บทที่ 1125 ตอนพิเศษ (27)
บทที่ 1125 ตอนพิเศษ (27)
หลังจากท่านป้าผู้นั้นไปแล้ว หลิวจิ่วจู๋ก็แกะห่อของออก
สิ่งแรกที่สะดุดตานางคือเสื้อผ้าที่งดงามชุดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อผ้าหรือรูปแบบก็ไม่มีอยู่ในชนบท ถึงแม้หลิวจิ่วจู๋จะทำคลอดให้ฮูหยินผู้ร่ำรวยมามาก นางก็ไม่เคยเห็นอาภรณ์ที่สวยเพียงนี้มาก่อน
รูปแบบชุดดูเหมือนเป็นของสตรี คงเป็นเสื้อผ้าสำหรับหญิงสาว
หลิวจิ่วจู๋วางชุดกระโปรงลง จากนั้นก็เริ่มตรวจดูสิ่งอื่น
หนึ่งในนั้นมีจี้หยกชิ้นหนึ่ง จี้หยกมีใบไผ่แกะสลักอยู่ด้านบน อีกด้านหนึ่งเป็นตัวอักษร ‘จิ่ว’
จี้หยกถูกเก็บไว้ในถุงเงิน ได้รับการเก็บรักษาเป็นอย่างดี
ใต้จี้หยกมีกล่องใบหนึ่ง เมื่อเปิดออกจะพบว่าเต็มไปด้วยเครื่องประดับต่าง ๆ เพียงแค่กำไลหยกก็มีถึงห้าวง นี่ยังไม่รวมถึงปิ่นปักผมทอง ปิ่นปักผมเงิน และของชิ้นอื่น ๆ
หลิวจิ่วจู๋ไม่ค่อยรู้เรื่องเครื่องประดับมากนักแต่ก็พอมองออกว่าช่างที่ทำมีฝีมือดีเพียงใด อีกทั้งยังไม่ใช่เครื่องประดับที่ร้านในสถานที่เล็ก ๆ ทำได้อย่างแน่นอน
ด้านล่างสุดมีจดหมายฉบับหนึ่ง
หลิวจิ่วจู๋ติดตามท่านย่าเรียนวิชาแพทย์ แน่นอนว่านางย่อมรู้หนังสือ
นางเปิดจดหมายออก เพียงแค่สองคำแรกก็ทำให้นางรู้สึกฝาดเฝื่อนราวกับมีอะไรเข้าตา ทั่วทั้งร่างสั่นเทาไปหมด
“จิ่วจู๋ลูกรัก เห็นอักษรเหมือนได้พบหน้า…”
แหมะ แหมะ แหมะ
น้ำตาอุ่นร้อนหยดลงบนจดหมายทำให้ข้อความบนกระดาษเปียกชุ่ม
หลิวจิ่วจู๋รีบเช็ดจดหมายให้แห้งด้วยแขนเสื้อ
อย่างไรก็ตาม ยังมีคำสองสามคำที่รางเลือนไป
หลิวจิ่วจู๋ละอายใจ กอดจดหมายไว้พลางร้องไห้ออกมา ไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำใดได้
ในจดหมายบอกว่าไม่ว่านางจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ชื่อของนางก็ตั้งไว้แล้วคือจิ่วจู๋
จดหมายยังกล่าวอีกว่าหลิ่วซานเฉวียนไม่ใช่บิดาผู้ให้กำเนิดนาง
สามีของมารดาหลิวจิ่วจู๋แซ่ซ่ง เมื่ออายุได้สิบห้าปี มารดานางก็แต่งกับเขาและตั้งท้องตอนอายุสิบหก อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากตั้งครรภ์ ก่อนที่จะได้บอกสามี พอตื่นขึ้นมาก็ถูกขายให้กับหมู่บ้านสกุลหลิ่วแล้ว
หลิ่วซานเฉวียนซื้อมารดาหลิวจิ่วจู๋มาด้วยเงินห้าตำลึง
เพราะทารกในครรภ์ไม่มั่นคง เดิมทีก็ไม่อาจไปจากที่นี่ได้
มารดาหลิวจิ่วจู๋พยายามหลบหนีครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นเกือบจะรักษาลูกเอาไว้ไม่ได้
ในจดหมายเขียนว่า ท่านย่าหลิ่วเป็นคนดี นางแนะนำให้อดทนเพื่อลูก นางยังกล่าวว่านางเป็นมารดาของหลิ่วซานเฉวียน ขอเพียงมีนางปกป้อง หลิ่วซานเฉวียนย่อมเข้ามาทำร้ายไม่ได้ มารดาของหลิวจิ่วจู๋เล่าสถานการณ์ของตนเองให้ท่านย่าหลิ่วฟัง นางรับปากว่าจะช่วยให้เราสองแม่ลูกกลับบ้านหลังจากเจ้าลืมตาดูโลก จิ่วเอ๋อร์เจ้าอยู่ในลำดับที่เก้า พ่อของเจ้าชอบไผ่ เขาเป็นคุณชายที่หล่อเหลาสง่างามผู้หนึ่ง น่าเสียดาย ยามข้าเขียนจดหมายฉบับนี้ ข้าก็รู้แล้วว่าตนคงไม่รอด ข้าเป็นโรคหัวใจ ไม่เหมาะที่จะมีลูก หากเป็นเมื่อก่อน มีท่านหมอที่เก่งที่สุดและยาที่ดีที่สุด ข้าคงอยู่ได้อีกหลายปี ทว่าตอนนี้…
หลิวจิ่วจู๋กวาดตามองทุกคำ พยายามหาเบาะแสอื่น ๆ แต่ก็ไม่มีสิ่งใด
มารดาของนางไม่ได้เปิดเผยว่าผู้ใดเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดนางกระทั่งบรรทัดสุดท้ายของจดหมาย
อย่างไรมารดานางก็ถูกชายออกมาขณะตั้งครรภ์ หมายความว่าที่ที่จากมาย่อมไม่ต่างจากถํ้าพยัคฆ์วังมังกร
มารดากล่าวว่า ท่านย่าหลิ่วใจดีและหวังดีต่อนาง หลังจากมารดาจากไปแล้ว ท่านย่าหลิ่วจะดูแลนางให้ จึงกำชับหลิวจิ่วจู๋ให้ปฏิบัติต่อท่านย่าหลิ่วเสมือนย่าแท้ ๆ
มารดาไม่อยากให้นางกลับไปหาบิดาผู้ให้กำเนิด
หลิวจิ่วจู๋เก็บจดหมายไว้
อันที่จริงแล้วหากตั้งใจหาคงพอมีเบาะแส
เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่มารดานางทิ้งไว้จักต้องมีที่มา
“จู๋จือ…” หยางชิงซือเคาะประตูอยู่ด้านนอก
หลิวจิ่วจู๋เช็ดน้ำตา เก็บข้าวของ จากนั้นจึงไปเปิดประตูให้หยางชิงซือเข้ามา
หยางชิงซือจ้องมองนาง “เจ้าร้องไห้หรือ?”
“ไม่ได้ร้อง”
“โกหกข้าให้น้อย ๆ หน่อย เจ้าโกหกผู้อื่นเป็นเสียที่ใดกัน” หยางชิงซือชี้ไปที่คราบน้ำตาบนใบหน้าสหาย “หากนี่ไม่ใช่น้ำตา แล้วเป็นอะไร?”
“ข้าพึ่งรู้ข่าวหนึ่งมา” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “…ข้าไม่ใช่ลูกท่านพ่อ”
“จริงหรือ?!” หยางชิงซือประหลาดใจ “เช่นนั้นไยเจ้าต้องร้องไห้เล่า? พ่อเจ้าไม่สนใจเจ้า ถึงแม้เจ้าจะไม่ใช่ลูกสาวเขา นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้าอะไร ก่อนหน้านี้เจ้ายังกังวลเรื่องเขา ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเขาอีก พวกเจ้าไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด”
“เช่นนั้นข้ามาจากที่ใด?”
“ที่ใดก็คงไม่แย่ไปกว่าพ่อผู้นี้ของเจ้ากระมัง? นอกจากนี้ เจ้าแต่งงานมีสามีแล้ว พ่อที่แท้จริงคือผู้ใดสำคัญหรือ? แต่งงานออกเรือนแล้วจักต้องเชื่อฟังสามี ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าคือสามีของเจ้า”
ความโศกเศร้าทั้งหลายของหลิวจิ่วจู๋ถูกหยางชิงซือขจัดไปในทันที
“กล่าวไปแล้วก็ใช่”
“จริงสิ พี่ชายเจ้ากลับมาแล้วนี่” หยางชิงซือเอ่ย “ไม่ถูกสิ… เขาไม่ใช่พี่ชายเจ้า หลิ่วจินเปยแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเป็นพี่ชายเจ้า”
“หลิ่วจินเปยกลับมาแล้วหรือ?” หลิวจิ่วจู๋ลุกขึ้น “เช่นนั้นสามีกับพี่ซู่เกิน…”
“ยังไม่กลับมา” หยางชิงซือส่ายหน้าน้อย ๆ
“คนอื่น ๆ ในหมู่บ้านเล่า?”
“ไม่ได้กลับมาเช่นกัน มีเพียงเขาที่กลับมาแล้ว”
หลิวจิ่วจู๋เดินวนไปมารอบห้อง ก่อนจะหยุดฝีเท้าลงครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “พวกเราไปหาเขากันเถอะ!”
“คนชั่วอย่างหลิ่วจินเปย หากพวกเราไปหา ถึงแม้เขาจะรู้ก็ไม่มีทางบอก ข้าว่าเอาเช่นนี้เถอะ พวกเราให้คนในหมู่บ้านไปถามเขา บางทีอาจจะพอได้อะไรมาบ้าง”
หลิวจิ่วจู๋เห็นพ้องต้องกัน
ในหมู่บ้านมีบุรุษทั้งหมดแปดคนที่เข้าร่วมกองทัพ
ในบรรดาแปดคนนี้ หลิ่วจินเปยเป็นคนสุดท้ายที่ไป แต่เขากลับเป็นคนแรกที่กลับมา ชาวบ้านมากมายจึงมารวมตัวกันที่นั่นเพื่อสอบถามข่าว
หยางชิงซือและหลิวจิ่วจู๋ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน ฟังชาวบ้านถามคำถามหลิ่วจินเปย
หางหลิ่วจินเปยแทบจะลอยขึ้นฟ้า
เขาคุยโวเรื่องความดีงามของค่ายทหารไม่รู้จบ ทั้งยังหยิบเงินสิบตำลึงออกมาโบกไปมาต่อหน้าชาวบ้าน กล่าวว่าตนทำได้ดี นายกองจึงมอบรางวัลให้
“เจ้าได้พบนายกองแล้วหรือ”
“แน่นอนว่าข้าได้พบแล้ว นี่เป็นรางวัลที่นายกองให้ข้าเชียวนะ!”
“จินเปย คนในหมู่บ้านไปเป็นทหารกันมากมายเพียงนั้น เหตุใดจึงมีเพียงเจ้ากลับมาผู้เดียวเล่า?”
“ใช่แล้ว คนอื่น ๆ เล่า?”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร” หลิ่วจินเปยเอ่ย “ค่ายทหารใหญ่เพียงนั้น พวกเราไม่ได้ถูกมอบหมายให้อยู่ที่เดียวกัน อย่างไรก็ตาม ข้าฝึกฝนอย่างหนัก ติดตามลูกพี่ปราบโจรไปมากมาย ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ข้าจึงได้รับรางวัล หากพวกเขาไม่ฝึกฝนอยู่ข้างนอกก็คงกำลังทำผลงานกระมัง!”
“ที่นั่นยังรับคนอยู่หรือไม่?”
“รับสิ! คราวนี้ข้ากลับมาเพื่อมาดูว่ามีเมล็ดพันธ์ุดี ๆ หรือไม่ ถึงตอนนั้นข้าจะแนะนำพวกเขาให้ลูกพี่”
“ข้าไป! ข้าจะตามเจ้าไป!”
“จินเปย สามีจู๋จือผู้นั้นฝีมือร้ายกาจจะตาย เหตุใดยังไม่กลับมาเล่า? เจ้ากำลังโม้อยู่หรือเปล่า? อันที่จริง เจ้าได้เงินนี้มาจากการพนันกระมัง?”
ชาวบ้านอีกหลายคนร้องตอบรับ สีหน้าเย้ยหยัน
หยางชิงซือกับหลิวจิ่วจู๋มองหน้ากัน
แน่นอนว่าพวกนางพาคนเหล่านั้นมา
พวกเขาเป็นสหายสมัยเด็กของจงซู่เกินและมักจะคอยช่วยเหลือจงซู่เกินอยู่เสมอ
“มารดาเจ้าเถอะ! ข้าได้รับรางวัลมาจริง ๆ”
“เช่นนั้น เจ้าก็เล่ามาสิว่าค่ายทหารเป็นอย่างไร? พวกเจ้าที่นั่นมีคนกี่มากน้อย?”
“นี่เป็นความลับ หากพูดจาเหลวไหลอยู่ข้างนอก เช่นนั้นก็ต้องถูกลงโทษทางวินัยทหาร ข้าไม่ถูกพวกเจ้าหลอกหรอก” หลิ่วจินเปยเอ่ย “พวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ อย่างไรเงินก็เป็นของข้าอยู่วันยังค่ำ”
อวี๋ซื่อออกมาด่ากราดคนในสวน “พวกเจ้ามาวุ่นวายอะไรที่นี่ ลูกชายข้าเหนื่อยมากแล้ว มีเวลาพูดคุยกับพวกเจ้าที่ใดกัน? รีบไปเสีย อย่ามารบกวนการพักผ่อนของเขา”