บทที่ 632 ร่างธรรมจักรพรรดิ

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ใต้​ท้องฟ้า​สีคราม​ ดวงตา​คู่​หนึ่ง​ที่​ปราศจาก​ความรู้สึก​ใดๆ​ ปรากฏ​ขึ้น​กลางอากาศ​ และ​ก้ม​มอง​แผ่นดิน​ขนาดใหญ่​

ราวกับ​เจต​จำนงค์​ของ​วิถี​สวรรค์​เป็นจริง​ขึ้น​มา

อีก​ทั้ง​ยัง​ดูเหมือน​มนุษย์​ยักษ์​บรรพกาล​ลืมตา​ฟื้น​ขึ้น​มา

ดวงตา​คู่​นี้​ ตอนแรก​ดู​ราวกับ​หมึก​จางๆ บน​กระดาษ​เซวียนจื่อ​ ไม่ค่อย​ชัดเจน​ ต่อมา​ค่อยๆ​ แข็งตัว​

หลังจากที่​ดวงตา​ทั้งคู่​ปรากฏ​ขึ้น​ เส้น​ของ​ใบหน้า​ก็​เริ่ม​ถูกวาด​ ราวกับว่า​มีพู่​กันที่​มองไม่เห็น​กำลัง​วาด​อยู่​ ระหว่าง​ที่​กำลัง​เดิน​ลายเส้น​อยู่​นั้น​ ใบหน้า​หล่อเหลา​ที่​ดู​เด็ดเดี่ยว​ก็​วาด​ออกมา​สำเร็จ​

พอ​หมุน​ ‘ปลาย​พู่กัน​’ ลำตัว​ก็​ปรากฏ​ขึ้น​

เงาร่าง​นี้​สูงถึงร้อย​จั้ง ศีรษะ​สวมมงกุฎ​จักรพรรดิ​ สวม​ชุด​มังกร​ ใส่รองเท้า​ทองคำ​ ใน​มือถือ​เงากระบี่​เล่ม​หนึ่ง​

พลัง​ห้า​ธาตุ​ปั่นป่วน​ท่ามกลาง​สวรรค์​และ​โลก​ในทันที​ ลมแรง​กลายเป็น​ชุด​คลุม​ยาว​ของ​เขา​ ดิน​ศักดิ์สิทธิ์​หล่อหลอม​เป็น​ร่าง​ น้ำ​ใสกลายเป็น​โลหิต​ ไม้ศักดิ์สิทธิ์​ปลุก​พลัง​ชีวิต​ของ​เขา​ พลัง​ทอง​หล่อหลอม​กระบี่​เพื่อ​เขา​

สายฟ้า​สอง​เส้น​ฟาด​ใส่ดวงตา​ทั้งคู่​ของ​เขา​

จักรพรรดิ​ผู้สถาปนา​ต้าฟ่ง!​

สวี่​ชีอัน​อัญเชิญ​วิญญาณ​วีรบุรุษ​ของ​จักรพรรดิ​เกา​จู่มา

บน​เรือ​อวี่เฟิง​ สีหน้า​ของ​สวี่​ผิง​เฟิงแข็งทื่อ​ใน​ฉับพลัน​

จีเสวียน​พูด​พึมพำ​

“จักรพรรดิ​เกา​จู่…”

จู่ๆ ใบหน้า​ของ​เขา​ก็​บิดเบี้ยว​เล็กน้อย​ ไม่รู้​ว่า​โมโห​หรือ​ริษยา​ และ​กัดฟัน​พูด​

“เขา​ถือสิทธิ์​อะไร​อัญเชิญ​จักรพรรดิ​เกา​จู่มา ถือ​อะไร​ ถือสิทธิ์​อะไร​! นี่​เป็น​บรรพบุรุษ​ตระกูล​จีของ​ข้า​”

สวี่​หยวน​ซวง​กับ​สวี่​หยวน​ไหว​อ้าปากค้าง​ พวกเขา​ไม่กล้า​พูด​อะไร​ เพราะ​เห็น​มือ​ที่อยู่​ด้านหลัง​ของ​บิดา​กำหมัด​แน่น​

ขณะนี้​ ใน​ใจของ​เขา​ก็​เกิด​ความรู้สึก​แปลก​ๆ บิดา​กำลัง​เสียใจ​ใน​ภายหลัง​

ไม่ได้​เสียใจ​ที่​เป็น​ศัตรู​กับ​บุตร​คนโต​ แต่​กำลัง​เสียใจ​กับ​เรื่องราว​บางอย่าง​เป็นแน่แท้​

วัด​หย่ง​เจิ้น​ซาน​เห​อ​

ทันใดนั้น​ ทั่ว​ทั้ง​ทะเลสาบ​ซังผอ​สั่นสะเทือน​อย่าง​รุนแรง​ ระลอกคลื่น​กระเพื่อม​บน​ผิว​ทะเลสาบ​

‘ครืน​ๆ ครืน​ๆ…’

ป้าย​วิญญาณ​บน​โต๊ะ​ใหญ่​ที่​เรียงลำดับ​บรรพบุรุษ​ราชวงศ์​แต่ละ​อัน​พา​กัน​ล้ม​ลง​และ​ร่วง​ลงพื้น​

รูปปั้น​แกะสลัก​ของ​จักรพรรดิ​เกา​จู่แห่ง​ต้าฟ่ง​เกิด​รอยแยก​ดัง​ “เปรี๊ยะ​ๆ” รอยแยก​ลาก​ยาว​จาก​ระหว่าง​คิ้ว​ไป​ถึงทรวงอก​

สำนัก​โหราจารย์​ แท่น​แปด​ทิศ​

โหราจารย์​ที่​ดวงจิต​ล่องลอย​ยังคง​หลับตา​อยู่​ แต่​เขา​ชูจอก​สุรา​ยก​ไป​ทาง​ทิศตะวันออกเฉียงใต้​

‘เพ​ล้ง!’​

จอก​สุรา​ใน​มือ​แตก​กระจาย​ทันที​ หน้าอก​ของ​โหราจารย์​แตกร้าว​ตาม​ โลหิต​สดๆ​ แปดเปื้อน​อาภรณ์​ขาว​

“อัญเชิญ​เทพ​นั้น​ง่าย​ ส่งเทพ​นั้น​ยาก​เสีย​จริง​…”

โหราจารย์​กล่าว​เบา​ๆ บาดแผล​ค่อยๆ​ สมาน​เข้าด้วยกัน​

แต่​ใบหน้า​ซีดเผือด​ราวกับ​ไม่มีเลือด​

ห้อง​ทรง​อักษร​

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งที่​กำลัง​ยุ่ง​อยู่​กับ​งาน​ราชการ​ได้ยิน​เสียง​ฝน​เท้า​ที่​เร่งรีบ​

ขันที​ผู้​หนึ่ง​บุก​เข้า​ห้อง​ทรง​อักษร​โดย​ไม่แจ้ง เขา​คุกเข่า​ก้มลง​กับ​พื้น​ด้วย​ใบหน้า​ขาวซีด​ และ​ตะโกน​เสียงดัง​

“ฝ่าบาท​ ป้าย​ลำดับ​ของ​บรรดา​บรรพบุรุษ​ร่วง​หมด​แล้ว​”

จักรพรรดิ​ผลัก​โต๊ะ​ใหญ่​ออก​และ​ลุกขึ้น​ทันที​ สีหน้า​เปลี่ยนไป​มาก​

ภูเขา​ชิงอ​วิ๋น​

จ้าว​โส่ว​ยืน​อยู่​บน​ยอด​หน้าผา​ และ​มอง​ไป​ทาง​ทิศตะวันออกเฉียงใต้​อย่าง​เงียบๆ​

“อัญเชิญ​จักรพรรดิ​วิถี​มนุษย์​เยื้องกราย​มาถึง วี​ถีสวรรค์​แว้งกัด​ รา​คาที่​ต้อง​จ่าย​ไม่น้อย​ไป​กว่า​ตอนที่​เว่ยเยวียน​อัญเชิญ​ปราชญ์​ขงจื๊อ​ศักดิ์สิทธิ์​เลย​”

ตอนที่​พูด​ประโยค​นี้​ จ้าว​โส่ว​มอง​ไป​ทาง​เมืองหลวง​และ​พูด​เบา​ๆ

“ท่าน​โหราจารย์​ ไม่คิด​เลย​ว่า​ท่าน​จะยอมรับ​การ​แว้งกัด​ของ​วิถี​สวรรค์​ คน​ที่​ท่าน​เลือก​เป็น​เขา​จริงๆ​”

จักรพรรดิ​เกา​จู่?!

สายตา​แต่ละ​ดวง​มองดู​ร่าง​ธรรม​จักรพรรดิ​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​ หลังจาก​ผู้คน​ทั้งหมด​งงงัน​อยู่​ครู่หนึ่ง​ คำ​อัญเชิญ​ของ​สวี่​ชีอัน​ก็​ดังก้อง​ใน​สมอง​พร้อมกัน​

ศีรษะ​สวมมงกุฎ​จักรพรรดิ​ สวม​ชุด​มังกร​ ใส่รองเท้า​ทองคำ​ พลัง​ห้า​ธาตุ​หมุน​วนรอบ​ๆ ร่าง​ธรรม​เช่นนี้​ ต่อให้​ไม่มีคำพูด​ของ​สวี่​ชีอัน​ใน​เมื่อ​ครู่​ พวกเขา​ก็ได้​สังเกต​ได้​ว่า​เป็น​ ‘จักรพรรดิ​’

บน​ยอด​หน้าผา​ทาง​ตอน​ใต้​ เฉาชิงหยาง​และ​คนอื่นๆ​ ตะลึงงัน​ไป​หมด​ มีความรู้สึก​แบบ​ซึมกะทือ​ ‘เพราะ​ข้อมูล​มากเกินไป​ไม่อาจ​เข้าใจ​ได้​หมด​’

“นี่​คือ​จักรพรรดิ​เกา​จู่หรือ​”

“ฆ้อง​เงิน​สวี่​เขา​อัญเชิญ​จักรพรรดิ​เกา​จู่ออกมา​หรือ​”

“ฆ้อง​เงิน​สวี่​คือ​จักรพรรดิ​เกา​จู่กลับชาติมาเกิด​หรือ​”

ความสงสัย​ทั้ง​สามนี้​ อัด​แน่น​อยู่​ใน​สมอง​ของ​พวกเขา​ แต่ละ​คำถาม​ล้วน​เหลือเชื่อ​ ยาก​จะเข้าใจ​ได้​หมด​

ผู้​ที่​ไม่อาจ​ยอมรับ​และ​เข้าใจ​ข้อมูล​ตรงหน้า​ได้​ยังมี​ฉี่ฮวน​ตาน​เซียง​และ​คนอื่นๆ​ ที่​ไม่อาจ​ยอมรับ​ได้​เพราะ​เห็น​อยู่​ชัด​ๆ ว่า​สถานการณ์​ดีมาก​ ในที่สุด​ก็​สามารถ​จับ​หรือ​สังหา​รส​วี่​ชีอัน​ได้​สมความปรารถนา​แล้ว​

ใคร​จะคิด​ล่ะ​ว่า​ พริบตาเดียว​สถานการณ์​กลับ​เปลี่ยนไป​มาก​ สวี่​ชีอัน​กลับ​อัญเชิญ​ร่าง​ธรรม​ของ​จักรพรรดิ​เกา​จู่แห่ง​ต้าฟ่ง​ออกมา​

“จักรพรรดิ​เกา​จู่หรือ​ จักรพรรดิ​เกา​จู่ที่​บุกเบิก​อาณาจักร​ร่วมกับ​บรรพชน​ผู้​นั้น​หรือ​” หลิ่ว​หง​เหมียน​ตัว​สั่นเทา​เล็กน้อย​ คำพูด​ขาด​ๆ หาย​ๆ เป็นช่วงๆ​

ฉี่ฮวน​ตาน​เซียง​ที่​เป็น​ปรมาจารย์​ซิน​กู่​พูด​เสียงแหลม​ “จักรพรรดิ​ผู้สถาปนา​ต้าฟ่ง​สวรรค์​คต​ไป​แล้ว​มิใช่หรือ​ เขา​ถือสิทธิ์​อะไร​ใน​การอัญเชิญ​จักรพรรดิ​เกา​จู่ออกมา​ เขา​ก็​แค่​ทหาร​หยาบคาย​คน​หนึ่ง​นี่​”

ไม่มีคน​ตอบ​เขา​

การเคลื่อนไหว​ของ​สวี่​ชีอัน​ใน​เมื่อ​ครู่​ฝูงชน​เห็น​กับ​ตา​ ล้วน​เป็น​ผู้​ที่​ผ่าน​ประสบการณ์​มาอย่าง​โชกโชน​ เหตุใด​จะไม่รู้​ว่า​เขา​อัญเชิญ​จักรพรรดิ​เกา​จู่มาได้​อย่างไร​

ฉี่ฮวน​ตาน​เซียง​ก็​แค่​ระบาย​ความท้อแท้​และ​ความโกรธ​ใน​จิตใจ​เท่านั้น​

‘เอื๊อก​!’ ไป๋​หู่​กลืนน้ำลาย​ไป​หนึ่ง​อึก​และ​พูด​เบา​ๆ

“ไป​! ถอน​ทัพ​ไป​ก่อน​ ทุกอย่าง​ค่อย​ว่า​กัน​ทีหลัง​”

เขา​มีประสบการณ์​มาพอประมาณ​แล้ว​ พบ​กับ​สถานการณ์​เช่นนี้​ การ​วิ่งหนี​ก่อน​ถึงเป็น​ตัวเลือก​ที่​ดี​ที่สุด​

หาก​ผลลัพธ์​คือ​ฝ่าย​ของ​ตนเอง​ชนะ​ ค่อย​ทำการ​ติดต่อ​ใน​ภายหลัง​ หาก​พ่ายแพ้​ ถอน​ทัพ​ใน​ตอนนี้​สามารถ​รักษา​ชีวิต​เอาไว้​ได้​ เขา​ถูก​สวี่​ชีอัน​โจมตี​จน​กลัว​ขึ้น​มาแล้ว​จริงๆ​

สวี่​ชีอัน​ที่​ควบคุม​ร่าง​ธรรม​จักรพรรดิ​เกา​จู่นั้น​ไม่สบาย​เลย​จริงๆ​ สีหน้า​แดงก่ำ​แปลก​ๆ ผิวหนัง​ทั้งตัว​ราวกับ​กุ้ง​ต้ม​สุก​

ไม่ใช่ พูด​ให้​ถูกต้อง​ก็​คือ​ร่าง​ธรรม​กำลัง​ควบคุม​สวี่​ชีอัน​อยู่​

เขา​ค้นพบ​อย่าง​ฉับพลัน​ว่า​มือ​เท้า​ของ​ตนเอง​ไม่ถูก​ควบคุม​ ท่าทาง​ที่​ถือ​ดาบ​เปลี่ยนเป็น​ยืน​ถือ​กระบี่​ยัน​พื้น​

“สำนัก​พุทธ​ พวก​หนู​สวะ​ กล้า​ล่วงล้ำ​ดินแดน​ต้าฟ่ง​ของ​ข้า​หรือ​”

ปาก​ของ​เขา​เปล่งเสียง​น่าเกรงขาม​ออกมา​โดยไม่ตั้งใจ​ ราวกับว่า​คำพูด​ของ​เขา​สามารถ​ตัดสิน​ความเป็นความตาย​ของ​ผู้คน​ได้​

เมฆดำ​ปกคลุม​ยอดเขา​เฉวี่ยน​หลง​ราวกับ​ฟ้าดิน​พิโรธ​อย่าง​หนัก​

ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​ที่​สง่างามน่าเกรงขาม​ จ้องมอง​ร่าง​ธรรม​จักรพรรดิ​ที่อยู่​ไกลๆ​ อย่าง​เงียบๆ​ แขน​ทั้ง​ยี่สิบ​สี่กาง​ออก​ราวกับ​นกยูง​รำแพน​ และ​ทำท่า​จู่โจม

ร่าง​ธรรม​จักรพรรดิ​ยังคง​ยืน​เอา​กระบี่​ยัน​พื้น​อย่าง​ยโส​โอหัง​

แสงสว่าง​พุ่ง​ขึ้น​จาก​ใต้เท้า​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​ กาย​ทองคำ​ที่​สูงตระหง่าน​ร้อย​จั้งหาย​ไป​ ทิ้ง​ไว้​เพียง​ระฆัง​หนึ่ง​ใบ​กับ​เจดีย์​หนึ่ง​องค์​ที่​กำราบ​ชาย​ชรา​

ครู่​ต่อมา​ ร่าง​ธรรมกาย​ทองคำ​ก็​ปรากฏตัว​ด้านหลัง​ร่าง​ธรรม​จักรพรรดิ​อย่าง​ไร้​สุ้มเสียง​

แขน​ทั้ง​สิบสอง​ร่วง​ลงมา​พร้อมกัน​ สาก​เทพ​อารักษ์​ที่​ปล่อย​สายฟ้า​ มีด​พระ​ที่​ปกคลุม​ด้วย​ธาตุ​ทอง​ กระบี่​เทพ​ที่​มีพลัง​วารี​ไหล​อยู่​ กระบอง​สยบ​มาร​ที่​ดูเหมือน​จะบดขยี้​ความว่างเปล่า​ได้​…

อาวุธ​เวท​เหล่านี้​ตอบสนอง​กัน​ สับเปลี่ยน​พลัง​กัน​จน​ปรากฏ​รอยแยก​แสงขนาดใหญ่​ออกมา​เป็น​เส้น​ๆ

‘หวึ่ง!’​

คลื่น​แผ่นดินไหว​ขนาดใหญ่​สะเทือน​ไป​กลางอากาศ​ พลัง​ไร้​รูป​ชนิด​หนึ่ง​ต้านทาน​การ​โจมตี​ของ​แขน​ทั้ง​สิบสอง​ไว้​ได้​ ราวกับ​ม่าน​อากาศ​ที่​มองไม่เห็น​

ระลอกคลื่น​ยี่สิบ​สี่ลูก​ปะทะ​และ​สั่นสะเทือน​ซึ่งกันและกัน​

ความ​น่าเกรงขาม​ของ​จักรพรรดิ​ไม่อาจ​ล่วงละเมิด​ได้​!

โลก​ทั้ง​แถบ​ล้วน​ขับไล่​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​ ต่อต้าน​ผู้​ก่อ​วิบัติ​ให้​บ้านเมือง​ที่​ยั่วโทสะ​จักรพรรดิ​ผู้​นี้​

ตอนนี้​เอง​ ‘จักรพรรดิ​เกา​จู่’ ถึงค่อยๆ​ หมุนตัว​ เขา​ยก​เงากระบี่​ทองเหลือง​ใน​มือขึ้น​

สวี่​ชีอัน​ทำ​ท่าทาง​แบบ​เดียวกัน​

‘ตูม​!’

ท่ามกลาง​ชั้น​เมฆาที่​หมุน​เป็น​ระลอกคลื่น​ สายฟ้า​เส้น​หนึ่ง​ฟาด​ลง​บน​ปลาย​กระบี่​

พื้นที่​บริเวณ​รอบ​ๆ เขา​เฉวี่ยนหรง​ใน​รัศมี​หลาย​ร้อย​ลี้​ ปรากฏ​คลื่น​กระเพื่อม​ที่​ไม่เคย​มีมาก่อน​ แม่น้ำ​ม้วนตัว​ ดิน​แข็ง​แตกร้าว​ ภูเขา​สั่นสะเทือน​

สวี่​ผิง​เฟิงที่อยู่​บน​เรือ​อวี่เฟิง​เงยหน้า​มอง​ท้องฟ้า​โดยฉับพลัน​

สวี่​หยวน​ซวง​แหงนหน้า​มอง​ท้องฟ้า​เช่นเดียวกับ​บิดา​

ใน​สายตา​ของ​โหร​แล้ว​ ชะตากรรม​ที่​เป็น​เส้น​ๆ อาจจะ​ใหญ่​หนา​ หรือ​เล็ก​ละเอียด​เหล่านั้น​ ดู​ราวกับ​แสงกะพริบ​วับแวม​ที่​พาด​ผ่าน​ท้องฟ้า​ และ​รวม​เข้ากับ​กระบี่​ทองเหลือง​ที่​ยกขึ้น​สูง

พลัง​แห่ง​เวไนย​สัตว์​!

นับแต่​โบราณ​มา จักรพรรดิ​รับ​คำสั่ง​สวรรค์​ บงการ​อาณาประชาราษฎร์​

“ฟัน​!”

น้ำ​เสียงทุ้ม​ต่ำ​น่าเกรงขาม​เปล่ง​ออกจาก​ปาก​สวี่​ชีอัน​

เขา​ฟัน​กระบี่​คุ้ม​เมืองออก​ไป​โดยไม่รู้ตัว​ พร้อมเพรียง​กับ​ร่าง​ธรรม​จักรพรรดิ​ที่อยู่​ด้านหลัง​

บน​โลก​ใบ​นี้​ไม่มีแสงกระบี่​ที่​ทรงพลัง​กว่า​นี้​อีกแล้ว​

ใน​สายตา​แต่ละ​คู่​ของ​ผู้​ที่​ชมการต่อสู้​เหล่านั้น​ จะเห็น​ว่า​ทัศนียภาพ​ทุกอย่าง​ใน​โลก​ค่อยๆ​ เลือนหาย​ไป​ ทิ้ง​ไว้​เพียง​แสงกระบี่​ที่​กะพริบ​ผ่าน​อย่าง​รวดเร็ว​ราวกับ​ดาวหาง​

ศีรษะ​ของ​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​พังทลาย​ลง​ก่อน​ ต่อมา​เป็น​ต้นคอ​ หน้าอก​ และ​ค่อยๆ​ สลาย​ไป​จน​หมด​ทุก​ตารางนิ้ว​ แตก​กระจาย​เป็น​เศษแสงที่​บริสุทธิ์​ที่สุด​

ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​ที่​มีชื่อเสียง​ใน​ด้าน​การป้องกัน​ ได้​สูญเสีย​ต้นทุน​ที่​เขา​ภาคภูมิใจ​ทั้งหมด​แล้ว​

พลัง​ธาตุ​ดิน​ที่​หนาแน่น​ก็​ไม่อาจ​ต้านทาน​ความ​แหลมคม​ของ​กระบี่​คุ้ม​เมือง​ได้​ ค่าย​กล​แต่ละ​หลัง​พังทลาย​สลาย​ไป​จน​หมด​

‘ตูม​!’

ร่าง​ธรรม​พังทลาย​อย่าง​สมบูรณ์​ กลายเป็น​พลังงาน​ที่​ม้วนตัว​เอา​ทุก​สรรพสิ่ง​แผ่ขยาย​ไป​รอบ​ทิศ​

หิน​กลิ้ง​ตกลง​จาก​เขา​เฉวี่ยนหรง​ ต้นไม้​นับไม่ถ้วน​ถูก​ถอนรากถอนโคน​อย่าง​ต่อเนื่อง​ เฉาชิงหยาง​และ​คนอื่นๆ​ บ้าง​ก็​วิ่งหนี​ชุลมุน​ด้วย​ความ​ตื่นตระหนก​ บ้าง​ก็​นอน​ลงพื้น​หลบเลี่ยง​เศษคลื่น​ที่​ม้วน​เอา​ทุก​สรรพสิ่ง​ไป​ด้วย​

ฐาน​ที่มั่น​ทหาร​ที่อยู่​ไกลๆ​ ก็​ได้รับ​ผลกระทบ​อย่าง​หลีกเลี่ยง​ไม่ได้​ หลังคา​ปลิว​ว่อน​ บ้านเรือน​พังทลาย​เป็น​ชิ้นๆ​

ราวกับ​เป็น​ภัยธรรมชาติ​

หลังจาก​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​ดับ​สลาย​ไป​แล้ว​ ยังมี​เทพ​อารักษ์​ตู้​หนาน​

เขา​ประนมมือ​ท่ามกลาง​สถานการณ์​ที่​สิ้นหวัง​ ต้อนรับ​บทสรุป​ของ​ตัวเอง​

รัชสมัย​ของ​หย่ง​ซิ่งใน​ช่วงต้น​ เทพ​อารักษ์​ตู้​หนาน​แห่ง​สำนัก​พุทธ​แตกดับ​ที่​เขา​เฉวี่ยนหรง​ใน​เจี้ยน​โจว​

ไม่ว่า​จะเป็น​ต้าฟ่ง​หรือ​สำนัก​พุทธ​ ต่าง​ก็​เพิ่ม​สิ่งนี้​ไว้​ใน​บันทึก​ประวัติศาสตร์​หรือ​พงศาวดาร​ของ​ตนเอง​

รอ​จน​คลื่น​ลม​สงบ​ลง​หมด​แล้ว​ ภายใต้​ท้องฟ้า​สีคราม​เมฆาสีขาว​ มีเพียง​เงาร่าง​ของ​ร่าง​ธรรม​จักรพรรดิ​ที่​ยืน​อยู่​อย่าง​ยโส​โอหัง​

หลังจาก​สังหาร​ศัตรู​ตัวฉกาจ​แล้ว​ ร่าง​ธรรม​จักรพรรดิ​ไม่ได้​หยุดนิ่ง​ เขา​ยืน​ถือ​กระบี่​และ​กระทุ้ง​เบา​ๆ

‘ฟู่!’

ห่าง​ออก​ไป​สิบ​กว่า​ลี้​ เทพ​อารักษ์​อสูร​ที่​แอบหนี​ไป​เงียบๆ​ ก็​ถูก​ตรึง​กับ​พื้น​ โลหิต​สีทอง​เข้ม​ไหล​เปื้อน​ใต้​ร่าง​ของ​เขา​

“อาตมา​ ไม่พอ​…”

แสงใน​แววตา​ของ​ตู้​ฝาน​ที่​เป็น​เทพ​อารักษ์​อสูร​มืดมิด​ลง​อย่าง​ถาวร​

วิญญาณ​กับ​พลัง​ชีวิต​ถูก​ตัดขาด​ไป​พร้อมกัน​

วิญญาณ​ดับ​สลาย​

ขณะนี้​ สวี่​ผิง​เฟิงยื่นมือ​ออกมา​และ​คว้า​ผ่าน​อากาศ​ไป​สอง​ที​ เหมือนกับ​การ​ดึง​ขน​แกะ​มาสอง​กำ​

“ไป​!”

น้ำเสียง​ของ​สวี่​ผิง​เฟิงราวกับ​ลมหนาว​ใน​เดือน​สิบสอง​ พอ​ยก​เท้า​ขึ้น​เหยียบ​ ค่าย​กล​ส่งตัว​ก็​แผ่​ปกคลุม​เรือ​อวี่เฟิง​

เรือ​อวี่เฟิง​หาย​ไป​อย่าง​ไร้​ร่องรอย​

และ​ใน​ขณะนี้​ น่า​ห​ลัน​เทียน​ลู่​ไร้​ร่องรอย​ไป​นาน​แล้ว​

ร่าง​ไร้​ศีรษะ​ของ​ชาย​ชรา​ลุกขึ้น​ยืน​ และ​ก้มลง​หยิบ​ศีรษะ​ของ​ตนเอง​มาใส่ลง​บน​ต้นคอ​

ท่ามกลาง​การเคลื่อนไหว​ของ​เลือดเนื้อ​ ศีรษะ​ก็​เชื่อม​ติด​ นอกจาก​กลิ่นอาย​ที่​ดู​อ่อนแอ​เล็กน้อย​แล้ว​ ก็​ไม่มีอะไร​ร้ายแรง​

หลังจาก​หายใจออก​เบา​ๆ อีกครั้ง​ กลิ่นอาย​ก็​ฟื้นฟู​สู่จุดสูงสุด​

ชาย​ชรา​แหงนหน้า​มอง​ร่าง​ธรรม​จักรพรรดิ​ด้วย​แววตา​เลื่อนลอย​

กล่อง​ความทรงจำ​ถูก​เปิด​ออก​ ช่วงเวลา​ที่​ถูก​เขา​ลืมเลือน​ไป​นาน​แล้ว​ ขณะนี้​ได้​ปะทุ​ขึ้น​มาไม่หยุด​

ครั้งแรก​ที่​โค่ว​หยาง​โจว​เจอ​เจ้านั่น​ คือ​ตอน​รวมพล​ครั้งหนึ่ง​ใน​สนามรบ​ของ​กองกำลัง​ทหาร​ก่อการ​แนวรบ​ที่​ยี่สิบ​หก​ เวลา​นั้น​รอบตัว​เขา​มีแค่​ทหาร​เดนตาย​ที่​แก่​หง่อม​ และ​อาวุธ​พัง​ๆ

เข้าร่วม​ชุมนุม​ใน​ครั้งนี้​ก็​เพื่อ​ยืม​ตำลึง​เงิน​รวบรวม​กำลังคน​

ตอนนั้น​เขา​หน้าหนา​มาก​ พบ​ใคร​ก็​คารวะ​สุรา​ และ​เรียก​ว่า​พี่ใหญ่​

โค่ว​หยาง​โจว​ก็​เคย​ให้​เขา​ยืม​สอง​ร้อย​ตำลึง​เงิน​ เจ้านั่น​หน้าหนา​จริงๆ​ ตอนนั้น​เพิ่ง​ออกจาก​เจี้ยน​โจว​ไม่นาน​ก็​โอ้อวด​ตนเอง​ว่า​เป็น​ปรมาจารย์​แห่ง​ความชอบธรรม​ ไม่ทำ​เรื่อง​ปล้นสะดม​ชาวบ้าน​

ดังนั้น​ถุงเงิน​จึงว่างเปล่า​มาก​ แน่นอน​ว่าไม่ได้​ยืม​ ดังนั้น​โค่ว​หยาง​โจว​จึงพูดว่า​

“ไสหัวไป​ เจ้าคนอ่อนแอ​!”

สุดท้าย​เจ้านั่น​ก็​ตะโกน​ออกมา​คำ​หนึ่ง​ว่า​ “ท่าน​พ่อ​”

คำ​ว่า​ท่าน​พ่อ​ทำให้​โค่ว​หยาง​โจว​เสียเงิน​ไป​สอง​ร้อย​ตำลึง​ ต่อมา​เขา​ถึงรู้​ว่า​เจ้านั่น​ใช้เงิน​สอง​ร้อย​ตำลึง​ที่​เขา​ให้​ไป​ซื้อ​ม้าผอม​ที่​งดงาม​มาสิบ​แปด​ตัว​ และ​มอบให้​กับ​ผู้นำ​ทหาร​ก่อการ​ผู้​หนึ่ง​ที่​มักมาก​ใน​กามคุณ​

เขา​ยืม​เงิน​จาก​ผู้นำ​คน​นั้น​มาได้​มากกว่า​เดิม​และ​ได้​พลทหาร​เดินเท้า​ติดอาวุธ​พร้อมพรั่ง​อีก​สอง​ร้อย​นาย​

โค่ว​หยาง​โจว​รู้เรื่อง​นี้​จาก​ปาก​ของ​เขา​หลังจาก​ผ่าน​มาหลาย​ปี​แล้ว​ เขา​เริ่ม​จาก​หัวหน้า​เล็ก​ที่​ไม่เตะ​ตาจน​กลายเป็น​กบฏ​ยิ่งใหญ่​ที่​มีกองกำลัง​เข้มแข็ง​สอง​แสน​นาย​อยู่​ใต้​คำสั่ง​ของ​เขา​

ข้าง​กาย​ก็​มีชายหนุ่ม​รูปงาม​เพิ่ม​มาคน​หนึ่ง​ ซึ่งอยู่​เคียงข้าง​ตลอด​ไม่เคย​จากไป​ไหน​

ภายหลัง​ชายหนุ่ม​ผู้​นั้น​ก็​คือ​ท่าน​โหราจารย์​รุ่น​หนึ่ง​

เวลา​หกร้อย​ปี​ผ่าน​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​ คนโบราณ​ถูก​ดิน​กลบ​หน้า​ไป​หมด​แล้ว​ จิต​เดิม​ก็​กลายเป็น​วิญญาณ​รบ​ระหว่าง​สวรรค์​และ​โลก​

ดูเหมือนว่า​วิญญาณ​บรรพชน​ของ​จักรพรรดิ​เกา​จู่จะไม่ไป​ไหน​แล้ว​…ขณะนี้​สวี่​ชีอัน​กลายเป็น​ ‘มนุษย์​โลหิต​’ เส้นเลือดฝอย​ใต้​ผิวหนัง​แตก​ ทำให้​ตัว​เขา​แดง​กว่า​กุ้ง​ต้ม​สุก​เสีย​อีก​

ตอนนี้​เขา​เหมือนกับ​เครื่องจักร​ที่​ทำงานหนัก​เกินไป​ ถึงขอบเขต​ที่​ใกล้​จะพัง​แล้ว​ แต่​ปุ่ม​ปิด​เครื่อง​กลับ​ถูก​หัก​ทิ้ง​แล้ว​ เลย​ไม่อาจ​หยุด​ลง​ได้​

จะส่งจักรพรรดิ​เกา​จู่ไป​อย่างไร​!

เขา​ขมวดคิ้ว​ ไม่เคย​พบ​กับ​สถานการณ์​เช่นนี้​มาก่อน​

ขณะนั้น​เอง​ ร่างทรง​จักรพรรดิ​ก็​ทำท่า​ยกแก้ว​ราวกับ​ถือ​จอก​สุรา​อยู่​ใน​มือ​

สวี่​ชีอัน​ทำท่า​ยกแก้ว​เช่นเดียวกัน​ จากนั้น​ก็​ดื่ม​สุรา​ที่​มองไม่เห็น​ไป​จน​หมด​

พอ​ ‘สุรา​’ ลงท้อง​ไป​หนึ่ง​จอก​ ร่าง​ธรรม​จักรพรรดิ​ก็​ค่อยๆ​ สลาย​

สิ้นสุด​แล้ว​…สวี่​ชีอัน​พ่น​หายใจ​ออกมา​ และ​มองดู​รอบ​ๆ อย่าง​เยือกเย็น​

น่า​ห​ลัน​เทียน​ลู่​หาย​ตัวอย่าง​ไร้​ร่องรอย​ไป​นาน​แล้ว​ สวี่​ชีอัน​ไม่รู้​แม้กระทั่ง​ว่า​เขา​ถอน​ทัพ​ไป​ตอน​ไหน​ ก่อนหน้า​นั้น​พยายาม​ต้านทาน​ร่าง​ธรรม​เทพ​อารักษ์​อยู่​ตลอด​ ไม่มีเวลา​ไป​สนใจ​อย่าง​อื่น​

บางที​อาจ​ดอด​หนี​ไป​ใน​ตอนที่​เขา​อัญเชิญ​วิญญาณ​วีรบุรุษ​ของ​จักรพรรดิ​เกา​จู่

บางที​อาจ​ถอน​ทัพ​ไป​หลังจากที่​สวี่​ผิง​เฟิงปรากฏตัว​ เพื่อ​ป้องกัน​การแย่ง​ผลประโยชน์​ระหว่าง​กัน​

น่าเสียดาย​…

การ​หาย​ไป​ของ​เรือ​อวี่เฟิง​นั้น​เขา​เห็น​กับ​ตา​ สวี่​ผิง​เฟิงหนี​เร็ว​มาก​ อีก​อย่าง​วิญญาณ​วีรบุรุษ​ของ​ร่าง​ธรรม​จักรพรรดิ​ก็​มีความคิด​เป็น​ของ​ตนเอง​ ไม่ถูก​ควบคุม​จาก​เขา​

ดังนั้น​จึงไม่สามารถ​ไล่​สังหาร​ได้​

เงาร่าง​ของ​ชาว​ยุทธ​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​ทยอย​กัน​ปรากฏตัว​บน​ขอบ​หน้าผา​ของ​ยอดเขา​ใต้​ พวกเขา​ดูเหมือน​นก​ที่​กลัว​ลูกธนู​ และ​กำลัง​สำรวจ​ดู​สถานการณ์​อยู่​

สวี่​ชีอัน​กวาดตา​มองดู​ที​หนึ่ง​ มองหา​เงาร่าง​ของ​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่กับ​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางไม่พบ​ใน​ชั่วขณะ​

เขา​อดทน​ต่อ​ความ​เหนื่อยล้า​และ​อ่อนแรง​ ควบคุม​เจดีย์​พุทธะ​พุ่ง​บิน​ไป​ทาง​ศพ​ของ​เทพ​อารักษ์​อสูร​

เขา​ต้องการ​ถือโอกาส​นี้​ผลักดัน​พลัง​เทพ​อารักษ์​ไป​สู่ขั้น​ที่สูง​ขึ้น​

………………………………………

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท