ตอนที่ 415 หลิงฉางจื้้อจะกระอักเลือด
เมืองหลวง จวนองค์หญิงจู้หยาง!
เซียวฮูหยินแพ้ฤดูร้อนจึงไม่กระฉับกระเฉงนัก
เยียนอวิ๋นเกอปรนนิบัติอยู่ข้างเตียง “ข้าให้คนทำน้ำบ๊วยแช่เย็นที่ท่านแม่ชอบเอาไว้ ท่านแม่จะลองชิมดูหรือไม่”
เซียวฮูหยินพยักหน้า
เยียนอวิ๋นเกอป้อนนางดื่มด้วยตนเอง
เพียงแต่เซียวฮูหยินดื่มไปไม่กี่คำก็โบกมือไม่อยากดื่มต่อ
เยียนอวิ๋นเกอวางชามลงด้วยสีหน้าลังเล
เซียวฮูหยินพูดด้วยรอยยิ้ม “อยากพูดสิ่งใดก็พูดเถิด!”
เยียนอวิ๋นเกออ้าปาก “ท่านแม่มีเรื่องในใจหรือไม่ เพราะท่านโหวผิงอู่กำลังจะเข้าเมืองหรือ”
เซียวฮูหยิน “…”
นางเงียบ!
เยียนอวิ๋นเกอยิ่งกังวลใจ!
นางจงใจเอ่ยขึ้น “จะว่าไปแล้ว ข้าก็เคยพบกับท่านโหวผิงอู่ แต่เป็นการแอบอยู่ที่ห้องโถงด้านข้าง แอบมองจากรูบนกำแพง เวลานี้หากให้ข้าบรรยาย ข้าก็นึกไม่ออกว่าท่านโหวผิงอู่มีหน้าตาอย่างไร คราวนี้ ข้าต้องมองเขาให้ดี อย่างไรเขาก็เป็นสามีของพี่ใหญ่!”
ตอนนั้น งานแต่งของเยียนอวิ๋นเฟยเร่งรีบอย่างมาก
ท่านโหวผิงอู่ สืออุนไม่ปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อปิดบังร่องรอย
การสู่ขอเยียนอวิ๋นเฟยล้วนให้ผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการแทน!
คนที่คุ้นเคยกับท่านโหวผิงอู่ สืออุนจริงๆ มีเพียงท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้าน!
แม้แต่เซียวฮูหยินที่เป็นมารดาก็ไม่เคยพบหน้าท่านโหวผิงอู่แม้แต่ครั้งเดียว
เพียงแต่…
เรื่องมักจะไม่เป็นเหมือนที่ทุกคนคิด
เซียวฮูหยินพูดขึ้น “ตอนที่ข้ายังเด็ก เคยพบกับท่านโหวผิงอู่ สืออุนนับครั้งในเมืองหลวง ตอนนั้นเขาเป็นยังเป็นเด็กหนุ่ม มีความสง่างาม! ไม่คิดว่าเวลาผ่านไป พี่ใหญ่ของเจ้า อวิ๋นเฟยจะแต่งงานกับเขา คราวนี้เขานำกำลังพลเข้าเมืองหลวง หวังว่าข้าจะคิดมากเกินไป”
“ที่แท้ท่านแม่รู้จักกับท่านโหวผิงอู่หรือ! แต่หลายปีผ่านไป ทุกคนต่างเปลี่ยนไปแล้ว!”
“ทุกคนต่างแก่แล้ว!” เซียวฮูหยินพูดเสริมพลันหัวเราะ
เยียนอวิ๋นเกอพูด “ท่านแม่อย่ากังวลใจแทนฮ่องเต้เลย ฮ่องเต้ไม่มีทางซาบซึ้ง อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้ทรงอนุญาตให้ท่านโหวผิงอู่นำกำลังพลห้าพันนายเข้าเมืองแล้ว ผลสุดท้ายจะดีหรือร้าย ล้วนเป็นลิขิตสวรรค์! เวลานี้เรื่องสำคัญยังคงเป็นโจรกบฏซือหม่าโต่ว
ช่างน่าประหลาดใจที่ซือหม่าโต่วไม่ถอยทัพ อีกทั้งยังปักหลักอยู่ในนครบาล เขาเตรียมตัวที่จะถูกตีหรือ
ครั้งนี้ซือหม่าโต่วโจมตีเมืองหลวง ไม่สอดคล้องกับวิธีการเดิมของเขาที่ตีไม่ชนะก็หนี! ไม่รู้ผู้ใดเสนอความคิดนี้ให้แก่เขา!”
เซียวฮูหยินพูดอย่างมั่นใจ “ข้าไม่กังวลโจรกบฏ มีกองทัพอวี้โจวอยู่ โจรกบฏต้องถอยทัพไปในไม่ช้า! ข้าแค่กังวล หลังจากที่โจรกบฏถูกปราบปรามแล้ว ท่านโหวผิงอู่จะถอยออกจากนครบาลหรือไม่!”
เยียนอวิ๋นเกอกระจ่างใจ “ท่านแม่กังวลว่าท่านโหวผิงอู่จะเป็นขุนนางผู้กุมอำนาจ?”
“เดิมทีเขาก็เป็นขุนนางผู้กุมอำนาจ! ข้าแค่กังวลว่าเขาจะไม่ยอมเป็นแค่ขุนนางผู้กุมอำนาจ แต่ยังอยากเป็นขุนนางกบฏที่เอามือบังฟ้า!”
“เหตุใดท่านแม่จึงกังวลใจเช่นนี้ หากพูดถึงความแข็งแกร่ง กองทัพอวี้โจวไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด หากพูดถึงกำลังทรัพย์ เขาก็ไม่ได้มีมากที่สุด หากพูดถึงความสัมพันธ์เส้นสายในราชสำนัก ความเชื่อใจของฮ่องเต้ เขาก็ไม่ติดสามอันดับแรก ถึงแม้เขาคิดจะเป็นขุนนางกบฏ ก็ต้องดูว่ามีโอกาสหรือไม่ เหตุใดท่านแม่จึงตัดสินว่าเขาจะมีใจคิดคด ฉวยโอกาสนี้ก่อเรื่องในเมืองหลวง หรือว่าท่านแม่มีแหล่งข่าวอื่น”
เซียวฮูหยินส่ายหน้าระรัว “ข้ารู้จักเขาตั้งแต่วัยเยาว์ ข้ารู้ว่าเขาเป็นคนทะเยอทะยาน หลายปีผ่านไป เขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง มีแต่จะหนักหนาขึ้น”
“เหตุใดท่านแม่จึงไม่กังวลซื่อจื่อเหลียงโจว หลิวจาง” เยียนอวิ๋นเกอถามถึงซื่อจื่อเหลียงโจวที่มีกองทัพแข็งแกร่งที่สุดขึ้นมา
เซียวฮูหยินผงะไปอย่างเห็นได้ชัด
เงียบไปชั่วครู่ นางจึงเอ่ยขึ้น “หลิวจางเป็นขุนนางผู้ภักดี!”
เยียนอวิ๋นเกอกลับพูด “จากวิชาการดูคนที่ตื้นเขินของข้า ข้าขอบังอาจสรุป พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงไม่ใช่ขุนนางผู้ภักดี”
เซียวฮูหยินมองนางพลันถอนหายใจ
“อวิ๋นเกอ เจ้าบอกความจริงกับข้า เพราะพี่ใหญ่ของเจ้า เจ้าจึงยืนอยู่ข้างท่านโหวผิงอู่ใช่หรือไม่”
“ข้าไม่ได้อยู่ฝ่ายใดทั้งสิ้น! ข้าเพียงไม่สรุปต่อเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย ข้ายอมรับว่าข้าไม่รู้จักท่านโหวผิงอู่ แต่ถึงแม้ภายในราชสำนักจะเกิดความวุ่นวายขึ้นเพราะเขา ข้าคิดว่าข้าก็ยอมรับได้! เพราะอย่างไร ข้าก็ไม่รู้จักเขา ข้าไม่มีทางตัดสินเขาล่วงหน้า ไม่มีทางสรุปล่วงหน้า!”
เซียวฮูหยินยิ้ม “ข้ารู้ว่าเจ้ามีความคิดของตนเองเสมอ ไม่เคยตัดสินผู้ใดเพียงเพราะคำวิจารณ์ของผู้อื่น ข้าจะส่งเทียบเชิญให้ท่านโหวผิงอู่ เชิญเขามาดื่มชา เมื่อถึงเวลานั้น เจ้ามากับข้า สังเกตพฤติกรรมของเขาอย่างใกล้ชิด”
“ข้าเชื่อฟังท่านแม่!”
…
ท่านโหวผิงอู่ สืออุนนำกำลังพลห้าพันนายเข้าเมืองเพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาท
ทั้งเมืองต่างเฝ้ามอง!
บรรดาขุนนาง…
บ้างระแวง บ้างยินดี บ้างไม่สนใจ…
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ยากที่จะปิดบังความตื้นตัน ในเวลาเดียวกันก็กระอักกระอ่วน
หลายปีมานี้ ท่านโหวผิงอู่ สืออุนเป็นแม่ทัพคนแรกที่นำกำลังพลเข้าเมือง
ตามกฎระเบียบเดิม แม่ทัพท้องถิ่นไม่อาจนำกำลังพลเกินหนึ่งพันนายเข้าเมืองหลวง
ท่านโหวผิงอู่ สืออุนทำลายกฎนี้เป็นครั้งแรก!
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในขณะที่กำลังรอคอย
เขาไม่มั่นใจว่าการตัดสินใจของตนเองถูกต้องหรือไม่
แม้กระทั่งก่อนวันนี้ เขาก็ไม่เคยพบกับท่านโหวผิงอู่ สืออุนมาก่อน
บนตำหนักจินหลวน…
ฮ่องเต้และขุนนางพบกันเป็นครั้งแรก บรรยากาศอึมครึมอย่างมาก!
ท่านโหวผิงอู่ สืออุนไม่ได้ดุร้ายเหมือนในจินตนาการ กลับกัน เขาเหมือนกับแม่ทัพผู้อ่อนโยนมากกว่า!
ดูจากภายนอกช่างอ่อนโยนและสง่างาม!
หลิงฉางจื้้อโน้มตัวยืนอยู่ท่ามกลางขุนนาง คิดในใจ ภาพลักษณ์ของท่านลุงมีคุณสมบัติในการหลอกลวงผู้คนเกินไป
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้มีความประทับใจแรกที่ดีไม่น้อยต่อท่านโหวผิงอู่
ไม่ได้เห็นบุรุษในกองทัพที่โผงผาง หากแต่เป็นแม่ทัพที่สง่างาม มันทำให้เขาอารมณ์ดีไม่น้อย
มันจะเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลว
ท่านโหวผิงอู่ สืออุนถวายบังคมด้วยความเคารพ น้ำเสียงอ่อนโยน แต่ก็ไม่ขาดกำลังและความน่าสนใจ
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ยกระดับความประทับใจต่อเขาอีกครั้ง
มันเป็นการพบหน้าระหว่างฮ่องเต้และขุนนางที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
งานเลี้ยงจัดขึ้นในวันนั้น มีบรรดาขุนนางเข้าร่วม!
ให้เกียรติท่านโหวผิงอู่ สืออุนอย่างเต็มที่
ท่านโหวผิงอู่ สืออุนพูดจาสนุก อีกทั้งยังเกาถูกที่คันของฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ ดีกว่าพวกขุนนางที่เอาแต่คัดค้านมากโข
เมื่องานเลี้ยงจบลง ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ยิ่งพึงพอใจต่อท่านโหวผิงอู่มากขึ้น เรียกได้ว่าโปรดปราน
มีความสามารถ พูดจาน่าฟัง อีกทั้งมีมารยาท
แม่ทัพเช่นนี้ ผู้ใดไม่ชอบ!
ดีกว่ามากเมื่อเทียบกับพวกแม่ทัพที่พูดจาโผงผาง ทำได้เพียงตะโกนโหวกเหวก พูดจาเสียดสีนั้น
ท่านโหวผิงอู่ สืออุนเป็นแม่ทัพที่สมบูรณ์แบบในใจของฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้
ได้ทั้งบุ๋นทั้งบู๊!
ไม่ใช้อำนาจข่มคน!
ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ยกจอกสุราขึ้น “ใต้เท้าสือ พวกเราร่วมดื่มกันหนึ่งจอก!”
“กระหม่อมถวายแด่ฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงสมปรารถนา พระพลานามัยยืนนาน สร้างแผ่นดินอันเจริญรุ่งโรจน์อีกครั้ง!”
“ฮ่าๆๆ…สร้างแผ่นดินอันเจริญรุ่งโรจน์อีกครั้งล้วนต้องพึ่งพาใต้เท้าสือ! ขอให้ใต้เท้าสือได้รับชัยชนะ ปราบปรามโจรกบฏซือหม่าโต่วได้ในคราวเดียว!”
“กระหม่อมย่อมไม่ทรยศต่อความคาดหวังของฝ่าบาท!”
ฮ่องเต้และขุนนางกลมเกลียวเป็นเรื่องที่น่ายินดี!
แต่บรรดาเชื้อพระวงศ์ยังไม่วางใจ
บรรดาขุนนางต่างมีสีหน้าฉงน
คนตรงหน้าคือท่านโหวผิงอู่ สืออุนหรือ ไม่ได้ถูกเปลี่ยนตัว?
ท่านโหวผิงอู่ที่ยโสโอหังและเจ้าเล่ห์กลายเป็นคนประจบสอพลอตั้งแต่เมื่อใด
บรรดาขุนนางต่างมองไปทางหลิงฉางจื้้อ
หลิงฉางจื้้อ “…”
อย่ามองเขา เขาไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย
เขาก็ฉงนเช่นเดียวกับทุกคน!
เขาก็ตกตะลึงจนแทบอ้าปากค้าง
อีกฝ่ายไม่ใช่ท่านลุงในความทรงจำของเขาอย่างแน่นอน!
เขาสะบัดหัวเพื่อให้สมองปลอดโปร่งขึ้น
บางที ทุกสิ่งตรงหน้าอาจเป็นเพียงภาพลวงตา
เขาลืมตาอีกครั้ง…
ภาพลวงตาไม่ได้หายไป การอยู่ร่วมกันระหว่างฮ่องเต้และขุนนางยิ่งสนิทสนมกว่าก่อนหน้านี้!
หลิงฉางจื้้อได้รับความกระทบกระเทือนหลายวันติดต่อกัน คนทั้งคนรู้สึกไม่ค่อยดี!
สมกับเป็นท่านโหวผิงอู่ สืออุนที่มีชื่อเสียงเลวร้าย เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!
…
หลิงฉางจื้้อรอไม่ถึงวันที่สอง
วันนั้น หลังจากงานเลี้ยงจบลง เขาก็มุ่งไปยังจวนในเมืองหลวงของตระกูลสือ จวนสือ!
“ท่านลุงกำลังมีแผนการใดกันแน่”
ตัวของลุงและหลานต่างเต็มไปด้วยกลิ่นสุรา
ห้องตำราดีๆ อบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำเมา
ท่านโหวผิงอู่ สืออุนโบกมือ ทันใดนั้นก็มีคนยกน้ำชาเข้ามา
“ดื่มก่อน! มีเรื่องใดดื่มชาแล้วค่อยพูด!”
ลุงและหลานต่างนั่งลงดื่มน้ำชา ฟังบทเพลงขับกล่อมรื่นหู ชีวิตสงบสุขอย่างมาก
เพียงแต่หลิงฉางจื้้อมีเรื่องในใจ เขาไม่อาจสงบใจลงได้
ท่านโหวผิงอู่ สืออุนมองเขา พลันยิ้มด้วยความเข้าใจ
เขาโบกมือ ทันใดนั้นนักดนตรีและบ่าวรับใช้ต่างถอยออกไป
“ฉางจื้อ ข้าจำได้ว่าเจ้าเป็นเด็กที่สุขุม เหตุใดวันนี้จึงร้อนใจเพียงนี้ มันไม่เหมือนวิธีการของเจ้า!”
“ขอบพระคุณท่านลุงที่ชี้แนะ ข้าใจร้อนเกินไปเอง! ข้าแค่อยากรู้ว่าท่านลุงคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ ท่านกับฝ่าบาทวันนี้ต่างกลมเกลียว ช่างทำให้คนประหลาดใจและเกิดความสงสัยมากมาย มีขุนนางจำนวนไม่น้อยต่างสงสัยเจตนาของท่านลุงลับหลัง!”
ท่านโหวผิงอู่ สืออุนดื่มน้ำชาอุ่น พลันหัวเราะเยาะ “พวกเจ้าขี้ระแวงเกินไป! ไม่อนุญาตให้ข้ากลมเกลียวกับฝ่าบาทเพราะเรื่องใดกัน คิดจะเห็นข้าเป็นปรปักษ์กับฝ่าบาทเท่านั้นจึงจะพอใจหรือ”
“ข้าไม่มีเจตนาเช่นนี้! เพียงแต่การกระทำของท่านลุงในวันนี้แตกต่างจากแต่ก่อนอย่างมาก!”
“ข้าทำสงครามทางเหนือมาหลายปี เคยชินกับความโหดเหี้ยมของต่างเผ่า ยิ่งรู้สึกจงรักภักดีต่อฮ่องเต้และบ้านเมืองไม่ได้หรือ”
อึก!
หลิงฉางจื้้ออยากกระอักเลือด!
หากผู้อื่นพูดประโยคนี้ยังพอมีแรงโน้มน้าวอยู่บ้าง
แต่เมื่อเป็นท่านโหวผิงอู่ผู้เป็นลุงของตนเอง ก็เหมือนกับนักฆ่าสัตว์ที่บอกว่าตนเองไม่ฆ่าสัตว์ เป็นการพูดจาเหลวไหลโต้งๆ น่าขันสิ้นดี
คิดว่าคนทั้งแผ่นดินโง่เขลา!
“เจ้าไม่เชื่อ?” ท่านโหวผิงอู่มองเขาด้วยรอยยิ้มรู้ทัน
หลิงฉางจื้้อหัวเราะเสียงขมขื่น “ข้าไม่เชื่อจริงๆ !”
ท่านโหวผิงอู่พูด “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าไม่สนใจ บรรดาขุนนางจะเชื่อหรือไม่ ข้ายิ่งไม่สนใจ องค์หญิงจู้หยางส่งเทียบเชิญมาให้ข้า ข้าคิดจะไปเยือนพรุ่งนี้เช้า หากเจ้ามีเวลาว่าง จะตามข้าไปดื่มชาที่จวนองค์หญิงด้วยกันหรือไม่!”
หลิงฉางจื้้อพูดหยอกล้อทันที “แม่ยายพบหน้าบุตรเขย ข้าจะไปทำอันใด! ท่านลุงอย่าได้ล้อเล่นเลย!”
ท่านโหวผิงอู่พูดอีกครั้ง “ข้ายังเรียนเชิญท่านอ๋องผิงชินไปดื่มชาที่จวนองค์หญิงด้วยกันพรุ่งนี้!”
อันใดนะ
หลิงฉางจื้้อตกตะลึง!