมุ่หลานพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ค่ะ เดี๋ยวหนูจะลองคุยกับเขาเอง”

เมื่อเห็นว่าพูดเรื่องที่ควรพูดไปหมดแล้ว หยวนปิงซินก็วางแผนจะกลับ “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ เอาไว้ครั้งหน้ามาปักกิ่ง ฉันจะมาหาใหม่”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณป้า”

หากไม่ใช่เพราะหยวนปิงซินมาเพื่อแจ้งเรื่องนี้ให้เธอทราบด้วยตัวเอง เธอคงไม่ทราบเลยว่ามีอะไรอยู่เบื้องลึกเบื้องหลัง

หยวนปิงซินยิ้มแล้วโบกมือ ก่อนจะกล่าว “มีอะไรให้ต้องขอบคุณกัน”

พูดจบหล่อนก็โบกมือลาแล้วเดินจากไป แต่เมื่อเดินไปถึงประตูใหญ่ ก็ได้พบซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือที่เพิ่งกลับมา

เมื่อหยวนปิงซินเจอซูหว่านอี๋ ก็ยังพูดคุยกับเธอต่ออีกครู่หนึ่งด้วย

ซูหว่านอี๋ก็พูดคุยพลางยกยิ้มออย่างเป็นกันเองอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากหยวนปิงซินไปแล้ว ซูหว่านอี๋ก็หันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “มู่หลาน ทำไมภรรยาของ ผบ.เจียงถึงมาอยู่ที่นี่เหรอ?”

ฉินมู่หลานก็ไม่ได้ปิดบัง แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตามตรง

ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือโกรธมากเมื่อได้ยินแบบนี้ “ทำเกินไปแล้ว ยัยคังอะไรนั่น พวกเรารู้เรื่องก่อนหน้านี้ก็โกรธมากแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมาทำเรื่องแบบนี้อีก”

มู่หลานไม่ได้รู้จักกับคนอื่นเลย แล้วใครจะเป็นคนปล่อยข่าวลือได้ เพราะฉะนั้นคงไม่มีใครนอกจากคังอันเหออีกแล้ว

เหยาจิ้งจือมองท้องของลูกสะใภ้ที่ใหญ่ขนาดนี้ ก็ได้แต่หวังว่าลูกชายคนเล็กจะกลับมาในเร็ววัน “หวังว่าอาหลี่จะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด เรื่องนี้ต้องรีบแก้ไขโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นหากข่าวลือแพร่ออกไปมากขึ้น คงไม่ดีต่อตัวมู่หลานแน่”

ซูหว่านอี๋ก็เห็นด้วยเหมือนกัน

เดิมทีพวกหล่อนคิดว่าคงใช้เวลาสักระยะกว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะกลับมา ไม่คาดคิดว่าหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน เขาก็กลับมาแล้ว

เมื่อฉินมู่หลานเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “การแข่งขันครั้งใหญ่ของพวกคุณจบแล้วเหรอคะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็มองฉินมู่หลานด้วยความแปลกใจ “มู่หลาน คุณรู้ได้ยังไง?”

ตอนที่เขาถูกพาตัวออกไป แม้แต่พวกเขาเองก็ยังไม่รู้เลย

ฉินมู่หลานเล่าเรื่องที่หยวนปิงซินมาหาให้ฟัง แน่นอนว่าก็เล่าเรื่องข่าวลือด้วย

“ฉันยังไม่เคยเข้าไปอยู่ที่ฐานทัพใหม่ของคุณเลย แต่กลับมีข่าวลือของฉํนแพร่ไปทั่วในหมู่ครอบครัวทหาร ยัยคังอันเหอนั่นทำไว้งามหน้าเหลือเกิน”

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ทราบเรื่องนี้เลย หลังจากได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าของเขาก็มืดครึ้มลงทันที “ทำเกินไปแล้ว ตอนนั้นเราคงยอมปล่อยพวกมันง่ายเกินไป”

ฉินมู่หลานก็รู้สึกว่าวันนั้นควรสั่งสอนบทเรียนให้คังอันเหอสักหน่อย

“อาหลี่ ครั้งนี้พอคุณกลับไปทำงาน ให้ฉันจะไปกับคุณด้วยเถอะ คุณพักแยกอยู่ที่บ้านพักครอบครัวใช่ไหม”

เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าแล้วกล่าว “ได้รับบ้านพักครอบครัวแล้ว แต่ว่าคุณอย่าไปเลย เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้เอง”

“คุณจะไปจัดการคังอันเหอตรง ๆ เลยหรือไง หล่อนอยู่ที่บ้านพักนั้น ถ้าบุกไปเผชิญหน้ากับหล่อนตรง ๆ คงไม่ดี เพราะฉะนั้นเดี๋ยวฉันไปจัดการที่นั่นเองดีกว่า”

เซี่ยเจ๋อหลี่ส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “ผมไม่ได้จะจัดการหล่อน ผมจะไปจัดการถูเฉิงเสียงสามีของหล่อน”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “คุณคิดจะไปเล่นงานสามีของหล่อนเหรอ นั่นก็ไม่เลวนะ เพียงแต่ว่า…มีคนพูดข่าวลือเยอะมาก และคนที่พูดปากต่อปากกันก็คงเป็นคนที่อยู่ในครอบครัวทหารพวกนั้นนั่นแหละ มันไม่ง่ายที่นายจะจัดการ เดี๋ยวฉันจะไปที่นั่นเอง ทุกคนต่างบอกว่าฉันเป็นคนหยิ่งยโสวางมาดแถมยังนิสัยไม่ค่อยดีใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นฉันจะแสดงให้พวกเขาได้เห็น ว่าฉันเป็นคนแบบไหน”

เห็นมู่หลานพูดแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่จึงไม่พูดอะไรอีก แต่เขาก็ยังวางแผนอยากจะให้พวกเหวินเฉียนไปกับมู่หลาน

“แล้วพวกเหวินเฉียนจะไปด้วยไหม?”

“วางใจเถอะ เรื่องนี้ผมเตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “นั่นถือว่าดีเลยค่ะ”

มีพวกเหวินเฉียนไปด้วย เธอย่อมโล่งใจเป็นธรรมดา

เซี่ยเจ๋อหลี่กลับมาครั้งนี้เพื่อมาหาฉินมู่หลานและลูก ๆ ทั้งสอง ด้วยความที่วันหยุดพักผ่อนมีไม่เยอะ ดังนั้นเขาและมู่หลานจึงออกเดินทางไปฐานทัพในวันรุ่งขึ้นทันที

ฉินมู่หลานเพิ่งมาเป็นครั้งแรก เมื่อคนอื่นเห็นเธอจึงพากันรู้สึกแปลกใจ

ครั้นคังอันเหอทราบข่าว หล่อนที่ก้าวออกจากประตูบ้านก็พบฉินมู่หลานทันที เมื่อเห็นศัตรูก็รู้สึกตาเจ็บ จ้องมองฉินมู่หลานด้วยความเกลียดชังและเอ่ยอย่างเย็นชา “เธอมาทำอะไรที่นี่”

…………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

หาเรื่องปล่อยข่าวให้สามีตัวเองลำบากเหรอยัยอันเหอ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท