ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) – ตอนที่ 9

ตอนที่ 9

“นึกไม่ถึงเลยว่าเธอเรียนสกิลลอบเร้น นั่นมันสกิลของโจรไม่ใช่เหรอ?”

“ใครว่านักดาบคู่เรียนสกิลลอบเร้นไม่ได้ล่ะ? นักดาบคู่ก็มุ่งเน้นการฆ่าศัตรูด้วยความเร็วเหมือนกัน สกิลลอบเร้นที่ดีขนาดนี้จะปล่อยไปได้ยังไงล่ะ”

ตลอดทาง พวกเราตามเครื่องบินสอดแนมทรงสามเหลี่ยมกลับหัวไปในทิศทางของสิ่งที่เรียกว่าอุปกรณ์รบกวน

แม้ว่า ‘ลอบเร้น’ แต่กลับไม่ใช่การหายตัว เพราะงั้นเวลาพวกเราสะกดรอยตามจึงไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป ทำได้เพียงตามไปช้าๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือมองไม่เห็นชื่อหรือว่าฉายาของเจ้าสิ่งนี้ แม้ว่าผมใช้สกิล ‘เนตรแห่งเฟคด้า’ แล้ว อีกฝ่ายก็ยังคงไม่แสดงอะไร

ไม่ใช่เป็นเครื่องหมายคำถาม แต่เป็นไม่แสดงอะไรเลย

บางฉายาก่อนหน้านี้ผมยังสามารถเห็นผ่านกำแพงได้โดยตรง เมื่อสะกดรอยแบบนี้ก็ยิ่งสะดวก แต่ตอนนี้กลับหมดหนทาง ถ้าอีกฝ่ายออกห่างจากการมองเห็นของพวกเรา ผมคงไม่รู้ว่าจะหามันเจออีกได้ไหม

อีกทั้งเจ้านี่ยังบินแบบไม่มีเสียง อย่าทำเป็นสูงส่งแบบนี้ได้ไหม อย่างน้อยใน Assassin Cxxx ก็สามารถทำเครื่องหมายได้เลย

“หยุด!”

ผมส่งสัญญาณให้อาร์ย่าหยุด

“เกิดอะไรขึ้น?”

ได้ยินคำถามของอาร์ย่าผมกลับไม่ได้ตอบ และชี้ไปทางทรงสามเหลี่ยมกลับหัวตัวนั้น

ในขณะนั้นเองสามเหลี่ยมกลับหัวที่ลอยอยู่กลางอากาศ กลับไม่ได้มีเพียงหนึ่ง แต่สามเหลี่ยมกลับหัวรอบๆ ที่มีจำนวนประมาณหนึ่งได้เข้าใกล้มัน จากนั้นก็เชื่อมเข้าด้วยกัน หลังจากหมุนอยู่หลายครั้งก็แยกออกจากกัน

ทั้งยังแยกกันไปรอบด้าน

“นี่คืออะไร? เล่นกายกรรมเหรอ?”

“อาจเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงอะไรก็ได้ใครจะรู้ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นสิ่งของในยุคนี้ แต่ไม่รู้ว่าใครมีเหตุผลอะไรถึงสร้างมันออกมา แล้วของสิ่งนี้ยังดูคล้ายเทคโนโลยีของ ‘โลก’ เราด้วย มันใช้มาทำอะไรกันแน่เนี่ย”

“พวกนายต้องแข่งขันชั้นปีไม่ใช่เหรอ? ฉันได้กลิ่นของแผนการร้าย!”

“…”

ผมมองอาร์ย่าอย่างไร้คำพูด

“ถ้ามีเทคโนโลยีแบบนี้ อย่าพูดถึงการแข่งขันชั้นปีเลย ฉันคิดว่าปกครองสักอาณาจักรก็ไม่มีปัญหา แล้วจะจำเป็นเหรอ?”

“ใครจะรู้ล่ะ”

แต่ตอนนี้ปรากฏสามเหลี่ยมกลับหัวเยอะขนาดนี้ เชื่อว่าตำแหน่งของอุปกรณ์รบกวนก็คงอยู่ไม่ไกล

แต่รอบด้านกลับไม่มีของแบบนี้เลย ไม่ว่ายังไงของแบบอุปกรณ์รบกวนน่าจะดูเหมือนหอคอย หรือว่าเสาค้ำ สรุปแล้วก็คือต้องอยู่สูง

แต่ตอนนี้มองไปแล้วนอกจากอาคารเรียนก็ไม่มีอย่างอื่นเลย

“จะว่าไป…”

จู่ๆ อาร์ย่าก็พูดขึ้น

“ตรงนั้นมีรูปปั้นเกินมาหนึ่งตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“รูปปั้น?”

ผมมองทางที่อาร์ย่าชี้ ตรงนั้นเป็นสถานที่ที่จัดวางรูปปั้นของสถาบันโดยเฉพาะ แถวรูปปั้นวางอยู่ที่นั่นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ดูเหมือนใช้รำลึกถึงวีรบุรุษเหล่านั้น

แต่ว่า…

“ทำไมเธอถึงรู้ว่าเกินมาหนึ่งล่ะ?”

“เพราะฉันแอบไปขีดขอบรูปปั้นแต่ละตัวตอนที่เพิ่งมา”

“…เมื่อก่อนเธอชอบทำเรื่องแบบนี้กับรถที่จอดไว้ข้างทางใช่ไหม”

“เปล่านี่ มีแค่เวลาอารมณ์ไม่ดีเท่านั้นแหละ”

“…”

พฤติกรรมของยัยนี่เลวทรามจริงๆ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมยัยนี่ถึงไม่ลังเลที่จะสับคนอื่นเป็นชิ้นๆ

โชคดีที่อาชีพยัยนี่ไม่ใช่เบอร์เซอร์เกอร์ ไม่งั้นสถาบันของเธอต้องกลายเป็นซากในสัปดาห์เดียวแน่

ทว่าก็โชคดีที่ยัยนี้ทำเรื่องน่าเบื่อแบบนี้ คราวนี้จึงนับว่าเจอเบาะแสบางอย่าง

เดินไปจนถึงรูปปั้นนั้น ผมก็เคาะๆ

มันเป็นรูปปั้นที่ดูเหมือนคนแก่ที่ดูเป็นมิตร แล้วยังเป็นรูปปั้นประติมากรรมตามแบบฉบับ ก็คือเป็นรูปปั้นแบบครึ่งตัว

“ไอ้นี่ไม่ต่างจากตัวข้างๆ เลยนี่? เธอแน่ใจนะว่าจู่ๆ มันก็โผล่ขึ้นมา”

“ไม่ผิดแน่! เมื่อวานตอนฉันขีดมัน เป็นไปไม่ได้ที่ของชิ้นนี้จะไม่ทิ้งร่องรอยไว้แน่!”

พูดจบ ยัยนี่ก็หยิบมีดออกมาฟันไปบนรูปปั้น…แต่ไม่มีเสียง?

ผมกับอาร์ย่าต่างชะงัก ลองดูจุดที่ถูกฟันให้ดีอีกครั้ง บนนั้นกลับไม่มีร่องรอยเลย!

มัน…ผมกับอาร์ย่ามองกันไปมา แล้วมองที่รูปปั้นตัวนั้นอีกครั้ง

“ของชิ้นนี้ดูไฮโซจัง จะคุ้มไหมนะ?”

“มันสำคัญเหรอ?”

“ไม่สำคัญเหรอ?”

“ประเด็นควรเป็นของชิ้นนี้เพิ่งตั้งอยู่ที่นี่หรืออยู่ที่นี่มาก่อนหน้านี้ไม่ใช่เหรอ? ของสิ่งนี้เหมือนทำลายไม่ได้ชัดๆ”

ทันใดนั้น ผมก็สัมผัสได้ถึงวิกฤติ!

ของตรงหน้านี้…ให้ความรู้สึกอันตรายแก่ผม ครู่ต่อมา ผมรู้แล้วว่าความรู้สึกแบบนี้คืออะไร

“อาร์ย่า”

“มีอะไร?”

“จับมือฉัน”

“ฮะ?”

“บอกให้เธอจับมือฉัน”

“นาย…เวลาแบบนี้นายพูดอะไรอีกเนี่ย! ถึงจะ…”

เห็นยัยนี่หน้าแดงก็รู้ว่ายัยนี่นึกถึงเรื่องประหลาดอีกแล้ว ผมไม่สนใจความคิดเพ้อเจ้อของเธอ จับเธอแล้วใช้พุ่งทะลวงไปข้างหลังทันที

ชั่วขณะที่พวกเราออกไปนั้น เหล็กแหลมนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาจากใต้พื้นเปลี่ยนที่ที่เรายืนอยู่เมื่อกี้จนกลายเป็นป่าโลหะ

ถึงใช้ ‘เสาน้ำแข็งลอบสังหาร’ หลายครั้ง แต่หนามเหล็กแบบนี้ดูยังไงก็แข็งแรงกว่าเสาน้ำแข็งของผมหลายเท่า มันแทงทะลุได้ทันที…คิดแล้วก็รู้สึกเจ็บ

“นี่…นี่มันอะไรกัน?”

“ใครมันจะรู้ล่ะ…”

รูปปั้นเหล็กตัวเดิมมีมือและเท้างอกออกมาจากทั่วตัว บนมือทุกข้างถือหนามแหลมนับไม่ถ้วน หน้าตาที่เดิมดูอ่อนโยนก็กลายเป็นปีศาจมีเขี้ยว

ฮันเนีย1

จู่ๆ ในสมองผมก็ปรากฏคำคำนี้ เพ่งมองใบหน้าของปีศาจตัวนั้นอย่างตั้งใจอีกครั้ง เหมือนกับหน้ากากฮันเนียในเกมอย่างที่คิด

ขณะเดียวกัน ที่ว่างข้างหลังสิ่งนี้ก็ดูเหมือนเกิดการบิดเบี้ยวช้าๆ หนามแหลมหนึ่งด้ามก็โผล่ออกมาจากกลางอากาศ

นี่…นี่มันอะไรกันเนี่ย?

อัพเดทเควสต์ : ทำลายอุปกรณ์รบกวน

เมื่อมองแจ้งเตือนอีกครั้ง ในใจผมก็มีความคิดหนึ่ง

แกล้อฉันเล่นเหรอ?

1.ชื่อหน้ากากที่ใช้ในการแสดงละครโนะของญี่ปุ่น แสดงถึงลักษณะของปีศาจหญิงขี้อิจฉา ฮันเนียมีเขาแหลมคมสองข้าง มีตาเป็นโลหะ และปากที่ฉีกยิ้มจนถึงหู

ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?)

ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?)

Status: Ongoing

ผมตื่นขึ้นมาหน้าหมู่บ้านแปลกๆ แห่งหนึ่ง ผมลองคิดว่าก่อนหน้านี้ผมทำอะไรมาถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ผมกลับนึกอะไรไม่ออก นอกจากชื่อของผม “หลิน ฟีล”

ผมเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ กลับพบว่าทุกคนในหมู่บ้านมีชื่อและหลอด HP ลอยอยู่เหนือศีรษะ

เอ๊ะ…ทำไมมันเหมือนเกม RPG จัง หรือว่า…ผมจะหลุดเข้ามาในเกม RPG?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท