บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1337 ดวงตาปริศนา

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1337 ดวงตาปริศนา

บทที่ 1337 ดวงตาปริศนา

แสงสีทองล่องลอยบนอากาศ ก่อนจะกลายเป็นสัญลักษณ์เต๋าอันลึกลับที่ปกคลุมบริเวณโดยรอบ

ร่างเล็กเจ้าของใบหน้ากระจ่างใสดุจทารกนั่งขัดสมาธิภายในดวงจิตแห่งเต๋าขณะกำลังเข้าฌาน มันเปล่งประกายแวววาวและเปี่ยมไปด้วยสัมผัสพิสุทธิ์ไร้มลทิน

ครั้นเมื่อร่างเล็กนั้นขยับลมหายใจ สายใยแน่นหนาแห่งพลังดวงใจที่บริสุทธิ์และมีรูปร่างก็โคจรอย่างไม่รู้หยุดนิ่ง พวกมันกลายเป็นลำแสงสีทองที่หมุนวนไปมารอบร่างเล็กนั่น และทำให้คนผู้นี้สง่างามไม่ต่างเทพจำแลง

ขอบเขตทารกดวงใจ!

ตอนนั้นเอง เฉินซีรับรู้ได้ในทันทีว่าดวงจิตแห่งเต๋าของตนนั้นได้บรรลุจากขอบเขตวิญญาณดวงใจไปเป็นขอบเขตทารกดวงใจแล้ว!

เหตุนี้ เฉินซีอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ขอบเขตของพลังดวงใจประกอบไปด้วยขอบเขตปราณดวงใจ ขอบเขตแก่นดวงใจ ขอบเขตวิญญาณดวงใจ และขอบเขตแรกกำเนิด

เนื่องจากพลังดังกล่าว ไร้ตัวตนและเป็นนามธรรม บนโลกนี้จึงมีเคล็ดวิชาสำหรับบ่มเพาะพลังดวงใจอยู่น้อยมาก อย่างในภพมนุษย์เองนั้น สิ่งมีชีวิตจำนวนมากมายที่อาศัยอยู่ที่นั่นแทบไม่มีใครรู้ว่าพลังดวงใจคือสิ่งใด

และแม้ว่าพวกเขาจะรู้จักพลังดวงใจ หากก็รู้แต่เพียงผิวเผินว่าการจะรวบรวมพลังดวงใจนั้น สามารถทำได้โดยการสังหารมหาคนบาปเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกฝนด้วยหนทางอื่น

ถ้าหากเฉินซีไม่ได้รับเคล็ดวิชาธรรมเทพไร้ขอบเขตมาจากเจดีย์ต้าเหยี่ยนภายในพิภพยันต์อักขระแล้วละก็ เขาคงจะไม่สามารถบรรลุขอบเขตวิญญาณดวงใจได้เป็นแน่

น่าเสียดาย แม้ว่าเฉินซีจะมีเคล็ดวิชาสำหรับบ่มเพาะพลังดวงใจ ทว่าเขาก็ยังอยู่ในขอบเขตวิญญาณดวงใจจนถึงเมื่อครู่นี้ เห็นได้ชัดว่าการบ่มเพาะพลังวิญญาณนั้นยากเข็ญเพียงใด

ทว่าในตอนนี้ การบ่มเพาะพลังดวงใจได้ก้าวผ่านขอบเขตวิญญาณดวงใจมาสู่ขอบเขตทารกดวงใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กล่าวกันตามตรง ชายหนุ่มไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนจะบรรลุในระหว่างการบ่มเพาะนี้แม้แต่น้อย นั่นทำเอาเขาอดตกใจขึ้นมาไม่ได้

นี่คือขอบเขตทารกดวงใจ!

ตามที่เฉินซีเข้าใจเมื่อนานมาแล้ว หากต้องการบรรลุขอบเขตราชันเซียนและครอบครองมหาเต๋าแห่งราชันเซียน เขาจะต้องผ่านเงื่อนไขเบื้องต้นนั่นคือการมีระดับการบ่มเพาะของพลังดวงใจอยู่ที่ขอบเขตทารกดวงใจเสียก่อน ในขณะที่การระลึกชะตากรรมเต๋าแห่งสวรรค์ และผนวกกับร่างของราชันเซียนนั้นเป็นเพียงเงื่อนไขรองเท่านั้น!

อาจกล่าวได้ว่ากฎเกณฑ์นี้เองที่ขัดขาราชันเซียนครึ่งขั้นเอาไว้ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอย่างการระลึกชะตากรรมเต๋าแห่งสวรรค์ หรือผนวกร่างของราชันเซียนเลยด้วยซ้ำ

ในตอนนี้เขาอยู่ในขอบเขตเซียนทองคำขั้นสูง แต่กลับสามารถบรรลุขอบเขตทารกดวงใจ มีหรือที่จะไม่ประหลาดใจได้?

หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป แน่นอนว่ามันต้องทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น หรือแม้แต่คนอื่น ๆ ในภพเซียนตกตะลึง!

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก… ครู่ถัดมา จิตใจของเฉินซีค่อย ๆ สงบลง คราวนี้ เขาเริ่มเข้าใจได้ราง ๆ แล้วว่านี่คือผลที่ได้มาจากการหลอมรวมกับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นที่หก

ตอนนี้เอง คล้ายว่าชายหนุ่มอยู่ภายใต้สภาวะที่แตกต่างออกไป จิตสำนึกตื่นรู้อย่างเต็มที่ หากแต่ไม่อาจลืมตาได้ดังปกติ พลังชีวิตภายในร่างกายไหลเวียนผิดธรรมชาติ คล้ายกำลังเข้าฌานไปพร้อมกับทำความเข้าใจต่อเต๋า

สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือเฉินซีไม่อาจขัดขวางกระบวนการนี้ได้เลย!

ดูเหมือนว่าพลังไร้รูปร่างหนึ่งนำพาแก่นแท้ วิญญาณ และพลังภายในร่างกายให้โคจรอย่างเป็นธรรมชาติ ทว่าเขากลับหาได้รู้สึกอึดอัด แต่กลับรู้สึกราวกับกำลังอาบน้ำภายใต้สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ ได้กลับคืนสู่อ้อมกอดของธรรมชาติ

ท่ามกลางสภาวะที่แปลกประหลาดเกินกว่าจะอธิบายได้นี้ เฉินซีสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าการบ่มเพาะของตนนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องประหนึ่งเรือที่ล่องตามกระแสน้ำซัดสาด!

ปราณเซียนในกายเพิ่มจำนวนขึ้น ก่อนจะปะทุออกมาอย่างมีชีวิตชีวา

พลังชีวิตแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์ มันสั่นสะท้านและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ

ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้หาได้ทำให้เฉินซีครั่นเนื้อตัวแต่อย่างใด ฐานพลังยังคงหนักแน่นมั่นคงดังเดิม เช่นเดียวกับรัศมีที่ยังสงบนิ่งแม้ว่าความแข็งแกร่งจะระเบิดตัวอย่างรุนแรง…

คล้ายว่าทุกสรรพสิ่งในขณะนี้ได้เกิดขึ้นโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดเป็นพิเศษ เพราะผ่านเงื่อนไขทุกอย่างโดยสมบูรณ์

เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

เวลาผ่านมาไม่ถึงครึ่งปีหลังจากที่เฉินซีบรรลุขอบเขตเซียนทองคำขั้นสูง ทว่าการบ่มเพาะกลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับหน่อไม้ที่แทงยอดอ่อนหลังฝนพรำ เพียงไม่กี่อึดใจ การบ่มเพาะก็เริ่มเข้าสู่สภาวะมั่นคง หนักแน่น และสมบูรณ์ ไม่เพียงเท่านั้น มันยังเปิดเผยสัญญาณถึงการข้ามผ่านออกมาเล็กน้อย!

หรือนี่จะเป็นผลที่เกิดจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก…? เฉินซีรู้สึกงุนงง เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาระดับการบ่มเพาะของพลังดวงใจได้บรรลุขอบเขตทารกดวงใจ และในตอนนี้ ระดับการบ่มเพาะก็เข้าสู่ขั้นสมบูรณ์และสำแดงสัญญาณแห่งการบรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์ออกมาอย่างเลือนราง นี่มันออกจะน่าประหลาดใจเกินไปแล้ว

ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะหันเหความสนใจไปยังชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากภายในทะเลแห่งมโนสำนึก

ภายในนั้น เฉินซีสังเกตเห็นว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นที่หกกำลังหลอมรวมกับชิ้นส่วนที่เหลือ ตอนนี้เองพื้นผิวที่เก่าคร่ำและมืดมนของมันพลังเปล่งประกายด้วยแสงสลัว มันล่องลอยท่ามกลางความเงียบงันและหมุนวนไปพร้อมกับแสงอันไร้ตัวตน

ตั้งแต่เฉินซีเข้าสู่ภูมิภาคบรรลุเทพ ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากก็มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อน ประการแรก มันฉวยไข่มุกวิญญาณเต๋าไปจนหมด หลังจากนั้นมันก็ช่วยเฉินซีจัดการกับการโจมตีของโลหิตราชันเซียนภายในร่างกายขณะที่เขาตกอยู่ภายในค่ายกลศักดิ์สิทธิ์พินาศเต๋าแห่งเก้าวิบัติสวรรค์ ไม่เพียงเท่านั้น มันยังได้เอาใจปราชญ์แห่งราชันเซียนไปด้วย…

พลังดวงใจขอบเขตทารกดวงใจ!

การบ่มเพาะที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทว่ากลับเกิดขึ้นง่ายดายอย่างไม่ต้องพยายามยากเย็น

สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทำให้ชายหนุ่มตระหนักว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน บางที… ข้าอาจจะสามารถบรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์ได้โดยอาศัยความช่วยเหลือจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก

เปรี้ยง!

ทันทีที่ความคิดนี้ประทับลงในใจ ทะเลแห่งมโนสำนึกพลันสั่นสะเทือนได้ด้วยเสียงกัมปนาทประหนึ่งฟ้าคำราม ในช่วงเวลาถัดมา ภาพอันยิ่งใหญ่ โบราณ และลึกลับอย่างยิ่งก็ปรากฏขึ้นในใจ!

มันคือแท่นบวงสรวง!

มันตั้งตระหง่านท่ามกลางความโกลาหลและมีความสูงเสียดฟ้า สีของมันมืดสนิท ราวกับหนทางที่นำพาไปสู่ภายนอกภพทั้งสาม

ยามเมื่อมันปรากฏยังเบื้องหน้า เฉินซีรู้สึกว่าตนตัวเล็กลงไปในพลัน ไม่ว่าจะแหงนคอมองสักเท่าไร ก็ไม่อาจเห็นถึงยอดที่อยู่ไกลสุดสายตา!

แท่นบวงสรวงนี้เก่าคร่ำคร่า คล้ายว่ามันหยัดยืนอยู่บนมิติโกลาหลแห่งนี้มานานหลายปี มันมีกลิ่นอายที่เคร่งขรึมและสงบนิ่ง ราวกับกำลังเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายที่เกิดขึ้นในภพทั้งสาม ทำให้ผู้คนที่ได้สัมผัสต่างก็ต้องทรุดตัวลงคารวะ ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาจะทำไม่ไปมากกว่าการยอมคุกเข่าจำนน

นี่มัน… นี่คงไม่ใช่แท่นบวงสรวงหรอกกระมัง? ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในใจของเฉินซี ครู่ถัดมา แท่นบวงสรวงนั้นก็เด่นชัดสู่สายตา มันเต็มไปด้วยความโกลาหล มืดมน และพร่ามัว ราวกับว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาล เมื่อครั้งที่แผ่นดินยังคงตกอยู่ใต้ความโกลาหล

หลังจากนั้น เฉินซีพลันเห็นแผนผังสีทองสว่างประกาย มันเหมือนกับม้วนภาพที่ลอยอยู่เหนือความโกลาหลซึ่งทอดยาวตั้งแต่ปลายท้องฟ้าด้านหนึ่งไปจนถึงอีกด้าน!

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันถูกปกคลุมไปด้วยความโกลาหล ไม่ว่าเฉินซีจะพยายามสักเท่าไร ทว่าเขากลับไม่อาจมองเห็นลักษณะแท้จริงของแผนผังได้ ไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งที่ถูกบันทึกเอาไว้ด้านใน

นี่มันอันไรกัน? แผนผังบรรลุเทพอย่างนั้นหรือ? เฉินซีตกตะลึง

ตู้ม!

ทันใดนั้น ดวงตาหนึ่งก็เบิกขึ้นกลางความโกลาหล

ทันทีที่เฉินซีสบกับดวงตาดวงนั้น ร่างกายคล้ายร่วงหล่นลงสู่หุบเหวเยือกแข็ง มันชวนให้เย็นยะเยือกเสียจนสั่นสะท้าน

นี่มันดวงตาอะไรกัน?

มันดำดิ่ง ลึกล้ำ เยือกเย็น และไร้ซึ่งอารมณ์ คล้ายกับมีอักขระยันต์มากมายสลักอยู่ภายใน ให้ความรู้สึกเฉกเช่นเดียวกับการอุบัติและอัสดงของฟ้าดิน การโคจรของดวงดาว การเดินทางผ่านกาลเวลา การเปลี่ยนแปลงของจักรวาล… ไม่ว่าจะสรรพสิ่งใด ๆ ก็ล้วนแล้วแต่ถูกมันเปิดเผย

เมื่อเฉินซีมองมันจากที่ไกล ความรู้สึกสะพรั่นพรึงก็บังเกิดขึ้นในหัวใจ คล้ายกำลังถูกส่องกราดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

นี่มันอะไรกัน?

ดวงตาเต๋าแห่งสวรรค์หรือ?

หรือจะเป็นดวงตาของสิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงกลัว?

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีทั้งหวาดกลัวและชิงชัง ชายหนุ่มโกรธเกรี้ยวและเดือดพล่านเสียจนไม่ต้องการสิ่งใดไปมากกว่าการได้บดขยี้ดวงตานั่นให้แหลกคากำปั้น!

หึ่ง!

ท่ามกลางดวงตาที่แดงก่ำด้วยแรงโทสะ และหมัดที่กำแน่นหมายโจมตีอีกฝ่ายของเฉินซี เสียงหึ่ง ๆ ก็ดังขึ้นภายในจิตใจ หลังจากนั้นภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าก็สลายราวผืนน้ำที่ค่อย ๆ แห้งเหือด หายไปในความว่างเปล่า

“อ้า!!” ทันใดนั้น เฉินซีพลันตะโกนลั่นอย่างเผลอตัว ในที่สุดเขาก็สามารถลืมตาขึ้นได้อีกครั้ง

“นั่นมันอะไรกัน?”

“น้องเฉินซี เจ้าคงไม่ได้พบกับจิตมารระหว่างการบ่มเพาะหรอกกระมัง?”

สุ้มเสียงที่เปี่ยมด้วยความกังวลดังขึ้น เฉินซีเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะเห็นว่าทั้งเตียนเตี้ยน สืออวี๋ และเซียงหลิวหลีต่างขยับเข้ามาใกล้ สีหน้าของพวกเขาเผยร่องรอยแห่งความวิตกออกมาไม่น้อย

ทว่าพวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าเฉินซีกลับมามีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์อีกครั้ง

ก่อนหน้านี้สภาพของเฉินซีนั้นผิดปกติเกินไป ทั้ง ๆ ที่คนกำลังนั่งขัดสมาธิเพื่อเข้าฌานอยู่ แต่ในบางครั้งชายหนุ่มกลับแสดงสีหน้าประหลาดใจและขมวดคิ้วออกมา ก่อนที่ท้ายสุดเขาจะแสดงอาการเดือดดาลที่เต็มไปด้วยรัศมีอันหนักอึ้ง คล้ายกำลังทรมานจากพลังปราณที่เบี่ยงเบนไป

สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของสืออวี๋และคนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก

“ข้าไม่เป็นไร” เฉินซีถอนใจยาว ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม หากความโกรธยังคงคุกรุ่นอยู่ภายในใจ ไม่นาน มันก็ระงับลงอย่างรวดเร็ว

“เส้นทางแห่งการบ่มเพาะนั้นอันตรายเกินหยั่งรู้ ดังนั้นเจ้าไม่ควรรีบร้อน ก้าวย่างที่ไม่มั่นคงเพียงครั้งเดียวจะทำให้มารร้ายฝั่งรากลงในหัวใจของเจ้าอย่างง่ายดาย และมันจะคอยขัดขวางเจ้าไปตลอดการบ่มเพาะ นับเป็นอันตรายอย่างยิ่ง” สืออวี๋สังเกตได้ผ่านการมองเพียงปราดเดียวว่าการบ่มเพาะของเฉินซีได้พัฒนาไปอย่างมากในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อคิดว่าสภาวะแปลกประหลาด ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นเกิดจากความใจร้อนต่อการบ่มเพาะ

“ขอบคุณพี่สืออวี๋ที่ชี้แนะ” เฉินซีพยักหน้า ในตอนนี้ จิตใจของเขายังคงสับสนวุ่นวาย สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง

ครั้นเตียนเตี้ยนสังเกตเห็นท่าทางเช่นนั้น นางก็พูดขึ้นในทันที “ตราบใดที่เจ้าไม่เป็นไรนั่นก็นับว่าดีแล้ว ต่อไปเจ้าก็ทำใจให้สงบและควบคุมลมหายใจไปสักระยะหนึ่ง พวกข้าจะไม่รบกวนเจ้าในตอนนี้ และเมื่อเจ้าดีขึ้นแล้ว เราจะไปที่เทวาคารบรรลุเทพ”

เมื่อนางพูดจบก็หันไปมองที่สืออวี๋และเซียงหลิวหลี ก่อนจะพาพวกเขาหันหลังจากไป

เฉินซีสูดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ ราวสองสามครั้ง ในตอนนี้จิตใจกลับมาสงบดังเดิมแล้ว

ภาพที่เห็นเมื่อครู่เป็นเพียงความลึกลับอันประหลาดล้ำซึ่งไม่อาจหยั่งรู้ แต่เหตุใดข้าถึงได้มีโทสะเหี้ยมเกรียมยามมองดวงตานั่น?

นอกจากนั้น แท่นบวงสรวงที่สูงตระหง่านนั่นใช่เทวาคารบรรลุเทพหรือไม่? แล้วแผนผังที่ซ่อนตัวอยู่ภายในมิติโกลาหลซึ่งพาดขวางเหนือแผ่นฟ้านั้นคือสิ่งใด?

น่าแปลกที่เรื่องทั้งหมดนี้เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก… ทว่าเหตุใดจึงฉายภาพเช่นนี้ให้ข้าได้เห็นเล่า?

คำถามมากมายพุ่งเข้ามาในใจของเฉินซีไม่รู้จบ มันทำให้คิ้วที่พาดเฉียงสีดำสนิทขมวดเข้าหากันอย่างช้า ๆ

ไม่มีสิ่งใดที่เขาเข้าใจเลยแม้แต่น้อย

แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ บางทีเขาอาจจะได้รับคำตอบหลังจากที่ไปถึงเทวาคารบรรลุเทพ…

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท