สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 194 ประสงค์ร้าย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 194 ประสงค์ร้าย

ในพระที่นั่งจัดโต๊ะเลี้ยงเต็มพื้นที่ แต่ยามนี้เข็มตกลงพื้นก็คงได้ยิน พระสนมนางในที่มีคุณสมบัติร่วมงานเลี้ยง ฮูหยินที่มีตราแต่งตั้งมาร่วมงานในเครื่องแต่งกายเต็มยศ ชาววังแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดงชุดใหม่ ล้วนเต็มไปด้วยความอยากรู้ หลายคนมองประเมินสาวน้อยที่ก้มหน้าอยู่

คนจำนวนน้อยที่เคยได้พบซินโย่วก็ไม่กระไรนัก แต่คนส่วนใหญ่ที่ไม่เคยได้พบต่างกำลังคิดว่าคุณหนูโค่วแท้จริงเป็นบุคคลเช่นใด จึงสร้างเรื่องราวให้เป็นที่สนใจของผู้คนในเมืองหลวงได้มากมายเพียงนั้น

ในบรรดาคนเหล่านี้ นายหญิงผู้เฒ่าจูเบิกตากว้างมองละเอียดที่สุด

ตั้งแต่นายหญิงผู้เฒ่าจูสงสัยว่าหลานชายอาจจะชอบคุณหนูโค่วก็ส่งคนไปสืบข่าวมาแล้ว พอสืบมาก็รู้ว่าไม่ธรรมดา นักเรียนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนพวกนั้นถึงกับเชื่อมั่นว่าคุณหนูโค่วเป็นเทพพยากรณ์ เป็นประเภทที่ไม่เปิดเผยตัวตนต่อโลกภายนอก มีเพียงพวกเขาที่รู้

คุณหนูผู้นี้ไม่เพียงแต่ไม่เห็นค่าเงินทอง แต่ยังแสร้งทำตัวเป็นผู้วิเศษ!

นายหญิงผู้เฒ่าจูรู้ว่าสถานะตนเองไม่เหมาะจะไปร้านหนังสือชิงซง วันนี้มีโอกาสได้พบพอดี

ท่ามกลางสายตาของผู้คน ซินโย่วเงยหน้ามอง

ไทเฮาเห็นใบหน้าซินโย่วชัดเจน แววตาก็มีความประหลาดใจผุดขึ้นมา

ถึงกับเหมือนกับเจาหยางมาก!

หลังจากตกพระทัยไปชั่วขณะ ไทเฮาก็มิได้โปรดปรานสาวน้อยตรงหน้าเพราะหน้าตาคล้ายบุตรชาย ดังคำกล่าวว่ารักผู้ใดก็รักทุกสิ่งอันเป็นของคนผู้นั้น เพราะคำพูดเมื่อวานของพระสนมซูเฟยส่งผลอย่างมาก

ทั้งเปิดร้านหนังสือ ทั้งบริจาคเงินมาร่วมงานเลี้ยงที่องค์ชายเป็นองค์ประธาน เป็นแค่คุณหนูคนหนึ่ง คิดทำอันใดกัน

หากอยู่ในช่วงกลียุค ก็คงจะเหมือนหญิงผู้นั้นใช่หรือไม่ ไม่รู้จักคล้อยตาม ไม่รู้จักกตัญญู รู้เพียงแค่ก่อเรื่องก่อราว?

ในความคิดไทเฮา หญิงสาวเช่นนี้น่ารังเกียจมาก

“หน้าตาไม่เลวจริงๆ” ไทเฮาแย้มสรวล หันไปทอดพระเนตรนายหญิงผู้เฒ่า “หลานสาวเจ้าอายุเท่าไรแล้ว”

นายหญิงผู้เฒ่ารีบเอ่ยว่า “ผ่านพ้นปีนี้ไปก็สิบเจ็ดแล้วเพคะ”

“สิบเจ็ด ก็ควรได้วัยออกเรือนแล้ว ไม่ทราบว่ามีเจรจาหมั้นหมายกับตระกูลใดหรือไม่”

ในใจนายหญิงผู้เฒ่าหนักอึ้ง ไม่กล้าทูลความเท็จ “ยังมิได้หมั้นหมายเพคะ”

บรรดาฮูหยินต่างสบตากัน ในใจคิดว่าหรือไทเฮาจะเป็นแม่สื่อให้คุณหนูโค่ว

งานแต่งงานที่ไทเฮาทรงเลือกให้ย่อมไม่เลวอย่างยิ่ง คุณหนูโค่วท่านนี้ช่างมากบารมีเสียจริง

“เอาอย่างนี้” ไทเฮาแย้มสรวลพระเนตรหยีมองซินโย่ว “ข้าดูเด็กคนนี้แล้วชอบมาก ในเมื่อยังไม่หมั้นหมาย ไว้ข้าค่อยหาคู่ครองที่เหมาะสมให้สักคน นายหญิงผู้เฒ่าคิดว่าอย่างไร”

นายหญิงผู้เฒ่ายังจะกล่าวอันใดได้ ได้แต่ขอบพระทัยในพระเมตตา “ขอบพระทัยไทเฮาที่ทรงเมตตา”

ซินโย่วเองก็ลงถวายคำนับตาม

“นายหญิงผู้เฒ่าไปนั่งได้ เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”

นายหญิงผู้เฒ่าถวายคำนับอีกครั้งก่อนพาซินโย่วเดินไปนั่งที่โต๊ะหน้าประตูพระที่นั่งดังเดิม

ตอนขามานายหญิงผู้เฒ่ายังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ละก้าวคล้ายดังก้าวไปบนบุปผาในฤดูวสันต์ แต่ตอนขากลับกลับยิ่งก้าวยิ่งหนัก

ความทรงเกียรติที่ไทเฮาเรียกให้เข้าเฝ้ากลายเป็นความว่างเปล่า ทำให้แผนการจับคู่หลานสาวนางกับหลายชายวุ่นวาย เป็นเรื่องที่กระทบจิตใจนางอย่างรุนแรง

พระดำรัสไทเฮานี้ทำให้นางไม่อาจจัดการงานแต่งให้ชิงชิงแล้ว

นายหญิงผู้เฒ่าทุกข์ใจอย่างมาก แต่กลับมีฮูหยินไม่น้อยพากันอิจฉา โดยเฉพาะพวกฮูหยินระดับล่าง

บรรดาคุณหนูจวนกั๋งกงหรือเสนาบดีก็แล้วไป ไม่มีไทเฮาเมตตาก็ไม่กังวลเรื่องแต่งงาน แต่พวกนางเป็นคุณหนูขุนนางระดับสี่ห้า ไปหาพวกที่ระดับเท่าเทียมกันก็เท่านั้น จะเทียบกับได้ไทเฮาเป็นแม่สื่อได้อย่างไร

จวนรองเจ้ากรมช่างโชคดีจริง

ท่ามกลางสายตาอิจฉา องค์หญิงใหญ่เจาหยางกลับแอบลอบสังเกตไทเฮาแล้วก็เริ่มหนักใจขึ้นมา

แม้ว่าไม่สนิทกับมารดา แต่มารดากับบุตรสาวย่อมสื่อถึงกัน เสด็จแม่ไม่ได้ประสงค์ดีต่อคุณหนูโค่ว

เสด็จแม่กล่าวเช่นนี้มีจุดประสงค์ใด จะหาคู่หมายย่ำแย่ให้คุณหนูโค่วหรือ

ไม่น่า

เสด็จแม่ตรัสต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ หากพระราชทานคู่หมายไม่ดี ก็เป็นการเสียหน้าตนเอง

เช่นนั้นคิดทำอันใดกัน…องค์หญิงใหญ่เจาหยางกุมจอกสุราแน่น คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา

เสด็จแม่กล่าวต่อหน้าบรรดาฮูหยินตราตั้งเหล่านี้ วันหน้าก็ไม่มีจวนไหนใจกล้าไปสู่ขอคุณหนูโค่ว เพราะไทเฮาตรัสไว้แล้วว่าจะพระราชทานเลือกคู่ให้คุณหนูโค่ว

แต่หากว่าเสด็จแม่ ‘ลืมไป’ เล่า

ปกตินายหญิงผู้เฒ่าจวนรองเจ้ากรมไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าเสด็จแม่ สถานการณ์เช่นการถวายพระพรปีใหม่นี้ย่อมไม่อาจถามได้ หากยื้อเวลาไปอีกสามปีห้าปีหรือนานกว่านั้น ผู้อื่นก็ไม่กล้ามาถามต่อหน้าเสด็จแม่ หากมีคนถามขึ้นมาจริง เสด็จแม่บอกว่าอายุมากลืมไปแล้ว ผู้ใดจะกล้านึกสงสัย

และคุณหนูโค่วก็จะเสียเวลาไปเสียเปล่า

องค์หญิงใหญ่เจาหยางคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็นึกโมโหในใจ

เสด็จแม่ทำเช่นนี้กับสาวน้อยที่พบกันเพียงครั้งแรก เกินไปแล้วจริงๆ

นึกถึงตอนนั้นที่เสด็จแม่ไม่สนใจความเป็นความตายของนาง ดึงดันจะให้นางแต่งกับเจ้าของที่ดินอายุไม่น้อยนั่นแล้ว องค์หญิงใหญ่เจาหยางก็เม้มปากแค่นเยาะ

กับบุตรสาวตนเอง หญิงผู้นี้ก็ยังทำเช่นนี้ได้ นับประสาอันใดเป็นถึงไทเฮาสูงส่งแล้ว จะทำกับคุณหนูที่ไร้ความสัมพันธ์กัน

องค์หญิงใหญ่เจาหยาง ตัดสินใจรอให้พ้นช่วงปีใหม่ในหลายวันนี้ไปก่อน ก็จะเชิญคุณหนูโค่วมาเที่ยวที่จวน

พระสนมซูเฟยเห็นสีหน้าเย็นเยียบขององค์หญิงใหญ่เจาหยางก็รู้สึกเบิกบานใจ

คุณหนูโค่วผู้นี้ดวงไม่ดี แม้ว่าหน้าตาละม้ายคล้ายองค์หญิงใหญ่ แต่ความสามารถก่อเรื่องก่อราวในเมืองหลวงคล้ายหญิงผู้นั้นมาก

แต่ไทเฮากลับไม่ทรงโปรดหญิงผู้นั้นที่สุด

คุณหนูโค่วค่อยๆ รับ ‘พระเมตตา’ ไทเฮาไปเถอะ

เส้นทางขากลับ นายหญิงผู้เฒ่ามองหน้าหลานสาวอีกครั้ง ก็รู้สึกทุกข์ใจอยู่ไม่น้อย

เดิมในใจนางคิดมาตลอดว่าหกแสนตำลึงนั่นช้าเร็วก็ต้องกลับคืนสู่จวนรองเจ้ากรม ตอนนี้ดีเลย ไม่เพียงแต่ไม่กลับมา แต่ยังเพราะไทเฮาพระราชทานงานแต่ง ยังต้องเตรียมสินออกเรือนมากมายเป็นพิเศษอีกด้วย

นายหญิงผู้เฒ่าหลับตาลง ในใจวุ่นวายและปวดใจ

ซินโย่วเองก็หลุบตาลง คิดถึงจุดมุ่งหมายของไทเฮา

ไทเฮาถามเรื่องการแต่งงานของนางต่อหน้าทุกคน หรือว่าเป็นคนมีนิสัยชอบจับคู่จริง

แต่เหตุใดจึงรู้สึกว่าไม่ได้ประสงค์ดี

ขณะนี้ยังไม่รู้จุดมุ่งหมายของไทเฮา ซินโย่วตัดสินใจค่อยๆ ดูไปก่อน

กลับถึงจวนรองเจ้ากรม รองเจ้ากรมต้วนนำทุกคนไปไหว้บรรพบุรุษ รอพวกรุ่นเยาว์คารวะผู้อาวุโสแล้ว พวกผู้ชายก็ออกไปอวยพรปีใหม่ญาติมิตร พวกผู้หญิงก็คอยต้อนรับแขกที่มา พวกรุ่นเยาว์ก็มีเวลาว่างในวันปีใหม่ของตนเองแล้ว

ต้วนอวิ๋นหวากลับรู้สึกปวดใจ

ปีที่แล้วท่านแม่ให้นางคอยช่วยดูแลจวนแล้ว ตั้งใจอบรมสั่งสอนนาง วันหน้าจะได้มีความสามารถติดตัว

แต่ตอนนี้ท่านย่าไม่เหลียวมองนาง อาสะใภ้รองก็เย็นชาต่อนาง น้องสามก็ไม่เกรงใจนาง จวนนี้อยู่ไปก็ไร้ความหมาย

ต้วนอวิ๋นหวาเดินเล่นไปเรื่อย พลันได้ยินเสียงสนทนา

“หานเสวี่ย เจ้าไปขอให้เจี้ยงซวงช่วยพูดว่าจะขอกลับไปอยู่กับคุณหนูนอก นางรับปากแล้วหรือยัง”

หานเสวี่ยแค่นเสียงฮึ “คนเขาตะกายไปที่สูงได้แล้ว ดูแคลนพวกเราแล้ว”

“เช่นนั้นก็ช่างน่าเสียดาย คุณหนูนอกใจกว้างมาก นายหญิงผู้เฒ่าให้ปลาทองคำ ก็แจกให้คนเรือนหว่านฉิงทันที เจ้าเห็นไหม พวกหวางมามาโอ้อวดเพียงใด…คุณหนูรอง!”

สาวใช้สองคนเห็นต้วนอวิ๋นหวาก็รีบคำนับ

“นายหญิงผู้เฒ่าแจกปลาทองคำ?” ต้วนอวิ๋นหวาเอ่ยถามทีละคำ

ล้วนรู้กันว่าคุณหนูรองไม่ถูกกับคุณหนูนอก สาวใช้รีบเอ่ยว่า “เจ้าค่ะ เงินยาซุ่ยเฉียนที่นายหญิงผู้เฒ่าให้คุณหนูนอก คุณหนูนอกนำกลับเรือนหว่านฉิงไปแล้วก็แจก…”

ต้วนอวิ๋นหวาโมโหจนมือสั่น

ให้เงินยาซุ่ยเฉียนนางเป็นเศษก้อนเงิน แต่ให้ทองคำโค่วชิงชิง ท่านย่าลำเอียงจริง!

ต้วนอวิ๋นหวารู้ว่าไม่อาจไปเอาเรื่องนายหญิงผู้เฒ่า ได้แต่กระฟัดกระเฟียด มองไปเห็นคุณหนูสี่ต้วน อวิ๋นเยี่ยน

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท