หากต้องการได้รับประโยชน์สูงสุด มูลค่าที่จ่ายออกไปก็จำเป็นต้องสอดคล้องกัน
และจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ ก็คือการกล้ายอมรับความท้าทาย
และตอนนี้ ของล่อใจขนาดใหญ่ก็วางอยู่ตรงหน้าผม แต่ในขณะเดียวกัน มูลค่าที่ต้องจ่ายก็ชัดเจนอย่างยิ่ง
แน่นอน ของล่อใจขนาดใหญ่นี้ก็คือการอัพห้าเลเวลเลยทันที สำหรับผมในตอนนี้แล้ว การอัพหนึ่งเลเวลจำเป็นต้องใช้ค่าประสบการณ์เกินกว่า 200,000 และต่อไปก็ต้องการมากขึ้นอีก ถ้าได้รับรางวัลห้าเลเวลนี้ สำหรับผมก็คงช่วยประหยัดแรงไปได้ไม่น้อย
แล้วความแข็งแกร่งของผมจะเพิ่มขึ้นถึงนักเวทระดับกลาง ถ้าเป็นแบบนี้ผมก็สามารถเรียนเวทมนตร์ที่ไม่สามารถเรียนได้พวกนั้นในสถาบัน
คิดแบบนี้แล้วก็รู้สึกยอดมาก ความเย้ายวนใจนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ!
แต่ว่า ค่าใช้จ่ายของเควสต์นี้ก็ชัดเจนมาก ถ้าไม่สำเร็จ สิ่งที่ต้อนรับผมก็คงมีเพียงจุดจบเดียว
ความตาย!
ถึงแม้ผมมีคุณสมบัติพิเศษสามารถคืนชีพจากวิหารได้ แต่ว่า นั่นเป็นเพียงข้อสรุปสุ่มสี่สุ่มห้าของอาร์ย่าในหมู่บ้านฝึกหัด โดยไม่รู้ว่าโลกภายนอกจะใช้ได้หรือไม่ แล้วตอนนี้ก็อยู่ในขอบเขตนอกสถานที่ ถ้าเกิดตายไปก็ไม่รู้ว่าจะคืนชีพที่วิหารได้ไหม
ถ้าไม่ได้ก็คงเสียหายครั้งใหญ่เลยไม่ใช่เหรอ? อุปกรณ์หายก็ยังโอเค ไม่ใช่ว่าผมซื้ออีกไม่ได้ แต่ถ้าเสียค่าประสบการณ์ผมคงร้องไห้ตายจริงๆ
แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ ผมก็ยังอยากท้าทายเควสต์นี้ แม้ว่าคำบอกใบ้ข้างบนจะบอกว่าเลเวลของผมไม่เหมาะสมกับเควสต์นี้ แต่ว่า ของล่อใจใหญ่ขนาดนี้วางอยู่ตรงหน้า ไม่ลองดูก็น่าเสียดายจริงๆ
และตอนนี้ พวกเราทั้งเก้าคนกำลังนั่งล้อมโต๊ะกลมที่องค์หญิงสโนว์พกมา ปรึกษาสิ่งที่ต้องทำต่อไป
แม้ว่าตอนนี้สถาบันจะประกาศให้ถอนตัวในหกชั่วโมงแล้ว แต่ว่า ในสถาบันที่ชนชั้นสูงเป็นใหญ่นี้ อยากสั่งชนชั้นสูงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย เพราะงั้นจึงทำได้แค่ประกาศแจ้งเตือนให้ถอนตัว
เดิมทีเกิดเรื่องอันตรายขนาดนี้ ทุกคนควรจะถอนตัวทันที แต่ว่า เนื่องจากกลุ่มสายอัญเชิญขาดการติดต่อ เรือเหาะกำลังค้นหาอยู่เหนือป่า พวกเราในตอนนี้จึงทำได้แค่รอคอยไปก่อน
แม้ไม่รู้ว่านี่เป็นผลกระทบจากระบบของผมที่ทำให้เกิดเวลาทำเควสต์หกชั่วโมงหรือไม่ แต่คำถามที่ไม่มีคำตอบแบบนี้ปล่อยไว้จะดีกว่า
ยังไงซะตอนนี้พวกเรามีปัญหาที่ใหญ่กว่าให้แก้
นั่นก็คือการกระทำขั้นต่อไปของพวกเรา
“อันตรายเกินไป! พวกเรารอเรือเหาะมารับจะเหมาะสมกว่า”
หลังจากได้ยินคำอธิบายขององค์หญิงสโนว์ อีเลนก็พูดขึ้นทันที
หมอนี่เป็นพวกหัวโบราณจริงๆ ตรงกับสไตล์ของขุนนางทีเดียว
ยิ่งกว่านั้นถึงเรือเหาะที่พาองค์หญิงสโนว์มาจะเข้าร่วมการค้นหาอยู่ แต่เรือเหาะของพวกผมยังจอดพักอยู่ที่เดิม และไม่นานก็คงขึ้นบินไปรับนักเรียนที่อยู่ในป่าได้
“ข้าก็คิดแบบนั้น อย่างไรเรื่องแบบนี้…ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะแก้ไขได้นี่?”
ฮีลก็พูดแบบนี้ แต่อันที่จริง หมอนี่ก็ไม่เหมาะไปทำเควสต์กับผม แม้ว่าเขาบอกว่าตัวเองตายไม่ได้ แต่ผมก็ไม่อยากให้เพื่อนตัวเองต้องรับความเสี่ยงนี้
“พวกเจ้าสงบเสงี่ยมหน่อยก็ดี พวกเราต้องอยู่ที่นี่ปกป้องพวกเจ้า เมื่อถึงเวลา เรือเหาะจะพาทุกคนออกไปเอง”
คนที่พูดคือ ‘เควิน’ อาจารย์ผู้รับผิดชอบกลุ่มพวกองค์หญิงแอน เทียบกับแรนดอลแล้วหมอนี่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก แต่ก็น่าเบื่อกว่ามากเช่นกัน
“ผมอยากสำรวจดูสักหน่อย”
ผมตอบกลับทันที
“อะไรนะ…”
เควินได้ยินคำพูดของผมก็ขมวดคิ้วทันที แต่นี่ก็เป็นเรื่องธรรมดา ยังไงซะคำพูดของผมในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการต่อต้านเขา
“ผมอยากตามหาหัวใจคริสตัลในป่าต่อ ถึงการฝึกฝนจะจบแล้ว แต่เงื่อนไขยังไม่เปลี่ยนไปใช่ไหม? แล้วถ้าผมได้หัวใจคริสตัล ก็ไม่ต้องสอบปลายภาคใช่ไหม?”
ด้วยผลการเรียนของผมแล้ว น่าจะเป็นแบบนี้นะ
แต่เป้าหมายของผมยังเป็นการไปตามหาฆาตกรในป่า จะไม่ปล่อยให้ค่าประสบการณ์หลุดลอยไปแน่นอน
“ข้าก็อยากไป!”
คนที่รับคำพูดผมคือองค์หญิงสโนว์
“นานๆ ทีจะมาสักครั้ง อยู่ที่นี่ก็คงน่าเบื่อเกินไป วางใจได้ ข้ามีผู้คุ้มกันของข้าตามมาด้วย”
พูดจบเธอก็ชี้ไปที่ป่าข้างหลัง
ตอนนี้ผมถึงสังเกตได้ว่ามีแถวเครื่องหมายคำถามผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในป่าข้างหลังเธอ และบนมินิแมพก็ไม่มีร่องรอยอะไร จนผมแทบมองข้ามไป
“ในฐานะที่เป็นอาจารย์ข้าจะไปกับเจ้าด้วย ข้าไม่อาจปล่อยให้นักเรียนไปเดินสุ่มสี่สุ่มห้าได้”
แรนดอลพูดพร้อมหัวเราะ แต่เห็นท่าทางของหมอนี่แล้ว กลับไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไร
“พวกเจ้า…เฮ้อ ไม่เป็นไร อย่างไรซะการรอดูอยู่ที่นี่ก็ปลอดภัยกว่าไปเดินสุ่มสี่สุ่มห้าแบบพวกเจ้า ข้าจะอยู่ที่นี่”
นึกไม่ถึงว่าเควินยังมีความรู้สึกรับผิดชอบ แต่ขอโทษด้วย เควสต์สำคัญกว่าน่ะ
เพราะว่าตอนที่พูดอยู่นี้ เวลาผ่านไปเกือบครี่งชั่วโมงแล้ว เหลือเวลาให้ผมแค่ห้าชั่วโมงครึ่งเอง แรงกดดันช่างไม่ธรรมดาจริงๆ
“งั้นก็รีบเดินทางเถอะ เวลาใกล้หมดแล้ว”
พูดจบ ผมก็เดินนำเข้าไปในป่า และองค์หญิงสโนว์ก็ตามมาทันที
“นี่ไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดเลย พวกเจ้ายืนยันว่าจะไปเหรอ?”
และในขณะนั้นเอง จู่ๆ องค์หญิงแอนก็พูดขึ้นมา
“ถ้าคุณหมายถึงอันตราย…เรื่องแบบนี้ผมย่อมพิจารณาไว้แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก”
“ฮึ่ม เจ้ามั่นใจซะจริงๆ เมื่อคืนอีกฝ่ายฆ่าไปสิบสองคนเลยนะ แม้ความแข็งแกร่งของเจ้าจะไม่เลว แต่ถ้าอีกฝ่ายอยากฆ่าเจ้าก็คงง่ายดายมากไม่ใช่เหรอ?”
“วางใจได้ ผมแค่เดินดูเท่านั้น”
ผมตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่ได้ไปสู้กับเขาคนเดียวนี่”
“พูดมาเถอะ เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?”
หลังแยกจากกลุ่มไปได้สิบนาที จู่ๆ องค์หญิงสโนว์ก็เอ่ยปากถาม
“หืม?”
“อย่าเสแสร้งเลย เจ้ามันคนหัวแหลม เจ้าคงไม่เห็นค่าหัวใจคริสตัลอะไรนั่นอยู่แล้ว? แล้วทำไมต้องออกมาเวลานี้ด้วย?”
“ไม่จริงน่า? เมื่อกี้ผมเสแสร้งชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เจ้าคิดเสแสร้งต่อหน้าข้า ยังเร็วไปนะ”
องค์หญิงสโนว์ตอบกลับอย่างเย่อหยิ่ง ดูเหมือนตัวเธอมองทะลุได้ทุกอย่าง
เฮ้อ ช่วยไม่ได้จริงๆ ต่อไปผมยังต้องพึ่งพาผู้คุ้มกันของเธออยู่ ตอนนี้ก็จริงใจไว้หน่อยดีกว่า
“ผมอยากดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะเมื่อวานเหมือนผมจะเห็นคนประหลาด”
ใช่แล้ว เมื่อวานตอนที่กลุ่มทหารรับจ้างประหลาดปรากฏตัวทำให้คิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมจู่ๆ สถานที่ฝึกฝนของพวกผมถึงมีคนอื่นปรากฏตัว?
แต่ว่า ผมไม่กล้าพูดเรื่องเอลฟ์คนนั้นออกมา สักวันผมอาจจะต้องอาศัยเขาเพื่อหาตำแหน่งของเอลฟ์ก็ได้
“คนประหลาด? ใครกัน?”
“เพราะว่าไม่รู้เลยอยากไปสำรวจไง แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นทหารรับจ้าง แต่ความแข็งแกร่งกลับไม่เท่าไหร่”
“กลุ่มทหารรับจ้างเหรอ…”
องค์หญิงสโนว์คิดอยู่สักพัก
“งั้นก็ไปสำรวจกันเถอะ! อย่างไรก็ว่างอยู่แล้ว”
“ข้าเข้าใจแล้ว รวมข้าหนึ่งคน…ไม่สิ รวมพวกเราสองคนด้วย”
หมุนตัวไปมอง…
เป็นองค์หญิงแอนกับซิกซ์!