Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 701 ตัดหัวส่งให้

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 701 ตัดหัวส่งให้

ปู้ลั่วในฐานะหนึ่งในยักษ์ใหญ่ในทั้งห้าทวีป แผนกซึ่งดูแลกิจการในสังกัดของเขาไม่ได้มีเพียงการ์ตูน…

แต่ละแผนกยังมีการแข่งขันด้านผลงานระหว่างหน่วยงานหลักอยู่บ้าง

ดังนั้นเมื่ออิ่งจือและปู้ลั่วการ์ตูนแตกหักกัน แผนกอื่นๆ จึงคอยติดตาม!

อย่าพูดเลยว่าทุกคนคือบริษัทเดียวกัน

เรื่องของปู้ลั่วการ์ตูนไม่ได้เกี่ยวข้องกับแผนกอื่นๆ เลยสักนิด หลิงคงแจกจ่ายเงินเดือน แล้วจะแจกขนมให้ทุกคนด้วยหรือไง?

แต่ใครไปคาดคิด!

ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันล่ะ!

ฉู่ขวงกับเซี่ยนอวี๋ก็ถอนตัวออกจากปู้ลั่วอีก!

เซี่ยนอวี๋ยังไม่ต้องพูดถึง

เพราะเซี่ยนอวี๋ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับปู้ลั่วการ์ตูน

เซี่ยนอวี๋ถอนตัวออกจากปู้ลั่ว คนที่ปวดหัวน่าจะเป็นแผนกที่เกี่ยวข้องและบรรดาบุคลากรระดับสูงมากกว่า…

ต่างจากฉู่ขวง!

นิยายสั้นของฉู่ขวงคืออาวุธวิเศษของปู้ลั่ววรรณกรรมมาโดยตลอด!

ลืมไปแล้วหรือ?

ว่าปู้ลั่ววรรณกรรมกำราบบล็อกวรรณกรรมมาได้อย่างไร

เพราะอาศัยการถล่มของนิยายสั้นสุดคลาสสิกของฉู่ขวงเรื่องแล้วเรื่องเล่า จนบล็อกวรรณกรรมไม่มีอารมณ์จะสู้ไม่ใช่หรอกหรือ?

ใช่แล้ว

ระหว่างนั้นฉู่ขวงออกตัวช่วยบล็อกมาครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นปู้ลั่ววรรณกรรมก็เผชิญกับแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวเมื่อบล็อกประจันหน้ากับฉู่ขวง…

เขาคือคนเพี้ยนคนหนึ่งเลยละ!

เดินไปที่ไหน มีแต่จะทำให้คนทางนั้นพลอยเพี้ยนไปด้วย!

ถึงแม้ระยะนี้ฉู่ขวงจะไม่ได้ออกโรง แต่ปู้ลั่วก็จับตามองเขาไม่ห่าง

เพราะในแง่ของความใกล้ชิด ไม่ว่าอย่างไรฉู่ขวงและทางปู้ลั่วก็มีความสัมพันธ์ที่ดีและลึกซึ้งกว่า ฝั่งบล็อกอย่างมากก็ได้แทะกระดูกกินน้ำแกงบ้างเป็นครั้งคราว

ปรากฏว่าปู้ลั่วการ์ตูนกลับเล่นแผลงๆ

บ้าพลังเกินเหตุ!

ดูเหมือนสู้กับการอิ่งจือ ที่จริงแล้วกำลังสู้กับฉู่ขวง!

ไล่ฉู่ขวงไปอย่างง่ายดาย!

ปู้ลั่ววรรณกรรมจึงขาด ‘พ่อ’ ไปในทันที!

หลังจากนี้ฉู่ขวงจะไม่ร่วมงานกับปู้ลั่วอีก!

น่ากลัวว่าทางบล็อกคงหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาเล็ดไปแล้ว!

ถ้าพวกเขาไม่ต้อนรับฉู่ขวงด้วยท่าทีที่ต้อนรับพ่อบังเกิดเกล้า หัวหน้าของพวกเขาคงสมองมีแต่ขี้เลื่อยอย่างแน่นอน!

หลังจากนี้บล็อกวรรณกรรมมีหรือจะไม่สร้างเรื่อง?

ฉู่ขวงออกโรง ปู้ลั่ววรรณกรรมจะเหลือสักกี่คนที่รับศึกนี้ได้?

หัวหน้าของปู้ลั่ววรรณกรรมในปัจจุบันนี้ ชายซึ่งมีชื่อว่า ‘เว่ยหลง’ ขว้างแก้วพลางก่นด่า อยากจะทุบหลิงคงจนน่วมให้รู้แล้วรู้รอด!

ใช่แล้ว

เว่ยหลงคือบรรณาธิการซึ่งติดต่อกับฉู่ขวงในระยะแรก

หลังจากหานจี้เหม่ยลาออกไป เว่ยหลงใช้โอกาสจากผลงานซึ่งฉู่ขวงนำพามาและการดำเนินการส่วนบุคคล ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าปู้ลั่ววรรณกรรม

คนที่เข้าใจฉู่ขวงมากที่สุด ก็คืออดีตเพื่อนร่วมทีมอย่างปู้ลั่ววรรณกรรม

เว่ยหลงในฐานะบรรณาธิการซึ่งเคยรับผิดชอบฉู่ขวง และต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับฉู่ขวง

ทั้งแผนกไม่มีใครเข้าใจฉู่ขวงดีไปกว่าเว่ยหลงอีกแล้ว!

เพราะฉะนั้น ในขณะนี้ คนที่เดือดดาลที่สุดก็คือเว่ยหลงเช่นเดียวกัน เขาถูกเจ้าพวกปู้ลั่วการ์ตูนหลอกลวงอย่างอนาถ!

ด้านนอกห้องทำงาน

เว่ยหลงได้ยินเสียงคร่ำครวญ

“จบเห่แล้ว!”

“ฉู่ขวงไปแล้ว!”

“มีหนอนบ่อนไส้!”

“ฉู่ขวงจะไปที่ไหน”

“ไปบล็อกแน่ๆ !”

“พวกเราต้องสู้กับฉู่ขวงแล้วเหรอเนี่ย?”

“ใครจะไปสู้ได้!”

“ทำได้แค่เชิญพระพุทธองค์มาแล้ว?”

“พระยูไลมาบ้านแกสิ พระยูไลไม่ก็คือนักเขียนระดับท็อปไม่กี่คนนั้น พวกเขาจะลงมือสักกี่ครั้งกัน?”

“อีกอย่าง ถึงพวกเขาลงมือแล้วจะรับประกันได้หรือ?”

“…”

เว่ยหลงสีหน้ามืดมนราวกับถ่าน เขากระแทกประตูเดินออกไปทันที

ใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!

เขาจำเป็นต้องไปร้องเรียนที่สำนักงานใหญ่!

……

ปู้ลั่วกำลังประสบกับความวุ่นวายครั้งใหญ่!

หลังจากเซี่ยนอวี๋และฉู่ขวงประกาศถอนตัวจากปู้ลั่ว

แฟนคลับของทั้งสองคนจึงร่วมมืออย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความสามัคคีของพวกเขานั้นน่ากลัว การถกเถียงกันนับไม่ถ้วนกลายเป็นการสนับสนุน!

‘พ่อเพลงอวี๋คือเหตุผลที่ฉันเล่นปู้ลั่ว พ่อเพลงอวี๋ไม่อยู่แล้วยังจะเล่นอะไรอีก’

‘พ่อเพลงอวี๋ไปที่ไหนผมไปที่นั่น รู้สึกว่าบล็อกก็น่าไปอยู่นะ’

‘ถึงเจ้าแก่ฉู่ขวงจะไม่ได้โพสต์อะไรมานาน แต่ผมเห็นเจ้าแก่ฉู่ขวงที่นี่แล้วมีความสุขมาก ถ้าเขาไปแพลตฟอร์มอื่น ผมจะตามไปด้วยอย่างแน่นอน’

‘ฉันเป็นแฟนคลับของสามสหายมาตลอด ครั้งนี้จะตามสามสหายไปด้วย’

‘อิ่งจือเงาจืดจาง ถือได้ว่าเหมาะกับการเป็นบุคคลที่สาม แต่ฉันเป็นแฟนคลับของเซี่ยนอวี๋กับฉู่ขวง ก็ต้องตามรอยเท้าของพวกเขาทั้งสองคนอยู่แล้ว’

‘เพื่อมิตรภาพของสามสหาย ผมขอตามไปด้วยเหมือนกัน สิ่งที่เขาเรียนว่าเพื่อนพ้องน้องพี่คืออะไรน่ะเหรอ ก็แบบนี้ไงล่ะ!’

‘ฉู่ขวงกับเซี่ยนอวี๋อีกเดี๋ยวน่าจะลบบัญชี รอพวกเขาไปลงหลักปักฐานที่แพลตฟอร์มอื่นแล้วกัน’

‘อห!’

‘เรื่องใหญ่แล้ว!’

‘เกิดอะไรขึ้นอีก’

‘พวกคุณรีบไปดูโพสต์ของราชวงศ์ปลาเร็ว!’

‘…’

ชาวเน็ตตื่นตกใจ ต่างคนต่างคลิกเข้าไปในปู้ลัวของราชวงศ์ปลาทันที

ซุนเย่าหั่ว ‘ไม่เล่นปู้ลั่วแล้วครับ’

เจียงขุย ‘ฉันเองก็ไม่เล่นปู้ลั่วแล้วเหมือนกัน’

จ้าวอิ๋งเก้อ ‘ขอโทษนะคะ จะปิดบัญชีปู้ลั่วแล้ว’

พรึบๆๆ !

ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้พูดอย่างเด็ดขาดเฉกเช่นเซี่ยนอวี๋และฉู่ขวง ซึ่งประกาศไปตามตรงว่าจะยุติความร่วมมืออย่างถาวร ทว่านักร้องในราชวงศ์ปลาทั้งหมดก็กล่าวว่าจะออกจากปู้ลั่วแล้ว!

ไม่เพียงราชวงศ์ปลา!

ยังมีเจี่ยนอี้ อี้เฉิงกง และคนอื่นๆ ที่โพสต์ข้อความคล้ายคลึงกัน!

ชาวเน็ตต่างงุนงง

นี่เล่นใหญ่เกินไปหรือเปล่า!

พวกราชวงศ์ปลามองว่าเซี่ยนอวี๋คือพระเจ้าจริงๆ สินะ!

ทันทีที่เซี่ยนอวี๋ออกไป ก็นำพาทั้งราชวงศ์ปลาออกไปด้วย นักร้องแถวหน้าทั้งโขยง!

สตาร์ไลท์ก็ปล่อยให้คนกลุ่มนี้ก่อปัญหา?

เซี่ยนอวี๋ฉู่ขวงเล่นได้อยู่หรอก แต่พวกเขาน่ะเล่นไหวหรือ?

ทุกคนเกิดความคิดเช่นนี้ได้ไม่ทันไร สตาร์ไลท์ก็โพสต์ข้อความ

‘บริษัทเราเคารพการตัดสินใจของศิลปิน’

ประโยคง่ายๆ เพียงประโยคเดียว บ่งบอกท่าทีได้โดยตรง!

ชาวเน็ตต่างตกตะลึง!

นี่คือบริษัทบันเทิงที่หัวรั้นที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นมา!

ต้องเข้าใจว่าการโปรโมตของบริษัทบันเทิงแต่ละแห่งล้วนพึ่งพาปู้ลั่ว เมื่อไม่มีปู้ลั่วเป็นช่องทางในการโปรโมต ในอนาคตสตาร์ไลท์จะสูญเสียมหาศาล!

แต่จะว่าไปแล้ว

สตาร์ไลท์เพียงแค่สนับสนุนการกระทำของศิลปิน แต่กลับไม่ได้ประกาศว่าบริษัทจะตัดขาดความร่วมมือกับปู้ลั่ว

น่าจะนับว่าเหลือทางหนีทีไล่?

เพียงแต่ทางหนีทีไล่นี้ช่างเล็กเหลือเกิน…

‘ยอมแล้ว เซี่ยนอวี๋จะทำอะไรก็ได้ในสตาร์ไลท์จริงๆ !’

‘เปิดไพ่ องค์รัชทายาท!’

‘สตาร์ไลท์: เซี่ยนอวี๋จะซนก็ซนไป ฉันไม่ตีลูกตัวเองอยู่แล้ว’

‘ฮ่าๆๆๆ สตาร์ไลท์หาหนทางรอด ไม่ล่วงเกินทั้งสองฝั่ง’

‘ผมสงสัยว่าถ้าพ่อเพลงอวี๋บีบให้บริษัทแตกหักกับปู้ลั่ว สตาร์ไลท์ก็กล้าทำจริงๆ !’

‘สตาร์ไลท์ทั้งบริษัทมีหน้าตาเหมือนพ่อเพลงอวี๋!’

‘…’

บางทีอาจได้รับแรงบันดาลใจจากสตาร์ไลท์

เพราะหลังจากนั้นไม่นาน

คลังหนังสือซิลเวอร์บลูก็เคลื่อนไหว ‘พวกคุณต่างรู้ดี ว่าแต่ไหนแต่ไรมาเราไม่เคยแทรกแซงการตัดสินใจของเจ้าแก่ฉู่ขวงได้ แต่พวกคุณก็รู้ว่า เจ้าแก่ฉู่ขวงคือครอบครัวของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูของเราเสมอมา สิ่งนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเพราะเรื่องใดก็ตาม!’

เอาสิ

เรียกเจ้าแก่ฉู่ขวงซะด้วย!

คลังหนังสือซิลเวอร์บลูโกรธแล้วหรือ?

เห็นชัดๆ ว่าพวกคุณกำลังตีเนียน!

ทำเป็นเรียกเจ้าก่งเจ้าแก่ ก็เพื่อวางมาด วางมาดสนับสนุน!

เพียงแต่เนื่องด้วยสถานภาพของบริษัท จึงทำเหมือนกับสตาร์ไลท์ ไม่ได้แตกหักกับปู้ลั่ว

‘ปู้ลั่วไปแหย่รังแตนเข้าซะแล้ว!’

หลังจากเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่สารพัดรูปแบบ ชาวเน็ตต่างจับตามองด้วยความตื่นเต้น!

เซี่ยนอวี๋และฉู่ขวงไปพร้อมกับอิ่งจือ ถึงขั้นผนึกกำลังกับราชวงศ์ปลาเพื่องัดข้อกับนายทุนระดับปู้ลั่ว!

บริษัทเบื้องหลังของทั้งสองยิ่งแสดงท่าทีสนับสนุน!

ใครบอกว่าคนคนหนึ่งสู้กับนายทุนไม่ได้!

นั่นขึ้นอยู่กับว่าเป็นใครต่างหาก!

อย่างน้อยการโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวของสามสหายก็ทำให้ปู้ลั่วฟันหลุดไปซี่หนึ่งได้!

ปกป้องกันดีเหลือเกิน!

มีแฟนคลับของอิ่งจือซาบซึ้งใจจนร้องไห้!

ได้รับการปกป้องเช่นนี้จากฉู่ขวงและเซี่ยนอวี๋ หลังจากนี้คุณจะยังเกียจคร้านอยู่ไหมอิ่งจือ?

คุณมีอิทธิพลของฉู่ขวงกับเซี่ยนอวี๋ ปู้ลั่วการ์ตูนกล้ารังแกคุณแบบนี้ได้ยังไง?

ลุกขึ้นมาสิ!

เจ้างั่งเอ๊ย!

หลังจากนี้ต้องสู้ต่อไปนะ!

ไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีสักวันที่คุณตบหน้าเราดังฉาด!

ไม่อย่างนั้นคุณจะคู่ควรกับความจริงใจของเซี่ยนอวี๋และฉู่ขวงได้ยังไง!

นี่น่าจะเป็นภาพที่แฟนคลับของฉู่ขวงอยากเห็นมากที่สุดแล้ว แต่เมื่อคิดว่าภาพลักษณ์เงาจืดจางของอิ่งจือได้หยั่งรากลึกลงในจิตใจของผู้คนไปแล้ว พวกเขาเองก็รู้ว่านี่อาจเป็นเพียงจินตนาการอันสวยงามเท่านั้น…

และขณะที่โลกภายนอกกำลังวุ่นวาย

เว่ยหลงก็เดินทางมาถึงสำนักงานใหญ่

ความโกรธของเขาอัดแน่นดังไฟสุมอก!

แต่ถึงกระนั้น เมื่อเว่ยหลงเห็นสถานการณ์ในห้องทำงานแผนกประชาสัมพันธ์ของสำนักงานใหญ่ เขาก็ตกตะลึงไปในทันที

คน!

ทุกที่มีแต่คน!

บ้างก็คุ้นหน้า บ้างก็ไม่คุ้นหน้า!

ในห้องทำงานของสำนักงานใหญ่แห่งนี้ กำลังโกลาหลได้ที่!

ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย

เว่ยหลงได้ยินเสียงคำสบถอันคุ้นเคยนับไม่ถ้วน

“หลิงคงไอ้เวรตะไล!”

“หลิงคงพ่อมึ*ตาย!”

“ฉันจะร้องเรียนว่าหลิงคนมีเจตนาร้าย คิดจะทำลายผลประโยชน์ของบริษัท!”

“หลิงคงเป็นหนอนบ่อนไส้ของปู้ลั่ว!”

“หลิงคงต้องเป็นสายลับที่บล็อกส่งมาแน่ๆ !”

“…”

ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย จู่ๆ เว่ยหลงก็รู้สึกคล้ายกับว่าโลกนี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

อ้อ

ทางบล็อกคงรู้สึกว่าอากาศในวันนี้สดชื่นและหอมหวานเป็นพิเศษ

ทำไมถึงพูดแบบนั้นน่ะหรือ?

เดิมทีนี่คือการเสียเปรียบ

จู่ๆ ฝ่ายตรงข้ามก็ตัดหัวส่งมาให้

เป็นใครจะไม่ดีใจบ้าง?

หัวหน้าหาน แค้นใหญ่ต้องชำระ

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท