สามีข้าคือขุนนางใหญ่ – บทที่ 784 (1) ฮ่องเต้พิโรธ

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 784 (1) ฮ่องเต้พิโรธ

ฮ่องเต้กำลังนั่งอยู่ข้างเตียงของซ่างกวานเยี่ยน องค์หญิงน้อยและเสี่ยวจิ้งคงไปหาเรื่องแหย่เสี่ยวสืออีแล้ว ในห้องมีเพียงฮ่องเต้ ซ่างกวานเยี่ยนที่แกล้งหลับและเซียวเหิงที่ยืนอยู่ข้างๆ

คนหนึ่งหมดสติ อีกคนหนึ่งใกล้สิ้นชีวิต… ล้วนไม่ใช่คนนอก

ฮ่องเต้ตรัสด้วยสีพระพักตร์เคร่งเครียด “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงตื่นตระหนกเช่นนี้ “

“คือ… คือ…” จางเต๋อเฉวียนลังเลที่จะเอ่ยคำนั้นออกมา

ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “คราวนี้จะยกโทษให้เจ้า ว่ามา!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” จางเต๋อเฉวียนจึงรวบรวมความกล้าและเล่าเรื่องราวทั้งหมด

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันนี้ องค์ชายหกกำลังเล่นว่าวในวังหลวง ว่าวของพระองค์ขาดสายและลอยไปตกในตำหนักบรรทมของหันกุ้ยเฟย

องค์ชายหกจึงไปทวงว่าวคืน

ในฐานะองค์ชาย ย่อมไม่เหมาะสมที่จะยืนอยู่แค่หน้าประตู เขาจึงเข้าไปกราบบังคมทูลหันกุ้ยเฟย

ต่อมา เหล่าข้าหลวงในวังได้พบกับสิ่งประหลาดในพุ่มไม้โดยบังเอิญระหว่างการตามหาว่าว

ด้วยความที่องค์ชายหกยังทรงพระเยาว์และอยากรู้อยากเห็น พระองค์จึงให้ข้าหลวงขุดสิ่งนั้นขึ้นมา

ใครจะคาดคิดว่ามันจะเป็นตุ๊กตาคนที่เต็มไปด้วยเข็มเงิน!

จากที่เกิดเหตุพบว่าตุ๊กตาถูกฝังอยู่ใต้ดิน แต่เนื่องจากฝนตกหนักเมื่อหลายวันก่อน ดินจึงถูกน้ำฝนชะล้าง ทำให้ตุ๊กตาโผล่ขึ้นมา

ตุ๊กตาคุณไสย์……

แววตาอันน่าสะพรึงกลัววาบผ่านดวงตาของฮ่องเต้ “กลับวัง!”

เซียวเหิงลุกขึ้น ยืนมองฮ่องเต้ด้วยความกังวล “ฝ่าบาท ข้าขอตามเสด็จไปด้วย”

ฮ่องเต้ครุ่นคิดสักครู่ ไม่ได้ปฏิเสธ

“ดูแลองค์หญิงน้อยให้ดี” ฮ่องเต้สั่งจางเต๋อเฉวียน พาเซียวเหิงกลับวัง

เรื่องราวบานปลาย หวังเสียนเฟยพาคนมาปิดล้อมพื้นที่ หันกุ้ยเฟยแม้จะถือตรากุ้ยเฟย แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของนาง หวังเสียนเฟยจึงเรียกคนของจวนแม่ทัพมา

จวนแม่ทัพเป็นหน่วยงานพิเศษในราชสำนัก ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้ ปกติแล้วไม่สามารถบุกรุกเขตหลังวังได้ แต่หากความปลอดภัยของฮ่องเต้ถูกคุกคาม พวกเขาสามารถเข้ามาก่อนแล้วรายงานทีหลัง

เมื่อฮ่องเต้เสด็จมาถึง เหล่านางสนมที่มารอชมความสนุกสนานก็ตามมาด้วย

เซียวเหิงไม่คำนับเหล่าพระสนม ไม่ว่าซ่างกวานเยี่ยนจะเป็นไท่หนี่ว์หรือไม่ก็ตาม เขาก็คือพระราชนัดดาคนเดียวของฮองเฮาเซวียนหยวน นอกจากฮ่องเต้และฮองเฮาแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องคำนับใคร

“ของอยู่ไหน” ฮ่องเต้ตรัสถาม

หวังเสียนเฟยส่งสายตาให้แม่นมหลิว “แม่นม มอบของสิ่งนั้นให้ฝ่าบาท”

“เพคะ” แม่นมหลิวใช้ผ้าเช็ดหน้าประคองด้วยสองมือ บนผ้าเช็ดหน้านั้นมีตุ๊กตาที่ขุดมาจากพุ่มไม้

องค์ชายหกซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของหวังเสียนเฟยด้วยความหวาดกลัว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมแค่การไปหาว่าวถึงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้

สีหน้าของเสด็จพ่อดูไม่พอใจอย่างมาก

“เสด็จแม่ ข้ากลัว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา

“ไม่ต้องกลัวนะ” หวังเสียเฟยปลอบโยน ลูบศีรษะเขาไปพลาง

แต่ในใจนางกลับคิดว่า โชคดีที่เลือกซ่างกวานเยี่ยน เด็กน้อยคนนี้ช่างขี้ขลาด อนาคตคงยากจะรับผิดชอบอะไรได้

ทว่านางก็ไม่ได้รังเกียจเด็กน้อยผู้นี้ เพียงเพราะนางไม่มีลูกชาย การได้เลี้ยงดูเด็กน้อยว่าง่ายอย่างองค์ชายหกเอไว้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี

เซียวเหิงคว้าตุ๊กตาขึ้นมา

“พระนัดดา!” แม่นมหลิวตกตะลึง

ฮ่องเต้ก็ขมวดคิ้ว “อย่าไปแตะต้องของอัปมงคลนั่น”

“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ” เซียวเหิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“เอ๊ะ” เขาทำท่าเหมือนพลิกตุ๊กตาไปมาอย่างไม่แยแส ก่อนจะพบข้อความที่เขียนไว้บนผ้าด้านหลัง เขาถามด้วยความสงสัย “เสด็จปู่ ข้อความนี้ไม่ใช่ปีเกิดของท่านหรอกหรือ “

ฮ่องเต้ย่อมเห็นอยู่แล้ว

สีหน้าของฝ่าบาทถมึงทึงสุดขีด “เจอที่ไหน ใครเป็นคนเจอ “

แม่นมหลิวชี้ไปที่พุ่มหญ้าไม่ไกลนัก ซึ่งถูกคนของหวังเสียนเฟยปิดล้อมไว้แล้ว นางเอ่ยอย่างเคารพ “พบที่นั่นเพคะ ว่าวขององค์ชายหกตกอยู่ตรงนั้น จางเอิน บ่าวข้างกายขององค์ชายหกกับบ่าวตำหนักกุ้ยอี๋เป็นคนไปหาพวกเขาสองคนเป็นคนพบเพคะ”

คนหนึ่งเป็นคนของหวังเสียนเฟย อีกคนเป็นคนของหันกุ้ยเฟย

ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ใครจะวางแผนร้ายในตำหนัก

ฮ่องเต้จ้องมองหันกุ้ยเฟยด้วยสายตาเย็นชา “กุ้ยเฟย เจ้ายังมีอะไรพูดอีกหรือไม่ “

หันกุ้ยเฟยที่เท้ายังเจ็บอยู่จากการถูกเสี่ยวจิ้งคงเหยียบเมื่อหลายวันก่อน คุกเข่าลงตรงหน้าฮ่องเต้อย่างทุลักทุเล “ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกใส่ร้าย หม่อมฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ เพคะ!”

เซียวเหิงไม่ได้รีบร้อนที่จะเอ่ยแทรก

เพราะเขาเชื่อมั่นในจินตนาการของเสด็จปู่ของเขามาก เขารู้ว่าเสด็จปู่ของเขาต้องจินตนาการได้ล้ำเลิศกว่าที่เขาเอ่ยชี้นำแน่นอน

ฮ่องเต้มองนางด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าหมายความว่ามีคนแอบเข้ามาตำหนักบรรเทาของเจ้าเพื่อเล่นมนต์ดำใส่เจ้าอย่างนั้นหรือ“

หันกุ้ยเฟยกัดฟันและมองหวังเสียนเฟยที่ยืนอยู่ข้างๆ “ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ เพคะ!”

หวังเสียนเฟยยกมือขึ้นโอบอุ้มองค์ชายหกผู้หวาดกลัวจนมุดเข้ามาในอ้อมแขนของนาง พลางเอ่ยเสียงเรียบ “กุ้ยเฟย ท่านมองข้ากับองค์ชายหกทำไมหรือ หรือว่าท่านคิดว่าข้าเป็นคนทำของใส่ท่าน “

หันกุ้ยเฟยเอ่ยเสียงเย็นชา “ช่างบังเอิญเสียจริง องค์ชายหกเล่นว่าวมาตกหน้าประตูตำหนักของข้า! แถมว่าวขององค์ชายหกยังขาดในสวนของข้าอีกต่างหาก!”

หวังเสียนเฟยแสร้งทำเป็นใจเย็น หน้าตาไร้เดียงสา ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ใครๆ ก็รู้ว่าตำหนักกุ้ยอี๋นั้นคุ้มกันหนาแน่น ข้าไม่มีทางแอบลักลอบเข้าไปได้หรอก! ข้าขอแนะนำให้ท่านรีบสารภาพเสียดีกว่า ท่านมีข้าทาสมากมายในตำหนัก คงไม่ปากแข็งไปหมดเสียทุกคนหรอกกระมัง สุดท้ายก็ต้องสืบสวนจนดได้ความอยู่ดี แทบกับต้องทรมานอยู่ในคุก สู้สารภาพผิดเสียแต่โดยดีไม่ดีดีกว่าหรือ หากโชคดีฮ่องเต้อาจเมตตา ลดหย่อนผ่อนโทษให้เจ้า”

ระหว่างที่นางกำลังเอ่ย ฮ่องเต้เหลือบตาไปเห็นเงาร่างสั่นเทาที่ซ่อนอยู่ข้างหลัง

ฮ่องเต้ทรงชี้ไปที่เขาคนนั้น “เอาตัวเขามานี่!”

เหล่าทหารองครักษ์ของจวนแม่ทัพรีบรุดเข้าจับตัวขันทีคนนั้นออกมา

ขันทีคุกเข่าอยู่บนพื้น ตัวสั่นระริก

ท่าทางหวาดกลัวจนตัวสั่นแบบนี้ หากบอกว่าไม่มีพิรุธคงไม่มีใครเชื่อ

“สารภาพความจริงออกมา!” ฮ่องเต้ทรงตะโกน

“คือ… คือ… คือข้าน้อยเป็นคนฝัง… พ่ะย่ะค่ะ” เขาเอ่ยตะกุกตะกัก “คือ… คือกุ้ยเฟย… ทรงเอาครอบครัวของข้าน้อย… มาขู่… ข้าน้อย…ข้าน้อยไม่กล้าขัดขืน…”

หันกุ้ยเฟยเปลี่ยนสีหน้าโดยทันที คุกเข่าลงบนพื้น ยืดตัวตรง กำผ้าเช็ดหน้าแน่น ชี้ไปที่ขันทีและตะโกน “เฟิ่งโหย่วเซิ่ง! ข้าเมตตาเจ้ามาก! เหตุใดเจ้าถึงใส่ร้ายข้า!”

ขันทีที่ชื่อเฟิ่งโหย่วเซิ่งก้มหน้ากราบนางร้องไห้ “กุ้ยเฟย… ข้าขอร้องท่านไว้ชีวิตครอบครัวข้าเถิด… ข้าขอร้องท่าน… ข้ายอมตายเพื่อแลกการสารภาพ! แต่ขอท่านโปรดเมตตาต่อครอบครัวข้า!”

เอ่ยจบ ไม่รอให้หันกุ้ยเฟยเอ่ย เขาลุกขึ้นยืนทันที พุ่งหัวไปชนกับภูเขาจำลองจนเสียชีวิต

เขาจำเป็นต้องตาย มิฉะนั้นหากเขาถูกส่งไปที่คุกใต้ดิน เขาคงทนการทรมานไม่ไหวและอาจบอกชื่อหวังเสียนเฟยออกมา

หวังเสียนเฟยปกปิดผิดหวังไว้ไม่อยู่ เอ่ยขึ้น “กุ้ยเฟย ท่านกับฝ่าบาทมีความสัมพันธ์กันมายาวนาน เพียงเพราะฝ่าบาทถอดถอนรัชทายาท ท่านจึงโกรธแค้นฝ่าบาทและใช้กลอุบายที่น่ารังเกียจต่อฝ่าบาทหรือ กุ้ยเฟย ช่างโหดร้ายเสียจริง!”

เซียวเหิงคิดในใจ สตรีวังหลังช่างเจ้าบทบาทเสียจริง

ว่าแต่ว่า ในบรรดาคนมากมาย มีเพียงหวังเสียนเฟยเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จหรือ

เขาไม่ได้ตุ๊กตามีน้อยเกิดไป เขาแค่อยากรู้อยากเห็นเรื่องราวต่อจากนี้มากกว่า

ใครจะคาดคิดว่า ความคิดของเขาเพิ่งแวบเข้ามา ก็เห็นลูกสุนัขของหันกุ้ยเฟยคาบตุ๊กตาคนตัวเล็กๆ ออกมา

หันกุ้ยเฟยเลี้ยงลูกสุนัขตัวนี้เพียงไม่กี่วันก็ไม่ค่อยชอบแล้ว มอบให้บ่าวเอาไปเลี้ยงต่อ

หลายวันผ่านไป ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกันอีกครั้งในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน

หวังเสียนเฟยขมวดคิ้ว

เกิดอะไรขึ้นอีก

เหตุใดถึงมีตุ๊กตามาอีกตัว

นางไม่ได้ให้ตุ๊กตาแก่เฝิงเต๋อเซิ่งไปตัวเดียวหรือ

… ตุ๊กตาตัวนี้เป็นฝีมือของต่งเฉินเฟย

คนสนิทของต่งเฉินเฟยแอบซ่อนตัวอยู่ในวังหลวงสองวันเพื่อรอจังหวะที่เหมาะสมที่สุด

การฝังตุ๊กตาไว้เฉยๆ ยังไม่พอ ตุ๊กตาต้องถูกเปิดเผยด้วย

หวังเสียนเฟยเลือกที่จะใช้ประโยชน์จากองค์ชายหก ต่งเฉินเฟยกลับจับจ้องไปที่สุนัขของหันกุ้ยเฟย

ตุ๊กตาถูกฝังไว้ใกล้กับกระดูกไม่ลึก สุนัขขุดเพียงไม่กี่ทีก็เจอ

ต่งเฉินเฟยตั้งใจจะไปเยี่ยมหันกุ้ยเฟย เพื่อที่จะค้นพบตุ๊กตาคุณไสย์ในที่เกิดเหตุ

หวังเสียนเฟยพาคนของจวนแม่ทัพมาล้อมตำหนักฉินของหันกุ้ยเฟย นางสืบข่าวและได้รู้จากบ่าวว่า หันกุ้ยเฟยเล่นของในหวังหลวง ต่งเฉินเฟยจึงคิดว่าตุ๊กตาของนางถูกหวังเสียนเฟยกับองค์ชายหกพบเข้าโดยบังเอิญ

นี่มันเรื่องดี

ที่นางไม่ต้องออกโรงเอง

บนตุ๊กตาเขียนวันเดือนปีเกิดของซ่างกวานเยี่ยน

สีหน้าของฮ่องเต้ถมึงทึงยิ่งกว่าเดิม

เขากำหมัดแน่นด้วยความโกรธจนตัวสั่น “ดี! ดีมาก! กุ้ยเฟย เจ้าทำดีมาก! เรียกคนมา! เค้นความจริงออกมา! ข้าอยากรู้ว่าในตำหนักของนางปีศาจร้ายนี้ซ่อนอะไรไว้บ้าง!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ทหารองครักษ์ของจวนแม่ทัพรับคำ

ทหารองครักษ์พบตุ๊กตาอีกเจ็ดแปดตัวในตำหนักบรรทมของหันกุ้ยเฟย

เซียวเหิงยิ้มจนมุมปากกระตุก

นี่มันเกินไปแล้ว กู้เจียวเจียว ตกลงกันแล้วมิใช่หรือว่าจะไม่เพิ่มบท

สามวันก่อน ซ่างกวานเยี่ยนไปหาพระสนมทั้งห้าคน ผู้ที่วางตุ๊กตาไว้ในตำหนักบรรทมของหันกุ้ยเฟยได้สำเร็จคือหวังเสียนเฟย ต่งเฉินเฟย และเฟิ่งเจาอี๋

เฉินซูเฟยและหยางเต๋อเฟยล้มเหลว

แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ขัดขวางพวกนางจากการมาร่วมผสมโรง

ทั้งสองมาถึงพร้อมกับต่งเฉินเฟยและเฟิ่งเจาอี๋

เฟิ่งเจาอี๋คำนับทั้งสาม

ทั้งสามตอบกลับด้วยอย่างนอบน้อม

หลังจากผ่านพิธีการอันยุ่งยากและเสแสร้ง ทั้งสี่ก็ไปที่สวนดอกไม้เล็ก ๆ ของหันกุ้ยเฟย

เมื่อพวกนางเห็นตุ๊กตาเจ็ดตัวครึ่งวางอยู่บนโต๊ะหิน สีหน้าของพวกนางก็แข็งค้างไปชั่วขณะ

เฟิ่งเจาอี๋ ต่งเฉินเฟย และหวังเสียนเฟยต่างร้องอุทานในใจ ข้าใส่ตุ๊กตาไปแค่ตัวเดียวเท่านั้น!

เฉินซูเฟยและหยางเต๋อเฟยคิดในใจ ข้าไม่ได้ใส่เข้าไปเลย!”

ทั้งห้าคนงุนงงไปหมด

หันกุ้ยเฟยเองก็งุนงงเช่นกัน

หวังเสียนเฟยเจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ

ใส่ร้ายข้าจำเป็นต้องใช้ตุ๊กตาตั้งหลายตัวขนาดนั้นเชียวหรือ

แล้วที่สำคัญคือพวกเจ้าเอาเข้ามาในตำหนักข้าได้อย่างไรกัน!!!

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม!

จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้เจียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล

แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เซียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ

เพราะบุญคุณเซียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ

แต่เพราะ ‘ฝันบอกเหตุ’ ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนใหม่ได้รู้ว่าเซียวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในอนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก

เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ายทั้งหลายเพื่อประคองเขาขึ้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท