บทที่ 495 โต้เถียง
บทที่ 495 โต้เถียง
“ตอนที่อยู่ภูเขาเทียนเหลียง อู๋ฝานสามารถสังหารเจ้าสำนักเที่ยงยุทธ์อย่างเถาหรูไห่ได้“ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบกลับมาด้วยท่าทีสงบ “เถาหรูไห่คนนั้นเป็นขอบเขตแปรสภาพขั้นกลาง”
“แต่เมิ่งข่ายมีทั้งวังเมฆาสีชาดคอยช่วยนะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “เธอเองก็บอกว่าถ้าเทียบทั้งประเทศก็เป็นสำนักชั้นสอง”
“เบื้องหลังอู๋ฝานคือหอคันธะสงัดนะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบกลับอย่างสงบใจ “ความแข็งแกร่งของหอคันธะสงัดไม่มีทางด้อยไปกว่าวังเมฆาสีชาด”
ถังอวี่เฟยที่ได้ยินจึงพยักหน้ารับ “พอเธอพูดแบบนี้แล้วฉันก็รู้สึกวางใจขึ้นมา เหมือนว่ารับมือกับวังเมฆาสีชาดครั้งนี้คงไม่มีปัญหาอะไร”
“ก็ไม่ใช่เสมอไป” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบกลับ “อู๋ฝานและร้านโลกในแหวนอยู่ในที่แจ้ง วังเมฆาสีชาดอยู่ในที่ลับ พวกนั้นยังเป็นคนท้องที่ของเจียงโจวด้วย ต่อให้หอคันธะสงัดไม่ได้ด้อยกว่า แต่ระยะทางไกลห่างนับพันกิโลเมตรก็คงส่งความช่วยเหลือมาได้อย่างจำกัด”
“แล้วอู๋ฝานจะเป็นอะไรไหมเนี่ย?” ถังอวี่เฟยที่พอได้ฟังอีกครั้งจึงสับสนและงุนงง เพราะไม่ทราบว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ต้องการบอกอะไร
“คิดด้วยตัวเองสิ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบกลับด้วยสีหน้าสงบเช่นเคย และหลังตอบครั้งนี้เธอก็ไม่หันกลับไปมองด้านหลังอีก
“เธอนี่น่ารำคาญจริงด้วย พูดแล้วก็ไม่พูดให้มันชัด ทำเป็นมีความลับให้สงสัย!” ถังอวี่เฟยมองหลังหลิ่วเหยียนเอ๋อร์อย่างโกรธเคือง
ถังอวี่เฟยเดินทางกลับบ้านด้วยใจที่ทั้งโกรธเคืองและกังวล กระทั่งไปพบปู่ พ่อ และลุงทั้งหลายของเธอที่ยังไม่ได้หลับนอน แต่นั่งพูดคุยกันอยู่ภายในห้องโถง ทว่าพูดคุยกันเรื่องใดนั้นเธอไม่ทราบ
เพราะโกรธกับท่าทีของปู่ตนเองที่ทำแบบนั้นกับอู๋ฝานและเลือกเอาใจวังเมฆาสีชาด แม้ถังอวี่เฟยจะเจอกลุ่มคนที่ห้องโถงก็ไม่คิดจะทักทายแม้แต่น้อย กระทั่งหันหลังให้เดินตรงกลับเข้าห้อง
“อวี่เฟย มานี่ก่อน” ผู้เฒ่าถังเอ่ยขึ้น
“ฮึ่ม!” ถังอวี่เฟยฮึมฮัมตอบ ทั้งทำทีเป็นไม่ได้ยิน ฝีเท้ายังคงก้าวเดินต่อไป
“อวี่เฟย มานี่!” ผู้เฒ่าถังตะโกนอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างขึ้น
“อวี่เฟย รีบมานี่เร็วเข้า ทุกคนกำลังรอลูกอยู่” ถังหมิงเจี๋ยเดินตามพร้อมดึงตัวลูกสาวให้มานั่งลงที่โซฟา ถังอวี่เฟยยังคงโกรธเคือง แต่ตอนนี้ถูกบังคับจึงไม่กล้าลุกขึ้นเดินจากไป
“ไปที่บ้านของอู๋ฝานมาใช่ไหม?” ผู้เฒ่าถังเอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ
“อู๋ฝานรู้เรื่องแล้วมีท่าทียังไง?” ผู้เฒ่าถังยังคงถามต่อ
“กำลังพูดถึงเรื่องที่พอเขารู้ว่าวังเมฆาสีชาดกำลังจะเล่นงานตัวเอง แล้วตระกูลถังเลือกหันหลังให้มีท่าทียังไงใช่ไหมคะ?” ถังอวี่เฟยตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่ยินดี
“เขาและตระกูลถังของเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ผู้ปกครองหรือผู้รับใช้ ทั้งยังไม่ใช่พันธมิตร เอาอะไรมาพูดว่าหันหลัง?” ผู้เฒ่าถังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงบ
“ก็ก่อนหน้านี้บอกให้หนูเข้าหาเขาไม่ใช่รึไงกันคะ…” ถังอวี่เฟยเผยหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธ
“หลานทำไม่สำเร็จ” ผู้เฒ่าถังตอบกลับ
ถังอวี่เฟยอับจนคำพูด เพราะเธอทำไม่สำเร็จจริง ๆ
“อวี่เฟย ขอถามอีกครั้งว่าพอเขารู้เรื่องที่วังเมฆาสีชาดคิดทำอะไรแล้วมีท่าทีตอบสนองยังไง? เขามีท่าทีขอความช่วยเหลือจากอำนาจเบื้องหลังรึเปล่า?” ผู้เฒ่าถังยังคงถามต่อ
“หนูไม่รู้ค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “ปู่บอกเองนี่คะว่าหนูคว้าใจเขามาไม่ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างหนูกับเขาก็เลยไม่ได้ใกล้ชิดกันแบบที่เห็น เขาคิดอะไรอยู่จะบอกให้หนูรู้อย่างนั้นเหรอคะ?”
“เขาไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวเลยงั้นเหรอ?” เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าถังไม่ค่อยยินดีกับคำตอบนี้
“ไม่เลยค่ะ” ถังอวี่เฟยยืนยัน
ผู้เฒ่าถังมองถังอวี่เฟยราวไม่คิดเชื่อคำพูดของหลานสาว แน่นอนว่าเขาทราบเรื่องที่หลานโกรธเคือง ดังนั้นจึงปฏิเสธที่จะบอกความจริงออกมา “อวี่เฟย บางเรื่องในตอนนี้หลานก็ยังไม่เข้าใจ แต่พอหลานมีภาระที่ต้องรับผิดชอบต่ออนาคตแล้วก็จะรู้ถึงความเจ็บปวดที่ต้องกล้ำกลืนนี้”
“หนูพอจะรู้แนวทางของทางตระกูลแล้วค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบ “ที่กำลังทำตอนนี้คือการหาโอกาสฉกฉวย เห็นอะไรที่ต้องเสียก็หลบเลี่ยง ไม่ได้มีความรู้สึกว่าควรต้องเข้าข้างเขา เพราะกลัวจะมีส่วนเกี่ยวข้องและจะถูกตอบโต้โดยฝ่ายอื่น ถึงได้รีบตีตัวออกหากจากเขา ตอนนี้หนูรู้แล้วค่ะว่าเพราะอะไรตระกูลถังของพวกเราถึงอยู่อันดับรั้งท้ายของเจียงโจว เพราะคุณปู่มีทัศนวิสัยไม่พอยังไงล่ะคะ!”
“หุบปาก!” คำตอบของถังอวี่เฟยทำให้ผู้เฒ่าถังโกรธจนตบโต๊ะด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“พ่อครับ อย่าโกรธเลย”
“ใช่แล้วครับคุณพ่อ ระงับโทสะเถอะนะครับ”
“คุณพ่อ อวี่เฟยยังเด็กเลยยังไม่ประสีประสา ตอนนี้พอก่อนจะดีกว่าครับ“
“อวี่เฟยพูดจาแบบนี้กับปู่ได้ยังไง รีบขอโทษเดี๋ยวนี้!”
พ่อของถังอวี่เฟยรวมถึงพวกลุงต่างพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
“หนูไม่ผิด!” ถังอวี่เฟยลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้ามั่นคง “ถ้าคุณปู่ยังทำแบบนี้ต่อไป บางทีอาจทำให้ตระกูลถังของเราอยู่รอดปลอดภัยต่อได้ แต่ไม่มีทางที่จะก้าวหน้าต่อไปได้อีกแน่”
“คำพูดของหลาน กำลังบอกว่าตระกูลถังของพวกเราควรนำทั้งตระกูลไปเสี่ยงยืนข้างอู๋ฝานอย่างนั้นเหรอ?” ผู้เฒ่าถังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “เขาชนะก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเขาพ่ายแพ้ ตระกูลถังของพวกเราจะจมปลักในบ่อโคลนไม่อาจลุกขึ้นยืนได้อีก! วังเมฆาสีชาดเป็นอสรพิษที่ควบคุมเจียงโจว ต่อหน้าพวกเขา ตระกูลถังของพวกเราก็ไม่ต่างอะไรกับมดแมลง!”
“หนูเชื่อว่าอู๋ฝานจะเอาชนะได้ค่ะ!” ถังอวี่เฟยตอบกลับด้วยเสียงมาดมั่น
“หลานเชื่อแล้วจะได้อะไรขึ้นมา? ปู่เป็นคนคุมบังเหียนของตระกูลถัง ต้องรับผิดชอบต่อทุกคนในตระกูล อาศัยแค่ความรู้สึกของหลานปู่ไม่สามารถเอาอนาคตของทั้งตระกูลไปเสี่ยงได้!” ผู้เฒ่าถังตอบกลับมา
“ก็แค่กลัวจนหัวหดเท่านั้นแหละค่ะ เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอดไง!” ถังอวี่เฟยตอบกลับ
“อวี่เฟย! ทำไมลูกพูดแบบนี้กับปู่? รีบขอโทษเร็วเข้า!” เมื่อเห็นลูกสาวพูดจาไม่ดีกับผู้เป็นปู่ ถังหมิงเจี๋ยจึงต้องเร่งร้อนเข้ามาไกล่เกลี่ย
“หนูไม่ผิดค่ะ เพราะงั้นหนูไม่ขอโทษค่ะ!” ถังอวี่เฟยทิ้งประโยคนี้เอาไว้ก่อนจะตรงกลับห้องตัวเอง
“พ่อครับ อย่าโกรธไปเลยนะครับ อวี่เฟยไม่ประสีประสา เธอยังเด็กอยู่เลยไม่เข้าใจถึงความขมขื่นนี้ ไว้ผมจะดุเธอให้รู้เรื่องเองครับ” ถังหมิงเจี๋ยรีบบอกบิดาตนเอง
“เลี้ยงดูลูกสาวให้ดี!” ผู้เฒ่าถังตอบกลับอย่างโกรธเคือง “มาที่ห้องฉันด้วย!”
จบคำ ผู้เฒ่าถังจึงลุกขึ้นยืนพร้อมเดินกลับห้องตนเอง ถังหมิงเจี๋ยไม่กล้ารีรอและเร่งร้อนติดตามไป ทิ้งไว้เพียงพวกลุงและอาของถังอวี่เฟยที่นั่งอยู่ในโถงด้วยความคิดมากมาย
“คุณพ่ออย่าโกรธเลยนะครับ ผมต้องขอโทษแทนอวี่เฟยด้วยครับ” เมื่อมาถึงด้านในห้องของผู้เฒ่าถัง ถังหมิงเจี๋ยจึงรีบพูดออกมา
“อันที่จริงที่อวี่เฟยพูดมาก็ไม่ใช่ว่าจะไร้เหตุผลซะทีเดียว” ผู้เฒ่าถังที่เพิ่งโกรธจัดเริ่มได้สติกลับคืนมาบ้าง ขณะนี้ไม่มีร่องรอยท่าทีรุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
“อา…” ถังหมิงเจี๋ยตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงของผู้เป็นพ่อไม่ถูก
“บางครั้งฉันก็คิดเรื่องได้เสียมากเกินไป แม้จะรักษาตระกูลถังให้อยู่กับร่องกับรอยต่อไปได้ แต่ก็เสียโอกาสที่จะก้าวหน้าไปมากมายด้วยเช่นกัน” ผู้เฒ่าถังถอนหายใจ
“พ่อครับ อวี่เฟยพูดแบบนั้นก็จริง แต่คุณพ่อเองก็ต้องรับผิดชอบและแบกรับทั้งตระกูลถังอยู่ พวกเราทุกคนเข้าใจความยากลำบากนั้นครับ” ถังหมิงเจี๋ยตอบกลับ
“หลานพูดได้มีเหตุผลแล้ว” ผู้เฒ่าถังตอบ “การตัดสินใจของฉันครั้งนี้ค่อนข้างผิดไปจริง ๆ อู๋ฝานไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน แม้จากการตรวจสอบของพวกเราเขาไม่น่าจะมีโอกาสเอาชนะวังเมฆาสีชาดได้เลยก็ตาม แต่ถ้าเขาเอาชนะได้ เมื่อถึงเวลานั้นก็เท่ากับตระกูลถังของพวกเราเดินคนละเส้นทางกับเขาแล้ว”
“แล้วคุณพ่อคิดจะทำยังไงครับ?” ถังหมิงเจี๋ยเอ่ยถาม
ผู้เฒ่าถังเผยดวงตาเป็นประกายตอบคำกลับ “ไปบอกอวี่เฟยให้คอยติดต่อกับอู๋ฝานไว้ ถ้าวังเมฆาสีชาดชนะพวกเราก็ยังบอกได้ว่าเป็นการกระทำส่วนตัวของอวี่เฟย ไม่ใช่การสนับสนุนของทางตระกูล แต่หากเขาชนะ พวกเราจะใช้อวี่เฟยเป็นสะพานเชื่อมโยงได้”