บทที่ 634 คิดบัญชีย้อนหลัง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

สิ้น​สุรเสียง​ เหล่า​องค์​หญิง​และ​ท่านหญิง​ต่าง​มีสีหน้า​เป็นกังวล​

ใน​บรรดา​พวก​นาง​ บางคน​เห็น​ว่า​เรื่อง​นี้​ไม่เกี่ยวกับ​ตัวเอง​จึงไม่ใส่ใจนัก​ บ้าง​ก็​แอบ​ดีใจ​ที่​ผู้​เป็น​บิดา​และ​พี่น้อง​ต่าง​จะได้รับ​ผลประโยชน์​จาก​เรื่อง​นี้​ บ้าง​ก็​กลัว​ว่า​ชีวิต​อัน​ผาสุก​ที่​กินดีอยู่ดี​จะได้รับ​ผลกระทบ​

มีเพียง​หลิน​อัน​ผู้เดียว​ที่​เป็นห่วง​เป็น​ใย​ผู้​เป็น​พี่ชาย​ร่วม​สายเลือด​ด้วยใจจริง​

ฮว๋าย​ชิ่งเอง​ก็​เป็นกังวล​ห่วงใย​อย่าง​จริงใจ​เช่นกัน​ ไม่ใช่เพื่อ​ผลประโยชน์​ของ​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่ง แต่​เป็น​มุมมอง​ภาพรวม​ใน​ระดับสูง​กว่า​

“ถ้าหาก​เรื่อง​นี้​แพร่สะพัด​ออก​ไป​ ข้าราชการ​ทั้งหลาย​จะไม่บังคับ​ให้​ฝ่าบาท​ออก​พระราชกฤษฎีกา​สำนึก​โทษ​หรือ​?”

“บางคน​อาจ​ฉก​ฉวยโอกาส​กล่าว​หาว่า​ ฝ่าบาท​ทรง​เรียกร้อง​เงินบริจาค​จึงทําให้เหล่า​บรรพบุรุษ​พิโรธ​” บรรดา​ขุนนาง​ฝ่ายบู๊​และ​บุ๋น​ที่​ไม่พอใจ​พระองค์​เหล่านี้​ย่อม​มีเหตุผล​โจมตีฝ่า​บาท​อยู่แล้ว​”

“ฝ่าบาท​เพิ่ง​เสด็จ​ขึ้น​ครองราชย์​ได้​ไม่นาน​ ก็​เกิดเรื่อง​แบบนี้​ขึ้น​ ถือ​เป็นการ​ทำลาย​เกียรติยศ​ของ​พระองค์​อย่าง​ใหญ่หลวง​”

พวก​นาง​โต้เถียง​กัน​จน​ฟังไม่ได้ศัพท์​ ฮว๋าย​ชิ่งเห็น​ใบหน้า​ของ​หลิน​อัน​แล้วก็​ทรุด​ลง​อย่าง​รวดเร็ว​ คิ้ว​เรียว​ขมวด​มุ่น​ ใน​ใจทุกข์ร้อน​

ตั้งแต่​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งเสด็จ​ขึ้น​ครองราชย์​ หลิน​อัน​มีความกังวล​เรื่อง​กิจการ​บ้านเมือง​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ และ​ให้ความสนใจ​ทั้ง​เรื่องสำคัญ​และ​เรื่อง​เล็กน้อย​ทั้งหมด​

แน่นอน​ว่า​นาง​ไม่ได้​มุ่งมั่น​ใน​ด้าน​การเมือง​และ​เริ่ม​กระหาย​อำนาจ​ในทันที​

ก่อนหน้านี้​ที่​จักรพรรดิ​หยวน​จิ่งทรง​เรืองอำนาจ​ นาง​ต้อง​แสร้ง​เป็น​นก​ขมิ้น​ที่​ไร้กังวล​เท่านั้น​ สำหรับ​เรื่อง​ทางการเมือง​ นาง​ไม่อาจ​ข้องเกี่ยว​และ​ไม่มีสิทธิ์​เข้าร่วม​

ปัจจุบัน​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งขึ้น​ครองราชย์​แล้ว​ ภัยพิบัติ​ทางธรรมชาติ​และ​ภัยพิบัติ​ที่​มนุษย์​สร้าง​ขึ้น​เปรียบเหมือน​โรค​ภัย​ร้ายแรง​ ล้มล้าง​ราชวงศ์​ที่​กำลัง​สูญสิ้น​

ใน​ฐานะ​พี่น้อง​ของ​จักรพรรดิ​ก็​ต้อง​เป็น​หนังหน้าไฟ​ เผชิญหน้า​กับ​ความกดดัน​นี้​โดยตรง​ ราวกับ​เหยียบย่ำ​อยู่​บน​ธาร​น้ำแข็ง​แผ่น​บาง​

เมื่อ​ครอง​บัลลังก์​ช่วงแรก​ๆ ทรง​บริหาร​จัดการ​บ้านเมือง​ให้​เจริญรุ่งเรือง​อย่าง​แข็งขัน​ บัดนี้​แรง​กำลัง​ฮึกเหิม​นั้น​หมด​ลง​ จักรพรรดิ​องค์​ใหม่​เริ่ม​เผย​ความอ่อนแอ​ให้​เห็น​

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ สมุห​ราชเลขาธิการ​หวา​งเจ็บป่วย​ด้วย​โรค​ภัย​ ไม่สามารถ​ก้มหน้าก้มตา​ร่าง​หนังสือราชการ​ได้​ตลอด​ทั้งคืน​เหมือน​แต่ก่อน​ ความกดดัน​ของ​จักรพรรดิ​ก็​ยิ่ง​มากขึ้น​

ใน​ฐานะ​น้องสาว​ของ​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่ง หลิน​อัน​ไม่สามารถ​ทำ​อะไร​ไม่รู้จักคิด​ เป็น​องค์​หญิง​ผู้​ไร้​ความกังวลใจ​เหมือน​ก่อนหน้านี้​ได้​

ว่า​กัน​ตามจริง​แล้ว​ จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งไม่สามารถ​ให้​ความรู้สึก​ปลอดภัย​แก่​นาง​ได้​ นาง​จะกังวล​และ​เป็นห่วง​พี่ชาย​ของ​นาง​เสมอ​

ใน​ช่วง​รัชสมัย​จักรพรรดิ​หยวน​จิ่ง แม้ว่า​สถานการณ์​ของ​ราชวงศ์​จะไม่ค่อย​ดี​ ความ​แข็งแกร่ง​ของ​ประเทศชาติ​ก็​ลดลง​ทุกคืน​วัน​ แต่กระนั้น​จักรพรรดิ​หยวน​จิ่งก็​เป็น​กษัตริย์​ที่​ปราบปราม​ขุนนาง​ได้​

เวลานี้​ ขันที​ยก​ชาร้อน​มาให้​องค์​หญิง​ใหญ่​

ฮว๋าย​ชิ่งหยิบ​ติด​มือขึ้น​มา จิบ​อย่าง​ไม่ตั้งใจ​นัก​ ต่อจากนั้น​จึงสังเกตเห็น​ความสงสัย​และ​ความประหลาดใจ​สะท้อน​ใน​ดวงตา​ของ​ขันที​

นาง​หรี่ตา​เล็กน้อย​ วาง​แก้ว​น้ำชา​ลง​โดย​ไม่มีปฏิกิริยา​ใดๆ​ พลาง​เอ่ย​เสียง​เรียบ​

“ร้อน​จัง”

ขันที​กราบบังคมทูล​ว่า​ “ข้าน้อย​สมควร​ตาย​”

ฮว๋าย​ชิ่งขานรับ​ “อืม​” ไม่มีเจตนา​ที่จะ​ลงโทษ​ สอง​มือวาง​ประสานกัน​บน​หน้า​ท้องแบน​ราบ​ จดจ่อ​อยู่​กับ​การครุ่นคิด​เกี่ยวกับ​ปัญหา​ของวัด​หย่ง​เจิ้น​ซาน​เห​อ​

‘ตึก​ ตึก​’ …นาง​เคาะ​โต๊ะ​ชาอยู่​หลายครั้ง​ เสียง​ระเบ็งเซ็งแซ่​ของ​เหล่า​สตรี​ชนชั้นสูง​พลัน​หยุด​ลง​

“เป็นไปได้​หรือไม่​ว่า​เกิด​แผ่นดินไหว​?” นาง​ถาม

หลิน​อัน​ส่ายหน้า​ “ตาม​รายงาน​กองทหาร​รักษา​วัง​ พวกเขา​ไม่รู้​ว่า​มีแผ่นดินไหว​ ภายใน​วัง​ก็​ไม่มีแผ่นดินไหว​เช่นกัน​ มีเพียง​ที่​ซังผอ​เท่านั้น​”

ซังผอ​อยู่​ใกล้​พระราชวัง​และ​กองกำลัง​รักษา​วัง​ ถ้าเกิด​แผ่นดินไหว​จริง​ เป็นไปไม่ได้​ที่​ทั้งสองฝ่าย​จะไม่รับรู้​แม้แต่น้อย​

หลิน​อัน​ลังเล​เล็กน้อย​ เอน​แนบข้าง​หู​ฮว๋าย​ชิ่ง กระซิบ​ว่า​

“ข้า​ได้ยิน​จ้าว​เสวียน​เจิ้น​บอ​กว่า​รูปปั้น​ของ​จักรพรรดิ​เกา​จู่ถล่ม​

“ดาบ​สยบ​ดินแดน​หาย​ไป​แล้ว​”

รูม่านตา​ฮว๋าย​ชิ่งหดตัว​ลง​เล็กน้อย​ จ้อง​นาง​ด้วย​สีหน้า​เคร่งขรึม​

ใบหน้า​ไข่หงส์​ของ​หลิน​อัน​ก็​จริงจัง​มาก​เช่นกัน​ จิก​กระชาก​หัว​นาง​อย่าง​แรง​

ถ้าเป็น​เช่นนี้​ เรื่อง​นี้​เกี่ยวข้อง​กับ​ท่าน​โหราจารย์​เป็นส่วนใหญ่​ นอกจาก​โหราจารย์​แล้ว​ บน​โลก​ไม่มีใคร​สามารถ​ควบคุม​กระบี่​สยบ​ดินแดน​ได้​ตาม​ต้อง​กา​ร.​..พอ​ท่าน​โหราจารย์​เอา​กระบี่​สยบ​ดินแดน​ไป​ หลังจากนั้น​ใน​วัด​หย่ง​เจิ้น​ซาน​เห​อ​ เกิดเหตุ​แผ่น​ป้าย​บรรพบุรุษ​ทั้งหมด​ล้ม​ลง​และ​รูปปั้น​ของ​จักรพรรดิ​เกา​จู่ก็​ถล่ม​…

เวลานี้​เกิดเรื่อง​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​ ถึงต้อง​ให้​ท่าน​โหราจารย์​ใช้กระบี่​สยบ​ดินแดน​? ไม่สิ เขา​ไม่จำเป็นต้อง​ใช้เอง​ ด้วย​สถานะ​ของ​ท่าน​โหราจารย์​ อาจ​ไม่จำเป็นต้อง​ใช้กระบี่​สยบ​ดินแดน​เสีย​ด้วยซ้ำ​…

สวี่​ชีอัน​งั้น​หรือ​!

ใบหน้า​ชาย​เจ้าชู้มากรัก​ผุด​ขึ้น​ใน​สมอง​ฮว๋าย​ชิ่ง นาง​สูด​ลม​หายใจเข้า​ลึก​ สลัด​ใบหน้า​นั้น​ออก​ไป​จาก​ความคิด​ของ​นาง​

ต่อมา​ นาง​จึงใช้ข้อ​อ้างว่า​จะไป​ห้อง​พระ​บังคน​ จึงออกจาก​ห้องโถง​ด้าน​ข้าง​ มาถึงภายใน​ห้อง​สะอาด​กว้างขวาง​และ​เงียบสงบ​มีม่าน​ทอ​ไหม​สีเหลือง​ห้อย​ลงมา​ นาง​ดึง​ถุงบุหงา​จาก​สาย​คาด​เอว​ หยิบ​ชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​จาก​ใน​ถุง

หมายเลข​หนึ่ง​ “กระบี่​สยบ​ดินแดน​หาย​ไป​ ทุกคน​รู้​รายละเอียด​หรือไม่​?”

ผ่าน​ไป​สักครู่​ก็​ยัง​ไม่มีคน​ตอบ​กลับมา​

ฮว๋าย​ชิ่งขมวดคิ้ว​ ส่งกระแสจิต​กลับ​ไป​

หมายเลข​หนึ่ง​ “เรื่อง​นี้​เป็น​เรื่องใหญ่​นะ​”

ยัง​ไม่มีเสียง​ตอบรับ​ ซึ่งไม่สมเหตุสมผล​เลย​

หมายเลข​ห้า​ “กระบี่​สยบ​ดินแดน​หาย​หรือ​ งั้น​ก็​รีบ​ไปหา​มัน​สิ”

ในที่สุด​ก็​มีคน​ตอบรับ​ แต่​น่าเสียดาย​ที่​เป็น​ลี่​น่า​

หมายเลข​ห้า​ “หมายเลข​หนึ่ง​ พระราชวัง​เกิดเรื่อง​อะไร​ขึ้น​หรือ​ กระบี่​สยบ​ดินแดน​แห่ง​ต้าฟ่ง​ถูก​ผนึก​ไว้​ใน​ซังผอ​ไม่ใช่รึ​ มาบอ​กว่า​หาย​ก็​หาย​เลย​หรือ​ไร​? ที่นั่น​คือ​ซังผอ​เชียว​นะ​”

หมายเลข​ห้า​ “กระบี่​สยบ​ดินแดน​ก็​ยัง​สูญหาย​ได้​ เช่นนั้น​จักรพรรดิ​แห่ง​ต้าฟ่ง​ก็​ต้อง​ระมัดระวัง​ โจร​ยัง​ขโมย​กระบี่​สยบ​ดินแดน​ไป​ได้​ ย่อม​ขโมย​พระเศียร​ของ​พระองค์​ได้​เช่นกัน​”

‘เอาเถอะ​ ข้า​พูด​ไป​เสีย​ยกใหญ่​’

‘ไม่คุ้ม​ที่จะ​ต้อง​เสียเวลา​กับ​นาง​ พูดจา​ไม่ชัด​เจน.​..’ ฮว๋าย​ชิ่งจำใจตอบกลับ​

“ไว้​คุย​เรื่อง​นี้​กัน​ทีหลัง​”

เก็บ​ชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​ใหม่​อีกครั้ง​

ภายใน​ห้อง​ทรง​อักษร​

สมาชิก​ราชวงศ์​มารวมตัวกัน​ ที่​แห่ง​นี้​รวบรวม​คน​สามชั่วอายุ​ไว้​ด้วยกัน​ มีทั้ง​เสด็จ​อา​ลี่​หวา​ง เสด็จ​อา​อวี้​อ๋อง​ของ​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งและ​พี่น้อง​ของ​เขา​

บรรยากาศ​ภายใน​ห้องโถง​จริงจัง​กัน​มาก​ ท่าน​อ๋อง​ใน​ชุด​ไป​ร​เวท​ท่าน​หนึ่ง​ขมวดคิ้ว​แน่น​

“สำนัก​โหราจารย์​สามารถ​ตอบกลับ​ได้​หรือไม่​?”

“ท่าน​โหราจารย์​ยัง​ไม่ได้​ตอบ​กลับมา​”

ชิน​อ๋อง​ทุกคน​ค่อนข้าง​ผิดหวัง​ โกรธ​และ​ไม่มีทางเลือก​ แม้แต่​ใน​ช่วง​ที่​จักรพรรดิ​หยวน​จิ่งทรง​ครองราชย์​ ท่าน​โหราจารย์​ก็​ยัง​ไม่สนใจ​เขา​และ​จงรักภักดี​ต่อ​รัก​ราชวงศ์​เลย​

“กระบี่​สยบ​ดินแดน​อยู่​ที่ใด​กัน​?”

“กระบี่​สยบ​ดินแดน​ถูก​ท่าน​โหราจารย์​นำ​ไป​ตั้งแต่​ครึ่ง​เดือนก่อน​ เรื่อง​เขา​รู้​ดีกว่า​เรา​”

เสียง​ถามตอบ​ดําเนินไป​ครู่หนึ่ง​ จากนั้น​เหล่า​ชิน​อ๋อง​และ​จวิ้น​อ๋อง​ก็​สงบ​

“ถ้าไม่ใช่เพราะ​แผ่นดินไหว​ แล้ว​อะไร​ทำให้​บรรพบุรุษ​พิโรธ​ได้​เล่า​?” อย่าง​ที่​บอก​ไว้​แต่ไหนแต่ไร​ว่า​ไม่ต้อง​เรียกร้อง​รับ​เงินบริจาค​ จะทำให้​ทรง​เสีย​พระทัย​ ฝ่าบาท​ไม่ฟังคำเตือน​จาก​เรา​เลย​ พาล​ให้​ตอนนี้​พวก​บรรพบุรุษ​พา​กัน​กริ้ว​ใหญ่​ เฮ้อ​…” ชิน​อ๋อง​อีก​ท่าน​กล่าว​เสียง​ขรึม​

ได้ยิน​เช่นนี้​ ชิน​อ๋อง​และ​จวิ้น​อ๋อง​ต่าง​ชำเลือง​มอง​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่ง ยังคง​นิ่งเงียบ​ไม่พูดจา​

แผ่น​ป้าย​บรรพบุรุษ​ทุกท่าน​แตกหัก​ นี่​เป็นเรื่อง​ที่​เลวร้าย​มาก​

ถ้าหาก​เกิดเรื่อง​นี้​ขึ้น​ใน​บาง​ตระกูล​ใหญ่​ๆ คนใน​ตระกูล​อาจจะ​ถูก​บังคับ​ให้​สละ​ราชบัลลังก์​

แม้น​คุณสมบัติ​ของ​ผู้ปกครอง​ประเทศ​ กำหนด​ไว้​ว่า​ไม่สามารถ​ทดแทน​กัน​ได้​ง่ายๆ​ แต่กระนั้น​ สายตา​ของ​สมาชิก​ราชวงศ์​ที่​มอง​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งก็​เต็มไปด้วย​การ​ตำหนิติเตียน​

คิด​ว่า​เขา​ไม่ใช่กษัตริย์​ผู้ทรง​พระ​ปรีชา​

หลังจาก​ความ​เงียบ​ปกคลุม​ชั่วขณะ​ จวิ้น​อ๋อง​ผู้​มีผมเผ้า​หงอก​ขาว​ก็​กล่าวว่า​

“เรื่อง​นี้​ เกี่ยวข้อง​กับ​การ​ประคับประคอง​ชีพจร​ใน​อวิ๋น​โจว​หรือไม่​?”

บรรดา​ชิน​อ๋อง​ตกตะลึง​

หลังจาก​สวี่​ชีอัน​ขจัด​ความวุ่นวาย​จาก​จักรพรรดิ​องค์​ก่อน​ สวี่​ผิง​เฟิงก็​ปรากฏตัว​ ทุกสิ่ง​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​เขา​ ได้​เผย​ให้​เห็น​ภายใต้​แสงอรุณ​แล้ว​

บุคคล​สำคัญ​ใน​ราชวงศ์​ คน​กลุ่ม​เล็ก​ๆ ที่​เป็น​แกนนำ​หลัก​ของ​อำนาจ​เช่น​ปราชญ์​มหา​สำนักราชเลขาธิการ​และ​บรรดา​ชิน​อ๋อง​ รู้​ว่า​ห้า​ร้อย​ปีก่อน​มีการ​ประคับประคอง​ชีพจร​นั้น​ซุ่มซ่อน​อยู่​ใน​อวิ๋น​โจว​ เพื่อ​ก่อ​การกบฏ​

“ความหมาย​ขอ​งอ​วี้​อ๋อง​ก็​คือ​ เรื่อง​นี้​เกี่ยวข้อง​กับ​ชะตา​บ้านเมือง​งั้น​หรือ​”

“สวี่​ผิง​เฟิงเป็น​ลูกศิษย์​ของ​ท่าน​โหราจารย์​ และ​โหร​ย่อม​ใกล้ชิด​กับ​ชะตา​บ้านเมือง​…”

“สำหรับ​จักรพรรดิ​เกา​จู่ ขบวน​ประคับประคอง​ชีพจร​ห้า​ร้อย​ปีก่อน​ ก็​ถือเป็น​ลูกหลาน​ของ​ตระกูล​จีเช่นกัน​…”

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งยิ่ง​ฟังความ​ สีหน้า​ยิ่ง​ผัน​เปลี่ยน​ดู​น่ากลัว​

แววตา​ของ​องค์​ชาย​สี่ทอ​ประกาย​ ตรัส​เสียง​ขรึม​ว่า​

“เสด็จ​อา​ เรา​จะทำ​ยังไง​กับ​เรื่อง​นี้​ดี​?”

ยศ​ฐานันดรศักดิ์​ของ​เขา​ใน​ตอนนี้​คือ​เหยียน​ชิน​อ๋อง​

โดยทั่วไปแล้ว​ผู้​ครอง​แคว้น​ต้าฟ่ง​มีเพียง​ชิน​อ๋อง​และ​จวิ้น​อ๋อง​เท่านั้น​ จวิ้น​อ๋อง​คือ​บุตรชาย​นอกสมรส​โดยตรง​จาก​ชิน​อ๋อง​ นอกเหนือจาก​รัชทายาท​

อวี้​อ๋อง​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ แล้ว​กล่าวว่า​

“ประการ​แรก​ เรื่อง​นี้​ต้อง​ปิดบัง​และ​รับสั่ง​ให้​ ผู้ใด​ที่​เผย​แพร่กระจาย​ข่าว​ต้อง​ถูก​ประหาร​โดย​ปราศจาก​ความเมตตา​

“การ​เรียกร้อง​ให้​บริจาค​ ทำให้เกิด​ความ​คับข้องใจ​ใน​ราชสำนัก​ จะให้​คน​พวก​นั้น​ใช้ข้ออ้าง​มาโจมตีฝ่า​บาท​ไม่ได้​ เพราะ​จะส่งผลกระทบ​ต่อ​พระ​เกียรติยศ​ของ​ฝ่าบาท​เป็นอย่างมาก​”

‘ตึก​ ตึก​ ตึก​’ …เสียง​ของ​ไม้เท้า​กระแทก​พื้น​ดัง​ขึ้น​ดึงดูด​ความสนใจ​ของ​ทุกคน​ ชิน​อ๋อง​และ​จวิ้น​อ๋อง​จึงหันไป​มอง​ชาย​ชรา​ที่นั่ง​อยู่​บน​ตั่ง​ไม้จันทน์​ด้าน​ข้าง​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งอย่า​งอด​ไม่ได้​

ชาย​ชรา​ใน​ชุด​ไป​ร​เวท​ ผมเผ้า​หงอก​ขาว​ บน​ใบหน้า​ปรากฏ​ริ้วรอย​และ​จุดด่างพร้อย​ตาม​อายุ​

ลี่​หวา​ง

เสด็จ​อา​ของ​จักรพรรดิ​หยวน​จิ่งองค์​ก่อน​ ชาย​ชรา​ใน​วัย​แปดสิบ​ปี​ ปัจจุบันนี้​เป็น​คน​ที่​อาวุโส​ที่สุด​ใน​สมาชิก​ราชวงศ์​

ใน​ช่วง​เหตุการณ์​อ๋อง​สยบ​แดน​เหนือ​ครั้งแรก​ ชิน​อ๋อง​เฒ่าผู้​นี้​ก็​ยัง​ร่วม​แสดงละคร​กับ​จักรพรรดิ​หยวน​จิ่งเช่นกัน​

“เรื่อง​นี้​ไม่ใช่เรื่อง​พระ​เกียรติยศ​ของ​ฝ่าบาท​เพียง​อย่าง​เดียว​ ไม่เกี่ยว​แม้กระทั่ง​ด้าม​ปากกา​ที่​ยังคง​กิน​เสบียง​หลวง​เสีย​ด้วยซ้ำ​”

เสียง​ของ​ลี่​หวา​งแหบ​ชรา​ ทว่า​สะท้อน​ก้อง​ห้อง​ทรง​อักษร​อย่าง​น่า​ประหลาดใจ​

ชาย​ชรา​ลุกขึ้น​ยืน​ร่างกาย​สั่นเทิ้ม​ กวาด​มอง​รอบ​ๆ กล่าว​เสียง​ขรึม​

“การ​ประคอง​ชีพจร​ห้า​ร้อย​ปีก่อน​ใน​อวิ๋น​โจว​ที่​หลับใหล​กำลัง​รอเวลา​กลับมา​แข็งแกร่ง​อีกครั้ง​ ช่วง​หัวเลี้ยวหัวต่อ​นี้​ ทั้ง​ป้าย​บรรพบุรุษ​ล้ม​ รูปปั้น​จักรพรรดิ​เกา​จู่แตกหัก​…

“หย่ง​ซิ่ง นี่​คือ​ความไม่พอใจ​จาก​บรรพชน​เก่าแก่​ที่​มีต่อ​เจ้า รวมถึง​จักรพรรดิ​เกา​จู่เอง​ก็​ไม่พอใจ​เจ้า”

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งมีสีหน้า​เปลี่ยนไป​มาก​ “เสด็จ​อา​ ท่า​น.​..”

คำพูด​ของ​ลี่​หวา​ง ถ้าเปลี่ยนเป็น​วาระ​อื่น​ หรือ​ช่วงเวลา​อื่น​ นั่น​หมายถึง​การ​ก่อ​กบฏ​ครั้ง​ใหญ่​

แต่​ใน​โอกาส​เช่นนี้​ ใน​เหตุการณ์​เช่นนี้​ คําพูด​ของ​เขา​ไม่มีปัญหา​ใดๆ​ และ​บรรดา​ชิน​อ๋อง​ซึ่งเป็นสมาชิก​ราชวงศ์​ก็​คิด​ว่า​เขา​พูด​ถูก​

ลี่​หวา​งก​ล่า​ว​ต่อว่า​

“เรื่อง​นี้​เป็นเรื่อง​ใน​ราชวงศ์​ ต้อง​ปกปิด​มัน​ไว้​ แต่​เจ้า ต้อง​ต้องโทษ​ประณาม​ตน​ และ​หยุด​รวบรวม​เงินบริจาค​จาก​พลเรือน​หลาย​ร้อย​นาย​ นอกจากนี้​ ฝ่าบาท​ควร​ใช้เวลา​สามวัน​ใน​วิหาร​ อธิษฐาน​ขอขมา​เหล่า​บรรพบุรุษ​”

สีหน้า​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งดู​น่ากลัว​ “เสด็จ​อา​ เรา​เพิ่ง​ขึ้น​สู่บัลลังก์​ สมควร​ต้องโทษ​ประณาม​ตน​งั้น​หรือ​…”

ตั้งแต่​เขา​ขึ้น​ครองราชย์​ ภัยพิบัติ​อัน​หนาวเย็น​ก็​พัดผ่าน​มายัง​ศูนย์กลาง​ ทำให้​ประชาชน​อดอยาก​ล้มตาย​ ผู้คน​พลัดถิ่น​ก็​กระจาย​ไป​ทั่ว​สารทิศ​

ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​นัก​ที่จะ​กู้​กอบกู้​พระ​เกียรติยศ​บางส่วน​ เพราะ​การ​บริจาค​บรรเทาทุกข์​

ในเวลานี้​การ​ออก​กฤษฎีกา​ประณาม​ตน​ สำหรับ​จักรพรรดิ​องค์​ใหม่​ ไม่ใช่เพียง​เพื่อ​หักหน้า​ตน​

นี่​เหมือน​หมายความว่า​ ‘ข้า​ไม่คู่ควร​ที่จะ​เป็น​จักรพรรดิ​!’

หรือ​นี่​เป็นการ​วัดใจ​เขา​?

“ใน​ฐานะ​ข้าราชบริพาร​ เรา​ไม่ควร​พูดว่า​ฝ่าบาท​ไม่ใช่” แต่​ใน​ฐานะ​ลุง​ ใน​ฐานะ​ลูกหลาน​ของ​ตระกูล​จี เรา​พูด​ไม่ได้​หรือ​ แม้ว่า​จักรพรรดิ​องค์​ก่อน​จะครองราชย์​ เรา​ก็​ต้องการ​ให้​เขา​ก้มหัว​ให้​บรรพบุรุษ​เพื่อ​ยอมรับ​ความผิด​เช่นกัน​”

ลี่​หวา​งก​ระ​แทก​ไม้เท้า​อย่าง​แรง​ “หย่ง​ซิ่งใน​เมื่อ​เจ้าอยู่​ใน​บัลลังก์​ ก็​สมควร​เป็น​ความรับผิดชอบ​ของ​เจ้าที่จะ​แบกรับ​มัน​”

เสียคน​จนถึง​ตอน​ชรา​! ตอน​เสด็จ​พ่อ​บำเพ็ญ​ตบะ​ เจ้าไม่ยัก​กล้า​ว่ากล่าว​ตักเตือน​? ไม่ใช่การ​กลั่นแกล้ง​ข้า​ทั้งที่​รากฐาน​ไม่มั่นคง​หรอก​หรือ​ ซ้ำยัง​บังคับ​ให้​ข้า​แบบ​รับ​ความผิด​โทษ​ฐาน​ ’ทำให้​บรรพบุรุษ​โกรธ​’ …เส้นเลือด​บน​ขมับ​จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งกระตุก​

หนึ่ง​ใน​ชิน​อ๋อง​ก้าว​ออกมา​ กล่าว​เสียง​สูง

“ฝ่าบาท​ ท่าที​ของ​เหล่า​บรรพบุรุษ​เกี่ยวข้อง​กับ​ชะตา​บ้านเมือง​ ท่าน​ต้อง​อย่า​ดูหมิ่นดูแคลน​ อย่า​ปล่อย​ให้​สาย​ชีพจร​อวิ๋น​โจว​ใช้ประโยชน์​จาก​มัน​”

จักรพรรดิ​หย่ง​ซิ่งนั่งลง​

“เรา​เข้าใจ​แล้ว​ ถ้าทำให้​เหล่า​บรรพบุรุษ​พอใจ​ การ​ต้องโทษ​เรา​จะเป็น​เช่นไร​ คอย​รำลึก​สามวัน​สามคืน​งั้น​หรือ​”

ณ ป่าทึบ​

จิ้งซินก​วาด​มอง​รอบ​ๆ มองผ่าน​ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ ฉู่หยวน​เจิ่น​และ​เหิงหย่วน​ทั้ง​สามคน​ ก่อน​มอง​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่อีกครั้ง​ เอ่ย​ว่า​

“กระจก​ใน​มือ​เขา​มีความ​พิลึกกึกกือ​”

คล้อย​เสียง​นั้น​สิ้นสุด​ ลมกระโชก​แรง​จึงโหมกระหน่ำ​ ไป๋​หู่​มาพร้อมกับ​สายลม​มุ่งไป​ทาง​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ ด้วย​ความเร็ว​ที่​แม้แต่​จอม​ยุทธ​ระดับ​สี่ใน​ที่​แห่ง​นี้​ก็​ตอบสนอง​ไม่ทัน​

“ละเว้น​การ​เอาชีวิต​!”

จิ้งซิน​ประนม​สอง​มือ​ ท่อง​คำ​สวด​ภาวนา​

ละเว้น​การ​เอาชีวิต​ เจตนา​ฆ่าของ​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ถูก​กักขัง​ กีดกัน​ความคิด​ที่จะ​ตอบ​โต้กลับ​และ​ให้​แน่ใจ​ว่า​สามารถ​สังหาร​ไป๋​หู่​ได้​ใน​คราว​เดียว​ เพื่อ​แก้ปัญหา​ภัย​คุกคาม​ที่​ใหญ่​ที่สุด​

ฉีฮวน​ตาน​เซียง​เป็น​ปรมาจารย์​ซิน​กู่​ขั้น​สี่ หมดสติ​ไป​อย่าง​ไร้​สุ้มไร้​เสียง​ วิธีการ​แบบนี้​ก็​สามารถ​จัดการ​กับ​พวกเขา​ได้​เช่นกัน​

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่หัวเราะ​ “หึ​” แสงสีทอง​ผลิบาน​ใน​ตันเถียน​ ปัดเป่า​พลัง​แห่ง​ศีล​ที่​มองไม่เห็น​

ทองอุไร​ทะลวง​นับ​หมื่น​วร​ยุทธ​!

ในเวลาเดียวกัน​ ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​ยื่น​แขน​ออก​ไป​ พลาง​เล็ง​ไป​ที่​ไป๋​หู่​ รูม่านตา​ของ​นาง​แปรเปลี่ยน​กลายเป็น​โปร่งใส​ ว่างเปล่า​ ไร้ความรู้สึก​

ชั่วพริบตา​ เสื้อผ้า​ของ​ไป๋​หู่​ก็​หด​รัด​ สาย​คาด​เอว​พยายาม​รัด​คอ​เขา​ รองเท้า​ฉีกขาด​ออก​จากกัน​ด้วย​ตนเอง​ ก่อน​พุ่ง​ขึ้น​กระแทก​แก้ม​เขา​ ส่วน​เส้น​ผม​ก็​เริ่ม​ขยับเขยื้อน​เคลื่อน​พัน​คอ​ รวมถึง​บดบัง​ดวงตา​ของ​เขา​

อากาศ​ที่​ไหลเวียน​ใน​ร่างกาย​ ไม่อาจ​ควบคุม​ได้​

สิ่งนี้​ทำ​ให้การ​โจมตี​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ไร้​ประสิทธิผล​

อาศัย​การ​ช่วยเหลือ​จาก​ศิษย์​น้อง​ ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ควบคุม​กระบี่​บิน​ให้​ล่าถอย​ไป​ ในเวลาเดียวกัน​ชาย​สารเลว​ตัว​เท่า​กระเป๋าเสื้อ​คน​หนึ่ง​ปรากฏ​กาย​ออก​มาจาก​ระหว่าง​คิ้ว​ มือ​เล็ก​ตบ​เข้า​ระหว่าง​คิ้ว​ไป๋​หู่​

‘ตึง​ ตึง​ ตึง​’ …หลิ่ว​หง​เหมียน​ก้าว​เหยียบ​บน​ลำต้น​ของ​ต้นไม้​ อาศัย​พลัง​ระเบิด​ของ​ชาว​ยุทธ​จักร​ไล่ตาม​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่

นาง​บิน​สูงขึ้น​เรื่อยๆ​ กระบี่​อ่อน​ที่​เอว​เริ่ม​มีประกาย​คม​

ล้อม​เวย​ช่วย​จ้าว​[1]

‘ฟิ้ว!’​

แสงกระบี่​เล่ม​หนึ่ง​พุ่งตรง​มาจาก​ทาง​ลาดชัน​

หลิ่ว​หง​เหมียน​อาศัย​เนื้อหนัง​วร​ยุทธ​ขั้น​สี่ ไร้​ซึ่งความกลัว​ วางแผน​ต้านทาน​ปราณ​กระบี่​ เฉือน​เอา​เนื้อหนัง​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่

‘ตึง​!’

กระบี่​เหล็ก​ไม่ได้​ทำลาย​เนื้อหนัง​ของ​หลิ่ว​หง​เหมียน​ แต่​ดวงตา​ทั้งสอง​คู่​พร่ามัว​ ร่างกาย​เปรียบเหมือน​รถม้า​ที่​เสีย​การควบคุม​ พุ่งตรง​ไป​ยัง​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ กระบี่​อ่อน​ใน​มือ​ไม่สามารถ​เหวี่ยง​ไป​ได้​

สิ่งที่​กระบี่​ใจของ​นิกาย​มนุษย์​ตัดผ่าน​คือ​จิต​เดิม​

“ตื่น​ได้​แล้ว​!”

จิ้งซิน​ตะโกน​ ดัง​กังวาน​ราวกับ​ระฆัง​ต้าหลี่ว์​ ทำให้​หลิ่ว​หง​เหมียน​ตื่น​จาก​ภวังค์​ฝัน​

เขา​ใช้ความสามารถ​ใน​การ​ล้างสมอง​ของ​ปรมาจารย์​ระดับ​เจ็ด​ ช่วย​หลิ่ว​หง​เหมียน​ให้​ขจัด​สภาวะ​เหม่อลอย​

เวลานี้​หลิ่ว​หง​เหมียน​คงอยู่​ห่าง​กาย​หยาบ​ของ​ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ ไม่ถึงหนึ่ง​จั้ง ผนวก​กับ​กระบี่​อ่อน​คาย​ปราณ​กระบี่​ออกมา​ ยิ่ง​สามารถ​ฆ่าเขา​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​

หลิ่ว​หง​เหมียน​เหวี่ยง​กระบี่​อ่อน​โดย​ไม่ลังเล​

‘ตึง​!’

ทันใดนั้น​ มือ​รัศมี​สีทอง​ขนาดใหญ่​ยื่น​ออกมา​ บดขยี้​ปราณ​ดาบ​จน​แตก​เป็น​เสี่ยง​

“อมิตตาพุทธ​ ท่าน​อิตถี​โพธิสัตว์​ อย่า​ขยับเขยื้อน​ โปรด​ยึด​เอา​ความปรองดอง​เป็น​สิ่งสำคัญ​”

เหิงหย่วน​เต็มไปด้วย​ความเห็นอกเห็นใจ​ หลังจาก​ฝ่ามือ​ตบ​หลิ่ว​หง​เหมียน​กระเด็น​

เขา​ได้​บำเพ็ญ​พลัง​เทพ​วชิระ​มาแล้ว​ พลัง​การต่อสู้​จึงเลื่อน​เข้าสู่​ขั้น​สี่อย่าง​เป็นทางการ​

เวลานี้​เอง​ ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่รวม​ปราณ​ ใช้มือ​เล็ก​ฟาด​ระหว่าง​คิ้ว​ไป๋​หู่​อย่าง​คล่องแคล่ว​

สงบเงียบ​ปราศจาก​คลื่น​พลัง​ปราณ​ ศีรษะ​ด้านหลัง​ของ​ไป๋​หู่​พลัน​ปรากฏ​ร่าง​ลวงตา​ ซึ่งเป็น​จิต​เดิม​ของ​เขา​

แม้น​จิต​เดิม​จะออกจาก​กาย​หยาบ​ส่วน​บน​ ทว่า​ส่วนล่าง​ยังคง​ดึงดัน​อยู่​ใน​ร่างกาย​

จิต​เดิม​ของ​จอม​ยุทธ์​มีความเหนียวแน่น​ แม้ปราณ​ก่อน​กำเนิด​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ ก็​ไม่อาจ​ทำให้​ตกใจ​จน​ออกจาก​ร่าง​ได้​

กระจก​เทพ​ฮุ่น​เทียน​สว่าง​วาบ​ ฉกฉวย​จิต​เดิม​ของ​ไป๋​หู่​กลับคืน​ใน​กาย​หยาบ​ก่อน​จะดึงดูด​เข้ามา​ใน​กระจก​

ร่าง​กำยำ​สูงใหญ่​ของ​ไป๋​หู่​หงายหลัง​ล้ม​ลง​ หมดสติ​

จิ้งหยวน​ผู้​กำลังจะ​เข้ามา​สมทบ​ ถูก​กักขัง​ไว้​โดย​ตง​ฟางหว่าน​ชิง

ต่อหน้า​พันธมิตร​กับ​คนรัก​ นาง​เลือก​ฝ่าย​หลัง​โดย​ไม่ลังเล​

……………………………………..

[1] การ​ที่​ศัตรู​รวบ​รวมกำลัง​ทหาร​และ​ไพร่พล​ไว้​เป็น​จุดศูนย์กลาง​ ทำให้เกิด​กำลัง​และ​ความเข้มแข็ง​เพิ่มมากขึ้น​

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท