บทที่ 1408 บอกความในใจต่อกัน
บทที่ 1408 บอกความในใจต่อกัน
“อวี้ซู ข้าชอบเจ้า” กู้หนิงผิงประคองใบหน้าของถานอวี้ซูและพูดขึ้น
เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับประโยคนี้เนิ่นนาน และในที่สุดเขาก็กล้าที่จะพูดออกมา “ข้าชอบเจ้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เราพบกันในเมื่องรุ่ยเสียน”
หลายปีมานี้ ความรักที่มีต่อนางไม่เปลี่ยนแปลงเลย ไม่จางหายไปตามระยะทาง แต่ลึกซึ้งขึ้นตามกาลเวลา
ดวงตาของถานอวี้ซูเบิกกว้างมองไปที่กู้หนิงผิง นางแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองราวกับกำลังอยู่ในห้วงแห่งความฝันและเอ่ยถามว่า “พี่หนิงผิง ท่านว่าอย่างไรนะ”
กู้หนิงผิงกลืนน้ำลาย รวบรวมความกล้าและเอ่ยประโยคเมื่อครู่อีกครั้ง “อวี้ซู ข้าชอบเจ้า ข้าตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกเห็น เจ้าชอบข้าหรือไม่?”
ครั้งนี้ถานอวี้ซูจึงได้รู้ว่านางไม่ได้ฝันไปจริง ๆ นางได้ยินพี่หนิงผิงบอกว่าเขาชอบตัวเองจริง ๆ
นางฟื้นตัวขึ้นจากความมึนงงในตอนแรก และตอนนี้ในหัวใจของนางเต็มไปด้วยความปีติยินดีในทันที
ถานอวี้ซูยื่นมือออกไปกอดคอกู้หนิงผิง มองไปที่เขาอย่างเสน่หา “ใช่ อวี้ซูชอบพี่หนิงผิงมาโดยตลอด”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ณ เวลานี้ภายในห้องมีแต่ความเงียบ ทว่ากลับอบอวลไปด้วยความอบอุ่น
ทั้งสองมองตากันด้วยสายตาลึกซึ้ง เพียงแวบเดียวก็รู้ได้ว่าความรักระหว่างคนทั้งสองจะยืนยาวไปจนตาย
“อวี้ซู ตอนนี้ข้าเป็นแค่เด็กยากจน ข้ารู้ว่าข้าไม่ดีพอสำหรับเจ้า ดังนั้นวันนี้นอกเหนือจากการบอกความในใจของข้าให้เจ้าได้รับรู้แล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อบอกลา” กู้หนิงผิงกอดหญิงในอ้อมกอดแน่น ในที่สุดความหนักอึ้งในใจก็ถูกปลดปล่อย
“ลาหรือ? ท่านกำลังจะไปไหน?” ถานอวี้ซูผละออกจากอ้อมแขนของกู้หนิงผิงด้วยความตกใจ และมองเขาด้วยสายตาเศร้าสร้อย นางกลัวว่าช่วงเวลานี้จะเป็นเพียงแค่ความฝัน
“ข้าจะเข้าร่วมกองทัพเพื่อหาประสบการณ์ หากข้ามีชื่อเสียง ข้าจะกลับมาขอเจ้าแต่งงานอย่างเปิดเผย” กู้หนิงผิงกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว
ถานอวี้ซูส่ายหน้าโดยไม่คาดคิดและยิ้มอย่างขมขื่น “พี่หนิงผิง ข้าไม่สนใจเรื่องนั้น”
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่สนใจ ถ้าเจ้าสนใจ เจ้าก็คงจะไม่ชอบเด็กยากจนอย่างข้า” กู้หนิงผิงฝืนยิ้ม “ไม่ใช่ว่าข้าน้อยใจ แต่ข้าต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเจ้า ข้าอยากเป็นคนที่เจ้าไว้ใจได้ ไม่ว่าเวลาไหน ที่ไหน ข้าจะอยู่ตรงหน้าเจ้า กำบังเจ้าจากลมและฝน มอบความสุขให้เจ้าไปตลอดชีวิต สิ่งที่ข้าต้องทำให้ได้คือการที่ข้าสามารถยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าได้อย่างเปิดเผยและภาคภูมิ แทนที่จะปล่อยให้เจ้ายืนอยู่ข้างหน้าข้าและทนทุกข์ทรมานกับการถูกจ้องมองและคำนินทา”
ถานอวี้ซูเป็นจวิ้นจู่ นางชอบกู้หนิงผิง แต่ด้วยสถานะของนางรวมถึงความโปรดปรานของไทเฮา จึงเป็นไปได้ที่ไทเฮาจะให้นางตัดสินเรื่องการแต่งงานด้วยตัวเอง เป็นไปได้ที่นางจะได้แต่งงานกับเด็กยากจนอย่างกู้หนิงผิง
แต่สิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่สิ่งที่กู้หนิงผิงต้องการเห็นเลย
กู้เสี่ยวหวานวิเคราะห์เรื่องนี้กับเขาเป็นเวลานาน สถานะของถานอวี้ซูนั้นสูงส่ง บุคคลที่ฮ่องเต้และไทเฮาต้องการจับคู่กับนางนั้นจึงต้องสูงส่งโดยธรรมชาติ หากถานอวี้ซูยืนยันที่จะแต่งงานกู้หนิงผิง ทางราชสำนักก็จะไม่คัดค้าน โดยธรรมชาติแล้ว หากถานอวี้ซูต้องการแต่งงานกับกู้หนิงผิงก็จะไม่มีการต่อต้านเลย
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นถานอวี้ซูจะไม่มีที่สถานะในราชวงศ์หรือแม้แต่ในเมืองหลวงทั้งหมด
เพราะนางแต่งงานกับคนธรรมดา นางจึงต้องทนกับสายตาที่มองมาอย่างเหยียดหยาม การดูถูกดูแคลนจากคนในราชวงศ์และคนในเมืองหลวงทั้งหมด ตลอดจนการถูกเยาะเย้ยถากถางจากทุกคนในอนาคต
นอกจากนี้นางขอแต่งงานกับคนธรรมดา กู้หนิงผิงไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับถ้อยคำที่น่าเกลียดที่จะถูกพูดถึงในเมืองหลวง
นี่คือสิ่งที่กู้หนิงผิงไม่ต้องการให้ถานอวี้ซูแบกรับเอาไว้
เขาชอบถานอวี้ซูมาก จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ปล่อยให้นางต้องทนกับคำพูดเหน็บแนมเหล่านี้ได้ และไม่สามารถทำให้ถานอวี้ซูรู้สึกไม่พอใจได้แม้แต่น้อย
และเพื่อให้อวี้ซูมีความสุข สิ่งที่กู้หนิงผิงต้องทำคือการสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเองและได้รับชื่อเสียง ในเวลานั้น เขาจะสามารถยืนอยู่ในห้องโถงอย่างภาคภูมิ เผชิญหน้ากับเกียรติยศและพูดคำในใจของเขา
ในเวลานั้น อวี้ซูจะได้รับเกียรติและความเคารพอย่างสูงสุด
หลังจากได้ยินคำพูดที่น่าประทับใจของกู้หนิงผิง ถานอวี้ซูก็หลั่งน้ำตา “พี่หนิงผิง”
“ข้ารักเจ้าและอยากใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกับเจ้า เช่นนั้นข้าจึงต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเจ้า แม้ว่าตอนนี้ข้าจะยังให้เจ้าไม่ได้ แต่ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ได้มันมา อวี้ซู เจ้ายินยอมจะรอข้าหรือไม่ ห้าปี รอข้าแค่ห้าปีได้หรือไม่”
“ตกลง” ถานอวี้ซูพยักหน้าอย่างหนักแน่นและตอบโดยไม่คิดว่า “พี่หนิงผิง ข้าจะรอท่าน นับประสาอะไรกับห้าปี จะสิบปีหรือสิบห้าปีข้าก็จะรอ ขอเพียงท่านกลับมา ข้าก็จะรอท่าน”
ความมุ่งมั่นฉายชัดในดวงตาของถานอวี้ซู ดวงตากลมโตมองไปที่กู้หนิงผิงอย่างเสน่หา “พี่หนิงผิง ข้าตัดสินใจที่จะเป็นภรรยาของท่านไปตลอดชีวิต อย่าพูดถึงเวลาห้าปี ต่อให้ตลอดทั้งชีวิต ข้าก็ยินดีรอ ขอเพียงท่านมาขอข้าแต่งงาน”
“คนโง่” กู้หนิงผิงกอดถานอวี้ซูไว้ในอ้อมแขน น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลก็ร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง ในขณะนี้น้ำตาของเขาไหลหยดลงบนคอของถานอวี้ซู น้ำตาร้อนผ่าวจนแผดเผาหัวใจของนาง
“ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอนาน หลังจากที่ข้าเข้าร่วมกองทัพแล้ว ข้าจะทำงานหนักและพยายามกลับมาให้เร็วที่สุด”
“ตกลง ข้าจะรอ ตราบเท่าที่ท่านจะมีชีวิตที่ดี ข้าจะรอไม่ว่าจะนานแค่ไหน ในชีวิตนี้ข้าจะไม่มีวันทำให้ท่านผิดหวัง”
“อวี้ซู ในชีวิตนี้ข้าจะดีกับเจ้าและจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
กู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ในห้องโถงด้านนอก ดื่มชาที่อาอวี้นำมาให้ จิตใจของนางล่องลอยไปเป็นเวลานาน
เมื่อนึกถึงความรักอันลึกซึ้งของกู้หนิงผิงที่มีต่อถานอวี้ซู และการขาดความมั่นใจในตนเอง กู้เสี่ยวหวานก็กังวลว่าหากหนิงผิงไม่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ ชีวิตของเขาจะต้องยุ่งเหยิง
กู้เสี่ยวหวานไม่กล้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ บางทีเมื่อโตขึ้นหลังจากผ่านประสบการณ์มากมาย เขาคงจะยิ่งอยากเห็นดอกไม้งามคืนเดือนเพ็ญ*[1]
ในขณะที่คิดแบบนี้ กู้หนิงผิงก็ออกมาจากห้องของถานอวี้ซู กู้เสี่ยวหวานตกใจจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที
*[1] ชาวจีนมักใช้เป็นคำอวยพรในพิธีแต่งงานให้คู่รักมีชีวิตคู่ที่งดงามดั่งดอกไม้ และกลมเกลียวเหมือนพระจันทร์เต็มดวงในคืนวันเพ็ญ