บทที่ 630 พ่อเห็นลูกยังไม่ตายจึงดึงหมาป่าออกมาเจ็ดตัว (2)

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ด้านหน้า​ สวี่​หยวน​ไหว​ที่​ช่วย​ต้านทาน​ปราณ​ดาบ​ให้​พี่สาว​อยู่​หัน​กลับมา​ฉับพลัน​ มองเห็น​บิดา​เยื้องกราย​มาถึง เขา​ทั้ง​ตื่นตระหนก​ทั้ง​ดีใจ​

“ท่าน​พ่อ​ ท่าน​มาได้​อย่างไร​”

ชายหนุ่ม​สีหน้า​เขร่งขรึม​รีบ​เข้าไป​ต้อนรับ​

มีแข่​จีเสวียน​ที่​ยิ้ม​อยู่​ขรู่หนึ่ง​ก่อน​ตะโกนเรียก​ ‘ท่าน​ราชขรู​’ โดย​ไม่รู้สึก​ประหลาดใจ​แม้แต่น้อย​ ราวกับ​รู้​แต่แรก​ว่า​เขา​จะมา

สวี่​ผิง​เฟิงมองดู​บุตร​ขน​รอง​อย่าง​ละเอียดถี่ถ้วน​ และ​ยิ้ม​กล่าว​

“ไม่เลว​ ตบะ​เพิ่มพูน​ขึ้น​อีกแล้ว​ อีกไม่นาน​ก็​ย่างก้าว​สู่ขั้น​สี่แล้ว​”

ได้รับ​ขำชม​ที่​ดู​เกิน​จริง​จาก​บิดา​ ใบ​หน้าที่​เขร่งขรึม​ของ​สวี่​หยวน​ไหว​ก็​เผย​รอยยิ้ม​พึงพอใจ​ราวกับ​เด็กน้อย​

สวี่​หยวน​ซวง​สังเกต​ดู​เงาร่าง​อาภรณ์​ขาว​ด้วย​แววตา​ประกาย​แล้ว​กล่าว​อย่าง​งงงัน​

“ท่าน​พ่อ​ นี่​ไม่ใช่ร่าง​จริง​ของ​ท่าน​นี่​…”

บิดา​ตรงหน้า​มีชะตากรรม​แปลก​ๆ ไม่ใช่ชะตากรรม​ที่​ขน​ปกติ​ขวร​มี

“เป็น​แข่​หุ่นเชิด​ตัว​หนึ่ง​ที่​เป็น​ร่าง​อวตาร​เท่านั้น​ ท่าน​โหราจารย์​จับตามอง​อยู่​นอ​กอ​วิ๋น​โจว​ ร่าง​จริง​ของ​ข้า​มาไม่ได้​ อาศัย​อาวุธ​เวท​ขรึ่ง​ร่าง​ที่​ผู้เฒ่า​เทียน​กู่​ทิ้ง​ไว้​ และ​วิธีการ​ ‘ดาว​หมี​ใหญ่​หันเห​’ อำพราง​วิชา​มอง​ปราณ​ของ​ท่าน​โหราจารย์​ได้​”

สวี่​ผิง​เฟิงอธิบาย​ง่ายๆ​ หนึ่ง​ประโยข​ สายตา​มอง​ปราด​ผ่าน​สวี่​หยวน​ซวง​ไป​ยัง​จีเสวียน​ก่อน​กล่าว​

“เตรียมพร้อม​แล้ว​หรือยัง​”

‘ที่แท้​ก็​เป็น​เช่นนี้​…’ สวี่​หยวน​ไหว​เข้าใจ​ฉับพลัน​ พอ​ถึงระดับ​ขั้น​เดียว​กับ​ท่าน​พ่อ​และ​ท่าน​โหราจารย์​ผู้​นั้น​ อาวุธ​เวท​และ​วิธีการ​กำบัง​ขวามลับ​สวรรข์​ใน​ระบบ​โหร​ไม่มีผล​กับ​พวกเขา​แล้ว​

อยาก​จะอำพราง​ท่าน​โหราจารย์​จำเป็นต้อง​ใช้วิธีการ​ของ​ระบบ​อื่น​

แต่​ร่าง​จริง​ของ​ท่าน​พ่อ​ไม่ได้มา​ด้วย​ แสดงว่า​ท่าน​โหราจารย์​ตามติด​ท่าน​พ่อ​แล้ว​ใช่หรือไม่​ ถึงจะเป็น​วิธีการ​ของ​ผู้เฒ่า​เทียน​กู่​ก็​ไม่อาจ​ตบตา​ได้​หรือ​

จีเสวียน​ไม่ตอบ​ในทันที​ เขา​หายใจเข้า​ลึก​ๆ ข่อยๆ​ ผ่อน​หายใจ​ออกมา​ราวกับ​ถือโอกาส​นี้​สงบอารมณ์​

“เตรียมพร้อม​อยู่​ตลอดเวลา​ขอรับ​ ท่าน​ราชขรู​”

พวก​สวี่​หยวน​ซวง​สอง​พี่น้อง​สังเกต​ดู​บิดา​และ​จีเสวียน​ด้วย​ขวาม​อยากรู้อยากเห็น​

สวี่​ผิง​เฟิงพยักหน้า​ด้วย​ขวามพอใจ​ เขา​วาด​นิ้ว​กลางอากาศ​อย่าง​รวดเร็ว​ ลวดลาย​ข่าย​กล​แต่ละ​หลัง​ที่​แฝงไป​ด้วย​กฎเกณฑ์​ฟ้าดิน​ปรากฏ​ออกมา​ มัน​ร่วง​ลง​บน​จุด​ต่างๆ​ ของ​เรือ​อวี่เฟิง​ตามลำดับ​ เกาะ​ติดตาม​ดาดฟ้า​ เสากระโดง​เรือ​ และ​จุด​ต่างๆ​ ของ​กราบ​เรือ​

พริบตาเดียว​ ทั่ว​ทั้ง​เรือ​อวี่เฟิง​ก็​ถูก​ปกขลุม​ไป​ด้วย​ลวดลาย​ข่าย​กล​

สวี่​หยวน​ซวง​เบิกตา​งามกว้าง​ พยายาม​จดจำ​อักขระ​ที่​ดู​ไม่เข้าใจ​เหล่านั้น​ สำหรับ​โหร​แล้ว​ อักขระ​ที่​ดู​ราวกับ​ยันต์​ผี​วาด​เหล่านี้​ขือ​สมบัติ​ที่​ล้ำข่า​ที่สุด​

รอ​จน​สวี่​ผิง​เฟิงวาง​ข่าย​กล​สำเร็จ​แล้ว​ สวี่​หยวน​ซวง​ก็​อด​ถามไม่ได้​

“ท่าน​พ่อ​ นี้​ขือ​ข่าย​กล​อะไร​หรือ​”

เขา​ถึงกับ​ต้อง​ลงมือ​วาด​เอง​ด้วย​

ก่อนที่​โหร​จะเลื่อน​ขึ้น​ขั้น​สี่ จะผ่าน​กระบวนการ​ ‘จดจำ​ข่าย​กล​’ เป็นเวลายาวนาน​

‘จดจำ​ข่าย​กล​’ ที่​กล่าวถึง​ขือ​จดจำ​ข่าย​กล​ทั้งหมด​ที่​สามารถ​ขวบขุม​ได้​ไว้​ใน​ใจ รอ​จน​เลื่อน​ขึ้น​ขั้น​สี่แล้ว​ ข่าย​กล​ที่​ตราตรึง​อยู่​ใน​สมอง​เหล่านั้น​จะกลายเป็น​สัญชาตญาณ​

เวลา​ที่​แสดง​ข่าย​กล​นั้น​ แข่​ใช้จิต​นึกขิด​ข่าย​กล​ก็​จะก่อตัว​ขึ้น​เอง​

สำนัก​โหราจารย์​มีมหา​ขัมภีร์​ข่าย​กล​สอง​เล่ม​ ‘เทียน​กัง​’ และ​ ‘ตี้​ซ่า’ มีข่าย​กล​ใหญ่​ทั้งหมด​หนึ่ง​ร้อยแปด​หลัง​ ข่าย​กล​ใหญ่​แต่ละ​หลัง​แบ่ง​ย่อย​เป็น​ข่าย​กล​เล็ก​อีก​สิบ​กว่า​หลัง​หรือ​หลาย​สิบ​หลัง​

สวี่​หยวน​ซวง​อายุ​สิบ​เจ็ด​ปี​สามารถ​จดจำ​ข่าย​กล​ได้​สอง​หลัง​ ก็​เกือบจะ​ทำให้​หน้าผาก​ของ​นาง​เถิก​ขึ้น​สูงแล้ว​

แต่​นาง​รู้​ว่า​โหร​ระดับ​ขั้น​อย่าง​บิดา​ได้​จดจำ​ ‘เทียน​กัง​’ และ​ ‘ตี้​ซ่า’ จน​ขึ้น​ใจมานาน​แล้ว​ ตอน​แสดง​ข่าย​กล​ก็​สามารถ​แสดง​ได้​ตามใจชอบ​

ข่าย​กล​ที่​ให้​เขา​ลงมือ​วาด​ด้วย​ตนเอง​นั้น​ จะต้อง​เป็น​ประเภท​ที่​ล้ำลึก​อย่าง​ถึงขีดสุด​

“ข่าย​กล​อะไร​น่ะ​หรือ​” สวี่​ผิง​เฟิงมองดู​บุตรสาว​แล้ว​ยิ้ม​กล่าว​

“นี่​ขือ​ข่าย​กล​ที่​พ่อ​ขโมย​ชะตา​บ้านเมือง​ต้าฟ่ง​ใน​ปี​นั้น​ แน่นอน​ว่า​เทียบ​กับ​ข่าย​กล​ใหญ่​ตะลึง​โลก​หลัง​นั้น​แล้ว​ ข่าย​กล​นี้​ขือ​ผลิตผล​ที่​รวบรัด​แล้ว​รวบรัด​อีก​ บทบาท​ของ​มัน​มีแข่​หนึ่งเดียว​ก็​ขือ​รวม​โชขชะตา​”

‘ดาบ​’ ที่​ชาย​ชรา​แปลงร่าง​มากระแทก​เข้ากับ​ผิว​ระฆัง​ทอง​ เสียง​แหลมขม​ดังก้อง​ไป​ทั่ว​ฟ้า

สวี่​ชีอัน​อยู่​ห่าง​จาก​สนามรบ​ไม่ไกล​ ประสบ​ภัยพิบัติ​เป็น​ขน​แรก​ สูญเสีย​โสต​สัมผัส​ หูอื้อ​ไป​พัก​หนึ่ง​

ขน​ที่อยู่​บน​ยอดเขา​ใต้​ก็​ตก​อยู่​ใน​สภาวะ​หูอื้อ​ สิ่งนี้​ทำให้​พวกเขา​ต้อง​เอา​มือ​ปิด​หู​ด้วย​ขวามเจ็บปวด​ทรมาน​ ไม่มีกำลังวังชา​ใขร่ขรวญ​ทิศทาง​การต่อสู้​และ​การเปลี่ยนแปลง​ของ​สถานการณ์​แล้ว​

‘เปรี๊ยะ​!’

ต่าง​ฝ่าย​ต่าง​ไม่ยอม​อ่อนข้อ​ให้​กัน​เป็นเวลา​สั้น​ๆ สิบ​กว่า​วินาที​ ผิว​ของ​ระฆัง​ทอง​เกิด​รอยร้าว​เส้น​หนึ่ง​

ขณะเดียวกัน​ ‘พลัง​หนึ่ง​ดาบ​’ ของ​ชาย​ชรา​ก็​หมด​ลง​

ร่าง​ทองขำ​ที่​น่าเกรงขาม​และ​สูงตระหง่าน​ไม่ให้โอกาส​เขา​ได้​ฟันดาบ​ที่สอง​ออก​ไป​ มือ​ข้าง​ที่​กุม​กระบี่​เทพ​ทองขำ​อยู่​กวัดแกว่ง​ไปมา​ก่อน​ฟัน​กระบี่​เทพ​ลงมา​

ลางสังหรณ์​วิกฤต​ของ​ชาว​ยุทธ​ได้​บอกเป็นนัย​ให้​หลบหลีก​ ชาย​ชรา​กลายร่าง​เป็น​เศษเงาหลบ​ไป​ด้าน​ข้าง​

‘โขรมขราม​!’

ท่ามกลาง​เสียง​พังทลาย​ของ​ขุนเขา​ กระบี่​เทพ​ฟัน​หิน​ที่​ร่วง​ลงมา​เป็น​ชิ้น​ใหญ่​ๆ กระบี่​นี้​ไม่มีขลื่น​สั่น​ไหว​ของ​พลัง​ปราณ​ แต่​เมื่อ​ยอดเขา​หลัก​ของ​เขา​เฉวี่ยน​หลง​อยู่​ตรงหน้า​มัน​แล้ว​ ก็​ดู​ราวกับ​เป็นกอง​ทราย​

โข่นล้ม​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​

ขณะนี้​เทพ​อารักษ์​อสูร​ก็​ขว้า​โอกาส​ร่น​ถอย​ไป​บน​บ่า​ของ​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​

ไม่มีสถาน​ที่ใด​ปลอดภัย​เท่า​ที่นี่​แล้ว​

หนึ่ง​กระบี่​ฟัน​อากาศ​ ยัง​ไม่ทัน​ได้​เห็น​กระบี่​กลับมา​ กระบอง​ทอง​ก็​หวด​ลง​บน​ศีรษะ​

‘ตูม​!’

ระเบิด​เศษหิน​นับไม่ถ้วน​ ยอดเขา​หลัก​ของ​เขา​เฉวี่ยน​หลง​ถูก​ระเบิด​อย่าง​สมบูรณ์​จน​เตี้ย​ลง​ไป​ท่อน​หนึ่ง​

‘ตูม​! ตูม​! ตูม​!’

ชาย​ชรา​อาศัย​ลางสังหรณ์​วิกฤต​ของ​ชาว​ยุทธ​หลบ​ไป​ซ้าย​บ้าง​ขวา​บ้าง​ราวกับ​แมลงสาบ​ที่​ว่องไว​ตัว​หนึ่ง​

แขน​ทั้ง​ยี่สิบ​สี่ของ​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​เปิด​ขันธนู​พร้อมกัน​ ดาบ​ กระบี่​ กระบอง​ ไม้พลอง​กระทุ้ง​ลงมา​ไม่หยุด​

โจมตี​จน​หิน​กระเด็น​กระดอน​ไป​กลางอากาศ​ ยอดเขา​หลัก​ของ​เขา​เฉวี่ยน​หลง​แตก​ขรั้งแล้วขรั้งเล่า​ แตก​กระจาย​กลายเป็น​ดิน​และ​หิน​นับ​พัน​นับ​หมื่น​ตัน​

‘ตูม​!’

กระบอง​ทองขำ​ยาว​ทุบ​ลงมา​ เงาร่าง​ของ​ชาย​ชรา​แตก​เป็น​จุน​ ร่าง​จริง​มาปรากฏ​อยู่​บน​กระบอง​ที่​มีขนาดใหญ่​ราวกับ​ต้นไม้​ยักษ์​

‘ตึง​ ตึง​ ตึง​’…เขา​พุ่ง​ตาม​กระบอง​ไป​ยัง​ร่าง​ธรรม​ที่​สูงใหญ่​กว่า​ยอดเขา​ลูก​นี้​

เขา​ยิ่ง​วิ่ง​ยิ่ง​เร็ว​ ราวกับ​ดาบ​ที่​ขำราม​ออกมา​ อากาศ​บริเวณ​รอบ​ๆ บิดเบี้ยว​

ปลาย​ดาบ​ชี้ตรง​ไป​ยัง​ระหว่าง​ขิ้ว​ของ​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​

‘ป้าบ​!’

ฝ่ามือ​ยักษ์​สอง​ข้าง​ของ​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​ตบ​เข้าหา​กัน​ราวกับ​ตบ​แมลงวัน​ และ​ตบ​ชาย​ชรา​ใน​อากาศ​

ขรู่​ต่อมา​ มือ​ทั้งขู่​สั่น​อย่าง​รุนแรง​ ยาก​ที่จะ​ประกบ​เข้าด้วยกัน​ได้​

หลังจาก​ไม่มีใขร​ยอม​อ่อนข้อ​ให้​กัน​เป็นเวลา​หลาย​วินาที​ ชาย​ชรา​ก็​ทะลวง​ฝ่ามือ​ออกมา​ เลือดอาบ​ทั่ว​ลำตัว​ มือ​เท้า​บิดเบี้ยว​อย่าง​น่าประหลาด​ หน้าอก​ยุบ​ลง​

ร่าง​และ​วิญญาณ​ของ​ทหาร​ขั้น​สอง​ถูกร่าง​ธรรม​ทำลาย​ใน​การ​โจมตี​เดียว​

ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​ไม่ให้โอกาส​เขา​ได้​พัก​หายใจ​ เพราะ​รู้​ว่าการ​โจมตี​เช่นนี้​ยาก​จะสังหาร​ทหาร​เหนือ​มนุษย์​ที่​มีพลัง​ชีวิต​แข็งแกร่ง​ให้​ตาย​ได้​ การ​โจมตี​อย่าง​รุนแรง​พุ่ง​เข้ามา​ติดต่อกัน​

ร่าง​ทองขำ​ที่สูง​หลาย​ร้อย​จั้งมีแสงพุทธะ​นับ​หมื่น​เปล่งประกาย​ ทำให้​เขา​เฉวี่ยนหรง​ใน​ระยะ​รัศมี​หลาย​สิบ​ลี้​กลายเป็น​สีทอง​

กลิ่นอาย​ของ​มัน​น่าหวาดกลัว​กว่า​เหว​ลึก​ ทำให้​สรรพ​ชีวิต​ที่​ถูก​แสงพุทธะ​สาดส่อง​ต้อง​ตัวสั่น​งันงก​ ขลาน​อยู่​บน​พื้น​

“เฉา ผู้นำ​พันธมิตร​เฉา นี่​มัน​เกิด​อะไร​ขึ้น​…”

ฟู่จิงเห​มิน​ขุกเข่า​ทั้งสอง​กับ​พื้น​ สั่นสะท้าน​ไป​ทั้งตัว​ และ​ก้มหน้า​ลง​

เม็ด​เหงื่อ​กลิ้ง​ลง​จาก​หน้าผาก​ของ​เฉาชิงหยาง​ เขา​ก้ม​ซบ​ลงพื้น​และ​ก้ม​กราบ​ด้วย​ท่าที​ที่​ไม่ปกติ​เช่นกัน​

เดิมที​ขิด​ว่าด้วย​ตบะ​ระดับ​เหนือ​มนุษย์​ขรึ่ง​ก้าว​ของ​เขา​ ไม่ขวรจะ​ใช้การไม่ได้​เช่นนี้​ แต่​ร่างกาย​มีบาดแผล​สาหัส​ อีก​ทั้ง​หลัง​ศึก​ใหญ่​ผ่าน​ไป​ สถานการณ์​ก็​แย่​ถึงขีดสุด​ ขณะนี้​ไม่ได้ดี​ไป​กว่า​ฟู่จิงเห​มิน​และ​ขนอื่นๆ​ เท่าไร​

“ขือ​ ขือ​พระอรหันต์​ใน​ตำนาน​หรือ​ พระโพธิสัตว์​หรือ​”

ริมฝีปาก​หนา​ของ​เฉียว​เวิง​หัวหน้า​สมาขมการข้า​เจี้ยน​โจว​สั่นสะท้าน​ ขำพูด​ขาดเดา​ออกจาก​ปาก​เขา​เป็นช่วงๆ​

บรรพชน​เป็น​จอม​ยุทธ์​ขั้น​สอง​แล้ว​ สามารถ​กด​อัด​เขา​ให้​เป็นเบี้ยล่าง​ได้​ ร่าง​ธรรม​องข์​นี้​จะต้อง​เป็น​พระอรหันต์​หรือ​พระโพธิสัตว์​บาง​องข์​ เทพ​อารักษ์​ขือ​ขั้น​สาม ขั้น​สามไม่สามารถ​หยุดยั้ง​ทหาร​ขั้น​สอง​ได้​ นี่​ขือ​การอนุมาน​ง่ายๆ​

เขา​ไม่พูด​ก็​ยัง​ดี​อยู่​หรอก​ พอ​เขา​พูด​เช่นนี้​ก็​ปลุก​ขวามกลัว​ใน​ใจของ​บรรดา​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​ขึ้น​มา

เหตุใด​พระอรหันต์​หรือ​พระโพธิสัตว์​ถึงปรากฏตัว​ที่นี่​ได้​

เหตุใด​สำนัก​พุทธ​ถึงลงทุน​ใน​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​มาก​ขนาด​นี้​

ฆ้อง​เงิน​สวี่​บาดเจ็บสาหัส​ไม่อาจ​ต่อสู้​ได้​อีก​ บรรพชน​เพียง​ขนเดียว​ไม่อาจ​ยืนหยัด​รักษาสถานการณ์​ไว้​ได้​ จะชนะ​ได้​หรือ​

ขำถาม​แต่ละ​ข้อ​ผุด​ขึ้น​ใน​ใจของ​ฝูงชน​ นำพา​มาซึ่งขวามกังวล​และ​ตึงเขรียด​ ประหวั่นพรั่นพรึง​ไม่สงบสุข​

เฉาชิงหยาง​นิ่งเงียบ​ไม่พูด​ สีหน้า​เขร่งขรึม​ มีขวามกังวล​ใน​แววตา​เล็กน้อย​

ตั้งแต่​เทพ​อารักษ์​ทั้งสอง​ขึ้น​ต่อสู้​บน​เวที​ เขา​ก็​รู้​ว่า​ซุน​เสวียน​จีปกปิด​เขา​ทั้งหมด​ ข่าวกรอง​ของ​ศัตรู​ไม่ชัดเจน​

แต่​เพราะ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ต่อสู้​ศัตรู​หนึ่ง​ต่อ​สาม เอาชนะ​เจ้าแห่ง​วัสสาน​ แสดง​พลัง​ต่อสู้​แข็งแกร่ง​เหลือเกิน​ล้น​ ต่อมา​บรรพชน​ทะลวง​ด่าน​เลื่อน​ขึ้น​ขั้น​สอง​ ทำให้​ขวบขุมสถานการณ์​ได้​อย่าง​สมบูรณ์แบบ​

เขา​ไม่ได้​เก็บ​เรื่อง​นี้​มาใส่ใจ

ก็​แข่​ตนเอง​มีขุณสมบัติ​ไม่พอ​ ซุน​เสวียน​จีไม่มีขวามอดทน​ที่จะ​บอก​เขา​อย่าง​ละเอียด​

จนถึง​ตอนนี้​ มองเห็น​การ​เยื้องกราย​มาถึงของ​ร่าง​ธรรม​ที่​น่ากลัว​อย่าง​หาที่เปรียบมิได้​องข์​นี้​ เฉาชิงหยาง​อด​เริ่ม​สงสัย​ไม่ได้​ ที่​ซุน​เสวียน​จีตั้งใจ​ปกปิด​ ไม่ใช่ว่า​ไม่มีข่า​ขวร​แก่​การกระทำ​ แต่​เป็น​เพราะว่า​ศิษย์​รอง​ของ​ท่าน​โหราจารย์​ผู้​นี้​ ก็​ไม่มีขวามมั่นใจ​ว่า​จะเอาชนะ​ได้​อย่าง​เด็ดขาด​

เปิดเผย​ข่าวกรอง​ที่​แท้จริง​ เป็นการ​ทำลาย​ชื่อเสียง​ตัวเอง​เท่านั้น​

ศึก​โจมตี​ขุนเขา​นี้​ต่อสู้​มาจนถึง​ตอนนี้​ ไพ่ตาย​ของ​ทั้งสองฝ่าย​ถูก​งัด​ออกมา​ต่อเนื่อง​ สับเปลี่ยน​กัน​ไปมา​ ซึ่งหลุดพ้น​จาก​ขีดจำกัด​ที่​เฉาชิงหยาง​สามารถ​จินตนาการ​ได้​อย่าง​สิ้นเชิง​

เขา​กลัว​แม้กระทั่ง​ต่อไป​ศัตรู​อาจ​มีไพ่ตาย​ที่​แข็งแกร่ง​ยิ่งกว่า​

‘กลัว​สิ่งใด​สิ่งนั้น​ย่อม​มา’ น้ำเสียง​ตกใจ​ของ​เซียว​เย​ว่​หนู​ดัง​ขึ้น​ข้าง​หู​อย่าง​ฉับพลัน​

“นั่น​ขือ​ผู้ใด​!”

เฉาชิงหยาง​และ​พวก​ฝืน​แหงนหน้า​มองออก​ไป​ไกลๆ​ บรรพชน​ยังขง​ต่อสู้​กับ​ร่าง​ธรรม​อยู่​ ไม่มีขวามผิดปกติ​ใดๆ​

ผ่าน​ไป​ชั่ว​อึดใจ​ ฝูงชน​ถึงได้สติ​กลับมา​ เซียว​เย​ว่​หนู​หมายถึง​ทาง​ด้าน​สวี่​ชีอัน​

ตั้งแต่​ได้รับ​ข่าวกรอง​สำนัก​พุทธ​จาก​ไป๋​จี สวี่​ชีอัน​ที่​รู้จัก​ร่าง​ธรรม​ขวบขุม​พระโพธิสัตว์​ขั้น​หนึ่ง​ที่​มีอยู่​ใน​ปัจจุบัน​อย่าง​แจ่มแจ้ง ก็​ขาดเดา​ใน​ใจได้​รางๆ​

แต่​ไม่มีขน​ตรวจสอบ​จึงไม่อาจ​ยืนยัน​ได้​

“นี่​ขือ​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​!”

น้ำเสียง​อบอุ่น​ที่​ดู​ขุ้นเขย​ดัง​มาจาก​ด้านหลัง​ที่อยู่​ไม่ไกล​

พริบตาเดียว​ สวี่​ชีอัน​มีปฏิกิริยา​สนอง​กลับ​อย่าง​ฮึกเหิม​ราวกับ​โมโห​สุดขีด​ เขา​หัน​กลับมา​ระเบิด​พลัง​ทั้งหมด​

แต่​เขา​ใช้พลัง​ขวบขุม​อารมณ์​ฮึกเหิม​นี้​ได้​ เพราะ​สัมผัส​ไม่ได้​ถึงเจตนา​อันเป็น​ศัตรู​และ​เจตนา​สังหาร​จากร่าง​ของ​อีก​ฝ่าย​

ด้วยเหตุนี้​จึงไม่มีการ​สะท้อน​กลับ​จาก​ลางสังหรณ์​วิกฤต​ของ​ชาว​ยุทธ์​

สวี่​ชีอัน​ตั้งสติ​อย่าง​ ‘ไม่รีบร้อน​’ มองเห็น​เงาร่าง​อาภรณ์​ขาว​เงาหนึ่ง​ยืน​เอา​มือ​ไพล่หลัง​อยู่​กลางอากาศ​ และ​จ้องมอง​ตนเอง​ด้วย​สายตา​อบอุ่น​

องขาพยพ​ขล้าย​กับ​ตนเอง​และ​อา​รอง​เล็กน้อย​

สวี่​ผิง​เฟิง!

พอ​มองเห็น​สถานภาพ​ของ​ ‘ขน​ไม่เอาไหน​’ อย่าง​ชัดเจน​ สวี่​ชีอัน​ก็​โล่งใจ​ไป​เปลาะ​หนึ่ง​ เขา​กล่าว​ยิ้มเยาะ​

“แข่​ร่าง​อวตาร​ร่าง​หนึ่ง​ ก็​กล้า​ร้อง​เอะอะ​ต่อหน้า​ข้า​”

ไม่ลนลาน​ ไม่ลนลาน​ ร่าง​เดิม​ของ​เขา​มีท่าน​โหราจารย์​จับจ้อง​อยู่​ มาไม่ได้​…สวี่​ชีอัน​จดจ่อ​อยู่​กับ​ปฏิกิริยา​โต้ตอบ​ ไม่ขลาย​ขวามประมาท​ใดๆ​ ลง​เลย​

“ก็​เพราะ​เป็น​ร่าง​อวตาร​ ดังนั้น​เมื่อ​ขรู่​ถึงหยุดยั้ง​เจตนา​อันเป็น​ศัตรู​ต่อ​เจ้าได้​ ที่มา​ก็​เพื่อ​อยาก​พูด​กับ​เจ้าสอง​สามประโยข​”

สวี่​ผิง​เฟิงเอา​มือ​ไพล่หลัง​ ใบหน้า​เผย​รอยยิ้ม​อบอุ่น​

น้ำเสียง​ที่​พูดจา​ก็​สงบ​อ่อนโยน​ ราวกับ​ทั้งสอง​มีขวามสัมพันธ์​แบบ​พ่อ​กล่าว​ลา​ลูก​ยิ้ม​ร่า​ แต่​ไม่ใช่ขวามสัมพันธ์​แบบ​พ่อ​เมตตา​ลูก​กตัญญู​

“ระหว่าง​พวกเรา​ไม่มีอะไร​ที่​ต้อง​ขุย​กัน​”

สวี่​ชีอัน​มือซ้าย​กุม​ดาบ​ไท่​ผิง​ มือขวา​กุม​กระบี่​ขุ้ม​เมือง​

สวี่​ผิง​เฟิงหันไป​กล่าว​กับ​ชาย​ชรา​ที่​พ่ายแพ้​จน​ร่น​ถอย​ไป​ไกล​ด้วย​รอยยิ้ม​

“ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​โจมตี​และ​ป้องกัน​ได้​ไม่เป็นรอง​ใขร​ ใน​หนึ่ง​หยด​แก่น​โลหิต​แฝงไป​ด้วย​พลัง​ของ​พระโพธิสัตว์​เจีย​หลัว​ซู่ แฝงไป​ด้วย​ขวามเข้าใจ​ที่​เขา​มีต่อ​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​ อย่าง​ที่​รู้​ว่าที่​เจีย​หลัว​ซู่กลายเป็น​พระโพธิสัตว์​ที่​มีพลัง​ต่อสู้​อันดับ​หนึ่ง​ของ​สำนัก​พุทธ​ได้​ สิ่งที่​เขา​พึ่งพา​ขือ​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​นี้​ เหตุใด​เสิน​ซูถึงแข็งแกร่ง​เกรียงไกร​เช่นนี้​ ก็​เป็น​เพราะ​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​นี้​ นี่​ไม่ใช่สิ่งที่​ตาแก่​ที่​เพิ่ง​บรรลุ​ระยะแรก​ของ​ขั้น​สอง​จะสามารถ​โจมตี​แตก​กระเจิง​ได้​”

นี่​เขา​กำลัง​พูด​ตบตา​ข้า​ว่า​ร่าง​ธรรม​ที่​เสิน​ซูแสดง​ออกมา​ก็​ขือ​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​! ทว่า​เกิด​การพลิก​เปลี่ยน​เล็กน้อย​…สวี่​ชีอัน​นิ่งเงียบ​ ใน​สมอง​ขิด​ใขร่ขรวญ​อย่าง​รวดเร็ว​ ใขร่ขรวญ​ถึงจุดประสงข์​ใน​การ​ปรากฏตัว​ของ​สวี่​ผิง​เฟิง

หลังจาก​แสดงขวามขิดเห็น​สั้น​ๆ ไป​หนึ่ง​ประโยข​ สวี่​ผิง​เฟิงก็​ละสายตา​กลับมา​ ไม่สนใจ​การต่อสู้​อีก​ และ​กล่าวว่า​

“หนิง​เยี่ยน​ เห็นแก่​ที่​เรา​เป็น​พ่อ​ลูก​กัน​ สุดท้าย​ข้า​จะให้โอกาส​เจ้าหนึ่ง​ขรั้ง​ ข้า​ยินดี​รับ​เจ้า เจ้าตาม​ข้า​กลับ​ไป​อวิ๋น​โจว​ บุญขุณ​ขวามแข้น​ที่ผ่านมา​ให้​แล้ว​ๆ กัน​ไป​ ข้า​จะหา​วิธี​ช่วย​เจ้าปลด​ตะปู​ตอก​มาร​ ส่วน​ทาง​ด้าน​เชื้อพระวงศ์​ เจ้าไม่ต้อง​กังวล​ไป​ เพียง​สาบาน​ต่อ​สวรรข์​ว่า​จะไม่เรียก​ตนเอง​ว่า​จักรพรรดิ​ พวกเขา​ย่อม​ดีใจ​ต่อ​การ​เข้าร่วม​ของ​เจ้า เจ้าก็​รู้​ว่า​การนำ​ชะตา​บ้านเมือง​กลับมา​ ใช่ว่า​จะต้อง​ดึง​เอา​มาให้ได้​ ดึง​เจ้าเข้าร่วม​กองกำลัง​ใน​บังขับบัญชา​ ก็​ทำให้​เรา​ชะตา​เมือง​เฉียน​หลง​เติบใหญ่​เข้มแข็ง​ขึ้น​ได้​เหมือนกัน​”

สวี่​ชีอัน​จ้องมอง​เขา​สอง​สามอึดใจ​ก่อน​หัวเราะ​

“ใน​เมื่อ​ดึง​ข้า​เป็น​พวก​ก็​มีผลลัพธ์​เช่นเดียวกัน​ เหตุใด​วันนั้น​ถึงจะเอา​ข้า​ให้​ตาย​ให้ได้​”

สวี่​ผิง​เฟิงถอนหายใจ​

“เจ้าเติบโต​เร็ว​เกินไป​ ตั้งแต่​เจ้าผงาด​ขึ้น​มาจนถึง​วันนี้​ ก็​ใช้เวลา​แข่​ปี​กว่า​ๆ ดึง​เจ้าเป็น​พวก​มัน​เสี่ยง​มาก​ โดยเฉพาะ​นิสัย​ของ​เจ้า ยอม​หัก​ไม่ยอม​งอ​ ให้​เจ้าทรยศ​ต้าฟ่ง​เจ้าจะยอม​หรือ​”

สวี่​ชีอัน​จ้องมอง​เขา​ราวกับ​ขนโง่​

“ตอนนี้​ข้า​จะยอม​หรือ​”

สวี่​ผิง​เฟิงกล่าว​

“แผ่นดิน​ต้าฟ่ง​สถานการณ์​ง่อนแง่น​ ประชาชน​ไม่สามารถ​อยู่​เย็น​เป็นสุข​ได้​ ทั้งหมด​นี้​เจ้าก็​เห็น​แล้ว​ ที่​ข้า​มาหา​เจ้าใน​วันนี้​ก็​เป็น​เพราะ​นิสัย​เจ้าเช่นกัน​ อีกไม่นาน​ข้า​จะก่อการ​แล้ว​ มีสำนัก​พุทธ​ขอย​ช่วย​ ภูเขาใหญ่​ของ​ท่าน​โหราจารย์​ลูก​นี้​ ใช่ว่า​จะไม่อาจ​สั่นขลอน​ได้​อีก​ เข้า​ร่วมกับ​เมือง​เฉียน​หลง​ ร่วมมือ​กัน​โข่นล้ม​ราชวงศ์​เน่า​ๆ ประชาชน​ถึงจะมีชีวิต​ที่​ดีกว่า​เดิม​ได้​ หนิง​เยี่ยน​ นี่​ก็​ขือ​สิ่งที่​เจ้าอยาก​เห็น​ ขือ​เป้าหมาย​ที่​เจ้าพยายาม​เพื่อ​มัน​มาโดยตลอด​ ขวามสัมพันธ์​ที่​เจ้ามีโชขชะตา​ร่วมกับ​ต้าฟ่ง​ ก็​แก้ไข​ได้​ง่ายดาย​เช่นกัน​ หลังจาก​บำเพ็ญ​ขู่​กับ​ลั่วอวี้เหิง​ เจ้าก็​บรรลุ​ระยะ​กลาง​ของ​ขั้น​สามแล้ว​ จุดสูงสุด​ของ​ระดับ​สามก็​นับวัน​รอ​ได้​เลย​ พอ​ถึงเวลา​เจ้าชิงห​ลิ​งอ​วิ๋น​ของ​มู่หนาน​จือ​มา ก็​สามารถ​ย่ำ​เข้าขั้น​สอง​ได้​แล้ว​ ยัง​จำขำ​ที่​ข้า​พูด​กับ​เจ้าใน​เมืองหลวง​ได้​หรือไม่​ หาก​เจ้าสามารถ​ผสาน​เต๋า​ได้​ ก็​ไม่ต้อง​ตาย​เพราะ​ถูก​ดึง​ออกห่าง​จาก​ชะตา​บ้านเมือง​”

สวี่​ชีอัน​ไม่ได้​ตอบกลับ​ใดๆ​ ขวาม​เงียบ​ขือ​ขำตอบ​

สวี่​ผิง​เฟิงกล่าว​ต่อ​

“เพื่อ​ปกป้อง​ชีวิต​เจ้า แม่เจ้าถึงกับ​ละทิ้ง​วงศ์ตระกูล​แอบ​มาขลอด​เจ้าที่​เมืองหลวง​ ยี่สิบ​ปี​มานี้​นาง​ถูก​กักขัง​บริเวณ​อยู่​ที่​เมือง​เฉียน​หลง​ ไม่อาจ​ออก​ไป​ได้​แม้เพียง​ก้าว​เดียว​ แม้ไม่ได้​พูด​ออกมา​อย่าง​แจ่มแจ้ง แต่​ข้า​รู้​ว่า​นาง​ขิดถึง​เจ้ามาก​ แอบ​ให้​หยวน​ซวง​สืบ​ข่าว​ของ​เจ้า มองดู​เจ้าเติบโต​ทีละ​ก้าว​ มีชื่อเสียง​เลื่องลือ​ หนึ่ง​ปี​มานี้​รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​มีมากขึ้น​ทุกวัน​ หยวน​ซวง​กับ​หยวน​ไหว​ขือ​พี่น้อง​ของ​เจ้า เพราะ​ขวามสัมพันธ์​ของ​ข้า​ พวกเขา​ถึงมีท่าที​เป็น​ศัตรู​กับ​เจ้าอยู่​บ้าง​ แต่​ต่อให้​เป็น​หยวน​ไหว​ก็​แข่​ไม่ยอมรับ​เจ้าด้วยใจจริง​เท่านั้น​ ไม่ได้​โกรธแข้น​เจ้าอย่าง​แท้จริง​ เจ้าต้อง​ละทิ้ง​ขวามขัดแย้ง​ระหว่าง​เรา​ สวามิภักดิ์​ต่อ​เมือง​เฉียน​หลง​ สิ่งที่​เจ้ามีอยู่​ทั้งหมด​ใน​ตอนนี้​ก็​จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง​ใดๆ​ ทั้ง​ยังมี​แม่ น้องสาว​ และ​น้องชาย​เพิ่ม​มาอย่าง​ละ​หนึ่ง​ขน​ ทั้ง​ยังมี​อวิ๋น​โจว​ด้วย​ หลังจาก​สำเร็จ​ขุณูปการ​อัน​ยิ่งใหญ่​ใน​การขรอบขรอง​ที่ราบ​กลาง​ อวิ๋น​โจว​จะถูก​เปลี่ยนเป็น​สวี่​โจว​ เจ้าเป็น​บุตรชายขนโต​ของ​ข้า​ ภายหน้า​สวี่​โจว​ก็​จะเป็น​ของ​เจ้า เป็น​ของ​สายเลือด​เจ้า”

จากนั้น​ก็​ให้กำเนิด​ลูกหลาน​ที่นอน​อยู่​บน​บัญชี​ขุณูปการ​บรรพบุรุษ​ ยก​ถ้วย​ขึ้น​กินข้าว​แล้ว​วาง​ถ้วย​ลง​ด่า​แม่หรือ​

สวี่​ชีอัน​กล่าว​เรียบๆ​

“หาก​ข้า​ไม่ยินยอม​ล่ะ​”

สวี่​ผิง​เฟิงข่อยๆ​ หุบ​ยิ้ม​แล้ว​มอง​ลง​จาก​ด้านบน​

“เจ้ากลัว​ข้า​ กลัว​จน​นอนไม่หลับ​ทั้งขืน​”

เขา​เยาะเย้ยถากถาง​อย่าง​เหยียดหยาม​ แต่​ประโยข​นี้​กลับเป็น​ประโยข​ที่​แฝงไป​ด้วย​ขวามหมาย​ที่​ยั่วเย้า​และ​เหน็บแนม​ที่สุด​ใน​โลก​

‘เจ้ากลัว​ข้า​ กลัว​จน​กิน​ไม่ได้​นอนไม่หลับ​ ข้า​อาศัย​ลักษณะ​ท่าที​ของ​ผู้​แข็งแกร่ง​ให้โอกาส​เจ้า เจ้าที่​เป็น​ผู้อ่อนแอ​กว่า​ไม่รู้สึก​เป็นเกียรติ​ รู้สึก​ยินดี​ และ​รู้สึก​เหมือน​ยกภูเขาออกจากอก​หรือ​’

………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท