บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1335 อานุภาพของเต๋าแห่งหายนะ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1335 อานุภาพของเต๋าแห่งหายนะ

บทที่ 1335 อานุภาพของเต๋าแห่งหายนะ

กระบี่ดอกบัวโปร่งใสได้บานสะพรั่งไปทั่วท้องฟ้า พวกมันล่องลอยไปทุกหนทุกแห่ง และกลืนกินแสงแห่งหายนะที่หลั่งไหลลงมา ทำให้มันกลายเป็นกระแสพลังไร้รูปร่างที่มาบรรจบกัน ก่อนที่จะพุ่งเข้าสู่กระบี่เต๋าวิบัติภายในร่างกายของเฉินซี

โอม~ โอม~

เมื่อแสงแห่งหายนะถูกกลืนกินมากขึ้นเรื่อย ๆ กระบี่เต๋าวิบัติที่มีสีแดงเลือดก็เริ่มเปล่งเสียงกระบี่คำรามประหนึ่งมังกรดังก้องไปทั่วฟ้าดิน

เสียงกระบี่คำรามราวกับกระแสน้ำ และเปี่ยมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อันสูงสุด

ในขณะนี้ ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์พินาศเต๋าแห่งเก้าวิบัติสวรรค์ถูกขัดขวางและตกอยู่ในสภาวะถดถอย

พรูด! พรูด! พรูด!

ในขณะที่ศพของเทพโลหิตโบราณที่มีมากมายจนบดบังฟ้าดินก็ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง

ร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งหายนะ จึงตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีของดอกบัวกระบี่โปร่งแสง ดอกบัวทุกดอกได้ปลดปล่อยปราณกระบี่ที่เต็มไปด้วยพลังสังหารอันน่าสะพรึงกลัว ในชั่วพริบตา มันสังหารศพของเทพโลหิตโบราณไปนับไม่ถ้วน บังเกิดเป็นเหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง

แม้ว่าจะเป็นราชันเซียนเช่นสืออวี๋ เซียงหลิวหลี และเตียนเตี้ยน ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ นี่คืออานุภาพของกระบี่เต๋าวิบัติ กระบี่ที่ตอบโต้พลังงานแห่งหายนะโดยกำเนิด!

เท่าที่รู้ ในสมัยบรรพกาลเมื่อหลายปีก่อน ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างนิกายอำนาจเทวะและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหลนั้นมาจากกระบี่เต๋าวิบัติ

ด้วยเหตุนี้ นิกายอำนาจเทวะจึงใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อวางแผนร้ายต่อดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล ในขณะที่มันกำลังบรรลุมหาเต๋า

น่าเสียดายที่นิกายอำนาจเทวะยังคงไม่ได้รับกระบี่เต๋าวิบัติ และเรื่องนี้ได้กลายเป็นแผลใจของนิกายอำนาจเทวะ อีกทั้งยังไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าศัสตราวิเศษจากยุคบรรพกาลในตำนานนี้ จะตกไปอยู่ในมือของเฉินซีจริง ๆ

“เรามาลงมือพร้อมกันเถอะ!” สืออวี๋หายใจลึก ๆ จากนั้นจ้องมองอย่างฉับไวไปที่กระจกสัมฤทธิ์โบราณที่ลอยกลางอากาศอยู่ไกลโพ้น ในขณะที่ท่าทางของเขาเผยให้เห็นเจตนาฆ่าอย่างเย็นชา

ก่อนหน้านี้ เขาถูกกดดันจนแทบจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ ความโกรธเกรี้ยวที่สะสมไว้เต็มอกได้เวลาชำระแล้ว!

ครืน!

เขาถือศิลาเบญจรงค์ ก้าวผ่านความว่างเปล่าและพุ่งทะยานไปข้างหน้า

แม้ว่าจะเป็นราชันเซียนเช่นสืออวี๋ เซียงหลิวหลี และเตียนเตี้ยน ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ นี่คืออานุภาพของกระบี่เต๋าวิบัติ กระบี่ที่ตอบโต้พลังงานแห่งหายนะโดยกำเนิด!

เท่าที่รู้ ในสมัยบรรพกาลเมื่อหลายปีก่อน ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างนิกายอำนาจเทวะและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหลนั้นมาจากกระบี่เต๋าวิบัติ

ด้วยเหตุนี้ นิกายอำนาจเทวะจึงใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อวางแผนร้ายต่อดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล ในขณะที่มันกำลังบรรลุมหาเต๋า

น่าเสียดายที่นิกายอำนาจเทวะยังคงไม่ได้รับกระบี่เต๋าวิบัติ และเรื่องนี้ได้กลายเป็นแผลใจของนิกายอำนาจเทวะ อีกทั้งยังไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าศัสตราวิเศษจากยุคบรรพกาลในตำนานนี้ จะตกไปอยู่ในมือของเฉินซีจริง ๆ

“เรามาลงมือพร้อมกันเถอะ!” สืออวี๋หายใจลึก ๆ จากนั้นจ้องมองอย่างฉับไวไปที่กระจกสัมฤทธิ์โบราณที่ลอยกลางอากาศอยู่ไกลโพ้น ในขณะที่ท่าทางของเขาเผยให้เห็นเจตนาฆ่าอย่างเย็นชา

ก่อนหน้านี้ เขาถูกกดดันจนแทบจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ ความโกรธเกรี้ยวที่สะสมไว้เต็มอกได้เวลาชำระแล้ว!

ครืน!

เขาถือศิลาเบญจรงค์ ก้าวผ่านความว่างเปล่าและพุ่งทะยานไปข้างหน้า

“ไปกันเถอะ เราต้องคว้าโอกาสเพื่อออกไปจากที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะได้สิ่งนี้มาจากไอ้พวกสารเลวนิกายอำนาจเทวะ!” เซียงหลิวหลีหันกลับไปมองเตียนเตี้ยน ก่อนที่จะกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา ใบหน้ากลับคืนสู่ความภาคภูมิใจดังเดิม ราชันเซียนผู้สูงศักดิ์เช่นพวกตนถูกกดดันถึงเพียงนี้ แล้วจะให้กลืนความขุ่นเคืองนี้ไปได้อย่างไร?

“ตกลง แต่ข้ายังต้องดูแลคนผู้นี้ก่อน” เตียนเตี้ยนยิ้มขณะมองไปที่เฉินซีที่ยืนอยู่เคียงข้าง

ในขณะนี้ จิตใจของเฉินซีได้ฟื้นคืนแล้ว และได้ยินการสนทนาของอีกฝ่าย แต่เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ เนื่องจากกระบี่เต๋าวิบัติกำลังส่งเสียงหึ่ง ๆ ภายในร่างกาย พลางกลืนกินแสงแห่งหายนะ ทำให้ชายหนุ่มสูญเสียการควบคุมต่อร่างกายโดยสิ้นเชิง

ถึงขนาดที่แม้แต่จะเปิดปากยังทำไมได้

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ อย่างไรก็ตาม กระบี่นี้เป็นสิ่งที่เต๋าบงกชได้มอบให้เขา ดังนั้นมันจะไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน

เฉินซีแค่สงสัยเล็กน้อย ว่าทำไมจู่ ๆ กระบี่เต๋าวิบัติถึงตื่นขึ้นในเวลานี้?

เฉินซีตั้งใจจะถามเตียนเตี้ยน เพราะหญิงสาวดูเหมือนจะรู้จักกระบี่เล่มนี้

ในเวลาเดียวกัน ในห้วงมิติที่อยู่ห่างไปราวสองหมื่นห้าพันลี้

สีหน้าของซุ่ยเหรินถิงพลันเคร่งขรึม “บัดซบ!”

“เกิดอันใดขึ้น?” เจียงหลิงเซียวตกตะลึง

“บัดซบ! มันคือกลิ่นอายของกระบี่เต๋าวิบัติ!” ซุ่ยเหรินถิงใช้ญาณสัมผัสอย่างระมัดระวังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ใบหน้าจะดิ่งลงฉับพลัน “กระบี่เล่มนี้เป็นสิ่งที่เหลือไว้ของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล และมันตอบโต้พลังงานแห่งหายนะของนิกาย!”

“ได้อย่างไร!? กระบี่นั่นหายไปนานแล้วไม่ใช่หรือ? หลังจากที่ทำลายนิกายกระบี่เก้าเรืองรองไปแล้ว เราก็หามันไม่พบ มันจะไปปรากฏอยู่ในมือของตำหนักเต๋าหนี่หวาได้อย่างไร” เมื่อได้ยินคำว่ากระบี่เต๋าวิบัติ สีหน้าของเจี้ยงหลิงเซียวก็ดูเคร่งขรึมเล็กน้อย นางไม่คาดคิดเลยว่า จะเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นจริง ๆ

กระบี่เต๋าวิบัติ!

นั่นเป็นหนามยอกอกของนิกายอำนาจเทวะ หากไม่เอาหนามนี้ออกไป ก็คงไม่มีวันกินอิ่มนอนหลับได้อย่างสงบสุขแน่!

“สืออวี๋ เซียงหลิวหลี ราชันเซียนรัตติกาล… พวกมันไม่น่าจะครอบครองกระบี่เล่มนั้น มิฉะนั้นมันจะหลอกญาณสัมผัสของท่านประมุขได้อย่างไร?” ซุ่ยเหรินถิงหายใจเข้าลึก และควบคุมความกระสับกระส่ายในใจอย่างสุดกำลัง

“ช้าก่อน! เรามองข้ามใครคนบางไป!” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ทันใดนั้น ดวงตาของซุ่ยเหรินถิงก็ปะทุด้วยเปลวไฟที่ไร้ขอบเขต คล้ายปรารถนาที่จะเผาผลาญฟากฟ้า “บัดซบเอ๊ย! ชะตากรรมของเขาถูกปกปิดโดยการทำงานของสวรรค์จริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่แม้แต่กระจกปฐพีไร้ขอบเขตก็ไม่สามารถสังเกตเห็นการมีอยู่ของเขาได้!”

“ชะตากรรมของเขาถูกปกปิดโดยสวรรค์หรือ? ดังนั้นด้วยเหตุนี้ กลิ่นอายของกระบี่เต๋าวิบัติก็ถูกปกปิดเช่นกัน? หากเป็นเช่นนั้น…” เจียงหลิงเซียวเข้าใจทุกอย่างทันที

ในขณะนี้ ซุ่ยเหรินถิงก็ส่งเสียงครวญครางออกมา ม่านตาหดตัวอย่างกะทันหัน สีหน้าไม่น่าดูทันที “สืออวี๋ผู้น่ารังเกียจนั่น กำลังพยายามยึดกระจกปฐพีไร้ขอบเขต!”

เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมากมายนี้ ถาโถมเข้ามาจนทำให้เจี้ยงหลิงเซียวประหลาดใจ

แต่นางก็ตระหนักดีว่า แผนการอันไร้ที่ติในครั้งนี้ อาจต้องสูญเปล่า…

“บัดซบ! ชะตากรรมของเจ้านั่นส่งผลต่อแผนการของเราจริง ๆ ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าเด็กคนนี้เป็นใคร ข้าจะฆ่าล้างตระกูลของมันแน่นอน!” เนื่องจากเขาได้บ่มเพาะมาจนถึงระดับนี้ ซุ่ยเหรินถิงจึงเข้าใจว่าสิ่งที่ไม่รู้นั้นหมายความว่ามีตัวแปรอยู่ และเมื่อมีตัวแปร ไม่ว่ามันจะเล็กน้อยเพียงใด แต่ถ้ามันถูกราชันเซียนคว้าไว้ได้ มันก็เพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์ได้ราวพลิกฝ่ามือ

ซุ่ยเหรินถิงไม่กล้าลังเลอีกต่อไป ผมสีแดงเข้มปลิวสยาย แสงของเปลวเพลิงขนาดมหึมาพวยพุ่งออกจากร่างกาย ราวกับจักรพรรดิแห่งเปลวเพลิง ชั่วพริบตา เขาก็ยื่นมือออกไปและคว้าไปยังความว่างเปล่าตรงหน้า

ครืน!

ห่างออกไปสองหมื่นห้าพันลี้ กระจกโบราณสัมฤทธิ์ก็ฉีกทะลุผ่านห้วงมิติ และหมุนวนอย่างรุนแรง เกิดประกายไฟที่ร้อนแรง ลัดเลาะไปในห้วงมิติอันไร้ขอบเขต และตกลงไปบนฝ่ามือของซุ่ยเหรินถิง

“รีบไปกันเถอะ! ครั้งนี้แผนของเราล้มเหลวแล้ว ไม่ควรรั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไป ครั้งหน้าเราต้องไม่พลาดแน่!” ใบหน้าของซุ่ยเหรินถิงดูมืดมน จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ ถนนเปลวเพลิงคลี่ออกอยู่ใต้ฝ่าเท้า นำไปสู่ส่วนลึกของห้วงมิติ จากนั้นเขาก็หายตัวไปทันทีอย่างไร้ร่องรอย

“ครั้งหน้า? ครั้งต่อไปคงไม่มีโอกาสที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้แล้ว…” เจี้ยงหลิงเซียวฮึดฮัดถอนหายใจ อย่างไรก็ตาม ร่างของนางวูบไหว และกลายเป็นลำแสงสีฟ้าที่ฉีกผ่านท้องฟ้าจากไป

ครืน!

แสงเจิดจรัสปะทุ เมื่อภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ที่สูงตระหง่านนั่นแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ กลายเป็นกระแสน้ำอันวุ่นวายพัดเข้าหาพื้นที่โดยรอบ ทุก ๆ ที่ที่พวกมันผ่าน ดวงดาวจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แผ่นดินที่ลอยอยู่ในอากาศพังทลาย เกิดเป็นเหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง

เมื่อมาถึงจุดนี้ ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์พินาศเต๋าแห่งเก้าวิบัติสวรรค์ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์!

“ฮึ่ม! พวกมันหนีไปเร็วนัก!” ท่ามกลางฝุ่นผงที่ฟุ้งกระจายในอากาศ ร่างที่ทรงพลังและโดดเดี่ยวของสืออวี๋ก็พุ่งออกมา มันเปล่งประกายอันยอดเยี่ยม พร้อมแผ่กลิ่นอายอันสูงส่งและหยิ่งยโสของราชันเซียน

ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังระยะไกล และหยุดไล่ล่าอีกฝ่าย

ในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาไม่ใช่คนเดียวที่ใช้พลังไปมาก แม้แต่เซียงหลิวหลีและเตียนเตี้ยนก็ได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจึงต้องพักและฟื้นฟูพลังสักระยะ ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น เขาคงจะไล่ตามซุ่ยเหรินถิงและเจี้ยงหลิงเซียวไปแล้ว

“พี่ใหญ่สืออวี๋ อย่าได้ใจร้อน เราจะมีโอกาสพบพวกมันในภูมิภาคบรรลุเทพอย่างแน่นอน” เซียงหลิวหลี ก็ทะยานเข้ามาเช่นกัน และกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

สืออวี๋พยักหน้า “ใช่แล้ว พี่เฉินซีเป็นอย่างไรบ้าง?”

เซียงหลิวหลีอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อกล่าวถึงเฉินซี “เขาสบายดี และแค่ขยับตัวไม่ได้ในตอนนี้”

“งั้นข้าจะไปดูเขาสักหน่อย” สืออวี๋หันหลังจากไป ก่อนหน้านี้ ที่ดูแลเฉินซีเพียงเพราะไว้หน้าเขาเทพพยากรณ์เท่านั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ถือว่าลึกซึ้งอันใด ท้ายที่สุดแล้ว เฉินซีเป็นเพียงเซียนทองคำ ช่องว่างระหว่างพวกเรากว้างใหญ่เกินไป

แต่หลังจากที่พวกเขาประสบกับเหตุไม่คาดฝัน และได้เฉินซีช่วยเอาไว้ สืออวี๋จะไม่ปฏิบัติต่อเฉินซีอย่างที่เขาเคยทำก่อนหน้านี้

เซียงหลิวหลียิ้ม และตามเขาไปทันที

ความคิดของนางคล้ายกับสืออวี๋เช่นกัน อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้ตระหนักถึงต้นกำเนิดของเฉินซี และเป็นการรู้จักผ่านราชันเซียนรัตติกาล แม้ว่านางจะค่อนข้างมีน้ำใจต่ออีกฝ่ายตลอดทาง แต่ก็เป็นเพราะทัศนคติที่ผู้อาวุโสควรมีต่อผู้เยาว์เท่านั้น

แต่ตอนนี้นางไม่กล้าคิดเช่นนั้นอีกต่อไป เพียงเรื่องที่เฉินซีครอบครองกระบี่เต๋าวิบัติ มันทำให้นางไม่กล้ามองคนผู้นี้เป็นแค่เซียนทองคำธรรมดาแล้ว

ในขณะเดียวกัน กระบี่เต๋าวิบัติก็กลับมาสงบอีกครั้ง

เฉินซีสังเกตเห็นว่า หลังจากที่มันดูดซับแสงแห่งหายนะเข้าไปจำนวนมาก กระบี่เต๋าวิบัติดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถเข้าใจได้

อีกสิ่งที่สัมผัสได้ คือไม่เพียงแต่จะสามารถเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง แต่การบ่มเพาะก็เพิ่มพูนขึ้น พลังงานที่อยู่ในร่างรู้สึกสมบูรณ์ และขยายตัวราวกับจะทะลวงผ่าน

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีรู้สึกยินดีในใจ และตระหนักได้ว่า หากไม่มีเหตุที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อกลับไปยังภพเซียน เขาอาจสามารถบรรลุสู่วิถีของทวยเทพและเหล่าปราชญ์ เพื่อบรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์ได้!

ไม่นึกเลยว่าในความทุกข์ยากครั้งใหญ่นี้ ไม่เพียงแต่ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นและช่วยข้าจัดการกับการโจมตีจากเลือดของราชันเซียน แม้แต่กระบี่เต๋าวิบัติก็ถูกปลุกขึ้นมาจัดการกับภัยพิบัติที่ข้าเผชิญ…

ทุกสิ่งที่เขาประสบมาก่อนหน้านี้ ราวกับเป็นความฝันตื่นหนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะมึนงงอย่างมาก เมื่อย้อนคิดถึงมัน

ปัจจุบัน เฉินซีสามารถระบุได้อย่างคร่าว ๆ ว่า การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากนั้น อาจเกี่ยวข้องกับภูมิภาคบรรลุเทพ ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดในกระบี่เต๋าวิบัตินั่นเกี่ยวข้องกับพลังงานแห่งหายนะของนิกายอำนาจเทวะ

แต่ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ก็สามารถรอดพ้นอันตรายมาได้สำเร็จ… เฉินซีหายใจเข้าลึก และลืมตาขึ้น

หลังจากนั้น จึงเห็นว่าเตียนเตี้ยน สืออวี๋ และเซียงหลิวหลีต่างก็ยืนอยู่เคียงข้างตน ทั้งสามมองมาที่เขายิ้ม ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีท่าทางอบอุ่น ซึ่งแสดงถึงความห่วงใยอย่างจริงใจ

บทที่ 1335 อานุภาพของเต๋าแห่งหายนะ

บทที่ 1335 อานุภาพของเต๋าแห่งหายนะ

กระบี่ดอกบัวโปร่งใสได้บานสะพรั่งไปทั่วท้องฟ้า พวกมันล่องลอยไปทุกหนทุกแห่ง และกลืนกินแสงแห่งหายนะที่หลั่งไหลลงมา ทำให้มันกลายเป็นกระแสพลังไร้รูปร่างที่มาบรรจบกัน ก่อนที่จะพุ่งเข้าสู่กระบี่เต๋าวิบัติภายในร่างกายของเฉินซี

โอม~ โอม~

เมื่อแสงแห่งหายนะถูกกลืนกินมากขึ้นเรื่อย ๆ กระบี่เต๋าวิบัติที่มีสีแดงเลือดก็เริ่มเปล่งเสียงกระบี่คำรามประหนึ่งมังกรดังก้องไปทั่วฟ้าดิน

ในขณะนี้ ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์พินาศเต๋าแห่งเก้าวิบัติสวรรค์ถูกขัดขวางและตกอยู่ในสภาวะถดถอย

ร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งหายนะ จึงตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีของดอกบัวกระบี่โปร่งแสง ดอกบัวทุกดอกได้ปลดปล่อยปราณกระบี่ที่เต็มไปด้วยพลังสังหารอันน่าสะพรึงกลัว ในชั่วพริบตา มันสังหารศพของเทพโลหิตโบราณไปนับไม่ถ้วน บังเกิดเป็นเหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีวางตัวไม่ถูก รู้สึกท่วมท้นด้วยความโปรดปรานอย่างกะทันหัน เพราะในใต้หล้ามีเซียนทองคำอยู่มากมายนับไม่ถ้วน แต่จะมีเซียนทองคำคนใดที่ได้รับความโปรดปรานจากราชันเซียนทั้งสามได้บ้าง?

วาสนาเช่นนี้ เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่มีวันได้รับ แม้จะต่อสู้จนตัวตายก็ตาม!

“พี่เฉินซี เจ้าช่วยชีวิตพวกเราไว้” สืออวี๋หัวเราะลั่น เมื่อเห็นเฉินซีตื่นขึ้น และไม่คิดสงวนคำชมอีกต่อไป

“ใช่แล้ว เราอาจจะตายไปแล้วถ้าไม่มีเจ้า” เซียงหลิวหลียิ้มบาง ๆ จากด้านข้าง

“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเขาไม่ธรรมดา” เตียนเตี้ยนขยิบตาใส่ และยิ้มเช่นกัน

หลังจากได้รับการยกย่องจากราชันเซียนทั้งสาม แม้เฉินซีจะสงบเพียงใด แต่อดเขินอายไม่ได้จริง ๆ…

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท