ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 214 ค่าหัวมูลค่าหนึ่งพันล้านหินวิญญาณ

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 214 ค่าหัวมูลค่าหนึ่งพันล้านหินวิญญาณ

บทที่ 214 ค่าหัวมูลค่าหนึ่งพันล้านหินวิญญาณ

หัวหน้าตะขาบมรกตคิดอย่างไรก็ถามออกมาอย่างนั้น สุดท้ายเขาจึงได้คำตอบเป็นสายตาเมินเฉยจากหลิงเยว่

การสังหารตะขาบมรกตเพื่อยึดพื้นที่มิติไม่ใช่เรื่องที่หลิงเยว่คิดว่าจะทำได้ นางเป็นเพียงผู้บำเพ็ญขอบเขตสร้างรากฐานคนเดียวเท่านั้น จะต่อกรกับหัวหน้าตะขาบมรกตที่มีบริวารมากมายและเก่งกาจเช่นนี้ได้อย่างไร?

“ถึงเจ้าทำไม่ได้ แต่คนผู้นั้นร่วมมือกับบริวารของเขา คงมีความเป็นไปได้อยู่กระมัง!”

หลิงเยว่เอามือกุมขมับพร้อมอธิบายด้วยความเหนื่อยใจ “ข้าเพียงอยากเข้าไปในพื้นที่มิติของเจ้าเพื่อเพาะปลูกสมุนไพรวิญญาณเท่านั้น”

เป็นเช่นนี้เอง เหตุใดจึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้เล่า?

หัวหน้าตะขาบมรกตจึงอ้าปากเตรียมจะกลืนกินหลิงเยว่เข้าไปในพื้นที่มิติของตนเอง

“ช้าก่อน! ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา!”

หัวหน้าตะขาบมรกตจึงปิดปากลงอีกครั้ง แล้วหันกลับไปชื่นชมถุงหินวิญญาณต่อ หินวิญญาณจำนวนมหาศาลเช่นนี้ คงจะซื้อโอสถแปลงกายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว!

เมื่อค่ำคืนมาเยือนจำนวนถุงหินวิญญาณก็ค่อย ๆ ลดลง เถาวั่งและบรรดาอาจารย์นั่งรวมตัวกันที่หน้าถนนชิงเฟิงเพื่อเริ่มต้นนับถุงหินวิญญาณ โดยมีสมุดบันทึกรายรับรายจ่ายวางซ้อนกันเป็นตั้งอยู่ด้านหลังของพวกเขา

หลิงเยว่รู้สึกชาไปทั้งตัว นางต้องหมักสุราสร้างรากฐานอีกกี่ไหจึงจะใช้หนี้คืนได้ทั้งหมดกัน ต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยปีหรืออย่างไร?

“นี่คือหินวิญญาณที่ได้จากการประมูล” ท่านอาจารย์ใหญ่มอบถุงหินวิญญาณใบใหญ่ให้แก่หลิงเยว่

แต่หลิงเยว่ไม่แม้แต่จะมองก็ยัดใส่แหวนเก็บของแล้วสั่งให้ระบบแปลงเป็นค่าพลังวิญญาณในทันที

[ค่าพลังวิญญาณคงเหลือ : 150,000,000,000]

หลิงเยว่ที่กำลังหมดอาลัยตายอยากพลันฟื้นขึ้นมาทันที นางไม่รีรอที่จะซื้อหินหงส์ไฟที่สมบูรณ์หนึ่งก้อนและโอสถแปลงกายระดับเทพอีกหนึ่งเม็ดทันที

หลิงเยว่ไม่อาจมอบโอสถแปลงกายทั้งสองเม็ดให้หัวหน้าตะขาบมรกตในคราเดียวได้ เผื่อสักวันมันเกิดไม่พอใจแล้วหนีไปจะทำอย่างไรเล่า?

ส่วนถุงหินวิญญาณที่ได้รับมาสามหมื่นกว่าถุงนั้น นางคิดว่าจะรอให้ขายของหมดแล้วค่อยนำมาใช้

“ระบบ ช่วยแนะนำศาสตราวุธประจำกายให้ข้าสักชิ้นเถิด”

ค่าพลังวิญญาณเก้าหมื่นล้านจะสามารถซื้อศาสตราวุธที่ดีได้ใช่หรือไม่?

นางอยู่ขอบเขตสร้างรากฐานขั้นกลางแล้ว จะยังไม่มีศาสตราวุธประจำกายสักชิ้นเลยหรือ?

[เจ้ามีศาสตราอาวุธประจำกายอยู่แล้ว]

หลิงเยว่ “?”

อยู่ที่ใด? เหตุใดนางไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองมีศาสตราอาวุธประจำกายแล้ว?

[จงดูคำอธิบายของเถาวัลย์ปีศาจกึ่งเทพ]

หลิงเยว่เหลือบตามองอย่างรวดเร็ว แล้วทั้งร่างราวกับถูกฟ้าผ่า ก่อนที่ความปีติยินดีจะพวยพุ่งขึ้นมาจากปลายเท้าแล้วแผ่ซ่านไปทั่วร่างจนแทบกลั้นเอาไว้ไม่อยู่

เถาวัลย์ปีศาจ : ศาสตราอาวุธที่สามารถเจริญเติบโตได้ ความสามารถ : สามารถจำลองศาสตราวุธในโลกได้ทั้งหมดรวมทั้งได้รับคุณสมบัติของศาสตราวุธชิ้นนั้นมาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถกลืนกินศาสตราวุธเพื่อเพิ่มพูนการเติบโตของตนเองได้

ช่างเหลือเชื่อยิ่งนัก!

[น่าเสียดายที่ตอนนี้มันกำลังถูกกลืนกิน]

“ยังมีทางช่วยเหลืออยู่หรือไม่?” หลิงเยว่แทบจะร้องไห้ออกมา

[ไม่มี!แต่สามารถคาดการณ์ได้ อาจเป็นไปได้ว่าราชาดอกไม้จะทำให้เจ้าน่าประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม?]

ระบบที่เพียบพร้อมไปด้วยความรู้ก็เพิ่งเคยพบเจอคนที่ให้ราชาดอกไม้กลืนเถาวัลย์ปีศาจกึ่งเทพเข้าไปเป็นครั้งแรกเช่นกัน ว่าแต่ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรนั้น ระบบก็ไม่อาจล่วงรู้ได้

หลิงเยว่เหลือบมองราชาดอกไม้ที่กำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งการหลับใหล ด้วยความปรารถนาว่ามันคงจะไม่ทำให้นางผิดหวังจนเกินไปกระมัง

ราวกับเป็นการตอบรับหลิงเยว่ ราชาดอกไม้ก็แผ่ประกายสีทองออกไปทั่วร่าง กลีบดอกสีดำสนิทของมันค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีทองทีละกลีบ

“ข้าพูดอยู่ตั้งนาน เจ้าเหม่ออะไรอยู่หรือ?” หลังจากพูดอยู่พักใหญ่ ท่านอาจารย์ใหญ่ก็สังเกตเห็นว่าหลิงเยว่กำลังเหม่อใจลอยไปไกลแล้ว จึงตะโกนเสียงดังลั่นข้างหูนางด้วยความไม่พอใจ

เสียงตะโกนนั้น ดังจนเกือบทำให้วิญญาณของหลิงเยว่หนีกระเจิงไปแล้ว!

“ท่าน… เพิ่งกล่าวว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?”

ทั้งที่เขาอุตส่าห์พูดอธิบายยาวเหยียด แต่นางกลับไม่ได้ยินสักคำ?

ท่านอาจารย์ใหญ่จึงตัดสินใจกล่าวโดยสรุปให้นางฟัง “ข้าบอกเจ้าว่าช่วงนี้หากเจ้าไม่มีธุระอันใดก็อย่าได้ออกนอกเมืองจะเป็นการดีที่สุด รวมทั้งห้ามออกนอกเขตสำนักด้วย!”

จากนั้นท่านอาจารย์ใหญ่หยิบใบประกาศออกมาจากแขนเสื้อ แล้วส่งให้กับหลิงเยว่

ตัวอักษรขนาดใหญ่สามตัวที่ปรากฏอยู่บนใบประกาศสีเหลืองซีดนั้นทำให้หัวใจของหลิงเยว่สั่นไหว นึกไม่ถึงว่าค่าหัวของนางจะสูงถึงหนึ่งพันล้านหินวิญญาณระดับสูง ค่าหัวนางช่างแพงเสียจริง!

หากมิใช่เพราะหัวขาดไปแล้วจะอยู่ไม่ได้ หลิงเยว่คงคิดลงมือตัดหัวของตนเองแล้วนำไปแลกเงินค่าหัวเป็นแน่!

“เจ้ารู้สึกอย่างไรหรือ?” ท่านอาจารย์ใหญ่สังเกตหลิงเยว่ด้วยความสนใจ และพบว่าสีหน้าของเธอกลับไร้อารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น ต่างจากที่เขาคาดคิดไว้โดยสิ้นเชิง เนื่องจากเขาคาดว่านางคงจะคว้ามือของเขาไว้และร้องขอความช่วยเหลือ

นี่ไม่ถูกต้องแล้วกระมัง! หรือว่าหญิงสาวคนนี้ยังไม่ตระหนักถึงความร้ายแรง? ในวันข้างหน้านางจะต้องเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญที่มีพลังแข็งแกร่งมากมายและหมายจะสังหารนางก็ได้!

แม้แต่เหล่าอาจารย์ของสำนักที่จะช่วยเหลือนางทั้งหมดก็ไม่อาจคุ้มครองนางได้เป็นแน่!

หลิงเยว่พับใบประกาศจับเก็บเข้าไปในแหวนเก็บของอย่างทะนุถนอม นางมีค่าหัวสูงถึงพันล้านหินวิญญาณระดับสูงเชียวนะ! รอให้นางได้พบอาจารย์ เหล่าศิษย์พี่รวมถึงท่านเจ้าเมืองซูซวงเมื่อไหร่ นางจะหยิบออกมาอวดให้พวกเขาดู!

เมื่อถูกหลิงเยว่มองด้วยแววตาเปี่ยมด้วยความเคารพและศรัทธา ท่านอาจารย์ใหญ่ก็เผลอเงยหน้าขึ้นทันที “ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหนทาง แต่ข้ามีข้อแลกเปลี่ยน”

“ข้อแลกเปลี่ยนอะไรหรือเจ้าคะ?”

“ตระกูลใหญ่ทั้งสี่แห่งของเมืองฝู่ซางยินยอมส่งยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งมาคุ้มครองเจ้า แต่ค่าตอบแทนก็คือสุราสร้างรากฐานสองไห”

“ช่างง่ายดายยิ่งนัก!” หลิงเยว่นึกว่าจะเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ยากเย็นแสนเข็ญ ทว่าเพียงแค่สุราสร้างรากฐานแปดไหเท่านั้นเอง ช่างง่ายดายเหลือเกิน!

“ข้ายังพูดไม่จบ นอกจากสุราแล้ว เจ้ายังต้องยกสิทธิ์ในการศึกษาตำราอาหารวิญญาณพิเศษรูปแบบใหม่ในภายหน้าให้พวกเขาทั้งหมด และทุ่มเทให้กับการสั่งสอนลูกหลานของตระกูลทั้งยี่สิบคนอย่างสุดความสามารถด้วย”

หลิงเยว่ขมวดคิ้ว ต้องทุ่มเทถึงเพียงใดจึงจะนับว่าทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเล่า?

เวลาได้ล่วงเลยไปหนึ่งปีแล้ว ภารกิจการสอนในระยะเวลาสามปีนั้นก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน นางคงไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในเมืองฝู่ซางตลอดไปได้ เพราะโลกภายนอกนั้นกว้างใหญ่และน่าตื่นเต้นเกินยิ่งกว่า นางจะต้องออกไปพบเห็นให้ได้!

“จุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาก็คือต้องการให้ลูกหลานในตระกูลได้เรียนรู้วิธีการหมักสุราสร้างรากฐานใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

“ถูกต้อง!” ท่านอาจารย์ใหญ่พยักหน้าชื่นชม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสุราสร้างรากฐานยังมีอีกชื่อหนึ่งก็คือสุราปราบมาร!”

“สุราปราบมารของเจ้าสามารถลบล้างขีดจำกัดของการบำเพ็ญได้”

หลิงเยว่ “?”

“บรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลหมิงถูกทรมานโดยมารผจญในใจจนแทบเสียสติ แต่หลังจากที่หมิงหูได้ดื่มสุราปราบมาร ก็มีข่าวลือว่าตอนนี้เขาสามารถสื่อสารกับผู้คนได้ตามปกติแล้ว”

แม้แต่โอสถชำระมารยังไร้ผลกับบรรพบุรุษตระกูลหมิง ทว่ากลับมีเพียงสุราปราบมารที่ช่วยเขาได้!

หลิงเยว่หนอหลิงเยว่ เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?

ท่านอาจารย์ใหญ่มองหลิงเยว่ด้วยสายตาใคร่รู้ว่าแท้จริงแล้วนางเป็นลูกศิษย์ของสำนักใดกัน?

ท่านอาจารย์ใหญ่ไม่เชื่อว่าหลิงเยว่จะสามารถหมักสุราปราบมารได้โดยลำพัง เบื้องหลังของนางจะต้องมีผู้แข็งแกร่งคอยช่วยเหลือนางอยู่อย่างแน่นอน และคนผู้นั้นจะต้องมีความสามารถในการกลั่นโอสถเหนือกว่าปรมาจารย์ด้านการกลั่นโอสถอีกด้วย

หากหลิงเยว่สามารถได้ยินเสียงในใจของอาจารย์ใหญ่ได้ นางคงจะร้องโวยวายว่าถูกใส่ความเป็นแน่ เพราะนางหมักสุราเหล่านั้นด้วยตนเองจริง ๆ!

น่าเสียดายที่หลิงเยว่ไม่ได้ยินเสียงในใจของอาจารย์ใหญ่ นางกำลังตกตะลึง ไม่อยากเชื่อว่าสุราสร้างรากฐานของนางจะทรงพลังถึงเพียงนี้ และผู้ที่หมักสุราปราบมารขึ้นมาได้ก็คือตัวนางเอง!

“ข้าไม่สามารถสอนการหมักสุราปราบมารได้”

การที่จะหมักสุราปราบมารได้ จำต้องเรียนรู้เคล็ดวิชาหมื่นชีวางอกเงยในการเพาะปลูกสมุนไพรวิญญาณให้ได้เสียก่อน และการศึกษาวิชาหมื่นชีวางอกเงยนั้นจำเป็นต้องมีแก่นปราณเบญจธาตุขั้นสูง อย่าว่าแต่เรียนรู้เคล็ดวิชาเลย เพียงแค่คุณสมบัติข้อหลังก็ยากที่ผู้บำเพ็ญหลายคนจะบรรลุได้แล้ว

“ระบบ เคล็ดวิชาหมื่นชีวางอกเงย สามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้หรือไม่?”

[ไม่ได้ มนุษย์ไม่มีวันเรียนรู้เคล็ดวิชาหมื่นชีวางอกเงยได้]

ไม่มีวัน… จะเรียนรู้ได้

เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้นางจะเรียนรู้ด้วยความยากลำบาก แต่ก็ไม่ได้ยากเย็นนัก…

หลิงเยว่ที่เพิ่งจะเข้าใจความหมายของระบบ “…”

นางมิใช่มนุษย์กระนั้นหรือ?

แล้วนางคือสิ่งใดเล่า?

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท